ตำหนักอันเย็นะเืเงียบสงัด เป่ยเซวียนเฉิงอดไม่ได้ที่จะคาดเดาไปตามคำพูดของซ่งอีอี ในยามนั้นจิตใจของเหยาเชียนเชียนจะเป็เช่นไร
เขาอยากบอกอีกฝ่ายว่าเขาไม่ได้เลี้ยงดูบ่าวผู้นั้นทุกวิถีทางเพราะความรัก แต่เขาเลี้ยงดูเพราะในร่างกายของคนผู้นั้นเลี้ยงพิษกู่ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนางเอาไว้เท่านั้น
เพียงแต่หากกล่าวเช่นนี้ นางน่าจะผิดหวังในตัวเขามากกว่าเก่า
“ระหว่างข้ากับเชียนเชียน คนนอกจะเข้าใจได้อย่างไร” เขาพึมพำ “คนนอกอย่างพวกเ้าจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเราได้อย่างไรกัน”
ซ่งอีอีพอใจกับท่าทางอกสั่นขวัญหายของเขาเหลือเกิน ทว่านางก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจเขาด้วยเช่นกัน
เป่ยเซวียนเฉิงในยามนี้มีความรู้สึกลึกล้ำดุจทะเล หากเขามีความรู้สึกเช่นนี้ต่อเหยาเชียนเชียนจริงๆ ในคราแรกก็ไม่ควรปล่อยให้สตรีผู้นั้นแต่งงานกับชิงผิงอ๋อง และนางเองก็จะไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้ว เป่ยเซวียนเฉิงก็คือตัวการของเื่ทั้งหมด ในด้านหนึ่งเขาบอกว่ารักเหยาเชียนเชียนเหลือเกิน และเกลี้ยกล่อมให้นางทำงานให้เขา แต่เมื่อชิงผิงอ๋องวอนขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ เขากลับไม่เข้าไปขัดขวาง
แม้กระทั่งยามนี้ที่มีคนรู้ว่าเขาเลี้ยงสตรีไว้ที่เรือนเล็ก คนประเภทนี้จะนำมาเปรียบเทียบกับชิงผิงอ๋องได้อย่างไร หากท่านอ๋องแต่งงานกับนางจริงๆ เมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องยิ่งรักและเอ็นดูนางมากขึ้นอย่างแน่นอน ไหนเลยจะเป็อย่างเป่ยเซวียนเฉิงเช่นเวลานี้
“ฝ่าาตรัสได้ถูกต้องแล้วเพคะ คิดดูแล้วจิตใจของมนุษย์นั้นย่อมมีแต่เ้าตัวเท่านั้นที่รู้ ดังเช่นที่พระชายาชิงผิงอ๋องกล่าวถึงเื่เหล่านี้กับหม่อมฉัน แม้ว่าภายนอกจะมองไม่เห็นสิ่งใด แต่แท้จริงแล้วภายในใจจะรู้สึกเสียใจหรือว่ารู้สึกผิด ก็มีเพียงพระชายาชิงผิงอ๋องคนเดียวเท่านั้นที่รู้ได้แน่ชัด”
เป่ยเซวียนเฉิงกำมือแน่นและกล่าวเสียงเย็นว่า “เ้าไม่ต้องยั่วโทสะข้า ข้าและเชียนเชียนยังไม่ถึงจุดที่จะเป็คนแปลกหน้าต่อกัน แต่เ้านี่สิ เกรงว่าเป่ยเหลียนโม่คงจะไม่อยากพบเ้าอีกเพราะเื่ราวในอดีต หากข้าเป็เ้า ข้าจะอยู่ในตำหนักอย่างสงบเสงี่ยม ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีชีวิตอยู่ได้นานสักหน่อย”
เขามองซ่งอีอีอย่างเ็า เขาจะกลับมาคิดบัญชีกับหญิงบ้าผู้นี้ทีหลัง แผนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าสำหรับเวลานี้ก็คือคิดหาวิธีชดเชย
แม้ว่าเหยาเชียนเชียนจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่อยู่ดีๆ นางจะรู้เื่เรือนเล็กได้อย่างไร เสียใจก็เป็อีกเื่หนึ่ง แต่หากนางรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของบ่าวผู้นั้น เช่นนั้นก็คงแก้ยากแล้ว
“ทหาร” เป่ยเซวียนเฉิงหมุนตัวเดินออกไปนอกประตู “เช่อเฟยไม่สบาย และจะไม่ออกไปข้างนอกใน่สองสามวันนี้ ส่วนสำรับอาหารให้นำมาส่งถึงหน้าประตู ผู้ใดกล้ากล่าววาจามากความจนรบกวนความสงบของเช่อเฟยก็จงไปรับโทษโบยห้าไม้ด้วยตนเองและไสหัวออกจากวังไปเสีย”
ซ่งอีอีขมวดคิ้ว นี่เขากำลังจะกักบริเวณนางอย่างนั้นหรือ!
“ฝ่าา!”
“ซ่งเช่อเฟย” เป่ยเซวียนเฉิงหยุดฝีเท้า คำที่เขากล่าวเป็เหมือนเขี้ยวที่คายพิษออกมา ทำให้นางหายใจติดขัด
“หากสภาพจิตใจของซ่งเช่อเฟยขึ้นๆ ลงๆ บ่อยครั้ง ไม่แน่ว่าอาการป่วยอาจจะแย่ลงทั้งวัน มิสู้พักฟื้นเงียบๆ อยู่ในห้องอย่างสงบเสงี่ยมเสียจะดีกว่า คาดว่าท่านเฉิงเซี่ยงก็คงไม่อยากเสียลูกไปตอนชรากระมัง”
หากประพฤติตัวดีก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่หากยังคงประพฤติตัวเหมือนอย่างเมื่อก่อนก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น ซ่งอีอีหัวเราะเย้ยหยันพลางมองร่างนั้นค่อยๆ หายออกไปนอกประตู จากนั้นจึงค่อยเรียกคนเข้ามาช่วยทำแผล
“ได้ ท่านขู่ข้าได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น หากแน่จริงก็ขังข้าไว้ทั้งชีวิตเลยสิ ไม่เช่นนั้นข้าก็จะไม่ให้ท่านได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นอน”
ครั้งที่แล้วเขาเอาชีวิตของเหยาเชียนเชียนมาใช้เพื่อใส่ร้ายนาง นางรู้สึกถึงความเ็าที่เป่ยเซวียนเฉิงมีต่อนาง และยามนี้เขาก็ไม่ได้ปิดบังมันเลยแม้แต่นิดเดียว
“อาศัยฐานะขององค์ชายเพื่อใช้กดดันข้า หากท่านอ๋องขึ้นครองราชย์เมื่อใด ข้าจะดูว่าท่านจะยังยิ้มได้อยู่อีกหรือไม่”
เมื่อเวลานั้นมาถึงนางจะแจ้งเหตุที่ไม่ได้รับความเป็ธรรมนี้ต่อท่านอ๋อง เมื่อถึงเวลานั้นท่านอ๋องจะต้องเชื่อนางอย่างแน่นอน
หลังจากออกมาจากตำหนัก เป่ยเซวียนเฉิงก็สั่งให้คนเตรียมรถม้าไว้ให้พร้อม เขาเปลี่ยนอาภรณ์เป็ชุดที่ไม่สะดุดตา และนั่งรถม้าเล็กๆ ที่มีสภาพค่อนข้างเก่าไปยังโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง
บนชั้นสองของโรงน้ำชามีคนผู้หนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเป่ยเซวียนเฉิงมาถึงแล้วเขาจึงรีบคุกเข่าลงเพื่อทักทาย
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะองค์ชายสาม”
“ใต้เท้าเหยาโปรดลุกขึ้นเถิด”
เป่ยเซวียนเฉิงนั่งอยู่ข้างโต๊ะ ยามนี้จื่อกู่ในร่างของเหยาเชียนเชียนจะต้องตายแล้วเป็แน่ และคราวนี้ก็จะไม่สามารถควบคุมนางได้ยิ่งกว่าเดิม เขาจะต้องเร่งคิดหาวิธีโดยเร็ว
“ทันทีที่กระหม่อมได้รับข่าวจากฝ่าาก็รีบมาทันทีพ่ะย่ะค่ะ” เหยาซื่อเฟิงขมวดคิ้ว “แต่เหตุใดหมู่กู่ถึงได้ตายไปอย่างกะทันหันเล่า ฝ่าาเลี้ยงด้วยความระมัดระวังมาตลอดเลยมิใช่หรือ?”
เป่ยเซวียนเฉิงนวดหว่างคิ้วเบาๆ และเล่าเื่ของซ่งอีอีอย่างคร่าวๆ เขาเองก็ผิดที่ไม่ได้ระวังนางด้วยเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าเื่ที่เก็บซ่อนไว้หลายปี สุดท้ายจะถูกสตรีผู้นั้นทำพังไปเสียได้
“เช่อเฟยทำไปเพียงเพราะเกิดความหึงหวงเท่านั้นเองหรือ?”
เหยาซื่อเฟิงมองเขาอย่างกังวล “หากเพียงนางกังวลว่าฝ่าาจะเมินเฉยตนเองเพราะสตรีผู้นั้น เช่นนั้นก็น่าจะรอให้ฝ่าาเสด็จกลับมาแล้วค่อยให้พระองค์อธิบายสักหน่อย ซ่งเช่อเฟยรีบร้อนจัดการคนผู้นั้นเช่นนี้ อาจเป็เพราะนางไปรู้สิ่งใดมาหรือไม่?”
หากซ่งอีอีรู้ว่าในร่างกายของสตรีผู้นั้นเลี้ยงหมู่กู่ไว้ เกรงว่านางคงจะดูแลอย่างพิถีพิถันมากเสียยิ่งกว่าเขาแน่นอน เป่ยเซวียนเฉิงยิ้มเย็น เช่อเฟยของเขาจิตใจโเี้ ในยามต้นนางเคยใส่ร้ายเหยาเชียนเชียนอยู่หลายครั้งหลายหน นางสามารถทำเื่เช่นนี้ได้ก็คงไม่น่าแปลกมากนัก
“สิ่งที่ข้ากังวลไม่ใช่นาง แต่เป็เชียนเชียน” เป่ยเซวียนเฉิงหลับตาลง คล้ายกับมีภาพอดีตบางเหตุการณ์ของพวกเขาทั้งสองปรากฏขึ้นตรงหน้า “เชียนเชียนเพียงแค่บอกเื่เรือนเล็กกับซ่งอีอี ทว่านางรู้เื่นี้ได้อย่างไร แล้วนางรู้เื่อื่นๆ อีกหรือไม่?”
เหยาซื่อเฟิงหยิบขวดลายครามขวดหนึ่งออกมาจากแผ่นอกและเดินไปอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงอันแ่เบาว่า “ฝ่าา กระหม่อมรู้ว่าฝ่าาทรงกังวล ดังนั้นจึงตั้งใจนำสิ่งนี้มาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
ขวดลายครามมีความยาวไม่เกินหนึ่งนิ้ว หลังจากที่เป่ยเซวียนเฉิงเปิดมันออก ข้างในขวดก็ส่งกลิ่นดอกไม้จางๆ ออกมา
“นี่คือสิ่งใด?”
เหยาซื่อเฟิงหยิบจอกน้ำชามาหนึ่งจอก ก่อนจะเทสิ่งที่อยู่ในขวดนั้นลงไปในจอกเบาๆ สิ่งที่ออกมาคือยาลูกกลอนสีน้ำตาลอ่อนเม็ดหนึ่ง กลิ่นหอมนั้นลอยฟุ้งออกมาจากยาลูกกลอนนี้
“ฝ่าา นี่คือพิษเชียนจีกู่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเป็ตายร่วมกับผู้ถูกพิษ ซึ่งแตกต่างจากพิษจื่อหมู่กู่ ในโลกใบนี้ไม่มียาถอนพิษเชียนจีกู่ มีแต่ต้องรอให้ผู้ถูกพิษตาย หนอนกู่นี้จึงจะตายตามไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เหยาซื่อเฟิงคุกเข่าลงแทบเท้าของเป่ยเซวียนเฉิง พร้อมทั้งกล่าวว่าบุตรสาวของเขาสร้างปัญหาให้กับอีกฝ่ายมากเกินไปแล้ว แม้ว่าหนอนกู่นี้จะโหดร้ายไปสักหน่อย แต่หากสามารถทำให้เหยาเชียนเชียนกลับมาได้ ก็ไม่เสียแรงที่เขาอุตส่าห์ไปเสาะหามาอย่างยากลำบากเพื่อเป็การถวายความจงรักภักดีต่อเป่ยเซวียนเฉิง
“เชียนเชียนเป็บุตรสาวแท้ๆ ของใต้เท้าเหยา” เป่ยเซวียนเฉิงมองยาลูกกลอนเม็ดนั้นด้วยสีหน้าเ็า “ใต้เท้าเหยาสามารถหักอกหักใจวางพิษกู่นี้ในตัวนางได้จริงหรือ?”
เหยาซื่อเฟิงค้อมศีรษะและกล่าวเพียง ‘ภักดีและกตัญญู’ สองคำ ั้แ่โบราณมาจนถึงปัจจุบันความภักดีต้องมาก่อนเสมอ เขาย่อมต้องสละชีวิตเพื่อเป่ยเซวียนเฉิง หากสามารถทำงานใหญ่ได้สำเร็จ สตรีเพียงคนเดียวก็ไม่นับว่ามีประโยชน์อันใด
“ยามนี้เชียนเชียนไม่ได้มีความคิดเช่นเดียวกันกับข้าแล้ว ไม่รู้ว่าชิงผิงอ๋องไปรับปากสิ่งใดกับนางไว้ ยามนี้นางเปลี่ยนไปราวกับเป็อีกคน และดูแลเด็กคนนั้นดีขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย แต่กลับปฏิบัติต่อข้าอย่างไม่สนใจไยดี”
เป่ยเซวียนเฉิงจำสิ่งที่เหยาเชียนเชียนเคยกล่าวไว้กับเขาได้ มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มขมขื่น ไม่เพียงแต่เหยาซื่อเฟิงเท่านั้น แต่นางยังเมินเฉยต่อเขาด้วย นางกล่าวหลายครั้งหลายหนว่านาง้าจะลืมเลือนอดีต และจะไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเขาอีก
เขาก็อยากรู้มากเช่นกันว่าตกลงแล้วเป่ยเหลียนโม่สัญญาอะไรกับนางไว้ มีสิ่งใดที่สามารถเทียบได้กับไมตรีที่พวกเขามีต่อกันมาหลายปีได้อีกหรือ?
“ของสิ่งนี้จะควบคุมได้อย่างไร” เป่ยเซวียนเฉิงเอ่ยถาม “เชียนเชียนจะไม่ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ หรือ?”
เหยาซื่อเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “เชียนจีกู่เมื่อออกฤทธิ์ขึ้นมาจะรุนแรงกว่าพิษจื่อหมู่กู่ อาจกล่าวต่อคนภายนอกว่าอาการป่วยของนางรุนแรงขึ้นก็ได้ กระหม่อมมียาที่ทำได้เพียงบรรเทาอาการแบบเดียวกันอยู่ ยานี้จะทำให้หนอนกู่หลับใหล แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เป่ยเซวียนเฉิงมองเหยาซื่อเฟิงอย่างเ็า นั่นคือบุตรสาวแท้ๆ ของเขา แต่เมื่อกล่าวถึงเื่เหล่านี้เขากลับทำราวกับเป็เื่ปกติสามัญเช่นนี้ได้ และสีหน้าของเขายังไร้ซึ่งวี่แววของความละอายใจอย่างสิ้นเชิง
แต่ตัวเขาจะมีสิทธิ์ใดไปตำหนิผู้อื่นเล่า เขาเองก็หลอกใช้สตรีที่เขารักมากที่สุดครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ หากวันหนึ่งในอนาคตนางได้รับรู้เื่ราวเหล่านี้ทั้งหมด เช่นนั้นก็เกรงว่าเส้นทางของเขาและอีกฝ่ายก็คงสิ้นสุดลงแล้ว
เหยาซื่อเฟิงลอบมองเป่ยเซวียนเฉิงและเห็นใบหน้าเจือแววลังเล เขารู้ว่าองค์ชายสามผู้นี้ยังมีความจริงใจต่อบุตรสาวของเขาอยู่หลายส่วน ทว่าหาก้าทำการใหญ่ เช่นนั้นก็ไม่อาจถูกครอบงำด้วยความรู้สึกระหว่างชายหญิงได้เป็อันขาด
ยามนี้เหยาเชียนเชียนก็แต่งงานเป็ชายาของชิงผิงอ๋องไปแล้ว หากสามารถผูกมัดนางไว้ด้วยอุบายได้อีกครั้ง เช่นนั้นนางจะเป็ตัวหมากที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน จากนั้นพวกเขาก็จะสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของชิงผิงอ๋องได้อย่างชัดเจน ไม่มีผู้ใดเหมาะที่จะทำเื่นี้ไปมากกว่านางอีกแล้ว
ดังนั้นจะพลาดหมากตัวนี้ไปไม่ได้!
“ฝ่าา เชียนเชียนเป็บุตรสาวของกระหม่อม กระหม่อมก็ย่อมหวังให้นางปลอดภัยเช่นเดียวกัน ทว่าความปลอดภัยของนางเองเพียงคนเดียวเมื่อเทียบกับกิจอันยิ่งใหญ่ของฝ่าาแล้วก็ไม่ถือว่าเป็เื่สำคัญใด แม้กระหม่อมจะทำใจไม่ได้ แต่เพื่อฝ่าาแล้วก็ทำได้เพียงยอมให้เชียนเชียนแบกรับความเ็ป”
เป่ยเซวียนเฉิงถอนหายใจเบาๆ และส่งสัญญาณให้เขาลุกขึ้น
“ทำให้ใต้เท้าเหยาลำบากใจแล้ว หากวันหน้าสามารถบรรลุกิจใหญ่หลวงร่วมกันได้ ข้าจะไม่ลืมความดีความชอบของใต้เท้าเหยาเลย”
ดีๆ เหยาซื่อเฟิงรีบคุกเข่าลงเพื่อขอบคุณ และบอกว่าเขาจะหาวิธีให้เหยาเชียนเชียนกินพิษเชียนจีกู่เข้าไปเอง ส่วนที่เหลือก็ไม่ต้องลำบากเป่ยเซวียนเฉิงเป็กังวลแล้ว
“ฝ่าา มีบางอย่างที่กระหม่อมไม่เหมาะที่จะกล่าว แต่จำเป็ต้องเตือนฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ”
เหยาซื่อเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “ซ่งเช่อเฟยผู้นั้นไม่เชื่อฟังดังเช่นเชียนเชียนเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ ฝ่าาจะต้องเตรียมการป้องกันอย่างระมัดระวังไว้จะเป็การดีพ่ะย่ะค่ะ หากเป็อย่างเช่นครั้งนี้อีก ในท้ายที่สุดก็จะเป็ปัญหา”
เป่ยเซวียนเฉิงพยักหน้า แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้ว เขาไม่เคยคาดคิดเลยจริงๆ ว่าเหยาเชียนเชียนจะรู้เื่เรือนเล็ก และเป็ฝ่ายไปหาซ่งอีอีด้วยตัวเอง
“เชียนเชียนมีรักต่อข้าอย่างลึกซึ้งมาโดยตลอด นางรู้เื่นี้แล้วแต่กลับไม่สามารถแสดงความเ็ปต่อข้าได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงไปหาซ่งอีอี ในข้อนี้ข้าสามารถเข้าใจได้ เพียงแต่นางรู้เื่นี้ได้อย่างไรเล่า?”
เหยาซื่อเฟิงขมวดคิ้ว “ฝ่าา เป็ไปได้หรือไม่ว่าชิงผิงอ๋องอาจสืบพบบางอย่างและบอกแก่เชียนเชียน ดังนั้นจึงได้มีเหตุการณ์เช่นนั้นตามมาภายหลัง”
หากเป่ยเหลียนโม่เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นนั้นเื่นี้ก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น
ด้วยความสามารถของเหยาเชียนเชียน การสืบเื่เรือนเล็กนั้นเป็เื่ที่ยากลำบาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสืบอย่างละเอียดเลย แต่หากมีเป่ยเหลียนโม่เพิ่มเข้ามาด้วยเช่นนั้นก็พูดยากแล้ว
องครักษ์เงาภายใต้บัญชาของเขาครอบคลุมอยู่ทั่วทุกมุมของนครหลวง หากเขา้าสืบเื่เหล่านี้ เกรงว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปิดบังได้
“ถึงอย่างไรยามนี้พิษจื่อหมู่กู่ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว การควบคุมสถานการณ์นั้นสำคัญที่สุด ส่วนเชียนเชียนรู้เื่ได้อย่างไรนั้น เ้าค่อยหาโอกาสไปสืบดูสักหน่อย เพื่อให้ข้าได้เตรียมตัวั้แ่เนิ่นๆ”
“พ่ะย่ะค่ะ” เหยาซื่อเฟิงรับคำ “กระหม่อมจะไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของฝ่าา”
เขาถอยออกจากห้องไปอย่างช้าๆ และจากไปโดยไร้เสียงดังเหมือนเช่นตอนมา หลังจากกลับไปถึงจวน เหยาซื่อเฟิงก็สั่งให้คนส่งจดหมายไปยังจวนชิงผิงอ๋อง พร้อมกับกำชับว่าจะต้องส่งให้ถึงมือเหยาเชียนเชียนเท่านั้น
“เขาขอให้ข้ากลับไปปรนนิบัติท่านแม่ที่สุสานบรรพชน?”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว นางอ่านจดหมายรอบหนึ่งแล้วก็วางทิ้งไว้ด้านข้าง “เหตุใดอยู่ๆ เหยาซื่อเฟิงถึงอยากเชิญท่านแม่เข้าสู่สุสานบรรพชน ขนม [1] ชิ้นนี้ตกลงมาอย่างมีเลศนัยยิ่งนัก”
เชิงอรรถ
[1] ขนม มาจากสำนวน 天上掉馅饼 แปลตรงตัวว่า ขนมตกลงมาจากฟ้า เป็การอุปมาว่า ได้สิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องออกแรง
