ห้องที่พวกของโจวเฉิงพักคือห้องชุดราคาแพงที่สุดของบ้านพักรับรองจดหมายแนะนำตัวของพวกเขาก็เป็ของหน่วยงานใหญ่ในปักกิ่ง
เมื่อคังเหว่ยแจ้งกับคนของบ้านพัก ทางบ้านพักก็ใจนสับสนสมัยนี้ยังไม่มีกล้องวงจรปิด ใครจะรู้ว่าจางเสเพลเข้าไปได้อย่างไรจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีมีมากกว่า 5,000 หยวนเลยทีเดียวคนจากสถานีตำรวจจับจางเสเพลกดลงกับพื้น ถือเป็คดีโจรกรรมที่ใหญ่เป็พิเศษ
พวกของโจวเฉิงมาสถานีตำรวจเขตอันชิ่งเป็ครั้งที่สองแล้ว
ตำรวจสันติบาลยังจำทั้งสองคนได้ สองคนนี้มิใช่สหายผู้กล้าหาญเมื่อสองวันก่อนหรือ?
จางเสเพลได้แต่พูดว่าโดนใส่ร้าย คังเหว่ยเกาหัวแกรกด้วยความงุนงง
“ขอโทษด้วยนะครับ พวกเรากลับมาแล้วเจอไอ้บ้านี่กำลังขโมยเงินหลวงเลยลงมือหนักไปเสียหน่อย”
าแบนร่างกายของจางเสเพลไม่เพียงแต่หนักไปหน่อยเท่านั้นแต่ชัดเจนว่าเป็การยำเขาให้ถึงตาย ทว่าสำหรับสหายผู้กล้าหาญมีคุณธรรมแล้วทางสถานีตำรวจก็ค่อนข้างเชื่อมั่นทีเดียวเมื่อตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลของจางเสเพลอีกรอบ ตำรวจที่สถานีก็รู้สึกช่างบังเอิญยิ่งนัก
เดิมทีคนคนนี้เป็คนที่พวกเขา้าจับกุมตัวอยู่แล้วการปราบปรามย่อมต้องมีเป้าหมายในการจับ หากไม่จับพวกเกกมะเหรกเทเมาทำผิดฉาวโฉ่จะให้อยู่ดีไม่ว่าดีไปกล่าวหาคนบริสุทธิ์หรือ?
“ลักเล็กขโมยน้อย พฤติกรรมไม่ซื่อตรงมีคนรายงานว่าเขามีความสัมพันธ์อันไม่เหมาะสมกับผู้หญิงหลายคนที่แต่งงานแล้ว นี่ยังกล้าขโมยเงินหลวงอีก!”
“ความผิดฐานอันธพาลร่วมกับความผิดฐานลักขโมย ครั้งนี้เขาดิ้นไม่หลุดแน่!”
โจวเฉิงและคังเหว่ยพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้มากจางเสเพลโวยวายไปเรื่อยว่าพวกเขาใช้เื่หลวงแก้แค้นเื่ส่วนตัว [1] มาปรักปรำเขาโจวเฉิงกับคังเหว่ยออกจากสถานีตำรวจแล้วตำรวจหญิงที่รับรองเซี่ยเสี่ยวหลานในวันนั้นถึงได้เข้ามาสอบถามหัวหน้า
“หัวหน้าเหลียง คุณดูคดีนี้แล้วมีอะไรประหลาดอยู่ใช่หรือไม่คะ?”
หัวหน้าเหลียงสีหน้าเคร่งขรึม “คุณเสี่ยวผิง พวกเราไม่สามารถปล่อยคนร้ายไปได้เกียรติของผู้หญิงนั้นไม่ง่ายเสียเลย จางเสเพลเป็ผู้กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อยึดตามบรรทัดฐานของการปราบปรามเขาคือกลุ่มคนที่ต้องถูกจับกุมสำหรับรายละเอียดอื่นๆ นั้น พวกเราก็ไม่ต้องไปขุดคุ้ยแล้ว”
จางเสเพลพูดจาไม่ปะติดปะต่อเดี๋ยวก็พูดว่าพวกโจวเฉิงนำเงินทั้งหีบมากล่าวหาเขา เดี๋ยวก็บอกว่าทั้งสองคนพกปืนอยู่กับตัวทว่าจดหมายแนะนำโจวเฉิงและคังเหว่ยว่าเป็ของหน่วยงานใหญ่ที่มั่งคั่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้วในปักกิ่งทั้งสองไปเซี่ยงไฮ้เพื่อจัดซื้อสินค้าแทนหน่วยงาน การพกเงินสดจำนวนมากไม่ได้เป็เื่ที่ปกติหรอกหรือ?
ในเื่นี้มีกลิ่นตุๆ จะว่าบังเอิญก็ไม่บังเอิญจางเสเพลบอกว่าเป็เพราะ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ หัวหน้าเหลียงมองจางเสเพลด้วยความเงียบงัน
“เขายอมรับเองแล้ว อย่างนั้นก็ต้องทำเป็หลักฐานที่หักล้างไม่ได้”
จางเสเพลไม่กล้าเปิดปากพูดอีกต่อไป
ถ้าเขาพูดว่าตนเองกับเซี่ยเสี่ยวหลานมีความสัมพันธ์กันจริงคดีความของเขาได้เพิ่มขึ้นอีกแน่!
เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงไม่รู้ว่าโจวเฉิงได้กำจัดศัตรูตัวเป้งแทนเธอไปหนึ่งคนแล้ว
จางเสเพลเป็หนึ่งในผู้ร้ายที่บีบให้ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ฆ่าตัวตายนี่ก็เป็สิ่งที่โจวเฉิงสืบค้นจนเจอส่วนพี่สาวและว่าที่พี่เขยของเซี่ยเสี่ยวหลานมีส่วนร่วมเท่าไร ตอนนี้โจวเฉิงยังไม่อาจรู้ได้แต่สำหรับนักศึกษาเซี่ยจื่ออวี้ซึ่งผู้คนสรรเสริญกันนั้นโจวเฉิงไม่มีความรู้สึกชมชอบให้เลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานขี่จักรยานกลับบ้านด้วยท่าทางภูมิใจและมีชีวิตชีวา
ข้าวจำนวนหลายหมู่ [2] ของบ้านหลิวได้เก็บเกี่ยวจากท้องนากลับบ้านหมดแล้ว่นี้แสงแดดเป็ใจ ตากไว้อีกสักสองวันก็สามารถนำเมล็ดข้าวเก็บเข้ายุ้งฉางได้คนอื่นช่วยบ้านหลิวทำงาน เมื่อหลิวหย่งกับหลี่เฟิ่งเหมยจัดการงานไร่นาบ้านตนเสร็จก็ต้องคืนแรงให้คนในหมู่บ้านการตากเมล็ดข้าวจึงให้หลิวเฟินรับหน้าที่ไปเสีย
ทุกหมู่บ้านล้วนมีลานตากข้าวของตัวเองพอถึงตอนเช้าทุกบ้านจะนำเสื่อตากข้าวของตนเองมาปูไว้ใช้ตะกร้าที่เก็บข้าวเทลงบนเสื่อตากข้าว ค่อยๆ เกลี่ยข้าวออกให้บางและสม่ำเสมอกันถึงจะสามารถตากจนความชื้นที่หลงเหลืออยู่เหือดแห้งหมดจด
ทุกหนึ่งถึงสองชั่วโมงก็พลิกกลับให้อีกด้านโดนแสงแดดในเวลาเช่นนี้ลานตากข้าวมักจะเต็มไปด้วยผู้คนกองรวมกันอยู่
ชาวบ้านชีจิ่งก็มิใช่ไม่พูดเื่คนอื่นลูกสาวบ้านไหนออกเรือนไปแล้วกลับบ้านแม่มาอยู่แค่หนึ่งคืนก็ถือว่าเจอได้ยากมากแล้วจึงไม่มีใครอยู่บ้านแม่ทั้งวันโดยไม่สนงานไร่นาของบ้านแม่สามีใน่เก็บเกี่ยว ดังนั้นหลิวเฟินที่พาเซี่ยเสี่ยวหลานมาอาศัยบ้านแม่หลายวันสามีอย่างเซี่ยต้าจวินก็ไม่เคยมาดูดำดูดีเลยสักหน วิเคราะห์แล้วสามีภรรยาคู่นี้น่าจะทะเลาะกันจนไม่อาจไปต่อได้แล้วใช่หรือไม่?
หลิวเฟินเป็คนที่แม้ถูกทำร้ายก็ไม่หือไม่อือในเมื่อกล้ากระทำเช่นนี้ได้คงต้องมีที่พึ่งพิงอยู่บ้าง!
หมู่บ้านชีจิ่งไม่มีเหล่าแม่บ้านปากเปราะพูดจาไม่รื่นหูดั่งหมู่บ้านต้าเหออย่างแรกเป็เพราะหลิวหย่งมิใช่คนที่จะหาเื่ได้ง่ายๆ หลิวเฟินเองก็เป็คนของหมู่บ้านชีจิ่งชาวบ้านต้องปกป้องคนของตนเองอยู่แล้วอีกอย่างธุรกิจค้าขายเก็งกำไรของเซี่ยเสี่ยวหลานเฟื่องฟูอย่างมากทั้งไข่ไก่และปลาไหลบ้านใครจะไม่อยากขายของให้เธอสักหน่อยกันเล่า?
เซี่ยเสี่ยวหลานทำธุรกิจโดยตั้งราคาชัดเจนและไม่พูดว่าตัวเองไม่หากำไรแต่กำไรที่เธอได้ก็เป็เงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองทั้งนั้น
นอกจากนี้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักปฏิบัติตนกับผู้อื่นหากใครอยากได้ของจากในตัวเมือง แค่บอกเธอสักหน่อยก็จะช่วยจัดการให้อย่างเรียบร้อย อีกอย่างทำไมเด็กน้อยเ่าั้ถึงได้ไปจับปลาไหลจากทุกที่เพื่อแห่มาขายให้เซี่ยเสี่ยวหลานกัน? นอกจากค่ารับซื้อจำนวน 8 เหมาแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานมักพกของกินติดตัวเสมอบ้างก็ลูกกวาดบ้างก็เมล็ดทานตะวัน เหล่าเด็กน้อยในหมู่บ้านล้วนชื่นชอบเซี่ยเสี่ยวหลานมากเหลือเกิน!
ถ้าใครบอกว่าพี่สาวเซี่ยไม่ดี เด็กแสบพวกนี้จะต้องโวยวายน้ำตานองแน่นอน
“เสี่ยวหลานบ้านเธอนี่ทำงานเก่งนัก!”
“เธอไปรับซื้อไข่ไก่ทุกที่ทั้งวันจนดึกดื่นเดินทางจากหมู่บ้านเข้าเมืองอีกสองสามหน หาเงินได้ไม่น้อยเลยสินะ?”
“เธออิจฉาหรือ? ฉันว่าอย่าพูดถึงลูกสาวบ้านเธอเลยต่อให้เป็ลูกชายบ้านเธอก็ทนเหนื่อยขนาดนี้ไม่ไหว”
“เด็กมันมีหัวคิด คนเป็แม่เหนื่อยตอนนี้อีกหน่อยต้องสบายแน่...”
ชมกันเสียจนหลิวเฟินยิ้มแย้มเปี่ยมสุข
คนพวกนี้อย่างมากแค่เหน็บแนมสักสองสามประโยคมิได้มีเจตนาร้ายอื่นใด ตอนนี้หลิวเฟินใช้ชีวิตอย่างมีความหวังมากขึ้นเธอยังคงทำงานที่บ้านหลิว ทว่าไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยสักนิดเมื่อคนในครอบครัวร่วมแรงร่วมใจกัน ทุกวันก็จะผ่านไปได้ด้วยดียิ่งขึ้นไม่เหมือนกับอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ย พี่สะใภ้ตระกูลเซี่ยอีกสองคนดูแคลนเธอแม่สามีรังเกียจเดียดฉันท์เธอ สามีก็โทษเธอ หลิวเฟินจึงทำได้เพียงโอนอ่อนผ่อนตามพยายามเอาใจทุกคน แต่ในโลกนี้กลับไม่ใช่ว่าคุณถอยหนึ่งก้าวแล้วคนอื่นจะยอมปล่อยคุณไปเพราะการถอยหนึ่งก้าว หมายความว่าคนอื่นก็สามารถข่มเหงเข้ามาได้อีกสองก้าวจนกว่าจะกดดันคุณจนไม่เหลือหนทางให้ถอยหลังแล้วค่อยเหยียบคุณให้จมลงดิน!
ชาวบ้านไม่ได้เอาแต่ประจ๋อประแจ๋หลิวเฟินไปโดยไม่มีเหตุผล แม้เธอเพิ่งกลับมาอยู่ที่บ้านแม่สักพักแต่สีหน้าท่าทางดูดีขึ้นมาก
ผิวยังคงเป็สีดำคล้ำจากการทำงานตากแดดมานานแรมปี ทว่าความระทมทุกข์บนใบหน้าสลายหายไปเกินครึ่งสีหน้าหมองคล้ำกลายเป็คล้ำแบบมีเืฝาดเมื่อมองละเอียดถี่ถ้วนแล้วหน้าตาของหลิวเฟินนั้นดูดีไม่น้อยถึงเซี่ยเสี่ยวหลานจะได้กรรมพันธุ์ความสูงจากคนตระกูลเซี่ยทว่ารูปลักษณ์เหมือนกับคนตระกูลหลิวเสียมากกว่า
เมื่อสภาพจิตใจไม่อัดอั้น รวมถึงอาหารการกินของชนบทในปี 83 เป็สิ่งที่อิสระและน่าพึงพอใจโดยทั่วไปในเวลาไม่กี่วันแก้มของหลิวเฟินก็เหมือนกับมีเนื้อเพิ่มมากขึ้น
กริ๊ง
เสียงกริ่งของจักรยานดังขึ้น เซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาแล้ว
ริมฝีบากของหญิงสาวราวกับเคลือบด้วยน้ำผึ้งก็มิปานพอทักทายคนที่ลานตากข้าวจนครบถึงกล่าวกับหลิวเฟิน
“แม่ ฉันกลับไปหุงข้าวก่อนนะ เดี๋ยวมาช่วยแม่”
เซี่ยเสี่ยวหลานน่ารักอรชร หลิวเฟินทนเห็นเธอทำงานหนักไม่ได้จึงไม่ให้เธอมาช่วย
“ลุงของลูกจะเลิกงานแล้ว ลูกก็อยู่บ้านทำกับข้าวไปเถอะจะได้ดูแลเทาเทาด้วย”
วันนี้เทาเทาไปโรงเรียนเข้าเรียนเป็วันแรกในชนบทไม่มีโรงเรียนอนุบาล ทุกคนจึงเริ่มเรียนที่ชั้นประถมหนึ่งกันหมด เทาเทาอายุ 6 ขวบก็ถูกส่งไปเข้าเรียนแล้ว เป็เพราะครอบครัวรักและห่วงใยเขามากเด็กบางคนอายุสิบกว่ายังคงอยู่บ้านเล่นขี้มูกโป่งไร้สาระบ้างก็ช่วยครอบครัวทำงานบ้านไม่ก็ทำงานในไร่นา เข้าเรียน? อายุในการเข้าเรียนไม่มีเกณฑ์กลางและไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเรียนจบชั้นประถมได้ ชั้นประถมคัดออกหนึ่งกลุ่มชั้นมัธยมต้นก็คัดออกอีกหนึ่งกลุ่ม ชนบทในปี 83 นั้น หากบ้านไหนมีนักเรียนที่เรียนจนถึงชั้นมัธยมปลาย ล้วนถือว่าเป็ผู้มีวัฒนธรรมแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานที่เคยเรียนมัธยมต้นเช่นนี้ประวัติการศึกษาถือว่าไม่ขายหน้าใคร
ลองนึกดูแล้วเลยเข้าใจว่าเซี่ยจื่ออวี้ผู้สอบติดมหาวิทยาลัยในปี 83 ช่างล้ำค่ามากเพียงใด หลุดพ้นจากชนบทกลายเป็คนเมือง รับประทานข้าวที่ต้องซื้อ[3] เรียนจบก็ได้เป็พนักงานของรัฐ!
เทาเทาแบกกระเป๋าหนังสือใหม่โอ้อวดอยู่ทั้งวันตอนเลิกเรียนเพื่อนร่วมชั้นของเขาจะต้องมาขอลูบกระเป๋าสักนิดสักหน่อย
กระเป๋าหนังสือราคา 10 หยวน
สำหรับชาวบ้านชีจิ่งนั้นแพงเกินไป เงินจำนวนเท่านี้สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้ถึงสองภาคเรียนเลยทีเดียว
“พี่เสี่ยวหลาน ผมคิดถึงพี่จังเลย!”
เทาเทาพุ่งไปหาเหมือนกับประทัดน้อยกอดต้นขาของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้ไม่ยอมปล่อย เซี่ยเสี่ยวหลานให้ลูกกวาดกับเขาซื้อกระเป๋าหนังสือให้เขา เทาเทารู้สึกได้ถึงความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน เซี่ยเสี่ยวหลานคือคนสนิทที่สุดในดวงใจของเทาเทาแม้แต่บิดามารดาก็ถอยไปอยู่ท้ายแถวแล้ว!
เชิงอรรถ
[1]公报私仇 ใช้เื่หลวงแก้แค้นเื่ส่วนตัว หมายถึง ใช้ประโยชน์จากธุระที่เกี่ยวข้องกับสาธารณะในการแก้แค้นเื่ส่วนตัว
[2]亩 หมู่ คือหน่วยวัดพื้นที่ดั้งเดิมของจีน โดย 1 หมู่ เท่ากับประมาณ 0.42 ไร่
[3]商品粮 ข้าวที่ต้องซื้อหมายถึง พืชพันธุ์ธัญญาหารที่ซื้อขายกันทั่วไปในที่นี้เดิมทีเซี่ยจื่ออวี้มาจากชนบท ข้าวที่รับประทานมักจะเป็ของที่ปลูกเองเมื่อเข้าเรียนในเมืองแล้วก็เหมือนกลายเป็คนเมืองซื้อข้าวที่เขาขายกันรับประทานแทน