“อ้อ?”เ้ารู้ได้อย่างไรว่าเดิมทีมิใช่ของเ้า?” เฉินอ๋องนั่งอยู่มุมหนึ่งภายในรถม้ามองนางอย่างเอ้อระเหย
“ ‘บันทึกจูกั๋ว’ มีจารึกไว้ว่าแคว้นหั่วมีหยกงาม สีราวกับเื หยกเมืองอื่นมิกล้าเทียบตนเป็ศัตรู หยกเืนี้มีต้นกำเนิดที่แคว้นหั่วนอกจากนั้นเ้าของร้านยังกล่าวว่าของสิ่งนี้พึ่งมาถึงเมื่อวานและทำการเจียระไนทั้งคืนจึงเห็นได้ว่าถูกส่งมาจากแคว้นหั่วแสนห่างไกลเฉินหนวี่กับเตี้ยนเซี่ยพึ่งจะรู้จักกันไม่ถึงสิบวันแสดงว่าก่อนเตี้ยนเซี่ยจะพบกับเฉินหนวี่และมีสมรสพระราชทานจากไทเฮาเตี้ยนเซี่ยได้สั่งของสิ่งนี้ไว้ก่อนแล้ว” หรงหว่านซีเอ่ย
เฉินอ๋องขยับกายเล็กน้อยเพื่อหาตำแหน่งสบาย“เดิมทีข้าว่าจะมอบให้เยว่เอ๋อร์ของเรือนซูหนวี่ฟาง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเปิ่นหวางดื่มสุราไปมาก เยว่เอ๋อร์จึงฉวยโอกาสนั้นขอของสิ่งนี้ เปิ่นหวางรับปากนางแล้วจึงไม่อาจผิดคำพูดและสั่งให้คนไปหามา”
“ในเมื่อเป็เช่นนี้เตี้ยนเซี่ยก็มอบให้เยว่เอ๋อร์กูเหนียงเถิดเพคะ”หรงหว่านซีส่งคืนเขาด้วยท่าทีสุขุมยิ่งนัก
“จะเอาไปให้อะไรกัน?”เฉินอ๋องกล่าวด้วยความอัดอั้น“เมื่อครึ่งเดือนก่อนนางพึ่งจะไปกับพ่อค้าต่างเมืองผู้หนึ่งถึงอย่างไรก็เป็สิ่งที่ไม่มีเ้าของ เ้าจงเก็บไว้เถิด”
หรงหว่านซียิ้มคิดในใจว่านี่คงจะเป็นิสัยของเฉินอ๋อง อย่าได้สิ้นเปลืองสิ่งของมีค่าเอามาหลอกล่อให้สตรีนางหนึ่งดีใจถึงจะดี
“ในเมื่อเป็ของที่ไม่มีเ้าของเฉินหนวี่ก็ไม่ปฏิเสธ ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ยเพคะ” หรงหว่านซีเอ่ย
เฉินอ๋องปรายตามองพิจารณานางครู่หนึ่งเอ่ยด้วยความใคร่รู้ว่า “ของเหลือจากสตรีในหอนางโลมเช่นนี้เ้าไม่รู้สึกว่าเปิ่นหวางกำลังทำให้เ้าต้องอับอายขายหน้ารึ?”
“เตี้ยนเซี่ยไม่ได้้าจะทำให้เฉินหนวี่อับอายเฉินหนวี่ไม่คิดมากเพคะ” หรงหว่านซีเอ่ย
เฉินอ๋องหัวเราะเอ่ยคล้ายกับกำลังปลอบประโลมเล็กน้อย “วางใจเถิดเปิ่นหวางมิได้จะทำให้เ้าต้องรู้สึกอับอายจริงๆ”
เขามองนางอย่างละเอียดั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วเอ่ย“นี่คือของล้ำค่า เ้าคู่ควรกับมัน”
หรงหว่านซียกยิ้มไม่เอ่ยสิ่งใด
ก็แค่ของขวัญที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรคล้ายกับของที่เขาใกล้จะทิ้งแต่จู่ๆ เห็นนางเดินผ่านมาคิดว่านางสามารถใช้สอยจึงมอบให้นางเท่านั้น และนางก็ไม่ได้อยากเสแสร้งจนเกินไปนักประจวบกับที่นางรู้สึกชอบพอดีจึงรับเอาไว้
คิดจะทำให้นางอับอายงั้นรึ? เฉินอ๋องคงไม่มีความคิดนี้และไม่จำเป็ต้องทำเื่เช่นนี้
“ลองสวมให้เปิ่นหวางดูสักหน่อย”เฉินอ๋องเอ่ย
หรงหว่านซีไม่อิดออดนางหยิบกำไลหยกสีแดงแวววาวขึ้นมาสวมใส่ข้อมือตนเอง
“กำไลหยกเส้นเล็กสีแดงราวกับโลหิตช่างเหมือนกับนกกระยางสีขาวในป่าต้นเมเปิลสีแดง ยอดเยี่ยม..ยอดเยี่ยมจริงๆ ...” เฉินอ๋องอุทานชมเชย
หรงหว่านซียิ้มนางกลับไม่ได้สนใจว่าต้นเมเปิลสีแดงกับนกกระยางสีขาวที่เขาใช้เปรียบเปรยเป็จริงหรือไม่
“ท่านลุงอู๋ไปส่งเตี้ยนเซี่ยกลับจวนเสียก่อนเถิด” หรงหว่านซีเปิดม่านออกและเอ่ยเสียงดัง
ในเมื่อนี่คือรถม้าของตระกูลหรงนางควรจะทำตัวเช่นผู้เป็เ้าของ ทว่าเฉินอ๋องกลับไม่นึกเกรงใจนางสักนิดกลับเอ่ยว่า “ไม่ต้องถือว่าเป็คนอื่นไกล เปิ่นหวางเป็ถึงบุรุษจะให้สตรีไปส่งถึงกลับจวนได้อย่างไร?”
“สารถีกลับจวนแม่ทัพ...” เฉินอ๋องะโออกไปทางด้านนอก
เมื่อเห็นคุณหนูของตนไม่ออกคำสั่งใดท่านลุงอู๋จึงทำตามพระประสงค์ของเฉินอ๋องและมุ่งหน้ากลับจวนของตน
รถม้าอยู่หน้าประตูด้านหลังจวนหรงหว่านซีกล่าวขอบคุณเฉินอ๋องและลงรถม้าครั้นกำลังจะสั่งให้ท่านลุงอู่ไปส่งเฉินอ๋อง กลับพบว่าเฉินอ๋องก็ลงจากรถม้าเช่นกัน
“เตี้ยนเซี่ยส่งถึงที่นี่เถิดเพคะ” หรงหว่านซีถอนสายบัว
เฉินอ๋องโน้มกายเข้าใกล้นางอย่างกะทันหันคาดไม่ถึงว่าเขาจะโน้มกายเข้าใกล้บริเวณซอกคอของนางและสูดหายใจเข้า “อืม... หอมจริงๆ ...”
“เตี้ยนเซี่ยโปรดสำรวมด้วยเพคะ...”หรงหว่านซีขนลุกขนชันไปทั้งกาย นางรู้สึกว่าร่างทั้งร่างไม่เป็ธรรมชาตินางรีบก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว เอ่ยอย่างนอบน้อม “เตี้ยนเซี่ยเฉินหนวี่จะกลับเข้าจวนแล้วเพคะ”
“เื่ใหญ่เพียงใดกันเชียว?”เฉินอ๋องเอ่ยหยอกเย้า “เ้าโกรธจริงๆ แล้วอย่างนั้นรึ? เหตุใดเปิ่นหวางให้ของขวัญเ้า กลับไม่เห็นเ้าจะแสดงท่าทีดีใจแต่พอลงโทษเ้าเพียงแค่นี้ เ้ากลับกรุ่นโกรธจนมีท่าทีเช่นนี้?”
หรงหว่านซีเอ่ยตอบอย่างราบเรียบ“เตี้ยนเซี่ยเข้าพระทัยผิดแล้วเพคะ เฉินหนวี่ไม่ได้กรุ่นโกรธเพียงแต่นี่คือกลางวันแสกๆ เฉินหนวี่ไม่อยากให้เฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยถูกผู้คนนินทาเตี้ยนเซี่ยคือเชื้อพระวงศ์ ควรจะเป็แบบอย่างให้กับผู้คนใต้หล้าเพคะ”
“เปิ่นหวางมีภาพลักษณ์ไม่ดีงั้นรึ?”เฉินอ๋องลูบใบหน้าตน “คิดว่ายังพอใจได้กระมัง? นอกจากบุคลิกแลดูเ้าชู้เสเพล คงไม่มีข้อเสียประการอื่น”
หรงหว่านซีไม่เอ่ยสิ่งใดภายในใจกลับคิดว่าคนผู้นี้ช่างมีความสามารถในการใช้วาจาแก้ต่างยิ่งนัก
“เอาเถิด”เฉินอ๋องเอ่ยหยอกล้อ “ข้าไม่แกล้งเ้าแล้ว เ้าจงรู้ไว้ว่ากำไลหยกสีเืนี้เปิ่นหวางมอบเป็รางวัลให้เ้าเพราะเ้าทำให้หมู่เฟยในตำหนักอีหลานพอพระทัยเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็คือการลงโทษเ้า ลงโทษที่เ้าไม่จำคำพูดของเปิ่นหวาง เปิ่นหวางจำได้ว่าเปิ่นกวางบอกให้เ้าแทนตัวว่าเฉินเชี่ยยามอยู่ต่อหน้าเปิ่นหวางทว่าเ้ากลับเห็นคำพูดของเปิ่นหวางเป็เพียงเสียงลมข้างหู”
“หรงหว่านซี”แม้น้ำเสียงของเฉินอ๋องยังฟังดูคล้ายกับหยอกล้อ แต่กลับแฝงด้วยความลึกซึ้ง“เ้าจงจำเอาไว้ ภายหน้าทุกครั้งที่เ้าทำได้ดี เปิ่นหวางจะมีรางวัลให้เ้าหนึ่งชิ้นและทุกครั้งที่เ้าทำไม่ดี เปิ่นหวางก็จะบทลงโทษให้เ้าหนึ่งอย่าง เป็อย่างไรบ้างหากพวกเราทำเช่นนี้ การอยู่ร่วมกันระหว่างพวกเราก็ชัดเจนขึ้นไม่น้อยใช่หรือไม่?”
ประโยคสุดท้ายของเขาเปี่ยมด้วยความหยอกล้อทว่าหรงหว่านซีไม่คิดจะล้อเล่นกับเขาและขานรับใจความไม่กี่ประโยคก่อนหน้าที่เขาเอ่ย “เฉินหนวี่จะจำไว้เพคะ”
“หากไม่มีเื่อื่นใดเฉินหนวี่ทูลลาเพคะ”
“ได้วันหน้าเปิ่นหวางจะมาเยี่ยมเ้าอีก”
หรงหว่านซีหันหลังไปและเดินเข้าประตูทันใดนั้นหยุดฝีเท้า
นางค่อยๆหันกลับมามองเฉินอ๋อง ขณะเดียวกับที่เฉินอ๋องก็กำลังมองนางเช่นกัน
หรงหว่านซีถอนสายบัวน้ำเสียงแ่เบาเอ่ยออกมาจากริมฝีปากฉ่ำน้ำ “เตี้ยนเซี่ยมิตรภาพไม่อาจแสดงออกเพียงฝ่ายเดียวในเมื่อเตี้ยนเซี่ยคิดวิธีการเพื่อให้การอยู่ร่วมกันระหว่างพวกเราสะดวกขึ้นสักหน่อยข้าก็ควรจะตอบรับถึงจะถูก เฉินหนวี่เคารพเตี้ยนเซี่ยดีหรือไม่หากจะขอหยิบยืมความคิดของเตี้ยนเซี่ย? ไม่ทราบว่าเตี้ยนเซี่ยทรงอยากฟังหรือไม่?และจะทรงอนุญาตหรือไม่เพคะ?”
เฉินอ๋องมองนางก้มหน้าเอ่ยด้วยท่าทีจริงจังคาดไม่ถึงว่านี่เป็ครั้งแรกที่ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วการมองดูสตรีเอ่ยวาจาเป็เื่น่าภิรมย์เช่นกันริมฝีปากสีแดงดุจผลเชอร์รี่ของนางประเดี๋ยวเผยอออกประเดี๋ยวปิดสนิทช่างไม่ต่างจากสายพิณจีนกำลังถูกดีดบรรเลงบทเพลงเพียงแต่เหตุใดคำกล่าวนี้ถึงไม่น่าฟังนัก?
แม้ไม่ต้องฟังความคิดเห็นของนางเขาก็พอจะรู้ว่าสตรีนางนี้กำลังจะรุกฆาตเขาเสียแล้ว
แต่ยิ่งเขารู้อย่างนี้กลับยิ่งอยากฟังเขาอยากจะดูว่าในหัวของสตรีนางนี้ แท้จริงแล้วฉลาดหลักแหลมถึงขั้นใด
“ได้ไหนเ้าลองบอกให้ข้าฟัง” เฉินอ๋องเอ่ย
“ในเมื่อยึดตามหลักหมูไปไก่มาวิธีของเฉินหนวี่ก็คือ...” หรงหว่านซีเอ่ยอย่างเอ้อระเหย“หากเตี้ยนเซี่ยทำเื่ดีหนึ่งเื่ก็จะแสดงสีหน้าท่าทีที่ดีกับเตี้ยนเซี่ยหนึ่งหนหากเตี้ยนเซี่ยทำเื่ไม่ดีหนึ่งเื่ข้าก็จะจำเอาไว้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะแสดงสีหน้าท่าทีที่ไม่ดีกับเตี้ยนเซี่ย เตี้ยนเซี่ยคิดว่าวิธีนี้เป็อย่างไรบ้างเพคะ?เตี้ยนเซี่ยคือสุภาพบุรุษแน่นอนว่าคงไม่ทำเื่หมูไปแต่ไก่ไม่มาใช่หรือไม่เพคะ?”
เฉินอ๋องยกยิ้มพลางส่ายหน้าเขาหันข้างชำเลืองมองนางคล้ายกลับจะมองทะลุปรุโปร่งทั้งความคิดและจิตใจของนางปากยังคงเอ่ยพึมพำ “หรงหว่านซี แท้จริงแล้วในหัวของเ้ามีความคิดฉลาดแกมโกงมากมายเพียงใดกัน...”
“วันข้างหน้ายังอีกยาวไกลเพคะเตี้ยนเซี่ย”หรงหว่านซีเอ่ยพลางยกยิ้มบาง
เมื่อมองหรงหว่านซียกยิ้มอย่างเงียบเชียบเช่นนี้ภายในหัวใจของเฟิงเป่ยเฉินพลันรู้สึกมีความสุขไม่น้อย