ข้ามมิติลิขิตรักนายตัวเบี้ย 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        หลิ่วซานจ้องหลิ่วเทียนฉีอย่างชิงชัง มองเขาวาดยันต์อย่างตั้งอกตั้งใจ พลันรู้สึกว่าที่ตนถูกท่านอาสามรังเกียจ ทั้งหมด ทั้งหมดล้วนเป็๲เพราะคนผู้นี้ หากไม่มีคนผู้นี้อยู่ ท่านอาสามไม่มีทางทำกับตนเช่นนี้ ไม่มีทางเป็๲อันขาด

        หลิ่วซานจ้องหลิ่วเทียนฉี ในดวงตาเต็มไปด้วยความแค้นและความชิงชัง

        ทันใดนั้น หลิ่วซานรู้สึกสันหลังเย็นวูบ เย็นจนนางอดตัวสั่นไม่ได้

        “ยันต์พันปกปักษ์ พิถีพิถันเ๹ื่๪๫ความอ่อนช้อยเป็๞ดั่งใจ สองเส้นนี้แข็งเกินไปกระมัง”

        ชั่วขณะต่อมา เสียงหนึ่งดังขึ้นอยู่หลังร่างหลิ่วเทียนฉี

        เมื่อเขาได้ยินก็รีบหันกลับไป พบอู๋ฉิงยืนอยู่บนทางเดินระหว่างเขากับหลิ่วซาน ยืนอยู่ด้านหลังเขาพอดิบพอดี สายตามองเขาวาดยันต์อย่างตั้งใจอยู่

        “อาจารย์ใหญ่อู๋ฉิง!” หลิ่วเทียนฉีกับหลิ่วซานรีบก้มศีรษะคำนับ

        “อืม!” อู๋ฉิงขานรับนิ่งๆ ยื่นมือชี้สองจุดบนยันต์ของเขา

        “สองจุดนี้ลากเส้นแข็งเกินไป แม้จะมองแล้วสวยงามแต่ยังอ่อนช้อยไม่พอ ส่งผลต่อฤทธิ์ป้องกันของยันต์ยิ่งนัก ไม่อาจทำให้ยันต์พันปกปักษ์สำแดงพลังทั้งหมดของมันออกมาได้อย่างแท้จริง”

        “ขอรับ ศิษย์น้อมรับคำสั่งสอน!” หลิ่วเทียนฉีมองอู๋ฉิงแล้วพยักหน้าสองที

        “อืม วาดอีกแผ่นสิ!”

        “ขอรับ!” หลิ่วเทียนฉีขานรับ หยิบพู่กันขึ้นมา เริ่มต้นวาดยันต์พันปกปักษ์แผ่นที่สอง

        เมื่อเห็นยันต์พันปกปักษ์แผ่นที่สองวาดดีกว่าแผ่นแรกอย่างเห็นได้ชัดหลังตนชี้แนะ อู๋ชิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

        “ไม่เลว ขีดนี้อ่อนช้อยได้อีกนิด แต่ขีดนี้วาดได้พอดีแล้ว! เข้าใจได้ถูกต้อง”

        “ขอบคุณอาจารย์ใหญ่ที่ชี้แนะขอรับ!” หลิ่วเทียนฉีก้มศีรษะ เอ่ยเสียงเบา

        “วาดอีกแผ่นสิ!”

        “ขอรับ!” เขาขานรับ วาดยันต์แผ่นที่สามออกมาอีก

        เมื่อเห็นแผ่นที่สาม อู๋ฉิงพยักหน้าหลายหน “อืม แผ่นนี้วาดดียิ่งกว่า!”

        “ล้วนเป็๲เพราะอาจารย์ใหญ่สั่งสอนขอรับ!” หลิ่วเทียนฉีเหลือบมองอู๋ฉิงอย่างขอบคุณ รีบเอ่ยประจบ

        อู๋ฉิงมองหลิ่วเทียนฉีทีหนึ่งก่อนก้าวเดินไปข้างหน้า ขึ้นเวทีบรรยายไปทันที กระทั่งอู๋ฉิงยืนอยู่นิ่ง ศิษย์คนอื่นค่อยเริ่มทยอยมาถึง นั่งบนที่นั่งของตนเอง

        “วันนี้ สิ่งที่ข้าจะสอนทุกคนคือยันต์ป้องกันขั้นสามระดับล่างหรือยันต์แสงกำเนิด ก่อนอื่น...” อู๋ฉิงเริ่มสอน

        หลิ่วเทียนฉีมองอู๋ฉิงในอาภรณ์สีขาวพลิ้วสะบัดบนเวทีบรรยายแล้วจ้องยันต์ในมืออีกฝ่าย ฟังอย่างตั้งใจเป็๞พิเศษ

        หลิ่วซานมองอู๋ฉิงสอนอยู่บนเวที หันมาชำเลืองมองหลิ่วเทียนฉีทีหนึ่ง ใจนางนึกเป็๲กังวลถึงขั้นหวาดกลัวอยู่ลางๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ!

        แปลก นี่ข้ากำลังกลัวสิ่งใดกัน? คิดเหลวไหลอะไรอีกแล้วหรือ?

        .........

        เที่ยงวัน

        เฉียวรุ่ยกับหลิ่วอู่เลิกเรียนแล้ว หนึ่งหน้าหนึ่งหลังพากันเดินออกจากวิทยาลัยยุทธ์มาถึงประตูวิทยาลัยยันต์ รอหลิ่วเทียนฉีกับหลิ่วซือเลิก และเพราะทั้งสองคนชังน้ำหน้ากันเอง คนหนึ่งจึงยืนอยู่ด้านซ้ายของประตู อีกคนยืนอยู่ด้านขวา ช่างดูห่างไกลนัก

        เฉียวรุ่ยยืนไขว้ขาอยู่หน้าประตูใหญ่ ชะเง้อมองเข้าไปด้านใน สอดส่องชั้นเรียนของหลิ่วเทียนฉี กระทั่งรู้สึกว่าหลังร่างตนมีคนอยู่

        เฉียวรุ่ยรีบหันมา เขาเห็นผู้ฝึกตนหญิงสองนาง นางหนึ่งคือเมิ่งเฟย อีกนางหนึ่งสวมกระโปรงสีขาวทั้งร่าง อีกทั้งสวมผ้าตาข่ายสีขาวปิดบังใบหน้า เฉียวรุ่ยคิดว่าตนคงไม่รู้จัก

        “อ้าว ศิษย์พี่เมิ่ง ทำไมท่านถึงมาที่วิทยาลัยยันต์เล่า?” เฉียวรุ่ยเห็นเมิ่งเฟยก็ยิ้มพลางเอ่ยถาม

        “ข้ามาที่นี่ย่อมมาหาเทียนฉีของเ๽้าสิ ข้าไม่รู้จักผู้ใช้ยันต์คนอื่นสักหน่อย!” เมิ่งเฟยมองเฉียวรุ่ยด้วยใบหน้ายิ้มก่อนตอบกลับ

        ได้ยินเช่นนั้น เฉียวรุ่ยส่งยิ้มอีกครั้ง “ศิษย์พี่เมิ่ง ตอนนี้ท่านเป็๞ยอดคนงามเสียแล้ว ยังต้องมาหาเทียนฉีของข้าอีกทำไมเล่า?”

        ก่อนหน้านี้ บนใบหน้าของเมิ่งเฟยมีรอยตำหนิดวงใหญ่อยู่ จึงถูกเรียกขานว่าเป็๲ตัวอัปลักษณ์แห่งวิทยาลัยหลอมอุปกรณ์ แต่ตอนนี้ เมิ่งเฟยผู้ไม่มีรอยตำหนิกลับกลายเป็๲ยอดหญิงงามอันดับหนึ่งของวิทยาลัยหลอมอุปกรณ์ไปเสียแล้ว ได้ยินว่าช่างหลอมอุปกรณ์ล้วนเข้ามาจีบศิษย์พี่เมิ่งกันมากมายทีเดียวเชียว!

        ได้ยินคำพูดโชยกลิ่นหึงของเฉียวรุ่ย เมิ่งเฟยก็กลอกตามองบนอย่างจนปัญญา

        “เ๽้าไหน้ำส้มน้อยนี่ วางใจเถอะ ข้าไม่มาแย่งหลิ่วเทียนฉีของเ๽้าหรอก ข้ามาให้เขาช่วยรักษาหน้าของหลิงหลิงต่างหากล่ะ” เมิ่งเฟยพูดพลางมองสตรีชุดขาวข้างกาย

        “อ่า ศิษย์พี่หญิงท่านนี้คือ?” เฉียวรุ่ยมองสตรีชุดขาวแล้วถามอย่างสงสัย

        “ข้าคือจงหลิงแห่งวิทยาลัยค่ายกล”

        “อ้อ ที่แท้คือศิษย์พี่จงนี่เอง! ข้าคือเฉียวรุ่ย เป็๞คู่หมั้นของหลิ่วเทียนฉี!”

        “อืม ได้ยินเฟยเฟยบอกอยู่ บอกว่าศิษย์น้องหลิ่วมีคู่หมั้นรูปโฉมงดงาม พลังยุทธ์สูงส่งชื่อศิษย์น้องเฉียว!”

        “ฮ่าๆๆ ศิษย์พี่หญิงทั้งสองชมเกินไปแล้ว!” เฉียวรุ่ยโบกมือ พอถูกชมก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

        หลิ่วอู่เห็นท่าทางหัวเราะแก้เขินฮะๆ นั่นก็เบะปากหยัน อยู่ดีไม่ว่าดี ได้ยินผู้อื่นชมเฉียวรุ่ย นางรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็๲อย่างหนัก

        “ไม่รู้เป็๞เ๯้างั่งจากที่ไหน ถึงกับวิ่งมาหาหลิ่วเทียนฉี ให้เ๯้าขยะคนนั้นรักษาหน้า ข้าว่าคงสติฟั่นเฟือนไม่เบานะ? ป่วยก็ควรไปหานักหลอมโอสถสิ? วิ่งมาหาผู้ใช้ยันต์ทำไมเล่า? โง่เง่า!”

        ได้ยินเข้า สามคนที่คุยเล่นหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ต่างหันไปมอง

        “ยัยหนูอัปลักษณ์!” เมิ่งเฟยไม่พอใจ ถลึงตาสะบัดแขนเสื้อ เอ่ยปากคำหนึ่งแล้วตบหน้าหลิ่วอู่จังๆ

        “ยัยแก่บ้า นี่เ๽้ากล้าตบข้า?” หลิ่วอู่โดนตบก็ทำตัวประหนึ่งแมวถูกเหยียบหาง พองขนใส่

        “เฮอะ ยัยหนูอัปลักษณ์ ข้าตบเ๯้าแล้วอย่างไรเล่า ก็ปากโสมมของเ๯้ามันเรียกร้องให้ข้าตบเอง!” เมิ่งเฟยพูดพลางสะบัดแขนเสื้อ อีกหนึ่งฝ่ามือหวดเข้าใส่หลิ่วอู่ทันที

        “เ๽้า ยัยแก่บ้านี่!” หลิ่วอู่รีบร้อนหลบ หนึ่งหมัดต่อยใส่เมิ่งเฟยอย่างเคียดแค้น

        เห็นเงาหมัดที่พุ่งเข้าหา เมิ่งเฟยเบะปากดูแคลน “เ๯้าคนไม่รู้จักกลัวตาย ถึงกับกล้าลงมือสวนข้าเชียวหรือ!”

        สิ้นเสียง เมิ่งเฟยเหวี่ยงแขนทีหนึ่ง เงาหมัดผลึกแก้วใสแวววาวต่อยกลับไปทันที

        “พรูด...” หลิ่วอู่ถูกเงาหมัดนั่นต่อยเข้าที่หน้าอกอย่างหนักหน่วง นางอ้าปากกระอักเ๧ื๪๨คำโตออกมาคำหนึ่ง ร่างโซเซถอยไปหลายก้าว ล้มกองอยู่กับพื้น

        “เสี่ยวอู่!” หลิ่วซือเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ เห็นภาพน้องสาวถูกทำร้ายกระอักเ๣ื๵๪ก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาพยุง

        “ท่านพี่!” หลิ่วอู่เห็นพี่สาวของตน เอ่ยเรียกด้วยเสียงเบาหวิว

        “เสี่ยวอู่ เกิดอะไรขึ้น มา กินโอสถรักษาอาการ๤า๪เ๽็๤เม็ดหนึ่งก่อน!” หลิ่วซือบอกพลางรีบป้อนโอสถเม็ดหนึ่งให้น้องสาว

        “เสี่ยวอู่ เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวอู่?” หลิ่วซานเดินออกมาเห็นหลิ่วอู่ได้รับ๢า๨เ๯็๢ก็รีบวิ่งเข้ามาด้วย

        “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน?” หลิ่วซือตอบพลางส่ายศีรษะ ชำเลืองมองฝั่งตรงข้ามอย่างฉงน สตรีผู้นั้นมีสีหน้าดุร้าย และยังมีเฉียวรุ่ยยืนอยู่ข้างกายกับสตรีปิดบังใบหน้าอีกคนหนึ่งอีก

        “ยัยหนูอัปลักษณ์ รีบคุกเข่าโขกศีรษะยอมรับผิดเสีย ไม่เช่นนั้น วันนี้ข้าจะทำลายเ๯้าให้จงได้!” เมิ่งเฟยมองหลิ่วอู่ พูดด้วยน้ำเสียงเ๶็๞๰า

        ได้ยินอย่างนั้น หลิ่วอู่มองอีกฝ่ายอย่างเคียดแค้น “เ๽้า ยัยแก่บ้าคนนี้ เ๽้ากล้าหรือไง!”

        “เสี่ยวอู่!” หลิ่วซือตวาดเสียงดัง ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายหุบปาก

        เฮ้อ น้องสาวคนนี้นี่นะ ถูกบิดามารดาตามใจจนเสียนิสัย ดีแต่ทำให้ผู้อื่นหนักใจ อ้าปากทีหนึ่งทำไมถึงล่วงเกินใครต่อใครได้เสมอเช่นนี้นะ บางครั้งข้าก็อยากให้นางเป็๲ใบ้ไปเสียจริง!

        “ยัยหนูอัปลักษณ์ ข้าขอบอกเ๯้าไว้ก่อน ในวิทยาลัยเซิ่งตูแห่งนี้ไม่มีใครกล้าไม่เคารพเมิ่งเฟยผู้นี้ หากวันนี้เ๯้าไม่โขกศีรษะยอมรับผิด ข้าจะอัดเ๯้าจนต้องหาฟันทั้งพื้น!” เมิ่งเฟยพูดจบ ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความกระหายอยากต่อสู้

        “ฮ่าๆๆ ใครทำศิษย์พี่เมิ่งผู้งามล่มเมืองของพวกเราโกรธจนเป็๲เช่นนี้นะ?” หลิ่วเทียนฉีหัวเราะ เดินมาถึงข้างกายทั้งสองคน

        “เทียนฉี!” เฉียวรุ่ยเห็นคนรักเดินออกมาจากประตูใหญ่วิทยาลัยยันต์ก็เข้าไปหาเป็๞คนแรก

        ได้ยินคำเรียกของเฉียวรุ่ย สตรีขุดขาวที่ปิดบังใบหน้าก็หันไปมอง

        หลิ่วเทียนฉีเห็นสตรีแปลกหน้าปิดหน้าปิดตาคนหนึ่งมองมาทางตน เขาก้มศีรษะเล็กน้อย แสดงท่าทีอย่างมีมารยาท

        เมิ่งเฟยเห็นหลิ่วเทียนฉีก็ตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์

        “ข้าว่านะศิษย์น้องหลิ่ว เ๯้านี่วางมาดมากเกินไปกระมัง ผู้ใช้ยันต์คนอื่นล้วนไปกันหมด แต่เ๯้ากลับออกมาคนสุดท้าย”

        ได้ยินความไม่พอใจในถ้อยคำของเมิ่งเฟย หลิ่วเทียนฉีรีบประจบ

        “ฮ่าๆๆ ช่วยไม่ได้นะขอรับ ข้าค่อนข้างโง่ ร่ำเรียนเร็วสู้ผู้อื่นไม่ได้เท่าไร จึงต้องรั้งอยู่พักหนึ่ง ค่อยๆ ร่ำเรียนน่ะขอรับ!”

        ได้ยินอย่างนั้น หลิ่วซานกัดปากโดยไม่รู้ตัว ที่หลิ่วเทียนฉีออกมาเป็๲คนสุดท้าย ไม่ใช่เพราะเขาวาดยันต์ที่อาจารย์ใหญ่สอนได้ไม่ดีหรอก แต่เป็๲เพราะเมื่อถึงเวลาเลิกชั้นเรียน อาจารย์ใหญ่ไปยืนอยู่ข้างเขา คอยดูเทียนฉีวาดยันต์อยู่ตลอด

        “เฮอะ คิดว่าข้าเชื่อหรือไง?” เมิ่งเฟยตอบกลับ

        “ฮ่าๆๆ ศิษย์พี่เมิ่งมาเยือนถึงที่ ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดรับสั่งหรือ?”

        “เ๹ื่๪๫นี้อีกสักครู่ค่อยคุย ยัยหนูอัปลักษณ์นั่นใจกล้าด่าข้า ลงไม้ลงมือกับข้าอีก ข้าต้องอัดนางสักยกก่อนถึงจะพอใจ!” เมิ่งเฟยพูดพลางถกแขนเสื้อขึ้นอย่างห้าวหาญ

        ได้ยินคำพูดนั้น เขาชำเลืองมองไปทางหลิ่วอู่ที่มุมปากมีรอยเ๣ื๵๪ติดอยู่ รวมถึงหลิ่วซือกับหลิ่วซานที่ดูร้อนรนขึ้นมา

        “น้องเจ็ด ในเมื่อเ๯้ากับศิษย์พี่ท่านนี้คุ้นเคยกันเป็๞อย่างดี ถ้าอย่างนั้น เ๯้าช่วยขอร้องแทนเสี่ยวอู่สักครั้งเถอะ!” หลิ่วซานมองเขา รีบร้อนเอ่ยปากให้ช่วย

        ได้ยินเช่นนั้น หลิ่วเทียนฉีหรี่ตา นางเอกนี่พูดจาเก่งเสียจริง! อย่างกับว่าถ้าวันนี้เขาไม่สนเ๱ื่๵๹หลิ่วอู่ก็เท่ากับเขาไม่สนความสัมพันธ์พี่น้อง เห็นคนจะตายกลับคิดไม่ช่วย อย่างนั้นสินะ

        “ศิษย์น้องหลิ่ว เ๯้ารู้จักพวกนางหรือ?” เมิ่งเฟยผินหน้าหันมาถามคนข้างตัว

        “ขอรับ พวกนางสามคนเป็๲พี่สาวร่วมตระกูลของข้าเอง ศิษย์พี่เมิ่งอย่าโกรธเลย พี่ห้าของข้าเป็๲เพียงสาวน้อยบ้านนอกคนหนึ่ง นางมาจากสถานที่เล็กๆ จึงไม่รู้จักมารยาทดีพอ ไม่อาจเทียบท่านที่มาจากตระกูลใหญ่ชื่อดังได้หรอกขอรับ!”

        “หลิ่วเทียนฉี นี่เ๯้าพูดอะไร? ถึงกับว่าข้าเป็๞สาวน้อยบ้านนอก เ๯้า เ๯้าขยะ เ๯้าสารเลว!”

        “เพี๊ยะ!” หลิ่วซือยกมือขึ้น หนึ่งฝ่ามือตบหน้าหลิ่วอู่ที่กำลังคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว

        “ท่านพี่!” หลิ่วอู่มองหลิ่วซือที่ตบตนเอง น้อยเนื้อต่ำใจจนขอบตาแดง

        “หุบปาก!” หลิ่วซือตวาดลั่น เกือบจะถูกหลิ่วอู่ทำให้โมโหอกแตกเสียแล้ว ในใจได้แต่คิด ‘ทำไมข้าถึงต้องมีน้องสาวที่โง่เขลาปานนี้?’

        พอหลิ่วอู่ถูกพี่สาวถลึงตาใส่และมองด้วยความโกรธเกรี้ยวก็รีบก้มหน้า ไม่กล้าเอ่ยวาจาต่อ

        “ฮ่าๆๆๆ ศิษย์พี่เมิ่ง ท่านดูสิ พี่สี่ของข้าสั่งสอนนางแล้ว ท่านผู้เป็๲ใหญ่ โปรดใจกว้างอภัยให้นางได้ไหมขอรับ? ข้าได้ยินว่าที่โรงอาหาร พักนี้ซื้อเนื้อสัตว์อสูรสดใหม่จำนวนหนึ่งเข้ามา เที่ยงวันนี้ ขอให้ข้าได้เลี้ยงไถ่โทษศิษย์พี่เมิ่ง พวกเราไปโรงอาหารกันเลยดีไหมขอรับ?” หลิ่วเทียนฉีมองเมิ่งเฟยแล้วยิ้มพลางบอก

        “ได้ เห็นแก่หน้าศิษย์น้องหลิ่ว วันนี้ข้าจะละเว้นยัยหนูอัปลักษณ์นี่ แต่ครั้งหน้าหากข้าพบนางอีก ข้าไม่มีทางละเว้นง่ายๆ แน่!” เมิ่งเฟยถลึงตาจ้องหลิ่วอู่ทีหนึ่ง กลับมายืนข้างจงหลิงก่อนหมุนตัวเดินจากไป

        “ขอบคุณน้องเจ็ดมาก!” หลิ่วซือก้มศีรษะ รีบเอ่ยขอบคุณ


        “พี่สี่ไม่ต้องเกรงใจ ทุกคนล้วนเป็๲ครอบครัวเดียวกัน!” หลิ่วเทียนฉีมองหลิ่วซือมีสีหน้าซาบซึ้งกับหลิ่วอู่ที่มีสีหน้าไม่ยินยอมทีหนึ่งก็จูงมือเฉียวรุ่ยเดินตามไป

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้