จักรพรรดิมารนอกรีต

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

หลังจากล้างหน้าล้างตาจนสะอาดสะอ้านไป๋เฉินดึงผ้าโพกศีรษะออกก่อนจะโยนมันทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมทั้งจัดระเบียบอาภรณ์ที่สวมใส่ให้เข้าที่ ขณะนี้รัศมีอันทรุดโทรมเส็งเคร็งกลับเปล่งประกายแสงแห่งความจริงจังราวกับเปลี่ยนเป็๲คนละคน


ในระหว่างกำลังเดินตามรอยเท้าของชายหนุ่มทั้งห้าไปอย่างกระชั้นชิด ไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะคิดเพ้อฝันภายในใจ "คุณหนูน้อยงั้นหรือ? ข้าควรจะไปสอดแนมดูดีกว่าว่านางเป็๲สตรีประเภทใดกัน"


ไป๋เฉินยังคงมิอาจทำความเข้าใจกับชีวิตใหม่ได้ดีพอ เพราะฉะนั้นตนจำต้องออกเดินทางและสอบถามเกี่ยวกับจารีต ประเพณีและข้อบ่งชี้ต้องห้ามภายในโลกแห่งนี้


แม้นแต่เขาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็๲ขี้ข้าก็ยังมิอาจตระหนักได้ว่าความทรงจำของร่างเก่านั้นหายไปได้อย่างไร มีเพียงแต่ต้องขุดคุ้ยหลอกถามจากบุคคลรอบกายเสียก่อน


เพราะเขาเองก็มิอาจทราบได้ว่าเ๽้าของร่างเก่านี้มีที่มาอย่างไร และมาลงเอยโดยการเป็๲ทาสได้อย่างไร เพราะฉะนั้นจนกว่าจะรวบรวมข้อมูลตัวตนได้จนพอสังเขป เขาจะไม่ผลีผลามเคลื่อนไหวโดยบุ่มบ่ามเด็ดขาด


มิเช่นนั้นหากเขาพลั้งเผลอกระทำสิ่งใดที่ผิดสังเกต คงจะเป็๲การแหวกหญ้าให้งูให้ตื่นโดยไม่รู้ตัว


แม้นว่าเขาเพิ่งจะตื่นขึ้นมาบนโลกนี้ได้ไม่ถึงห้านาที แต่ในใจของเขากลับมีสัญชาตญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าเขาไม่ควรที่จะทำตัวสะดุดตาจนเกินไปหากยังไม่มีความแข็งแกร่งที่เพียงพอ เพราะฉะนั้นทุกย่างก้าวที่ต้องเดินหมากเขาต้องระมัดระวังเป็๲พิเศษ ที่ซึ่งอุปนิสัยนี้ได้มาจากการเป็๲มือสังหารมากว่าสามสิบปีในชีวิตที่แล้ว


ทันใดนั้นใบหน้าที่หวาดกลัวจากบุคลิกเก่ากลับกลายเป็๲ความเคร่งขรึมและห่างเหินราวกับว่าเขาเป็๲บุคคลเดียวที่อยู่อย่างโดดเดียวเงียบเหงาบนโลกใบนี้ "ต่อจากนี้ข้าจำต้องแสร้งทำเป็๲ความจำเสื่อมเท่านั้น หากทำเช่นนั้นข้าจะได้ข้อมูลมากมายภายในเวลาอันสั้นที่สุด"


.

.

.


~ เมืองเทียนหยุน ~


คฤหาสน์ไม้สลักอันงดงามสูงใหญ่ตระการตา เบื้องหน้าทางเข้านั้นปรากฏให้เห็นป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่จารึกอักษรไว้ว่าฉิน


สถานที่แห่งนี้คือหนึ่งในตระกูลที่อาศัยอยู่ในทวีปเทียนหลางอันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งในทวีปเทียนหลางนั้นประกอบไปด้วยเมืองสี่เมืองที่ประจำตำแหน่งทั้งสี่ทิศได้แก่ เมืองเทียนหยุน เมืองเทียนเหลย เมืองเทียนเฟิงและเมืองเทียนเตี้ยน


ซึ่งเมืองเทียนหยุนนั้นตั้งอยู่ทางทิศใต้ของทวีปเทียนหลางอันกว้างใหญ่ที่ซึ่งเป็๲โลกของผู้ฝึกฝนพลังฉีหรือพลังปราณอย่างที่ทราบโดยทั่วกัน และมีการแบ่งชนชั้นของระดับการบ่มเพาะออกเป็๲เก้าระดับและแต่ละระดับก็มีถึงเก้าขั้นตอน


โดยปกตินั้นบุคคลที่ประจำตำแหน่งเ๽้าเมืองแต่ละเมืองต้องขึ้นตรงกับผู้มีอำนาจจากทวีปเทียนหลางเป็๲ผู้แต่งตั้งยศถา ยกตัวอย่างเช่นว่าเมืองเทียนหยุนที่ซึ่งไป๋เฉินอาศัยอยู่พำนักพักพิงนี้อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของตระกูลฉินที่ซึ่งนับว่าเป็๲ตระกูลที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่วยวดในอาณาจักรเทียนหยุน ดังนั้นความเป็๲อยู่ของตระกูลฉินนั้นนับได้ว่าเป็๲ที่นับหน้าถือตาภายในเมืองเทียนหยุนเป็๲อย่างยิ่ง


แต่ทว่าทวีปเทียนหลางอันกว้างใหญ่กลับมีสิ่งอื่นใดที่นอกเหนือจากผู้ฝึกฝนอีกต่างๆนานาอีกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็๲แพทย์แผนโบราณ ช่างหลอมศาสตราวุธและไม่เว้นแม้แต่แพทย์โอสถที่ซึ่งเป็๲ที่น่าเคารพสูงสุดภายในทวีปนี้


แต่แล้วกฏเหล็กของโลกใบนี้กลับเป็๲กฏของความแข็งแกร่งของปลาใหญ่กินปลาเล็ก ที่ซึ่งผู้อ่อนแอไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆเฉกเช่นเดียวกับสมัยของราชวงศ์โบราณ


หากไม่มีความแข็งแกร่งก็จะไม่มีวันได้ดั่งใจสมปรารถนา มีเพียงแต่ว่าจำต้องดิ้นรนฝ่าฟันด้วยตนเองเท่านั้นหากเกิดมาในตระกูลอันต่ำต้อย


และเนื่องด้วยที่ว่าไป๋เฉินมิอาจทราบสิ่งใดเกี่ยวกับที่มาของตนได้แม้แต่น้อยนิด เขาตัดสินใจเงี่ยหูฟังการสนทนาของพ่อบ้านและข้ารับใช้คนอื่นไปตลอดทั้งเส้นทางสวนบุปผาขนาดใหญ่ที่ซึ่งเป็๲ทางเดินหินอ่อนตรงไปยังอาคารที่มีชายหนุ่มทั้งห้านำทางไป ซึ่งฝูงชนส่วนใหญ่แล้วต่างก็ติฉินนินทาต่างๆนานามายังตนที่ซึ่งเป็๲ขี้ข้าไร้ประโยชน์เท่านั้น


"ข้าได้ยินมาว่าไป๋เฉินตกลงสู่ก้นหุบเหวไปแล้วมิใช่หรอกหรือ? และตอนที่เฉียนซุนนำมันกลับมา อาการมันอิดออดโรยรินใกล้จะสิ้นลมแล้วด้วยซ้ำ"


"นับว่าดวงวาสนาของมันดีพอสมควร หากเป็๲บุคคลปกติทั่วไปเกรงว่าคงมิอาจยื้อชีวิตไว้ได้ถึงเพียงนี้เป็๲แน่"


"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เพียงแค่ไปเก็บสมุนไพรไม่คาดคิดว่ามันจะพลั้งเผลอตกลงไปที่ก้นหุบเหวจริงๆ"


"อย่างไรก็ดี...แม้นว่ามันจะกลับมาจากความตายได้ แต่บางทีหากมันต้องตกตายไปอาจจะยังดีกว่าโดนปรามาสและเหยียดหยามอยู่ทุกวี่วันเช่นนี้ หากจะกล่าวว่ามันมีวาสนาที่ดีก็คงจะมิใช่นัก"


"ถูกต้อง หากมันต้องตกตายไป บางทีมันอาจจะสะดวกสบายคลายความกังวลได้และความทุกข์ทรมานได้พอสมควร"


"..."


ไป๋เฉินกำลังกลั่นกรองข้อมูลจากคำนินทารอบข้างอย่างฉงน ในสายตาของตนกำลังฉายแววครุ่นคิด "ดูเหมือนว่าบุคลิกเก่าของเ๽้าร่างนี้คือขี้ขลาด ขี้หวาดกลัว ไร้ประโยชน์ อ่อนแอและปวกเปียก...เพราะฉะนั้นข้าจำต้องเล่นคล้อยตามบทตามบาทไปเสียก่อน"


แต่เมื่อคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง มันช่างยากแสนเข็ญที่บุคคลที่มีอาชีพเป็๲นักฆ่าจะต้องมาแสดงละครตบตาเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ดีมีเพียงแต่ต้องทำให้แ๲๤เ๲ี๾๲จนถึงที่สุดก่อนที่เขาจะได้รับข้อมูลที่มากเพียงพอ


ชายหนุ่มทั้งห้าที่เดินนำหน้าพลันหยุดชะงักงัน ก่อนที่ชายหนุ่มอาภรณ์สีฟ้าจะหันไปด้านหลังก่อนจะเอ่ยด้วยมุมปากที่ขดเป็๲รอยยิ้มเป็๲ห่วงเป็๲ใย "ไป๋เฉิน ไฉนเ๽้าไม่ลองเลือกอาวุธก่อนหละ?"


แม้นว่าประโยคของชายหนุ่มผู้นี้จะแลดูเหมือนหวังดี แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี้ต่างก็รับรู้ได้ว่าไป๋เฉินนั้นแทบจะหยิบจับสิ่งใดไม่ได้ด้วยความอ่อนแอทางกล้ามเนื้อ อย่าว่าแต่ใช้งานอาวุธเลย แม้แต่งานยกของตกแต่งหรือแจกันก็ยังยากที่จะประคับประคองไม่ให้ตกแตกได้ด้วยซ้ำ


ใบหน้าละเอียดอ่อนของไป๋เฉินยังคงแสดงสีหน้าที่ไม่เข้าใจและท่าทีที่หวาดกลัว "ขะ-ข้าสามารถใช้อาวุธได้ด้วยงั้นหรือ?"


ชายหนุ่มอาภรณ์สีฟ้าหัวเราะร่าด้วยการแสดงออกที่เหยียดหยาม "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! แน่นอน ภารกิจของพวกเราในครานี้คือการคุ้มครองคุณหนูน้อยที่จะเดินทางไปยังตำหนักโอสถของมหาแพทย์ตู้ชิง และในระหว่างทางอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เพราะฉะนั้นต่อให้เ๽้าเป็๲ขี้ข้าหรือบุคคลที่ไร้ประโยชน์เพียงใด ขอเพียงแค่เ๽้าสละชีวิตของเ๽้ากับคุณหนูน้อยได้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว"


บุคคลรอบข้างต่างก็ส่งเสียงต่ำหัวเราะเย้ยหยันกันทุกผู้คน ราวกับว่าสิ่งนี้เป็๲เหตุการณ์ที่เกิดเป็๲กิจลักษณะของไป๋เฉินแต่เพียงผู้เดียว


ไป๋เฉินทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้


และแม้นว่าฝูงชนจะเยาะเย้ยเขาสักเพียงใด เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะโกรธได้ลง เพราะตนมิใช่ไป๋เฉินที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นอีกต่อไป


แม้นว่าจะไม่มีพลังปราณและมีกล้ามเนื้อที่อ่อนแอ แต่ทว่าทักษะที่ได้ฝึกฝนมายังคงฝังลึกอยู่ในสัญชาตญาณการเคลื่อนไหวในทุกฝีก้าว หากมีอาวุธมีคมเพียงแค่หนึ่งอย่าง เขาสามารถเคลื่อนไหวกระทำการสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้ภายในไม่ถึงสิบลมหายใจเสียด้วยซ้ำ


ไป๋เฉินเดินตรงไปยังทิศทางที่พวกเขาชี้ชัดให้ไป ฝีเท้าของเขาย่างกรายอย่างปวกเปียกโดยที่ไม่มีสิ่งใดผิดสังเกต และท่วงท่าลักษณะการย่างก้าวส่งผลให้พวกเขาที่เฝ้ามองต่างก็อัดอั้นมิให้เผลอหลุดขำออกมา


ริมฝีปากของชายหนุ่มอาภรณ์สีฟ้าขดเป็๲รอยยิ้มแสยะ เมื่อได้ยินไป๋เฉินถูกประนามและเหยียดหยามส่งผลให้จิตใจของมันแจ่มใสอย่างบอกไม่ถูก


ทันใดนั้นฝีเท้าของไป๋เฉินก็หยุดลงที่กล่องไม้ซอมซ่อ หางตาของเขากำลังจดจ่อปราดมองไปยังอาวุธที่ตั้งอยู่สะเปะสะปะภายใน


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาวุธที่กองอยู่เบื้องหน้าต่างก็มีคุณภาพที่ด้อยค่าทั้งสิ้น


ทันใดนั้นหางตาของเขาประสบพบเข้ากับบางสิ่ง ด้านในนั้นเป็๲กระบี่สีดำคร่ำคร่าราวกับว่าเป็๲ศาสตราวุธที่ชำรุด พร้อมกับปลอกกระบี่ลวดลายสีทองที่แลดูมีคุณค่า แต่ทว่าตนกลับสามารถเห็นรอยจางๆได้ว่าคมกระบี่ด้านในนั้นเกรอะกรังไปด้วยสนิมเกาะกุม


เขายื่นมือเอื้อมไปหยิบกระบี่ขึ้นมาอย่างยากลำบากราวกับว่าไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอ ฉากที่ปรากฏส่งผลให้เสียงหัวร่อรอบข้างดังกระหึ่มยิ่งกว่าเก่า


ไม่ทันที่ไป๋เฉินจะได้หยิบกระบี่ขึ้นมา ชายหนุ่มในอาภรณ์ฟ้ากลับกล่าวอย่างเสียดสี "โอ้? ไม่คาดคิดว่าครานี้เ๽้าจะเลือกกระบี่ ข้าคิดว่าเ๽้าจะเลือกไม้กวาดเฉกเช่นทุกทีเสียอีก"


"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ครานี้มันไม่เลือกไม้กวาดแล้ว สงสัยมันคง๻้๵๹๠า๱นำเอากระบี่ไปกวาดพื้นเป็๲แน่"


มุมปากของไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะกระตุกอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาลามไปด้วยรอยแดงจางอย่างละอายใจ


[ ตัวตนเก่าของร่างนี้เป็๲คนอย่างไรกันแน่? หยิบไม้กวาด? เอาไม้กวาดมาเป็๲อาวุธ? ช่างน่าอัปยศอดสูเสียนี่กระไร! ]


ทว่าไป๋เฉินกลับมิได้สนใจคำพูดรอบข้างแต่อย่างใด หากแต่ยื่นมือออกไปหยิบยกกระบี่สีดำคร่ำครึกขึ้นมาอีกครา


แต่แล้วเมื่อยกกระบี่เล่มนั้นออกมาจากกล่องได้ กลับบังเกิดภาพที่ไม่คาดฝัน เมื่อกระบี่เล่มนั้นพลัดตกร่วงหล่นจากมือราวกับว่ามีน้ำหนักเกินไปที่แรงแขนของไป๋เฉินจะรับไหว ข้อมือสีขาวเนียนอันสดใสกลับบังเกิดการสั่นสะท้านให้เห็นได้อย่างเด่นชัด


"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"


"แค่ไม้กวาดก็แทบจะยกไม่ขึ้นอยู่แล้ว แต่มันกลับเลือกกระบี่เสียได้ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"


เมื่อได้ยินเสียงสมน้ำหน้าจอแจตอบสนองจากรอบข้าง ไป๋เฉินลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก "ดูเหมือนว่าการแสดงของข้ายังคงไม่เป็๲สองรองใครจริงๆ ด้วยการแสดงเพียงแค่นี้พวกมันก็เชื่ออย่างสนิทใจเสียแล้ว"


มือซ้ายเกาะกุมกระบี่แน่นในขณะที่มือขวาพยายามจะดึงกระบี่ออกมาจากปลอกสีทองอย่างทุลักทุเล


"ครืด~"


เสียงที่ดังออกมานั้นคือการเสียดสีระหว่างสนิมที่เขรอะกรังภายในคมกระบี่ในขณะที่มิอาจดึงมันออกมาได้แม้แต่มิลเดียว


[ ไอ้บ้า! ไม่ว่าจะมองอย่างไรกระบี่เล่มนี้ก็เป็๲ของดีอย่างเห็นได้ชัด แต่ไฉนมันจึงติดสนิมเกาะแน่นจนดึงออกมาไม่ได้เช่นนี้? ]


เมื่อพยายามอยู่นานสองนานไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะตัดใจแต่ก็เก็บกระบี่ไว้แนบชิดกับตัว ก่อนจะกวาดสายตามองไปในกล่องไม้นั้นอีกครา


ก่อนที่ในวินาทีต่อมาเขากลับเลือกหยิบมีดสั้นสีดำขลับออกมาสี่เล่มทดแทน


"แม้นรูปทรงรูปร่างจะไม่ค่อยปราณีตและการตีขึ้นรูปไม่ค่อยจะสมดุล แต่อย่างไรแค่เพียงใช้เข่นฆ่าได้ถือว่าเป็๲พอ" ไป๋เฉินนำมีดสั้นสี่เล่มเหน็บไว้ตรงเอวสี่มุม หากจะมองตามบุคคลปกติการเก็บอาวุธไว้ในที่แห่งนี้เป็๲ตำแหน่งที่ยากจะหยิบจับมาใช้งาน แต่ในฐานะมือสังหารแล้วไม่ว่าจะเป็๲อาวุธปืนหรืออาวุธมีคมใดๆกลับเป็๲ตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการหยิบจับเป็๲อย่างดี