สีหน้าและน้ำเสียงของจวินจิ่วเฉินไม่ค่อยดีนัก ผู้คนต่างก็มองออกว่าเขาไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง ใครจะไปมีความสุขกับการที่ต้องพบเจอกับเื่ราวการถูกลอบสังหารกัน?
กูเฟยเยี่ยนก็คิดแบบนี้เช่นกัน นางกล่าวขอบคุณก่อนจะนั่งลงอย่างเชื่อฟัง แม้ว่ามือและเท้าจะเ็ปจวนจะตาย ทว่าก็ยังคงยืดเอวนั่งตัวตรงตอบกลับอย่างเอาจริงเอาจัง
“จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย องค์หญิงหวายหนิงใส่ร้ายนู๋ปี้! การที่สามารถตรวจพบลิ่วตันซางลู่ได้นั้นเป็เพราะความสามารถของนู๋ปี้ มันไม่เพียงพอที่จะบ่งบอกได้ว่าน่าสงสัยและยิ่งไม่เพียงพอที่จะเป็หลักฐาน…”
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยยังไม่ทันจบ องค์หญิงหวายหนิงก็แทรกขัดจังหวะ นางเอ่ยว่า “กูเฟยเยี่ยน เ้าไร้ยางอายเสียจริง เดิมทีเปิ่นกงจู่คิดว่าเ้าไม่มีฝีมืออะไร ที่แท้เ้าก็มีฝีมือจริงๆ แต่เป็ฝีมือการคุยโวโอ้อวดเนี่ยนะ? ใต้เท้าหนานกง เ้าวิเคราะห์ดูหน่อย เ้าว่ากูเฟยเยี่ยนน่าสงสัยหรือไม่! ”
ใต้เท้าหนานกงลังเลอยู่ชั่วขณะพลางส่งสายตาไปสอบถามจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย
จวินจิ่วเฉินหาได้แสดงความคิดเห็น เขาเพียงแค่ตอบว่า “คิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น! ”
ใต้เท้าหนานกงจึงเอ่ยถึงข้อสงสัยที่แอบซ่อนไว้ในใจออกมา “ซางลู่ธรรมดาทั่วไปกับลิ่วตันซางลู่มีกลิ่นและรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่แตกต่างกันกับโสมเล็กเลย หากไม่ได้ชิมด้วยปากจะไม่สามารถแยกแยะได้ ทว่าลิ่วตันซางลู่ทั้งสามต้นนั้นต่างก็ไม่ได้บุบสลาย แพทย์หญิงกูไม่เคยลิ้มรส กลับสามารถแยกออกได้ ข้าน้อย…ก็สงสัยเช่นกัน! ”
ทันทีที่ใต้เท้าหนานกงเอ่ยเช่นนี้ ผู้คนทั้งภายในและภายนอกห้องโถงต่างก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที
ทุกคนล้วนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แม้ว่าจะได้ยินคำพูดเกี่ยวกับลิ่วตันซางลู่มาสักพักแล้ว ทว่าก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจนักว่าตกลงแล้วลิ่วตันซางลู่พบเจอได้ยากเพียงใดและมีความคล้ายคลึงกับโสมเล็กมากเพียงใด แต่เมื่อได้ยินใต้เท้าหนานกงเปรียบเทียบเช่นนี้ก็รับรู้แล้วว่าจุดสำคัญของปัญหาอยู่ที่ใด
สมุนไพรที่แม้แต่ศาสตราจารย์แพทย์ของห้องยาสำนักหมอหลวงยังมองไม่ออก ทว่ากูเฟยเยี่ยนที่เป็เพียงแค่แพทย์หญิงตัวน้อยกลับมองออก นี่มันไม่สมเหตุสมผลอย่างเห็นได้ชัด! กูเฟยเยี่ยนจะต้องทราบมาั้แ่แรกแล้วว่าภายในห่อยามีลิ่วตันซางลู่ร่วมอยู่ด้วย!
อันที่จริงแล้วองค์หญิงหวายหนิงไม่ได้เข้าใจเื่ราวเกี่ยวกับลิ่วตันซางลู่มากนัก นางเพียงแค่้าหาตัวตายตัวแทนมารับผิด เมื่อได้ยินใต้เท้าหนานกงเปรียบเทียบเช่นนี้ นางจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางลอบคิดว่าเป็ไปได้หรือไม่ที่ตนเอง้าวางแผนทำร้ายกูเฟยเยี่ยน แต่ถูกกูเฟยเยี่ยนเล่นงานกลับ?
ทว่ากูเฟยเยี่ยนกับอาจารย์แพทย์เจี่ยนไม่เคยคบค้าสมาคมกันเลยนี่นา!
องค์หญิงหวายหนิงครุ่นคิดทว่าก็คิดไม่ออก นางไม่สนใจว่าความจริงจะเป็เช่นไรและคนร้ายตัวจริงเป็ใครแล้ว! เพราะถึงอย่างไรใต้เท้าหนานกงก็ยอมรับในข้อสงสัยของนาง ข้อกล่าวหานี้นางจะโยนไปไว้ที่กูเฟยเยี่ยนให้ได้!
“กูเฟยเยี่ยน เ้ายังมีอะไรจะพูดอีก? เ้าเป็ผู้ที่ใส่ลิ่วตันซานลู่ลงไปใช่หรือไม่? เ้าเป็ผู้ที่ติดสินบนเฉินซานหยวนใช่หรือไม่? ”
เมื่อฉีอวี้เห็นว่าสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง จึงรีบเอ่ยสนับสนุนองค์หญิงหวายหนิง “กูเฟยเยี่ยน เ้าเอาห้าพันเหรียญทองนั่นมาจากที่ใด? ใครเป็คนให้เ้ามา? ข้าไม่แต่งงานกับเ้า เ้าก็เลยสมรู้ร่วมคิดกับคนอื่นเพื่อโยนความผิดมาให้พวกเราตระกูลฉีอย่างนั้นหรือ เ้าจะไม่ชั่วร้ายเกินไปหน่อยหรือ! ”
กูเฟยเยี่ยนไม่แม้แต่จะมองไปที่องค์หญิงหวายหนิงและพรรคพวก หญิงสาวเพียงแค่เอ่ยออกมาหนึ่งประโยคที่ทำให้ทุกคนเกิดความตื่นตะลึง “ใต้เท้าหนานกง ท่านผิดแล้ว แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของลิ่วตันซางลู่กับโสมเล็กแทบจะไม่แตกต่างกัน ทว่าก็ยังคงสามารถใช้รูปลักษณ์ภายนอกมาแยกแยะถึงความแตกต่างได้โดยไม่จำเป็ต้องชิมดู”
นี่…
แพทย์หญิงตัวน้อยกล้าบอกว่าศาสตราจารย์แพทย์ผิดเนี่ยนะ! นี่มันเห็นได้ชัดเลยว่ากำลังยั่วยุอำนาจบารมีของศาสตราจารย์แพทย์!
ชั่วพริบตาเดียวผู้คนต่างก็แตกตื่นขึ้น ใต้เท้าหนานกงก็คิดไม่ถึงด้วยเช่นกัน!
ถ้าหากเปลี่ยนเป็คนอื่นเขาก็คงจะโกรธไปนานแล้ว ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับกูเฟยเยี่ยน เขาไม่กล้าที่ชะล่าใจจริงๆ เนื่องจากบนใบเซียมซีได้เขียนเอาไว้ว่า “จิ้งหวาง้ากูเฟยเยี่ยนเพื่อที่จะทำความเข้าใจด้วยพระองค์เอง” เขาจำมันได้อย่างแม่นยำ เขารู้สึกมาโดยตลอดว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นแล้วจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยคงจะไม่ทำเช่นนั้น
ใต้เท้าเจียงสอบถามข้อสงสัยนี้กับเขามาั้แ่แรกแล้ว การที่ใต้เท้าเจียงกล้าที่จะควบคุมตัวกูเฟยเยี่ยนกับเซี่ยเสี่ยวหม่านเกรงว่าสาเหตุคงไม่ใช่เพียงเพราะถูกองค์หญิงหวายหนิงบีบบังคับทั้งหมดหรอกใช่หรือไม่?
เื่นี้ไม่ง่ายดายเลย!
ใต้เท้าหนานกงกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง ทางด้านขององค์หญิงหวายหนิงนั้นอดทนรอไม่ไหวที่จะสั่งสอนกูเฟยเยี่ยนแทนใต้เท้าหนานกง “กูเฟยเยี่ยน นี่เ้ากำลังสงสัยความสามารถของศาสตราจารย์แพทย์อย่างนั้นหรือ? หึๆ ฝีมือเ้ายิ่งใหญ่เสียจริง! ”
กูเฟยเยี่ยนยังคงไม่สนใจไยดีองค์หญิงหวายหนิง นางยิ้มบางเบาพลางเอ่ยกับใต้เท้าหนานกง “ใต้เท้า สิ่งที่นู๋ปี้พูดออกมาล้วนเป็ความจริงและสามารถพิสูจน์ในสถานที่แห่งนี้ได้”
องค์หญิงหวายหนิงแย่งใต้เท้าหนานกงพูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยามอีกครั้ง “เช่นนั้นเ้าก็พูดออกมาว่ารูปลักษณ์ภายนอกของสมุนไพรสองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไร? สามารถแยกแยะด้วยตาเปล่าได้อย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนยังคงไม่มององค์หญิงหวายหนิงอีกเช่นเคย นางยังคงเอ่ยกับใต้เท้าหนานกง “ใต้เท้า วิธีการแยกแยะนั้นเป็เทคนิคลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ หวังว่าจะเข้าใจ”
ในขณะเดียวกันองค์หญิงหวายหนิงยังไม่ทันที่จะได้แย่งพูด ด้านนอกห้องโถงก็มีคนหัวเราะเยาะเสียงดัง “ฮ่าๆ กูเฟยเยี่ยน เ้าพูดออกมาเช่นนี้แสดงว่าเป็การพูดปากเปล่าไม่มีหลักฐานอย่างนั้นหรือ? เ้าคิดว่าพวกเราเป็คนโง่อย่างนั้นหรือ? ”
“เป็เพียงแค่แพทย์หญิงตัวน้อยยังกล้าพูดจาสามหาวอีก เ้านี่มันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ! ”
“คุณหนูใหญ่ฉีจะต้องเป็ผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน! ความน่าสงสัยของนางมีมากกว่าคุณหนูใหญ่ฉีเยอะเลย! ”
……
กูเฟยเยี่ยนมองข้ามได้แม้กระทั่งองค์หญิงหวายหนิง ดังนั้นนับประสาอะไรกับผู้อื่น สายตาของนางยังคงไม่ละไปจากใต้เท้าหนานกง “ใต้เท้า นู๋ปี้สามารถตรวจสอบยาในสถานที่แห่งนี้ได้”
ในขณะนี้ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึง ทางด้านขององค์หญิงหวายหนิงเหมือนกับแสดงบทบาทเป็หัวหน้าพิจารณาคดี นางตอบตกลงยินยอม “ได้ ให้โอกาสหนึ่งครั้ง! ในวันนี้เปิ่นกงจู่จะทำให้เ้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ได้! ”
ใต้เท้าหนานกงรู้สึกขมขื่นในใจ เขาไม่สามารถเอ่ยแทรกได้สักคำ สุดท้ายจึงทำได้เพียงส่งสายตาตั้งคำถามไปหาจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ทว่าเขากลับพบว่าสีหน้าของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยย่ำแย่กว่าเมื่อสักครู่นี้เสียอีก
จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยหมายความว่าอย่างไรกัน?
ไม่้าให้กูเฟยเยี่ยนตรวจสอบยาอย่างนั้นหรือ? แต่หากว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ตรวจสอบยา ก็จะไม่มีวิธีการอื่นที่จะสามารถลบล้างข้อสงสัยออกไปได้แล้วนี่นา!
ใต้เท้าหนานกงเกิดความหวาดหวั่น!
องค์หญิงหวายหนิงไม่ทรง้ารอแม้แต่วินาทีเดียว นางเร่งรัดอย่างทนไม่ไหว “ใต้เท้าหนานกง ยังไม่รีบไปจัดเตรียมยาสมุนไพรอีก! ”
ใต้เท้าหนานกงหันไปมองจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยอีกครั้ง เมื่อพบว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาจึงทำได้เพียงปฏิบัติตามคำสั่งขององค์หญิงหวายหนิง ลิ่วตันซางลู่สามต้นก่อนหน้านี้ไม่สามารถใช้ต่อได้แล้ว ใต้เท้าหนานกงกลับไปที่ห้องยาสำนักหมอหลวงด้วยตนเองแล้วนำลิ่วตันซางลู่ที่มีอยู่เพียงแค่ต้นเดียวในห้องยาสำนักหมอหลวงออกมา จากนั้นจึงนำโสมเล็กกับซางลู่ธรรมดาทั่วไปมาอีกนิด ก่อนจะนำสมุนไพรทั้งสามชนิดวางไว้ในจานเดียวกัน
เขากำลังจะสั่งให้หยาเว่ยส่งไปให้กูเฟยเยี่ยน แต่องค์หญิงหวายหนิงกลับมาคว้าจานแล้วนำไปวางไว้ด้านหน้าของกูเฟยเยี่ยนด้วยพระองค์เอง
นางเยาะเย้ยก่อนจะเอ่ยกับกูเฟยเยี่ยน “แพทย์หญิงกู เชิญ”
ผู้คนต่างก็มองตรงมาเพื่อรอคอยว่ากูเฟยเยี่ยนจะไกล่เกลี่ยให้ตนเองอย่างไร
ทว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ขยับเขยื้อน นางเพียงแค่ชำเลืองมองจานแวบเดียวก่อนจะตอบกลับมา “จากด้านซ้ายไปด้านขวา อันที่สาม อันที่ห้า และอันที่หก ทั้งสามเป็ซางลู่ธรรมดาทั่วไป
เพียงแค่ชำเลืองมองปราดเดียวนั้นเรียกว่าตรวจสอบยาหรือ? ทุกคนล้วนไม่เชื่อ องค์หญิงหวายหนิงยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ “ใต้เท้าหนานกง “นางแต่งเื่ขึ้นมาใช่หรือไม่? ”
ใต้เท้าหนานกงรู้สึกประหลาดใจมากเหลือเกิน
แม้ว่าผู้ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถแยกแยะโสมกับซางลู่ได้ แต่ความแตกต่างของทั้งสองชนิดนั้นเล็กน้อยมากๆ อย่างน้อยต้องยกขึ้นมามองถึงจะตัดสินได้ ตัวอย่างเช่น รูปลักษณ์ภายนอกของโสมกับซางลู่นั้นมีความละเอียดอ่อนมาก โสมจะมีสีเทาอมเหลืองแต่ซางลู่มีสีเหลือง โสมจะมีพื้นผิวเป็แนวขวางและแนวตรงค่อนข้างมากส่วนซางลู่ผิวจะเป็รูมากกว่า ้าของโสมก้านรากจะโค้งแต่้าของซางลู่จะเป็โพรง ฯลฯ
กูเฟยเยี่ยนเพียงแค่ชำเลืองมองแวบเดียวก็สามารถตัดสินได้ถูกต้อง อีกทั้งยังตัดสินทีเดียวถึงสามต้นอีกด้วย ความสามารถเช่นนี้น่าจะมีศาสตราจารย์แพทย์ในห้องยาสำนักหมอหลวงไม่กี่คนที่สามารถทำได้แน่เลย?
ใต้เท้าหนานกงยิ่งคิดยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตนเอง ภายในใจแอบคิดว่า “ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”
องค์หญิงหวายหนิงไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น นางจึงเร่งรัด “ใต้เท้าหนานกง เ้ารีบพูดสิ! ”