อวิ๋นซานมองสายตาของบุตรสาวและบุตรเขย เขาแค่นเสียงเ็า “พ่อออกไปดื่มสุรามา และบังเอิญเจออาจารย์อาน้อยของพวกเ้าเข้า จึงได้กลับมาด้วยกัน ทำไม ไม่ได้หรือ? ”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงคำขอของตนที่พูดขึ้นในรถม้านั้น อวิ๋นซานก็รู้สึกขัดเขินเล็กน้อย และเป็จ้าวลี่เจียที่พูดกับอวิ๋นซีด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉย “พวกเ้าคุยกันเถอะ ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน”
คำพูดที่ได้ยินในวันนี้น่าตื่นตะลึงอยู่เล็กน้อย ดังนั้น นางจึงจำต้องใช้เวลาขบคิดดูให้ดี
อวิ๋นซานเองก็จะกลับไปพักผ่อนแล้วเช่นกัน ชั่วขณะนั้นจึงเหลือแค่อวิ๋นซีกับจวินเหยียนที่มองหน้ากันไปมา จู่ๆ อวิ๋นซีก็คิดอะไรขึ้นมาได้ นางะโเรียก “รอเดี๋ยวเ้าค่ะ ข้ามีเื่ที่ต้องพูดกับพวกท่าน”
เกือบแย่แล้วสิ ต้องรู้ก่อนว่า วันนี้นางเข้าไปในวังแล้วกล่าวต่อเหล่าราชนิกุลว่า อาจารย์อาน้อยเป็มารดาของตน ดังนั้น หากคนทั้งสองต่างคนต่างกลับไปยังห้องของตนเอง วันรุ่งขึ้นคนทั้งใต้หล้าคงได้ทราบว่า อวิ๋นซีโกหก ด้วยเหตุที่ว่าจ้าวลี่เจียหาใช่มารดาที่แท้จริงของนาง
อวิ๋นซานและจ้าวลี่เจียเดินกลับมา จ้าวลี่เจียถาม “อาซี มีอะไรหรือ? ”
อวิ๋นซีให้หวนเอ๋อร์คอยเฝ้าอยู่ด้านนอก จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งฉุดดึงมือจ้าวลี่เจีย มืออีกข้างหนึ่งฉุดดึงมือบิดาตนแล้วเดินเข้าไปในห้องอบอุ่น ก่อนจะหยุดมองคนทั้งสองที่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว นางยิ้มขึ้นด้วยสีหน้าอย่างคนไม่ประสงค์ดี “จริงๆ แล้ว ข้ามีเื่หนึ่งที่อยากจะขอความร่วมมือจากท่านพ่อและอาจารย์อาน้อยสักหน่อยเ้าค่ะ”
คนทั้งสองพร้อมใจกันมองไปยังอวิ๋นซี อวิ๋นซานถาม “เื่อะไรกันที่พวกเราจะต้องให้ความร่วมมือ? ”
“ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงสงสัยเื่ความสัมพันธ์ของข้ากับชายาอวี๋อ๋อง ตอนนั้นข้าปากไวจึงหลุดพูดไปว่า ยามนี้มารดาข้าพักอยู่ในจวนอ๋อง นางมีนามว่าจ้าวลี่เจีย ส่วนข้ากับชายาอวี๋อ๋องที่หน้าตาคล้ายกัน แท้จริงแล้วไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน...”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ อวิ๋นซานก็มีสีหน้าดำคล้ำ ส่วนจ้าวลี่เจียได้แต่มองไปทางอวิ๋นซีอย่างไม่เป็ธรรมชาติ “อาซี ตอนที่พูดเื่นี้ออกมา เ้าคิดน้อยเกินไปแล้ว” ไม่เสียทีที่เป็พ่อลูกกันจริงๆ แม้แต่สิ่งที่คิดออกมาก็ยังเหมือนกัน
อวิ๋นซีพูดอย่างปลงๆ “อาจารย์อาน้อย จริงๆ แล้วตัวข้าเองก็ไม่อยากพูดออกไปเช่นนั้นหรอกเ้าค่ะ แต่ที่ข้าทำไป ก็เพราะมันเป็ไปตามธรรมชาติ อันที่จริงอาซีชอบท่านมากจริงๆ นะเ้าคะ ดังนั้น เื่ที่หวังให้ท่านและบิดาข้าอยู่ด้วยกันก็ยังถือเป็ความจริง ส่วนมารดาข้านั้น ยามนี้นางได้มีชีวิตใหม่เป็ของตนเองแล้ว ตัวข้าเองก็มีครอบครัวและลูกเป็ของตนเองแล้วเช่นกัน จะห่วงก็แต่บิดาที่ต้องโดดเดี่ยวอยู่ผู้เดียว เขาน่าสงสารจริงๆ นะเ้าคะ บิดาข้าเป็หนุ่มใหญ่ที่ทั้งสุภาพและสง่างาม นิสัยดี อารมณ์ดี ขอแค่พวกท่านอยู่ด้วยกัน ข้าก็เชื่อมั่นว่า เขาจักต้องปฏิบัติต่ออาจารย์อาน้อยอย่างจริงใจด้วยหัวใจทั้งดวงอย่างแน่นอน”
นางชอบอาจารย์อาน้อยด้วยความจริงใจจริงๆ คนมีวิชาแพทย์สูงส่ง ทั้งยังนิสัยดีอีกด้วย ในเมื่อระหว่างบิดาและหลิงเยว่เซวียนไม่มีความเป็ไปได้ที่ทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว เช่นนั้น เพื่ออนาคตของบิดา นางก็เชื่อว่า หากอาจารย์อาน้อยได้ใช้ชีวิตร่วมกับบิดาของนางจริงๆ พวกเขาจักต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้กันและอยู่ด้วยกันอย่างเป็สุขแน่นอน
“เ้าเด็กชั่วร้ายนี่ ต่อให้จะเพื่อบิดาเ้า แต่เ้าก็ไม่ควรมาหาเื่ใส่ข้าเช่นนี้” จ้าวลี่เจียรู้สึกหมดคำจะพูด นี่มันเื่อันใดกัน? นางรู้สึกคล้ายว่า หนนี้นางไม่ควรแวะมาเมืองหลวงเลยจริงๆ
และเมื่อคิดถึงเ้าลูกศิษย์คนนั้นของตนอีก นางก็ยิ่งรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
“อาจารย์อาน้อย ข้าผิดไปแล้วจริงๆ เ้าค่ะ แต่ว่า ข้าก็หวังให้ท่านกลายมาเป็มารดาข้าจริงๆ นะเ้าคะ” อวิ๋นซีทำสีหน้าปั้นยิ้มขมขื่น ตอนนี้จะเหลือก็แต่กอดขาจ้าวลี่เจียเพื่อแสดงความจริงใจแล้ว
อวิ๋นซานคิดไม่ถึงว่าบุตรสาวและตนจะคิดไปในทางเดียวกัน แต่เมื่อต้องได้ยินบุตรสาวเสนอขายตัวเขาอย่างแข็งขันเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ให้รู้สึกไม่พอใจนิดๆ บิดาเช่นเขาแย่ปานนั้นเชียวหรือ?
“ข่าวลือไม่ดีที่ด้านนอกนั่นคงไม่อาจปิดบังได้แล้ว อย่างไรเสีย วันพรุ่งนี้ไทเฮาก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้ว พระนางย่อมไม่มีทางโดนหลอกง่ายดายเช่นนี้แน่ ดังนั้น พวกเราจึงได้แต่ต้องขอร้องท่านพ่อตาและอาจารย์อาน้อยให้ช่วยรับคำขอนี้ไว้พิจารณา แต่หากไม่ได้จริงๆ ข้าและอาซีก็จะลองคิดหาวิธีอื่น”
จ้าวลี่เจียรู้ว่า อย่างไรนางก็ต้องให้คำตอบแก่พวกเขาในตอนนี้ นางจึงขบคิดอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็ตอบคำ “ข้าตกลง ข้าจะช่วยพวกเ้า”
“เยี่ยมมากเลย” อวิ๋นซีพูดยิ้มแย้ม “ขอบคุณเ้าค่ะท่านแม่”
คำว่า ท่านแม่ ของอวิ๋นซี ทำให้จ้าวลี่เจียถึงกับหน้าแดงทันที เพราะตลอด่ระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ตัวนางเองก็เห็นอวิ๋นซีเป็ดั่งบุตรสาวแท้ๆ ของตน แต่จู่ๆ เมื่อต้องได้ยินคนเรียกนางว่า ท่านแม่ ขึ้นมาจริงๆ นางก็รู้สึกไม่คุ้นเคยเล็กน้อย
“ท่านพ่อ ท่านแม่ หากพวกท่านจะไปพักผ่อนละก็ เช่นนั้นก็รีบไปพักเถิดเ้าค่ะ” นางแอบภาวนาในใจอย่างเงียบๆ ด้วยหวังอยากจะให้ละครปลอมๆ นี้ได้กลายมาเป็เื่จริง และให้พวกเขารีบให้กำเนิดน้องชายออกมาให้นางเร็วๆ
จ้าวลี่เจียที่กลับมาถึงห้องตนหันมองอวิ๋นซานที่เดินตามเข้ามาในห้อง ชั่วขณะนั้นนางที่มักจะเป็คนสงบนิ่งเสมอมาก็ไม่รู้เช่นกันว่า ตัวเองควรจะทำตัวเช่นไร ทว่า ในตอนที่นางกำลังปวดหัวสุดๆ อยู่นั้น จู่ๆ อวิ๋นซานก็พูดขึ้นว่า “ขอบคุณเ้ามาก”
จ้าวลี่เจียสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเพียงอยากช่วยอาซีและจวินเหยียนจากใจจริง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเ้าแม้แต่น้อย”
เมื่อพูดจบ นางก็หาเครื่องนอนมาเพิ่มชุดหนึ่ง ก่อนจะนำมาวางลงบนตั่งกุ้ยเฟย “ต่อไปนี้ เ้าก็นอนบนตั่งกุ้ยเฟยนี่แล้วกัน จริงสิ ตอนเช้า หากเ้าตื่นขึ้นมาแล้วก็ให้ระวังไว้หน่อย อย่าทำเสียงดังจนข้าตื่น เพราะตัวข้านี้อารมณ์ร้ายมากนะ หากถูกปลุกให้ตื่นโดยไม่เต็มใจ”
จ้าวลี่เจียที่เพิ่งนึกถึงอารมณ์ร้ายๆ ของตนยามตื่นนอนที่น่าใเล็กน้อยนั่นขึ้นมาได้ นางก็คิดว่า ตนควรจะเตือนอีกฝ่ายในเื่นี้สักหน่อย มิเช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าหากเกิดการใช้กำลังที่ไม่ควรขึ้นมา ก็อาจนำพาให้เื่ราวใหญ่โตแล้ว
อวิ๋นซานนั่งลงบนเก้าอี้พลางมองสตรีที่กล้าพูดออกมาตรงๆ อย่างไม่รู้สึกอะไรว่า ตนเป็คนอารมณ์ร้ายมาก หากถูกปลุกให้ตื่น มุมปากเขาโค้งขึ้นน้อยๆ จากนั้นก็ยิ้มพูดว่า “วางใจเถอะ ข้าจะช่วยเ้าเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับ” เมื่อพูดจบ เขาก็เดินไปยังตั่งกุ้ยเฟย เมื่อค่ำวันนี้เขาดื่มสุราเข้าไปเป็ผลให้ตอนนี้ปวดหัวมาก จึงจำต้องนอนพักผ่อนสักหน่อยแล้ว
จ้าวลี่เจียเห็นเขาเข้านอนแล้ว นางเองก็เตรียมตัวจะไปพักผ่อนเช่นกัน ทว่า ไม่ว่านางจะนอนเช่นไรก็ยังไม่อาจหลับได้ลงสักที ในสมองยังคงปรากฏภาพเงาร่างของบุรุษที่เคยคิดถึงอยู่ทุกเช้าค่ำ นางถอนใจเบาๆ ในใจ หรือว่านี่จะเป็เค้าลางที่บ่งบอกให้นางต้องยอมปล่อยวางให้ได้สักที
จริงๆ แล้ว ด้วยข้อเสนอนี้ นางสามารถไม่ตอบตกลงได้ ทั้งยังสามารถเลือกที่จะไปจากเมืองหลวงได้
แต่สุดท้ายนางกลับตอบตกลงไปอย่างนั้น นั่นไม่ใช่เพราะนางจิตใจดี เพียงแต่ยามนี้นางเหนื่อยมากแล้วจริงๆ และคำพูดของอวิ๋นซีเองก็ทำให้นางใจสั่น อย่างไรก็ตาม ยามที่คนผู้หนึ่งเหนื่อยแล้ว บางทีก็อยากได้ไหล่หนาๆ ของใครสักคนมาเป็ที่พักพิงใจ
อีกประการหนึ่ง เหตุที่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจเลือกหลิ่วเซิงบุรุษที่รักนางอย่างสุดหัวใจผู้นั้นได้ ก็เป็เพราะว่าตนไม่อาจมอบความรักเฉกเดียวกับเขากลับคืนไปได้ ดังนั้น นางถึงได้ตัดสินใจเลือกอวิ๋นซานที่เพิ่งเคยเจอกันเป็ครั้งแรก อย่างไรเสีย คนก็มีประสบการณ์ที่คล้ายกัน นางจึงเชื่อว่า อวิ๋นซานจะเข้าใจนาง และตัวนางเองก็จะได้ไม่ต้องมีความรู้สึกผิดใดให้ต้องรับผิดชอบ
ในเวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นซานเองก็นอนไม่หลับเช่นกัน สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ก็คือ ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ยามที่รถม้าถูกเปิดออก ท่าทีใจนทำอะไรไม่ถูกของสตรีนางนั้น และท่าทางวางใจให้พึ่งพาขณะที่นางหลบอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษอื่น เวลาผ่านไปไม่นาน สตรีผู้นั้นที่เคยเป็ของเขากลับกลายไปเป็ภรรยาของผู้อื่นแล้ว
แต่ก็เป็เพราะเขาเองที่ทำนางหายไป ทั้งหมดนี้ไม่อาจโทษใครได้
คนทั้งสองต่างขบคิดเื่ราวต่างๆ อยู่ในใจจนพาลพาให้นอนไม่หลับไปทั้งคืน ถึงกระนั้นระหว่างพวกเขาก็ไม่มีใครเข้ามาทำลายบรรยากาศอันแปลกประหลาดนี้
เช้าวันถัดมา เมื่ออวิ๋นซานตื่นขึ้นก็พบว่า จ้าวลี่เจียยังคงหลับอยู่ เพียงแต่ผ้าห่มที่ควรอยู่บนตัวนางกลับตกลงมากองอยู่บนพื้น เขายิ้มอย่างปลงๆ เื่นี้ยากจะจินตนาการจริงๆ ว่า แท้จริงแล้วสตรีที่สง่างามเช่นจ้าวลี่เจีย ยามที่หลับใหลจะเผลอเตะผ้าห่มด้วย
เขาเดินเข้าไปเงียบๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ห่มผ้าให้นางอย่างระวังมือ ทว่าจังหวะเดียวกันนี้ที่ด้านนอกเองก็มีเสียงของสาวใช้ดังขึ้นมาพอดี