การมีอยู่ของผู้ฝึกิญญาทั้งสองตนคือไพ่ตายของเย่เฟิง
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
หอกกระดูกมวลพิษปรากฏขึ้น ก่อนพุ่งโจมตีด้านหลังของถังซินอย่างไร้สัญญาณเตือน มันกระแทกเข้ากับโล่พลังชี่ของถังซิน ทว่ายังไม่สามารถทำลายโล่พลังชี่นั่นได้ แม้โล่พลังชี่ของถังซินจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่พลังของจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินยังต่ำเกินไป จึงไม่อาจทำลายโล่ป้องกันของถังซินได้ แต่ทั้งสองก็สามารถดึงดูดความสนใจของถังซินได้สำเร็จ
“ใครกัน?”
ถังซินเผลอหันตัวมองหาผู้ลอบโจมตี เขาเห็นเย่เฟิงอยู่ห่างจากตัวเองมากกว่ายี่สิบเมตร เป็ไปไม่ได้ที่จะเข้ามาคุกคามเขาใน่เวลาสั้นๆ ได้ เขาจำต้องมองหาคนลอบโจมตี เพื่อเลี่ยงไม่ให้เื่พลิกผันและกลายเป็เขาที่ย่ำแย่
ถังซินหมุนตัวกลับไปมอง แต่แทนที่เขาจะเห็นผู้ลอบทำร้าย กลับเห็นใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวห้อยหัวลงมาจากด้านหลังเขา ราวกับเป็พวกดวงิญญาเร่ร่อน ซึ่งทั้งสองดวงิญญาที่หน้าตาน่าเกลียดห้อยหัวลงมา คือร่างที่จ้าวอี้เปยและหลิงเฉินสร้างขึ้นมา
เมื่อเห็นถังซินหันมา ทั้งสองก็แสยะยิ้มอย่างไม่ได้นัดหมาย
“อ๊าก—”
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ถังซินไม่เคยพบเจอเื่เช่นนี้มาก่อน เขาใกลัวจนผงะถอยหลังไปหลายก้าว กว่าจะมีสติตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ทันการเสียแล้ว
รำกระบี่ไร้ตัวตน!
รอบตัวถังซินปรากฏลำแสงกระบี่สีเขียวเข้ม เย่เฟิงใช้รำกระบี่ไร้ตัวตนเป็ครั้งที่สอง ลำแสงกระบี่ฟาดฟันโล่พลังชี่ของถังซินติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่ายาวนานถึงสิบห้าครั้ง กระทั่งถังซินไม่อาจมีชีวิตรอดได้อีก
“มันจบแล้ว”
ร่างของเย่เฟิงปรากฏขึ้น เขาโยนลูกไฟสุดยอดเปลวสุริยะทั้งสองลูกไปยังร่างของถังเยว่และถังซิน เพื่อทำลายซากศพไม่ให้เหลือร่องรอยโดยไม่สนใจตรวจสอบด้วยซ้ำว่าถังซินสิ้นชีพไปแล้วหรือไม่ เพราะชายหนุ่มมั่นใจมากว่ายอดฝีมือที่มีระดับวรยุทธ์แปดสิบปีไม่มีทางต้านทานเคล็ดวิชาของตนได้ หรือต่อให้อีกฝ่ายไม่ตาย แต่เมื่อเจอลูกไฟเพิ่มเข้าไปก็ไม่อาจมีชีวิตรอดไปได้อยู่ดี
เมื่อทั้งสองศพถูกลูกไฟแผดเผาก็เหลือเพียงหมอกควันและเศษฝุ่น เพียงสายลมพัดผ่านมา ร่องรอยการคงอยู่ของพวกเขาทั้งสองก็ไม่หลงเหลืออีกต่อไป
การต่อสู้ขนาดย่อมที่เกิดขึ้นในอุโมงค์ ไม่มีใครรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็ศิษย์ตระกูลถังที่คุ้มกันอยู่ด้านนอกหรือคนในยุทธจักรที่ผ่านเส้นทางในอุโมงค์เพื่อเดินทางไปตามจับเทพธิดาทะเลตะวันออก ไม่มีใครรู้เลยว่าผู้าุโตระกูลถังทั้งสองคนถูกสังหารไปแล้ว
หลังจากจบเื่ ร่างของจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินก็สลายไป กลายเป็ิญญาไร้รูปร่างติดตามเย่เฟิง ทั้งคู่มองเย่เฟิงอย่างชื่นชม ชายหนุ่มสามารถสังหารถังเยว่และถังซินได้อย่างคล่องแคล่วไหลลื่นราวกับสายน้ำ ไม่ติดขัดแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะหลิงเฉิน เขาทราบดีว่าในยุทธจักร ยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์แปดสิบปีนั้นฝีมือร้ายกาจเพียงใด ยิ่งกว่านั้นผู้าุโทั้งสองล้วนเป็กำลังสำคัญของตระกูลถัง แต่ผู้าุโที่มีวรยุทธ์แปดสิบปีกลับถูกเย่เฟิงสังหารได้อย่างง่ายดาย!
ความจริงแล้วหลิงเฉินรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเย่เฟิง ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มสามารถจัดการหลี่เสวียนที่มีวรยุทธ์เก้าสิบห้าปีได้ สำหรับการสังหารผู้าุโที่มีวรยุทธ์แปดสิบปีเพียงสองคนย่อมไม่เป็ปัญหา แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าใครได้เห็นฉากนั้นย่อมต้องตกตะลึงกันทั้งนั้น... หลิงเฉินอดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้ตัวเองในฐานะผู้ฝึกพลังิญญา เทียบกับตอนที่เป็ศิษย์ตำหนักไท่จี๋แล้ว แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากจนเทียบไม่ติด
ยิ่งได้ยินเย่เฟิงบอกว่าบนโลกนี้ไม่ใช่สนามต่อสู้ของพวกเขา แต่เป็อีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้ฝึกวิถีเซียน เื่นี้ทำให้ทั้งจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินตื่นเต้นมาก ตอนนี้ไม่ว่าบุญคุณความแค้นอะไรพวกเขาล้วนตัดขาดทั้งสิ้น ต่อจากนี้ไปมีเพียงการติดตามเย่เฟิงเพื่อเป็ใหญ่ในใต้หล้า
เย่เฟิงล่องหนก่อนเดินทางต่อ การใช้รำกระบี่ไร้ตัวตนถึงสองครั้ง ทำให้เขาสูญพลังชี่ไปเกือบหมด จำต้องกลืนเม็ดยาเพื่อฟื้นฟูพลังชี่
สำนักหมัดเทวายังมีผู้าุโอีกคู่หนึ่งจากทางเหนือและใต้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกับถังเยว่และถังซิน เมื่อกลืนยาฟื้นฟูเข้าไปแล้ว พลังชี่ของเขาก็เหลือพอที่จะรับมือคนทั้งคู่ ส่วนผู้ฝึกวรยุทธ์คนอื่น เขาสามารถใช้เคล็ดวิชาธรรมดารับมือได้ ไม่จำเป็ต้องใช้รำกระบี่ไร้ตัวตนให้สิ้นเปลืองพลังชี่ ตราบใดที่หาโอกาสพบซูเฟยหยิ่งในโบราณสถานได้ สถานการณ์ของเขาก็จะดีขึ้น
เย่เฟิงมุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมใช้จิตหยั่งรู้สำรวจไปด้วย เพียงไม่นานก็เข้ามายังเขตซากปรักหักพังของโบราณสถาน พื้นที่ภายในเริ่มเปลี่ยนเป็ราบเรียบ แต่ตามทางเดินยังคงปกคลุมไปด้วยชั้นทราย เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้เป็สิ่งก่อสร้างที่มีมายาวนานแล้ว
เมื่อมาถึงสถานที่นี้ เย่เฟิงก็พบว่าตนไม่สามารถใช้จิตหยั่งรู้ทะลุผ่านกำแพงเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อยู่ด้านในได้ คงเป็เพราะผู้ฝึกวิถีเซียนสร้างที่นี่ขึ้นมา กำแพงจึงสามารถป้องกันการตรวจสอบของจิตหยั่งรู้ได้
ในโลกเทวะ ไม่ว่าผู้ฝึกวิถีเซียนจะก่อสร้างสิ่งใดขึ้นมาล้วนแต่สามารถป้องกันการตรวจสอบของจิตหยั่งรู้ได้ เว้นแต่ระดับพลังของผู้ใช้จะมากกว่าระดับพลังของผู้สร้างครึ่งหนึ่ง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถใช้จิตหยั่งรู้ตรวจสอบด้านในได้ ยิ่งกว่านั้นหากอยู่ในโลกเทวะ การใช้จิตหยั่งรู้ตรวจสอบถือเป็เื่ไร้มารยาท การใช้จิตหยั่งรู้สำรวจสิ่งก่อสร้างของผู้อื่น หากไม่ระวังอาจเกิดปัญหาขึ้นได้...
เมื่อจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินมาถึงสถานที่นี้ พวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรมากไปกว่านี้ได้เช่นกัน ทำได้เพียงล่องลอยไปมา คิดอยากทะลุผ่านกำแพงก็ไม่อาจทำได้
เย่เฟิงมองโทรศัพท์ก่อนพบว่าไม่มีสัญญาณ จึงโยนเก็บในแหวนมิติ รอออกจากที่นี่ค่อยนำมันออกมา
เพียงไม่นาน เย่เฟิงก็เดินมาถึงใจกลางโบราณสถาน ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าห่างออกไปมีกลุ่มคนกำลังพูดคุยอะไรบางอย่าง ทุกคนในกลุ่มต่างมีอาวุธครบมือ ท่าทีราวกับเตรียมพร้อมตลอดเวลา
“ปืนตาข่ายของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ? กับดักะเิ?”
เย่เฟิงใช้จิตหยั่งรู้กวาดมองก่อนเอ่ยเสียงเบา การเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายเช่นนี้ ดูเหมือนว่าคนในยุทธจักรจะตระหนักถึงความแข็งแกร่งของซูเฟยหยิ่งจนไม่กล้าประมาท ซึ่งเป็สิ่งที่ถูกต้องแล้ว การเผชิญหน้ากับเทพธิดาทะเลตะวันออกที่สามารถโบยบินได้ หากพวกเขายังกล้าประมาทจะไม่เท่ากับว่าพวกเขาโง่เขลาเบาปัญญาหรอกหรือ?
ท่ามกลางคนกลุ่มนั้น มีสหายเก่าที่เย่เฟิงเคยพบหน้าค่าตาอยู่หลายครั้ง ซึ่งก็คือหมัดเทพแดนใต้จากสำนักหมัดเทวา สวีเซียวหยู่ ซึ่งชายชราถูกเ้าหน้าที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจับกุมตัวที่แถบทะเลตะวันออก เขาสิ้นเปลืองน้ำลายไปมากในการอธิบายว่าตัวเองไม่ได้สังหารเ้าหน้าที่ทั้งสองนาย แต่กว่าจะถูกปล่อยตัวออกมาก็กินเวลาไปมากกว่าหนึ่งเดือน ทำให้เขาโมโหมาก
ชายชราคาดเดาว่าต้องเป็เย่เฟิงที่ลงมือสังหารเ้าหน้าที่ทั้งสองคนนั้น แต่เขาไม่มีหลักฐาน ท้ายที่สุดก็ไม่อาจทำอะไรได้ ทำได้เพียงให้ทางสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติลงบันทึกไว้เท่านั้น ซึ่งบางทีนั่นอาจเป็หลักฐานที่จะสร้างปัญหาแก่เย่เฟิงในอนาคตได้...
“ทำไมปืนยาชารอบสุดท้ายยังมาไม่ถึงอีก ไม่ใช่ว่าให้คนตระกูลถังไปรับมาแล้วเหรอ?”
สวีเซียวหยู่ขมวดคิ้ว ชายชรารับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เวลานี้ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แค่รอให้ปืนยาชามาถึง จากนั้นพวกเขาจะเริ่มตามจับตัวเทพธิดาในทันที
กลุ่มของสวีเซียวหยู่ยังคงปักหลักอยู่ที่ใจกลางโบราณสถาน ซึ่งตรงนั้นมีเส้นทางต่างๆ เชื่อมโยงไปแต่ละสถานที่ ดูซับซ้อนราวกับเป็เขาวงกต แต่ละเส้นทางมีขนาดไม่ใหญ่มาก เป็ผนังหินที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสิบเมตร นอกจากสวีเซียวหยู่แล้ว ยังมีศิษย์สำนักหมัดเทวาอีกราวๆ ห้าหกคน
“คิดจะจับตัวเทพธิดางั้นเหรอ? ไม่มีโอกาสนั้นหรอก”
เย่เฟิงขยับเข้าไปใกล้พวกเขาพร้อมกับแสยะยิ้ม
ขณะมาถึงที่นี่ เขาััได้ถึงกลิ่นอายของซูเฟยหยิ่ง ซึ่งใกล้มาก อยู่ไม่ไกลแล้ว มีความเป็ไปได้มากว่าเธอจะอยู่แถวนี้!