หมัดแห่งผู้พิชิตเป็หนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในรัศมีเกือบหมื่นลี้นี้
สิ่งนี้คือศักดิ์ศรีที่ราชันผู้พิชิตแสดงผ่านกระบวนหมัดของเขา
ั้แ่ผู้พิชิตเป็ต้นมา แม้ว่าจะมีผู้ฝึกฝนวิชานี้ แต่ก็ไม่มีใครไปถึงระดับถ่องแท้ได้เลย หลัวเลี่ยนับเป็คนแรก
ชงโหวหู่ที่ครั้งหนึ่งเคยพูดอย่างกล้าหาญว่า ถ้าเขาเป็คนรุ่นเดียวกับราชันผู้พิชิตก็จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าราชันผู้พิชิต และหมัดัทมิฬที่เขาสร้างขึ้นก็จะเหนือกว่าหมัดแห่งราชันผู้พิชิต
และในตอนนี้หมัดแห่งราชันผู้พิชิตก็ได้ปะทะกับหมัดัทมิฬแล้ว
ตูม!
ท่ามกลางเสียงะเิ ทั้งสองถอยหลังออกไปพร้อมกัน
หลัวเลี่ยถอยหลังไปสองก้าว มือขวากุมไหล่ซ้ายเอาไว้ สาเหตุที่เขาถอยหลังเป็เพราะมีดมรกตเหมันต์ที่ยังคงปักอยู่ตรงไหล่ซ้ายของเขา หากเป็ในสถานการณ์ปกติ เขาสามารถต้านทานมันได้อย่างง่ายดาย แต่การเผชิญหน้าในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เมื่อได้รับแรงกระแทก ไอเยือกแข็งของมีดมรกตเหมันต์นั้นก็จะกลับมาทำงานอีกครั้ง ทำให้การไหลเวียนเืแย่ลง ส่งผลให้เขายิ่งได้รับาเ็มากขึ้น
แต่ในทางกลับกัน ชงจ้านหยวนนั้นแย่ยิ่งกว่า
แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับหลัวเลี่ยที่กำลังาเ็และออกแรงได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งหมัดัทมิฬของเขาถึงระดับถ่องแท้แล้ว แต่เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งทางกายภาพของหลัวเลี่ยที่แสดงออกมาผ่านเคล็ดวิชาั์ ก็นับได้ว่าเขายังตามหลังหลัวเลี่ยอยู่มาก
ดังนั้นชงจ้านหยวนก็เหมือนกับว่าวที่เชือกขาด เขาลอยไปไกลกว่าหกจั้ง
ตุ้บ!
ร่างของชงจ้านหยวนตกกระแทกพื้นอย่างแรง ก่อนจะเด้งขึ้นและร่วงลงกระแทกอีกครั้ง
ชงจ้านหยวนอ้าปาก กระอักเืออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“เ้าอยู่ในระดับที่หกของระดับผู้ฝึกตนหรือ เป็ไปได้อย่างไรที่เ้าไล่ตามข้าทัน”
ชงจ้านหยวนไม่อยากจะเชื่อเลย เขาไม่สามารถทนรับผลจากการถูกหลัวเลี่ยที่าเ็ชกเขาได้
ผู้ชมโดยรอบอดไม่ได้ที่จะส่งเสียง
“น่าทึ่งมาก! หลัวเลี่ยแข็งแกร่งมาก”
“ผู้ฝึกตนระดับที่หก เขาเป็ผู้ฝึกตนระดับที่หกจริงๆ”
“ไม่แปลกใจเลยที่หลัวเลี่ยจะยอมรับการแทงตัวเอง เขาไม่ได้เห็นชงจ้านหยวนอยู่ในสายตาเลยสักนิด”
“ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย”
ผู้คนต่างตกตะลึง
หลิวหงเหยียนเกือบจะกรีดร้องออกมา นางกำหมัดแน่น ระงับความใเอาไว้ภายในใจ เพราะมีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่าหลัวเลี่ยฝึกฝนเคล็ดวิชาั์
ั้แ่แรกจนถึงตอนนี้ เขาฝึกมาเพียงสามเดือนหรือ?
ที่สำคัญกว่านั้น ั้แ่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน การฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ไม่เคยมีใครก้าวข้ามระดับที่ห้าไปได้ นี่เป็พร์ที่น่าทึ่งที่สุดในรอบสองพันปี อีกทั้งเขายังใช้เวลาไม่ถึงสิบปีในการถึงระดับที่ห้าด้วยซ้ำ
หลัวเลี่ยอยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่หกแล้ว
ด้วยความเร็วในการพัฒนาเช่นนี้ นางสงสัยด้วยซ้ำว่า หลัวเลี่ยจะเป็จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่กลับชาติมาเกิดหรือไม่
คนที่สีหน้าเปลี่ยนมากที่สุดก็คือชงโหวหู่
ก่อนเริ่มการประลองเขาสงบนิ่ง
เมื่อการประลองเริ่มขึ้น และชงจ้านหยวนเลือกที่จะหลบหนี เขาก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาเดี๋ยวซีดเซียว เดี๋ยวเขียวคล้ำ สิ่งนี้ทำให้หลายคนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
ปฏิกิริยาของคนภายนอกจะเป็อย่างไร หลัวเลี่ยไม่ได้ให้ความสนใจกับมัน เขามีเพียงความคิดเดียว คือรีบจัดการชงจ้านหยวน เพราะหลังจากปะทะกับชงจ้านหยวนในครั้งนี้ าแของเขาก็แยกออก เืไหลออกมามากขึ้น อาการาเ็จากไอเยือกเย็นของมีดมรกตเหมันต์ก็รุนแรงมากขึ้น
หลัวเลี่ยกัดฟันและไม่ได้หยุดซัดพลัง ทันทีที่เขาทรงตัวได้ เขาก็พุ่งออกไปอีกครั้งราวกับั
ในการเคลื่อนไหวดังคลื่นันี้ หลัวเลี่ยใช้หมัดผู้พิชิตอีกครั้ง เขาระดมยิงอย่างดุเดือด
“ข้าไม่เชื่อ ข้าต่างหากที่เป็ชายหนุ่มอันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยสุ่ย”
“อนาคตของข้าต้องอยู่เหนือราชันผู้พิชิต”
“ข้าแข็งแกร่งที่สุด!”
ชงจ้านหยวนกรีดร้องเสียงแหบพร่า เขาลุกขึ้นและทะยานขึ้นไปในอากาศ เพื่อโจมตีหลัวเลี่ยอย่างบ้าคลั่ง
เขาแสดงพลังของหมัดัทมิฬที่รุนแรงที่สุด
หมัดนี้เสียดสีกับอากาศ ส่งเสียงออกมาดั่งัคำราม
ัคำราม
และคลื่นที่ซัดสาด
ทั้งสองสิ่งชนกันกลางอากาศ
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ทันใดนั้นพวกเขาก็ปะทะกันอย่างรุนแรงถึงห้าครั้ง
ทั้งสองคนล้มหงายหลังในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่หลัวเลี่ยล้มลงสู่พื้น แขนซ้ายของเขาก็ได้รับาเ็อีกครั้ง เืไหลจากาแไปตามแขนจนถึงฝ่ามือ และไหลลงมาถึงปลายนิ้ว ก่อนหยดลงเปื้อนพื้นเป็สีแดงฉาน
หลังจากที่ชงจ้านหยวนล้มลงสู่พื้น ร่างกายของเขาก็หักงอ เืไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ขาของเขาสั่นอย่างรุนแรงจนไม่สามารถยืนได้ เขาคุกเข่าลง มือเต็มไปด้วยเื
“ถ้าไม่ใช่เพราะการแทงตัวเองนี่ เ้าคงไม่มีปัญญาโจมตีข้าด้วยซ้ำ” ในขณะที่พูดหลัวเลี่ยก็เดินช้าๆ ไปทางชงจ้านหยวน
แม้ว่าชงจ้านหยวน้าจะแก้ตัว แต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
อันที่จริง ตอนที่ทั้งสองชกกันห้าครั้งในอากาศ นับเป็ครั้งแรกที่พลังโจมตีของหลัวเลี่ยลดลง เพราะอาการาเ็ที่ไหล่ซ้ายของเขามีมากเกินไป เนื่องจากมีดมรกตเหมันต์เป็อาวุธวิเศษ จึงเป็ปกติที่หลัวเลี่ยจะได้รับผลของอาวุธนี้
ชงจ้านหยวนเงยหน้าที่เปื้อนเืขึ้น เขายิ้มอย่างดุร้ายเหมือนหมาป่าและพุ่งตัวออกไปทันที
ลำแสงสีเงินสว่างวาบขึ้น
หอกสั้นปรากฏขึ้นในมือของชงจ้านหยวน แล้วแทงเข้าที่หน้าอกของหลัวเลี่ยอย่างแรง
หอกสั้นนี้คมมาก ถือได้ว่าเป็อาวุธชั้นดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็อาวุธวิเศษ
หลัวเลี่ยตะคอกออกมา เขายืดหน้าอกขึ้นเพื่อรับแรงกระแทก
ตูม!
หอกสั้นกระทบหน้าอกของหลัวเลี่ย และมีเสียงดังขึ้น
ปลายหอกที่แหลมคมไม่สามารถเจาะผิวของหลัวเลี่ยได้
พลังภายในของทั้งสองคนะเิออกมาที่ปลายหอกและบริเวณหน้าอกในเวลาเดียวกัน แล้วอากาศรอบตัวพวกเขาก็ปั่นป่วน
หากชงจ้านหยวนฝึกร่างกายถึงระดับที่แปด หรือเก้า หรือสูงกว่านั้น การที่เขาใช้อาวุธมีคมธรรมดาอาจทำร้ายหลัวเลี่ยได้ เพราะพลังภายในของเขาแข็งแกร่งกว่าหลัวเลี่ย แต่ตอนนี้เป็ไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง เพราะหากอยู่ในระดับพลังเดียวกัน เคล็ดวิชาั์ย่อมแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว
เคร้ง!
หลัวเลี่ยอาศัยจังหวะที่ชงจ้านหยวนกำลังใปัดหอกทิ้ง
เสียงหักของหอกสั้นดังขึ้น
เขาคว้าปลายหอกและแทงไปที่หน้าอกของชงจ้านหยวน ชงจ้านหยวนซึ่งตอบสนองช้าพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเบี่ยงตัวไปด้านข้าง แต่ก็สายเกินไป ‘ฉึก’ ส่วนปลายของหอกแทงเข้าที่ไหล่ซ้ายของชงจ้านหยวน
ชงจ้านหยวนกรีดร้องด้วยความเ็ป
“ข้าจะฆ่าเ้า!”
ชงจ้านหยวนคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“เ้าทำได้หรือ” หลัวเลี่ยพูดอย่างเหยียดหยาม
“เ้าโง่ เ้าทำให้ข้าโมโหจริงๆ แล้ว” ชงจ้านหยวนยกแขนขึ้น และคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังในร่างกายของเขาปั่นป่วน ส่งผลให้อากาศรอบตัวเขาปั่นป่วนไปด้วย
หลังจากนั้น แสงและเงาที่น่ากลัวก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของชงจ้านหยวน
แสงและเงานั้นเกิดเป็ต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่าน
ปลายยอดของต้นไม้นั้นใหญ่โตเสียดฟ้า
ลำต้นหนาตั้งตรงเหมือนหอก และรากเหมือนเขาัแทงตรงลงไปในดิน
นี่!
เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านพฤกษา!
ในโลกนี้มีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินหลายประเภท และคนที่เข้าใจฟ้าดินเหล่านี้มักจะให้กำเนิดพลังในด้านต่างๆ ตามแรงบันดาลใจที่มาจากสิ่งนั้นๆ
เช่นเดียวกับชงจ้านหยวน สิ่งที่เขาเข้าใจคือศักยภาพของต้นไม้ ซึ่งมาจากการเข้าใจในต้นไม้โบราณ
เป็เื่ยากที่จะเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน นับประสาอะไรกับชายหนุ่มที่ยังอยู่ในขอบเขตของระดับผู้ฝึกตน ดังนั้นปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้ชมตกตะลึงในทันที
“ชงจ้านหยวน เขาเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน”
“พลังพฤกษา แม้ว่ามันจะไม่ได้มีพลังเทียบเท่าพลังอัสนี แต่ก็เป็พลังจากธรรมชาติที่สามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้หลายเท่าอย่างแน่นอน การมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทำให้ตอนนี้หลัวเลี่ยกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
ทุกคนรวมถึงหลิวจื่ออั๋งรู้สึกประหลาดใจกับท่าทางของชงจ้านหยวน
อย่างไรก็ตาม แม้จะใแต่หลิวจื่ออั๋งก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“ทันทีที่ชงจ้านหยวนแสดงพลังแห่งพฤกษาออกมา มันไม่สำคัญว่าเขาจะใช้เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินหรือไม่ แต่นับได้ว่าหลัวเลี่ยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชงจ้านหยวนอย่างแน่นอนแล้ว เว้นแต่เขาไม่ได้แทงตัวเอง ถ้าเป็เช่นนั้นเขาก็อาจจะพอสู้ได้” หลิวจื่ออั๋งหัวเราะ “ตราบใดที่เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินของเขาคือูเา เขาจะเป็ 'มีัอยู่ในเป้า' ที่เรากำลังตามหาอยู่อย่างแน่นอน”
ดวงตาของนกฟินิกซ์์เป็ประกาย
กองกำลังทั้งหมดที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดต่างมองไปที่หลัวเลี่ยเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้