ฟิ้ว!
หมาป่าจันทราสีเงินสองหัวมีความอดทนไม่มากนัก มันอ้าปากพ่นกระแสพลังอากาศธาตุสองสายออกมาอีกครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่ากระแสพลังในครั้งนี้ใหญ่โตกว่าครั้งแรกมาก มันพุ่งตรงเข้าใส่กองกำลังนักรบเผ่าปีศาจและเป่าคนเถื่อนที่อยู่บนทางภายในช่องเขาทันที กระแสพลังสีเทาและสีแดงในครั้งนี้ไม่ได้ประสานรวมเข้าด้วยกันแล้วเกิดการะเิขึ้นเหมือนครั้งแรก แต่พลังการทำลายล้างกลับเด่นชัดยิ่งกว่า กระแสพลังสีเทาวิ่งผ่านกองกำลังนักรบเผ่าปีศาจเป็ร้อยๆ ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือไป ทุกที่ที่กระแสพลังวิ่งผ่าน เหล่านักรบเผ่าปีศาจล้วนถูกไอเย็นของกระแสพลังแช่แข็งจนกลายเป็หุ่นแกะสลักน้ำแข็งไปทั้งหมด
ส่วนกระแสพลังสีแดงพุ่งเข้าหากองกำลังนักรบเผ่าคนเถื่อนที่อยู่อีกข้างหนึ่ง จากนั้นลุกไหม้ท่วมขึ้นด้วยไฟที่ร้อนแรง ทั้งกองกำลังถูกเผาไหม้เป็เถ้าถ่านดำมืดไปทั้งหมด ราวกับทุ่งหญ้าเขียวขจีที่ถูกลาวาที่เดือดพล่านไหลผ่านฉะนั้น
“บรู๊ว...”
หมาป่าจันทราสีเงินสองหัวรู้สึกพอใจเป็อย่างมากกับผลงานการสู้รบและพลังทำลายล้างของตนเอง และพอใจที่ได้เห็นสายตาที่หวาดกลัวและเคารพยำเกรงของนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่มองมายังตนเอง มันหอนเสียงยาวออกมาอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นเดินส่ายก้นมุดหายกลับเข้าไปภายในถ้ำดังเดิม เพื่อที่จะสั่งสอนเ้าพวกมดแมลงเหล่านี้มันต้องสิ้นเปลืองพลังที่สะสมมาหลายวัน ตอนนี้มันบรรลุเป้าหมายแล้ว พวกมดแมลงยอมก้มหัวที่แหงนขึ้นมามองให้แก่ตนเองแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็จะต้องไปสนใจพวกมดแมลงเหล่านี้อีก
เยาขาข่าและหมันก้านหยุดยืนอยู่ที่ปากทางเข้าช่องเขาพร้อมทั้งกองกำลังที่ตามมาสมทบทีหลัง มองดูกองกำลังของตนเองที่าเ็ล้มตายไปกว่าครึ่งและที่กำลังหนีตายออกมาอย่างกระเซอะกระเซิง ภายในดวงตาพลันปรากฏความโกรธแค้นเดือดดาลอย่างขีดสุด
เยาขาข่ารับลูกแก้วผลึกโปร่งใสจากสมุนที่อยู่ข้างๆ มาดู มองเห็นจุดสีแดงที่อยู่บนลูกแก้วยังคงกระพริบอยู่ไม่หยุด เขากัดฟันสีทองแล้วพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ดุร้าย “ไล่ล่ามันต่อไป หากไม่ฉีกเ้ามนุษย์ที่สมควรตายคนนี้ให้แหลกเป็ชิ้นๆ ให้ได้ ความแค้นที่อยู่ภายในใจของข้าคงยากที่ขจัดให้หายออกไปได้!”
“ตามมันไป!” หมันก้านไม่ได้พูดอะไรมาก ทำเพียงแค่มองดูจุดสีแดงที่อยู่บนลูกแก้วอย่างเ็า จากนั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นะเื
.................................
“ที่นี่คือที่...”
เย่ชิงหานมองดูเย่สือซาน เย่สือชีและเย่ชิงอู่ที่อยู่ข้างๆ กำลังสอดส่ายสายตามองตรวจสอบไปรอบๆ ทั้งสี่ทิศอย่างระมัดระวัง พวกเขาพบว่าถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายเคลื่อนย้ายมายังภายในหุบเขาที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง หุบเขามีขนาดกว้างใหญ่ ป่าไม้เขียวชอุ่มเป็พุ่มพฤกษ์ กลางหุบเขายังมีทะเลสาบเล็กๆ อีกแห่งหนึ่ง
“อย่าเพิ่งส่งเสียง!”
เย่สือซานยื่นมือออกมายับยั้งคำพูดที่เย่ชิงหานกำลังจะพูดออกมา อาการเคร่งขรึมและสีหน้าเคร่งเครียด เย่สือชีเมื่อหันกลับมามือก็คว้าจับดาบที่อยู่ด้านหลังออกมาด้วยทันที สายตาสอดส่องมองไปรอบทิศทางอย่างตรึงเครียดเช่นกัน
“อืม!”
เย่ชิงอู่ขยับร่างที่อ่อนช้อยงดงามของนางพูดรับออกมาด้วยเสียงแ่เบา เบิกตากว้างมองสำรวจไปโดยรอบทั้งสี่ทิศ แต่หลังจากมองสำรวจโดยรอบทั้งสี่ทิศอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแ่เบาด้วยความสงสัย “สือซาน ดูๆ แล้วก็ปลอดภัยดี ทำไมต้องทำท่าทางตื่นเต้นกังวลออกมาถึงเพียงนี้?”
เย่สือซานยังคงจ้องมองไปทางด้านซ้ายเช่นเดิม ยังไม่ได้ตอบคำถามของเย่ชิงอู่ เพียงแต่มองสบตากันกับเย่สือชี เห็นเย่สือชีพยักหน้ายิ้มเจื่อนๆ ออกมาเช่นเดียวกัน ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็เขียวคล้ำขึ้นมาทันที!
“ภายในหุบเขามีอะไร?” เย่ชิงหานััได้ถึงสีหน้าผิดปกติของทั้งสองคน จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม
“พวกข้าััได้ว่าภายในหุบเขาแห่งนี้มีมารอสูรที่แข็งแกร่งเป็อย่างมากตัวหนึ่ง พลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าหมาป่าจันทราสีเงินสองหัว!” เย่สือซานส่ายหัวไปมาสีหน้าราวกับถูกผีหลอก เพิ่งจะหนีจากถ้ำหมาป่ามา ตอนนี้กลับมาพบเข้ากับมารอสูรระดับเดียวกันอีก ต้องบอกเลยว่าถ้าคนดวงโคตรจะซวยใครก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
“อ๊า!” เย่ชิงอู่ใร้องอุทานออกมาแ่เบาอย่างลืมตัว จากนั้นจึงรีบเอามือปิดปากน้อยๆ ของตนเองอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัว หมาป่าจันทราสีเงินสองหัวมารอสูรระดับแปดคุณภาพขั้นสูง ทำไมพวกของตนเองถึงได้ซวยขนาดนี้ ถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายเคลื่อนย้ายสุ่มมายังรังของมารอสูรระดับสูงที่มีพลังอยู่ในระดับเดียวกันกับหมาป่าจันทราสีเงินสองหัว? นางสูดลมหายใจลึกเข้าไปสองครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ให้กลับมาเป็ปกติ จากนั้นถึงได้กดเสียงต่ำพูดออกมาอีกครั้ง “หรือว่าพวกเราจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเคลื่อนย้ายหนีไปอีกครั้ง?”
“ไม่ได้! ค่ายกลเคลื่อนย้ายมี่เวลาคลายตัวของมันอยู่ ภายในครึ่งชั่วโมงอย่าหวังที่จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเคลื่อนย้ายออกไปได้! อย่าขยับและอย่าส่งเสียง เดี๋ยวจะเป็การล่อให้มารอสูรที่อยู่ในหุบเขาออกมาพวกเราจะซวยกันหมด! ยังดีที่์คุ้มครอง มันไม่ได้สังเกตเห็นการมาของพวกเรา” เย่สือซานเช็ดเหงื่อเย็นที่ผุดออกมาเต็มหน้าผาก ฝืนตนเองให้จิตใจสงบลง จากนั้นเริ่มทำการตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบในละแวกใกล้เคียงขึ้นอย่างระมัดระวัง
เย่ชิงหานและเย่ชิงอู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก สายตาเริ่มทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบขึ้นด้วยเช่นกัน
“โฮก!”
เพียงแต่...เขตพื้นที่หุบเขาทางด้านซ้ายพลันปรากฏเสียงร้องคำรามกึกก้องเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ทั้งสี่คนที่ระมัดระวังเป็อย่างมากไม่กล้าแม้แต่ที่จะส่งเสียงใดๆ ออกมานั้นต้องตื่นตระหนกจนมือไม้อ่อนไปหมด ร่างกายเกือบที่จะทรุดลงกับพื้นยืนต่อไปไม่ไหว ดวงิญญาราวกับจะหลุดออกไปจากร่างอย่างไรอย่างนั้น
“ัคำราม? ถูกมันเจอเข้าจนได้?”
เย่สือชีเบิกตากว้างขนเหงื่อทั่วทั่งตั้งชูชัน โคจรพลังปราณรบอย่างสุดกำลัง ยื่นมือออกไปคว้าจับเย่ชิงหานเตรียมพุ่งทะยานออกไปด้วยกัน
“อย่าเพิ่งขยับ! รอก่อน!” เย่สือซานเองก็จับเย่ชิงอู่ไว้ั้แ่วินาทีแรกเช่นเดียวกัน ขายันไปด้านหลังเตรียมที่จะพุ่งทะยานออกไป แต่คล้ายกับว่าเขาพบเจออะไรบางอย่างเข้าอีกจึงรีบยื่นมือออกไปจับเย่สือชีไว้พร้อมกับร้องเสียงต่ำออกมา
“สือซาน?” เย่สือชีรู้สึกแปลกประหลาดใจ มองสือซานอย่างร้อนรนพร้อมกับพูดออกมา
“โฮก! โฮก!”
ในเวลานี้เอง ไม่คิดว่าบริเวณพื้นที่ด้านซ้ายของหุบเขาจะบังเกิดเสียงัคำรามดังขึ้นมาอีก ทำเอาเย่สือชีใจนก้นจ้ำเบ้ากระแทกพื้นไปในทันที สายตารีบจ้องมองไปยังทิศทางด้านซ้ายมือของหุบเขา ดาบที่อยู่ในมือปรากฏแสงคมดาบที่ร้อนแรงกระเพื่อมวูบวาบไปมาอยู่ไม่หยุด ตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อยู่ทุกเมื่อ
“สือชี รีบเก็บซ่อนพลังปราณรบเดี๋ยวนี้! มารอสูรไม่ได้ค้นพบพวกเรา!” เย่ชิงหานแม้จะถูกเสียงร้องคำรามของัที่สั่นฟ้าะเืดินจนทำให้ตื่นตระหนกแทบจะสติแตกไปด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเรียกสติกลับคืนมาได้และสงบสติอารมณ์ลง ตอนนี้เขาพอที่จะรู้เบาะแสอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงรีบพูดบอกเย่สือชีด้วยเสียงแ่เบา
“หืม?” เย่สือชีอึ้งไปชั่วครู่แล้วจึงรีบเก็บซ่อนพลังปราณรบในทันที หลังจากผ่านความใมาได้ระยะเวลาหนึ่งเขาถึงได้เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา เสียงัคำรามที่ได้ยินมาจากเ้าัใหญ่ตัวนั้น หุบเขาแม้จะกว้างใหญ่ แต่สำหรับัใหญ่ตัวหนึ่งนั้นแค่ออกแรงเลื้อยปราดเดียวก็มาถึง ตอนนี้ัใหญ่ตัวนั้นยังคงร้องคำรามออกมาอยู่ทางฝั่งโน้นเช่นเดิม คิดว่าคงไม่ได้พบเจอพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาในตอนนี้ยังถือว่าปลอดภัยชั่วคราว
แต่ว่าต่อให้พวกเขาโคจรพลังปราณรบวิ่งตะบึงอย่างเต็มกำลังอย่างสุดชีวิตอย่างไรก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกเ้าัพบเจอ ต่อให้พวกเขาวิ่งเร็วแค่ไหนก็เร็วไม่สู้มันอยู่ดี ผลลัพธ์ไม่บอกก็คงจะรู้...
ัเป็มารสูรระดับคุณภาพต่ำสุดเริ่มต้นที่ระดับแปด เพียงแต่...ทั้งมันและพวกเขาอยู่ภายในหุบเขาด้วยกัน เย่สือซานและเย่สือชีต่างััได้ถึงไอพลังัของมันที่แผ่พุ่งออกมา แต่ทำไมมันถึงไม่พบเจอพวกเขา? ทำไมถึงไม่ตรงเข้ามาบดขยี้พวกเขาที่เข้ามารุกรานรังของมันั้แ่แรกที่มันค้นพบ? แต่กลับร้องคำรามอยู่แต่ทิศทางนั้นอย่างเดียวตลอด?
ทำอย่างไรดี?
แค่ปลอดภัยชั่วคราวไม่ได้ทำให้เย่สือซานและเย่สือชีที่ปีนป่ายอยู่กับขอบเหวแห่งความเป็ความตายมาหลายปีรู้สึกผ่อนคลายหรือดีใจขึ้นมาแต่อย่างใด ตอนที่อยู่ตระกูลเย่พวกเขาออกทำภารกิจมากมายหลายครั้ง ประสบพบเจอกับอันตรายต่างๆ มามากมาย หลายต่อหลายครั้งที่เคยไปเดินเล่นหน้าบ้านยมบาลแล้วกลับมา สิบนาทีก่อนพวกเขาประสบกับสถานการณ์ที่อันตรายที่สุดั้แ่ขึ้นเกาะแห่งความมืดมิดมา แต่พวกเขากลับไม่ได้รู้สึกหมดหนทางและอับจนปัญญาเท่ากับในตอนนี้
ครึ่งชั่วโมงก่อนเมื่อพวกเขารู้ว่าถูกกองกำลังนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนโอบล้อม ถูกนักรบนับร้อยนับพันจ้องสังหาร พวกเขาทำอะไรมากไม่ได้ ภายในใจเกิดความร้อนรน แต่พวกเขารู้ดีว่าขอเพียงพวกเขาคิดที่จะทำ แค่พานายน้อยคุณหนูคนสองคนหลบหนีออกไปอย่างสบายนั้นไม่เป็ปัญหาแต่อย่างใด แต่ตอนนี้ไม่ได้มีม้าศึกนับพันหรือนักรบนับหมื่น มีเพียงมารอสูรที่แข็งแกร่งเพียงตัวเดียวที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พวกเขากลับไม่กล้าและไม่สามารถแม้แต่จะขยับเขยื้อนร่างกาย พวกเขาไม่มั่นว่าจะสามารถหลบหนีออกจากหุบเขาแห่งนี้ได้สำเร็จ ภายใต้จมูกของเ้าัเ้าถิ่นตัวนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้