ชาร์ลส์และโจเซฟลงนั่งที่โต๊ะมุมห้อง ชาร์ลส์กำลังจะเริ่มเล่าเื่ราวในความฝัน แต่ยังไม่ทันขาดคำ โจเซฟก็ยกมือขึ้นห้ามปราม สีหน้าของเขาฉายแววกังวลระคนระแวง
"เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเล่าตรงนี้" เสียงกระซิบแ่ของโจเซฟแทบจะกลืนหายไปในเสียงพึมพำของผู้คนรอบข้าง "ที่นี่คนเยอะเกินไป ไม่เหมาะจะพูดเื่สำคัญอย่างนี้หรอก เอาไว้หาที่เงียบๆ ค่อยคุยกันดีกว่า ตอนนี้เปลี่ยนเื่พูดไปก่อน เล่าถึงคดีที่นายไปสืบมาสิ"
ชาร์ลส์ถอนหายใจ ปรายตามองเพื่อนรักอย่างเบื่อหน่าย "จะให้ฉันเล่าทำไมกัน รอดูในจุลสารสัปดาห์หน้าสิ จะได้อ่านรายละเอียดกันชัดๆ"
คนฟังทำหน้าเซ็งๆ ก่อนอ้อนวอน "อย่างั้นน่ะเหรอ แต่ใครจะไปรอนานขนาดนั้น อยากฟังเดี๋ยวนี้จะแย่แล้ว ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยเถอะน่า"
มุมปากของนักสืบหนุ่มกระตุกยิ้ม ก่อนตัดพ้อ "ไม่!" เพียงหนึ่งคำ แต่แฝงความขบขันอยู่ในน้ำเสียง
โจเซฟไม่ได้โกรธเคืองใดๆ กลับยิ้ม ล้วงมือเข้ากระเป๋าเสื้อ ก่อนชูนิ้วเรียกบริกร สั่งไวน์รสเลิศราคาแพงเว่อร์วังขวดโตมาวางตรงกลางโต๊ะ
"น่าเสียดาย ตอนแรกฉันตั้งใจจะเลี้ยงไวน์นายซักขวดเป็ค่าตอบแทน หากนายยอมเล่าเื่สืบสวนให้ฟัง" เขาพูดไปพลางค่อยๆ เลื่อนขวดไวน์เข้าหาตัวช้าๆ
ั์ตาของชาร์ลส์เหลือบมองไวน์อย่างหิวกระหาย เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะดึงขวดกลับมาหาตัวด้วยแรงสุดแขน พยายามสู้กับอีกฝ่าย
"โถ่… เลี้ยงอะไรกัน ฉันกับนายเป็เพื่อนกัน ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนั้น แต่หากจะเลี้ยงฉัน ก็ขอไม่ปฏิเสธน้ำใจนี้ก็แล้วกัน" เขาพูดไปพลางออกแรงดึงเอาขวดเหล้าไปจากมือโจเซฟ
สุดท้ายเพื่อนของเขาก็ยอมปล่อยมือ ชาร์ลส์กุมขวดไวน์ไว้ในอ้อมแขนพร้อมรอยยิ้มผู้ชนะ "เกรงใจจริงๆ"
"ความเกรงใจของนายนี่โดดเด่นแปลกแยกจากคนอื่นไปเลยจริงๆ" โจเซฟตบไหล่เขาหนักๆ อย่างเอ็นดู ก่อนทั้งคู่จะหัวเราะร่วมกันอย่างสนิทสนม
ชาร์ลส์เก็บไวน์ขวดนั้นเอาไว้ก่อน ไม่ได้เปิดดื่มในทันที จากนั้นเริ่มบรรยายถึงคดีล่าสุดที่ผ่านมา
คดีแรกเกี่ยวข้องกับการแก้แค้นของหญิงรับใช้คนหนึ่ง เธอจงใจวางยาพิษเ้านายตัวเองและขุนนางผู้มาเยือน เมื่อสืบไปถึงต้นตอ กลับพบว่าเ้านายเ่าั้เคยใส่ร้ายป้ายสีพ่อเธอจนติดคุก ครอบครัวล่มสลาย หญิงสาวผู้จึงแฝงตัวเข้ามาทำงานรับใช้หวังหาทางเอาคืน ทั้งมันยังโยงไปถึงอีกเื่หนึ่งที่น่าสะพรึง
เป็เื้ัสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งด้วย ซึ่งฉากหน้าอ้างว่ารับเลี้ยงดูเด็กยากไร้ แต่ลับหลังกลับขายพวกเธอให้กับพวกกระเป๋าหนัก ระหว่างที่เล่าเื่นี้ สายตาของโจเซฟทำท่าสนใจเป็พิเศษ
ส่วนคดีที่สองเกิดขึ้นในหมู่บ้านห่างไกล ชาวบ้านจำนวนมากล้มป่วยลงอย่างปริศนา ชาวบ้านป่วยประหลาดร่างกายบิดเบี้ยวเหมือนถูกสาป สืบสาวราวเื่ไปจนพบต้นตอ สาเหตุมาจากเชื้อราในธัญพืชที่กินเข้าไประหว่างการเก็บเกี่ยวและเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี และยังพบว่ามีคนร้ายใช้เชื้อราชนิดเดียวกันนี้ฆ่าคนอีกด้วย
เมื่อเล่าจบ โจเซฟพยักหน้าช้าๆ "เื่เหล่านี้ช่างน่าสนใจ เื่แรกเกิดจากการทุจริตเพียงหนึ่งครั้งกลับทำให้หนึ่งครอบครัวต้องเผชิญหายนะ เื่ที่สองเหตุจูงใจที่ลงมือเกิดจากเพียงแค่ความยึดติด" โจเซฟขมวดคิ้วครุ่นคิด ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ทั้งคู่สนทนากันไปอีกสักพักใหญ่ กระทั่งร้านค่อยๆ เริ่มเงียบเหงาเมื่อใกล้เวลาปิด พนักงานมาเก็บจานชามและเช็ดโต๊ะรอบข้าง ชาร์ลส์เป็ฝ่ายจ่ายค่าอาหารก่อนที่โจเซฟจะทันได้อาสา เขาแย้มยิ้มมุมปากเมื่อเพื่อนทำท่าจะหยิบถุงเงิน
"นายเลี้ยงไวน์แพงขนาดนี้แล้ว ฉันออกค่าอาหารเองดีกว่า"
ค่าอาหารรวมกันเป็เงินหนึ่งครูเซโดกับสี่เดนาริอุส ส่วนไวน์ที่โจเซฟเลี้ยงราคาห้าร้อยครูเซโด
"เอาล่ะ เื่ฝันของนายนั่น เก็บไว้คุยกันเป็การส่วนตัวแบบเงียบๆ จะดีกว่านะ ฉันว่าต้องมีอะไรที่เราต้องวิเคราะห์กันลึกซึ้งกว่านี้"
ชาร์ลส์พยักหน้าเห็นด้วย เขารู้สึกว่าความฝันนี้มีบางอย่างที่ต้องพูดคุยกันจริงจัง
เมื่อเสร็จธุระพวกเขาออกจากร้านที่กำลังปิด ทั้งคู่ก้าวขึ้นรถม้าของโจเซฟ ที่จอดรอพร้อมส่งเพื่อนของเขากลับบ้านพัก ก่อนที่จะกลับคฤหาสน์ อากาศยามค่ำคืนเย็นสบายเงียบสงัด มีเพียงเสียงกีบม้ากระทบพื้นกึกก้อง
ทั้งคู่ทอดตัวพิงหมอนอิงนุ่มของรถม้า ปล่อยให้บรรยากาศเงียบสงบปกคลุมไปชั่วขณะ ทั้งสองต่างครุ่นคิดทบทวนเื่ราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาในวันนี้ พลางมองออกไปนอกหน้าต่างชมบรรยากาศยามราตรี
แสงเหลืองนวลจากโคมไฟและตะเกียงริมทางสาดส่องให้เห็นเค้าโครงตึกรามบ้านช่องและผู้คนที่ผ่านไปมาเลือนราง สายลมหนาวพัดผ่าน ราวกับกระซิบเตือนให้ระวังภัย ชาร์ลส์สะท้านใจ รู้สึกเหมือนมีเงามืดทะมึนแผ่เข้ามาห่อหุ้มจิตใจ
ขณะรถม้าแล่นฝ่าความมืด โจเซฟหันมาสบตากับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
"ในเมื่อตอนนี้มีแค่เรา ลองเล่าเื่ฝันให้ฟังทีสิ ฉันอยากรู้ทุกรายละเอียด" โจเซฟบอกเสียงแ่ต่ำแต่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ชาร์ลส์พยักหน้ารับ เขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ราวกับกำลังรวบรวมสมาธิ ก่อนค่อยๆ เริ่มเล่าทุกสิ่งที่เขาเห็นในฝัน
"ฝันนั้นมันเกิดขึ้นกลางมหาสมุทรที่มีเพียงสายฝนและพายุ ฉันเห็นเรือสองลำปะทะฟาดฟันกันอย่างดุเดือด ไม่มีฝ่ายไหนยอมใคร อยู่ดีๆ ก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ห้วงอากาศมันบิดเบี้ยวและทำลายล้างทุกสิ่งรอบด้านในชั่วพริบตา"
ชาร์ลส์สูดหายใจลึก หัวใจเต้นรัวแรง "แล้วฉันก็พบว่าตัวเองอยู่บนเรือลำนั้น พร้อมกับชายคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนนายมาก ทั้งเราสองคนถูกพลังประหลาดกระหน่ำใส่ แต่ก็รอดมาได้จากหมอกประหลาดจนร่วงลงสู่ท้องทะเลเย็นเฉียบ"
"หลังจากนั้นความทรงจำมันพร่าเลือน ฉันจำได้เพียงภาพสุดท้ายตอนที่ถูกเศษไม้กระแทกศีรษะจนสลบไป ก่อนจะเห็นร่างของนายกำลังว่ายน้ำมาหา" ชาร์ลส์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ฉันคิดว่ามันไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดา...ระหว่างเดินทางกลับมาเมืองหลวงก็เคยฝันลักษณะคล้ายกัน แม้จะสั้นกว่า แต่ทุกอย่างสมจริงอย่างน่าประหลาด เหมือนเป็ภาพความทรงจำในอดีตที่หลุดหายไป"
"นั่นไม่ใช่แค่ความฝัน แต่มันคือส่วนหนึ่งของความทรงจำที่หายไปของนายต่างหาก" โจเซฟเอ่ยขึ้นในที่สุด น้ำเสียงหนักแน่นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง ก่อนที่ชาร์ลส์จะถามย้ำ "ความทรงจำของฉัน?"
"ใช่ เมื่อสองปีก่อน ฉันเดินทางกลับมาจากซาร์เนีย ระหว่างทางเรือของพวกเราถูกโจมตีโดยกองเรือโจรสลัด"
"เดี๋ยวๆๆ นายโดนโจรสลัดโจมตีเนี่ยนะ!?" ชาร์ลส์อุทานด้วยความประหลาดใจ
"ก็ใช่น่ะสิ ทำไมเหรอ?" โจเซฟตอบห้วนๆ
"แล้วนายเดินทางมากับเรือลำไหน?"
"เรือของอาณาจักรไง ถามทำไม?" โจเซฟย้อนกลับอย่างงุนงง
"แล้วมีกองเรือคุ้มกันหรือเปล่า?"
"แน่นอน มีอยู่หลายลำเลยล่ะ"
ชาร์ลส์เงยหน้ามองเพดานรถม้า ใช้มือกุมขมับตัวเองแน่นด้วยความไม่อยากเชื่อ
"มีกองเรือคุ้มกัน แต่พวกโจรสลัดกลับมาปล้นเนี่ยนะ พวกมันเอาอะไรคิดที่จะปล้นเรือที่มีกองเรือคุ้มกันอยู่?"
"เออ… ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ นั่นแหละ" โจเซฟยักไหล่
"หรือว่า… พวกมันมีจำนวนมากกว่า?"
โจเซฟส่ายหน้า "ไม่ใช่หรอก ดูเหมือนพวกมันจะมีจำนวนน้อยกว่าด้วยซ้ำ"
มือชาร์ลส์บีบขมับตนเอง ความคิดพันหมุน "มีกำลังน้อยกว่า แต่ยังคิดจะมาปล้นเรือที่มีทหารคุ้มกัน? มันคิดอะไรกันแน่ว่าจะปล้นได้"
"เอาน่า… สุดท้ายแล้ว พวกเราถล่มพวกมันจนเกือบย่อยยับ จนเหลือเพียงลำสุดท้าย แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดเื่ประหลาดขึ้น ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ลมพายุพัดกระหน่ำ ทะเลก็เกิดคลั่งขึ้น เหตุการณ์นั้นมันทำให้เรือที่เหลือของพวกเราจม จนเหลือแค่ลำที่ฉันอยู่ กับเรือลำสุดท้ายของพวกมัน หลังจากนั้นก็ตามที่นายเห็นในความฝันนั่นไงล่ะ" โจเซฟบอกเสียงเรียบ
สีหน้าของนักสืบหนุ่มเคร่งเครียด เขาตัดพ้อด้วยน้ำเสียงขมขื่น "ฉันพยายามตามหาความจริงมาสองปี แต่กลับไม่พบเบาะแสสำคัญใดๆ เลย แล้วจู่ๆ เื่ราวที่ผุดขึ้นมาในความฝันดันเป็ความทรงจำ… ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ"
"แล้วเื่พลังลึกลับที่ทำลายเรือและหมอกปริศนาที่ปกป้องฉันไว้? นายรู้อะไรบ้าง"
"อ๋อ... หมอกที่นายเห็นกับเื่ห้วงอากาศแปลกประหลาดนั่น ฉันก็พอจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมได้ไม่มากไปกว่าสิ่งที่นายเห็นหรอกนะ"
โจเซฟเอ่ยตอบไปตามความจริง ก่อนจะรีบถามกลับมา
"แล้วนาย นึกเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นออกบ้างไหม?"
ชาร์ลส์ขมวดคิ้วครุ่นคิด แต่สุดท้ายก็ส่ายหัวด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
"ยังเลย ฉันจำอะไรได้ไกลสุดก็ถึงแค่ตอนอยู่กลางพายุในทะเลนั่นแหละ"
โจเซฟมองคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด
"จำได้ว่าตอนนั้นนายแต่งตัวไม่เหมือนพวกเราคนอื่น ๆ ดูผิดแผก มันเหมือนเครื่องแต่งกายจากซาร์เนียพอสมควร?"
"ใช่ ฉันเองก็คิดเหมือนกัน… ตอนนี้จึงกำลังพยายามเก็บเงินไปที่ซาร์เนีย หวังว่าอาจจะได้พบเบาะแสบางอย่างที่โยงไปถึงอดีตของฉันก็ได้"
โจเซฟพยักหน้ารับ "นายพยายามต่อไปเถอะ บางทีเมื่อได้ไปด้วยตัวเอง ความทรงจำบางส่วนอาจจะกลับคืนมาก็ได้นะ" โจเซฟให้กำลังใจเขา
ทันใด นักสืบหนุ่มก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมา "เดี๋ยวนะ… ไปด้วยตัวเอง? ทำไมพูดเหมือนว่านายเคยไปสืบประวัติของฉันมาก่อนเลยล่ะ?" เขาเพ่งมองเพื่อนตรงหน้าด้วยแววตาคาดคั้น
ดวงตาสีฟ้าสดใสของโจเซฟสบเข้ากับตาของเขาตรงๆ โดยไม่หลบเลี่ยง
"ก็ใช่ เราเคยให้คนไปสืบประวัติเื้ัของนายที่ซาร์เนียแล้ว เผื่อจะได้เบาะแสอะไรมาบ้าง แต่ก็ไม่เจออะไรเลย" โจเซฟสารภาพตามตรง
"แล้วทำไมตอนนั้นนายไม่พาฉันไปด้วยล่ะ?" ชาร์ลส์ถามด้วยน้ำเสียงติดจะงอนๆ
"ตอนนั้นนายยังพูดไม่เป็ภาษามนุษย์เลย จะให้ไปช่วยอะไร อีกอย่างพวกเราแค่ให้คนที่อยู่ที่นั่นช่วยหาข้อมูล แล้วส่งข่าวกลับมา ไม่ได้ส่งคนไปสืบเอง"
ชาร์ลส์อ้าปากค้างเล็กน้อย ก่อนจะหุบปากฉับ คำตอบของโจเซฟสมเหตุสมผล เพราะ่ที่เขาหลงลืมความทรงจำใหม่ๆ เขายังสื่อสารกับใครไม่ได้เลย ถูกกักตัวสอบสวน ต้องใช้เวลาเรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด
ส่วนโจเซฟนั้น ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเหลือเพียงเขารอดชีวิตเพียงคนเดียว บรรดาเหล่าข้าราชการและคณะทูตล้วนสิ้นชีพตกทะเลยกคณะ ทำให้เหล่าคู่อริของตระกูลได้โอกาสเล่นงานเขาใน่นั้น โดยให้เขาเป็ผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย
"เออ ก็จริงอย่างที่นายว่า สมัยนั้นฉันยังเป็เหมือนเด็กแบเบาะที่ไม่รู้ภาษาเลยจริงๆ แถมยังถูกกักตัวสอบสวนอยู่นานซะด้วย เฮ่อ..."
"ช่างมันเถอะ ว่าแต่ถ้าเกิดนายได้ความทรงจำกลับมาแล้ว จะทำยังไงต่อ มีแผนการอะไรในใจบ้างไหม?" โจเซฟถามเสียงนุ่ม
คำถามของโจเซฟทำเอาชาร์ลส์ชะงัก เขาเม้มปากขบคิดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยตอบ
"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ยังไม่ได้วางแผนอะไรไว้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าฉันมีครอบครัวหรือคนรู้จักอยู่ที่นั่นจริงๆ และพวกเขาเป็คนดี ฉันอาจจะอยู่กับพวกเขาสักพักเพื่อชดเชย่เวลาที่หายไป แต่ถ้าโชคร้ายเป็พวกไม่ดีละก็... คงต้องกลับมาใช้ชีวิตที่อาณาจักรนี้ต่อแหละมั้ง จริงๆ แล้วฉันชอบที่นี่นะ ถ้าไม่นับระบบศาลที่เอนเอียงกับเ้าหน้าที่รัฐบางพวกที่คดโกงน่ะนะ"
"ก็จริงของนาย ประเด็นเื่ความเหลื่อมล้ำและทุจริตพวกนั้นมันต้องรีบแก้ไขโดยด่วนแล้วจริงๆ" โจเซฟเห็นด้วย แล้วเขาก็นึกเื่บางอย่างได้ขึ้นมา
"อ้อ แต่ก่อนหน้านี้ ตอนนายถามรายละเอียดเื่โจรสลัดโจมตีเรือฉันขนาดนั้น ทำไมไม่ถามต่อล่ะว่าฉันไปทำอะไรที่ซาร์เนียมา? นายไม่อยากรู้เหรอ?"
เขาส่งสายตาท้าทาย แฝงด้วยความข้องใจ ปากยกยิ้มมุมเดียว
"ไม่ล่ะ ขอบคุณ ฉันก็ยังไม่อยากถูกจับฐานรู้ความลับของทางการมากเกินไปน่ะสิ" ชาร์ลส์ยักคิ้วกวนๆ
"ฮ่าๆๆ ไม่มีทางเป็อย่างนั้นหรอก" เพื่อนของเขาโพล่งขึ้นมา แต่สายตากลับฉายแววลุกลี้หลบเลี่ยง
ชาร์ลส์มองเห็นท่าทางนั้นชัดเจน เขาจึงหัวเราะออกมาเช่นกัน "อ้อ ฮ่าๆๆ ...ไอ้***!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้