อิ้งหลีกลายเป็ลูกบุญธรรมของฮูหยินเหยียนนับแต่นั้นเป็ต้นมา ลูกชายคนที่สองของตระกูลเหยียน ขอลุงฝูส่งคนออกไปประกาศทันทีและจัดพิธีแต่งตั้งอย่างเป็ทางการในวันที่หกเดือนแรกของปีใหม่ อิ้งหลีเข้าสู่เมืองหลวงในฐานะคุณชายตระกูลเหยียน ด้วยฐานะดังกล่าว ต่อให้หลังจากเข้าเมืองหลวงแล้วจะไม่มีการคุ้มกันจากฮ่องเต้ แต่ทุกคนก็ต้องหวาดกลัวสามส่วน และอิ้งหลีก็จะปรับตัวกับเมืองหลวงได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากเหตุการณ์ความสุขที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทุกคนจึงผ่อนคลายมากในการสนทนา เสียงหัวเราะดังมาจากห้องโถงใหญ่ไปยังด้านนอกของประตู
ในเวลานี้ผู้ดูแลประตูก็รีบวิ่งเข้ามาโค้งคำนับและพูดกับเว่ยซูหาน
“ฮูหยินน้อย มีคนมาขอพบท่านที่นอกประตูขอรับ”
“หืม?”
ทุกคนมองไปที่เว่ยซูหานอย่างสงสัย เว่ยซูหานเองก็ขมวดคิ้ว “ใคร?”
ผู้ดูแลประตู “ดูเหมือนว่าจะเป็เด็กชาย ดูท่าทางเหมือน้าความช่วยเหลือเร่งด่วน”
“โอ้ ได้” เว่ยซูหานพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่เหยียนชิงและฮูหยินทันที
“ให้เขาเข้ามาเถอะ ข้างนอกอากาศหนาวมาก พาเขาไปที่ห้องโถงด้านข้าง”
คนเฝ้าประตู: "ขอรับ"
ฮูหยินเหยียนเหลือบมองออกไปข้างนอกและครุ่นคิด
“เอาล่ะ พวกเ้าสามีภรรยาไปทำธุระของพวกเ้าเถอะ มาขอความช่วยเหลือถึงหน้าประตูตอนนี้ ส่วนใหญ่ที่บ้านคงจะมีเหตุฉุกเฉินเร่งด่วนจริงๆ พวกเ้าก็จัดการได้ตามที่เห็นสมควร”
“ขอรับ”
เว่ยซูหานและเหยียนชิงลุกขึ้น ก่อนจะสั่งให้ใครสักคนเตรียมหม้อชาร้อนๆ แล้วเดินไปยังห้องโถงด้านข้างต้อนรับแขก ส่วนคนอื่นๆ ก็พูดคุยการอย่างสนุกสนานอยู่ในห้องโถงต่อ
“ข้อน้อยขอคารวะคุณชายรองและฮูหยินน้อย”
ชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดคลุมยาวของบัณฑิตที่เก่าและทรุดโทรมก้มหน้าเดินมาทางพวกเขา โค้งคำนับอย่างนอบน้อม
แต่ก็พอมองออก ถึงจะผอมแต่ก็สูงโปร่ง สูงกว่าเหยียนชิงครึ่งคืบ เวลานี้แก้มแดงเรื่อเพราะอากาศหนาว ริมฝีปากแห้งกร้านแตกระแหงเพราะอากาศเย็น มือที่ยกคารวะก็สั่นเทา แต่ถึงแม้จะมีสภาพเหมือนหมาจนตรอก แต่ก็ไม่ได้บดบังใบหน้าหล่อเหลาของเขา หากไม่เช่นเพราะอากาศเช่นนี้ เขาคงเป็คุณชายใบหน้าหล่อเหลาปากแดงฟันขาวสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน
เหยียนชิงมองพิจารณาเขาั้แ่หัวจรดเท้าก็พยักหน้า “ไม่จำเป็ต้องมากพิธี นั่งลงดื่มชาร้อนๆ กันก่อนเถอะ”
“ขอบคุณคุณชายรอง....”
“ไม่แล้ว ั้แ่นี้ไป ข้าคือคุณชายสาม”
เหยียนชิงเอ่ยขัดจังหวะอีกฝ่าย และนั่งลงพร้อมกับเว่ยซูหาน
คนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์จึงถามอย่างอดไม่ได้ “ทำไมหรือขอรับ?”
เหยียนชิงผลักถ้วยชาร้อนๆ ไปตรงหน้าเขา
“ั้แ่นี้ไป คุณชายอิ้งหลีจะเป็คุณชายรองของตระกูลเหยียน จำเอาไว้นะ วันหน้าอย่าทำให้ให้พี่รองของข้าไม่สบายใจ”
ชายหนุ่มที่สั่นเทาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบและพยักหน้าอย่างตะลึงงัน “... เอ่อ ขอรับ ข้าน้อยจะจำไว้”
เขารู้จักคุณชายอิ้งหลี เช่นเดียวกับคนที่ดูแลตระกูลเหยียนหลายคน ถึงอย่างไรตระกูลเหยียนก็คือตระกูลเ้าของที่ดิน อำนาจของอิ้งหลีในตระกูลเหยียนนี้มีไม่น้อยเลย
เมื่อเห็นว่าเขารู้ เหยียนชิงจึงเปลี่ยนไปที่หัวข้อหลัก “ข้ายังไม่เคยเห็นเ้า ได้ยินว่าเ้า้าพบฮูหยินของข้าหรือ?”
เมื่อพูดเช่นนั้นเขาก็มองไปที่เว่ยซูหาน แต่พบว่าเว่ยซูหานที่เงียบั้แ่เข้ามา ตอนนี้ก็ขมวดคิ้วและจ้องมองคนที่มีท่าทางเขินอาย ดวงตาของเขาลึกล้ำ ยากจะหยั่งถึง และไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
อาจเป็คนรู้จัก?
"ข้าน้อยชื่อหลินซิว เป็ครอบครัวชาวนาที่เช่าที่ดินของท่าน... ที่มาในวันนี้เป็เพราะอากาศที่หนาวเย็นหลายวันมานี้ทำให้ครอบครัวของข้าน้อยล้มป่วย ตอนนี้ข้าน้อยไม่มีเงินไปหาหมอ... เลย... เลยอยากมาปรึกษายืมเงินกับท่าน...”
ขณะที่หลินซิวพูดออกไป เขาก็ก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม ดวงตาของเขามองไปเว่ยซูหานอย่างเงียบๆ และเคลื่อนย้ายไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว ความจริงแล้ว เขา้าไปขอความช่วยเหลือจากเรือนที่ติดกับตระกูลเหยียน แต่เพราะถึงอย่างไร สภาพของเขาเช่นนี้ก็ไม่คู่ควรให้ไปขอความช่วยเหลือจากเรือนเ้าของที่ดิน
แต่ที่เขากล้ามาในเรือนหลักตระกูลเหยียน เพราะได้ยินว่าฮูหยินน้อยของตระกูลเหยียนเป็ภรรยาชายที่มีน้ำใจและเป็กันเอง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้กล้ามาที่นี่ ก่อนหน้านี้เขาเคยลองยืมมาหลายคนแล้ว แต่น่าเสียดายที่คนเ่าั้ไม่ให้ยืม หรือไม่ก็มักจะมีเงื่อนไข...
เขาหมดหวังแล้วเลยต้องมาบากหน้ามาหาจวนเ้าของที่ดิน
“ยืมเงิน?” เหยียนชิงได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันที ก่อนจะดึงแขนเสื้อของเว่ยซูหานที่ยังตะลึงงัน แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยิน เ้ารู้จักคุณชายหลินผู้นี้หรือไม่?”
ผู้เช่ากล้ามาขอยืมเงินถึงประตูในเวลานี้ คงลำบากจริงๆ ถ้าเป็คนที่เว่ยซูหานรู้จักเช่นนั้นจะช่วยก็ย่อมได้ ไม่ว่าจะเป็การยืมหรือไม่
“แค่ก...” เว่ยซูหานได้สติกลับมา หลังจากมองหลินซิวด้วยสายตาซับซ้อนก่อนส่ายหัว “ไม่รู้จัก แต่ในเมื่อเป็ผู้เช่าที่ดิน คุณชายหลินเองก็น่าจะรู้จักข้า”
เขารู้จักหลินซิวก็จริง แต่เป็ในชาติที่แล้ว อีกทั้งยังเป็สถานที่เช่นนั้น ไม่ใช่สภาพหลินซิวที่จนตรอกเช่นตอนนี้ แต่เป็หลินซิวที่สวมชุดผ้าแพรหรูหราที่ถูกยาปลุกกำหนัดกำลังถูกเหยียนิฮ่วนกดลงบนเตียงนุ่มๆ น้ำตายังคงไหลพรากไม่หยุด เขาถูกมัดอยู่ด้านข้างและมองดูฉากร่วมรักที่รุนแรงและผิดธรรมชาตินั่น
เมื่อเห็นหลินซิวต้องได้รับความอัปยศอดสูภายใต้ร่างของเหยียนิฮ่วน เขาก็นึกถึงตัวเอง ดังนั้นเวลานี้จึงมองไปที่หลินซิว ในใจก็รู้สึกเปราะบางยิ่งนัก
แต่ตอนที่เหยียนิฮ่วนพาคนกลับมาได้ไม่นาน ก็เหมือนว่าจะเป็่เทศกาลหยวนเซียว หลินซิวก็ะโน้ำฆ่าตัวตาย เื่ต่อจากนั้นเขาเองก็ไม่รู้แล้ว เพราะเหยียนิฮ่วนเปลี่ยนคนใหม่
ในชีวิตที่แล้ว เขาก็จำได้ว่านี่ก็เป็ฤดูหนาวเช่นกัน แม้ชีวิตในตอนนั้นจะมืดมนไม่รู้วัน แต่พอคิดๆ ดูก็น่าจะเป็่เวลานี้ สถานการณ์ก็คงเหมือนตอนนี้ ชาติที่แล้วเหยียนิฮ่วนมีตำแหน่งสูงในตระกูลเหยียน ตอนนั้นหลินซิวเข้าจวนมาขอความช่วยเหลือ แต่งตัวสวมกวาน พอสัตว์เดรัจฉานอย่างเหยียนิฮ่วนเจอก็เกิดอารมณ์ ดังนั้น... ฮ่าๆ นับว่าเป็เื่ปกติ
หลินซิวยิ่งก้มหัวลงต่ำขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าน้อยไม่เคยพูดกับฮูหยินน้อย แต่ก็เคยพบฮูหยินน้อยมาก่อน และพวกเราก็ขอบคุณที่ฮูหยินน้อยเลื่อนวันจ่ายค่าเช่าออกไป...”
เว่ยซูหานพยักหน้าเอ่ยถาม “เมื่อครู่เ้าบอกว่าคนในครอบครัวเ้าล้มป่วยหรือ?”
หลินซิว “ขอ ขอรับ สามีข้าถูกลมหนาวจนป่วยขอรับ”
เว่ยซูหานเลิกคิ้ว “สามี?”
ชาติก่อนเขาจำได้ว่าเหยียนิฮ่วนบอกกับคนอื่นว่าพี่ชายของหลินซิวป่วย ที่แท้ก็เป็สามีของเขานี่เอง เพื่อจะได้คนคนหนึ่ง ไม่ว่าคำพูดอะไรก็พูดออกไปได้ทั้งนั้น
หลินซิวกัดริมฝีปากและเอ่ยเสียงอู้อี้
“ขอรับ สามีข้า เขาชื่อหานตงหลิน ปกติเป็ช่างไม้ เมื่อหลายวันก่อนพลัดตกลงน้ำเพราะถือของใครคนอยู่ พอกลับมาก็ไม่สบายแล้ว...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ น้ำตาก็เริ่มคลอ สามีของเขาทำงานหนักติดต่อกันสองวันสองคืนเพื่อซื้อชุดใหม่ให้เขาเป็ของขวัญปีใหม่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ฟัง ถ้ารู้แต่แรกเขาน่าจะโกรธั้แ่ตอนนั้น ถ้าเขาโกรธคนผู้นั้นไม่กล้าไปแน่นอน
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังกลั้นน้ำตา เหยียนชิงก็เห็นอกเห็นใจ มองเว่ยซูหาน เว่ยซูหานลุกขึ้นยืน
“ไปสิ พาพวกข้าไปที่เรือนของเ้า ข้าจะพาหมอไปด้วย เื่เงิน ข้าจะให้เ้ายืม”
ชาติที่แล้ว หลินซิวะโน้ำฆ่าตัวตายก็เพราะว่าเหยียนิฮ่วน น่าเสียดายที่ตอนนั้นเหยียนิฮ่วนมีอำนาจ คนตายทั้งคนกลับตายไปเปล่าๆ มันไม่มีผลอะไรกับสัตว์เดรัจฉานตัวนั้น
