เหอชูซานจงใจสวมหน้ากากอนามัยก่อนจะวิ่งลงมาข้างล่าง เมื่อคนไข้ที่มารักษารากฟันเป็ประจำกำลังรอพ่อของเขาผ่าตัดอยู่ข้างล่างเห็น จึงถามด้วยสำเนียงที่ฟังไม่ชัดนักเพราะอมสำลีอยู่ “อาสาม? วันนี้ไม่ไปเรียนหรือ?”
“เขาเป็หวัด เลยพักอยู่บ้าน ฮ่าฮ่า!” หมอฟันเหอรีบพูดเสริมเื่ที่ลูกชายสวมหน้ากากอนามัย วันนี้มีเื่ให้เขาใมากเกินไป แถมที่บ้านยังมีมาเฟียคนใหญ่คนโตพักอยู่ด้วยอีก ใจจริงเขาไม่อยากเปิดคลินิกเสียด้วยซ้ำ แต่เหอชูซานคิดว่าการปิดคลินิกกะทันหันจะทำให้คนสงสัย พ่อลูกเลยรีบมาทำความสะอาดคราบเืในคลินิกั้แ่เช้าตรู่ แล้วเปิดคลินิกรับคนไข้ตามปกติ
เหอชูซานทักทายคุณลุงคนนั้นด้วยเสียงแหบพร่า แล้วรีบออกไปซื้อแกงกะหรี่หนิวจ๋าร้อนๆ ชามใหญ่จากร้านอาหารข้างๆ กลับมา
“เป็หวัดแล้วยังจะกินหนิวจ๋าอีกหรือ?” คนไข้ประจำพูดขณะอมสำลีอยู่
“ทำไมเป็หวัดถึงกินเครื่องในตุ๋นไม่ได้กัน! เครื่องในช่วยบำรุงกำลังและเืลม เป็เนื้อชั้นดีเลยนะ!” หมอฟันเหอรีบพูด
“เครื่องในที่ไหนจะเรียกว่าเนื้อได้กันล่ะ” เหอชูซานมองพ่ออย่างพูดไม่ออก รู้สึกว่าพ่อเขาเครียดเกินไป ระวังเื่ที่พวกเขาปิดบังไว้จะแตกเอานะ
หมอฟันเหอประหม่าจนแทบคลั่ง แทบจะวิ่งไปะโกลางถนนว่า ‘ชั้นสองของบ้านฉันไม่มีคนซ่อนอยู่แน่นอน’ เขาเฝ้ามองลูกชายถือชามเครื่องในตุ๋นขึ้นไปชั้นบนด้วยความหวาดกลัว รู้สึกเหมือนอกจะะเิออกมา
เหอชูซานพยุงชย่าลิ่วอีที่ทั่วทั้งแผ่นหลังเต็มไปด้วยาแจากมีดให้ลุกขึ้นมากินเนื้อตุ๋น เขาใช้แขนด้านที่ไม่ได้ถูกยิงพิงผนังอย่างโซซัดโซเซและกินโดยไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมา ส่วนเหอชูซานก็นั่งยองๆ แล้วกลับไปอ่านหนังสือต่อ
ชย่าลิ่วอีกินหนิวจ๋าเพียงไม่กี่คำก็หมดชาม เขาผ่อนลมหายใจยาวๆ แล้วนั่งนิ่งพิงผนังอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “น้ำ”
เหอชูซานรินน้ำแก้วใหญ่ให้เขาและดูแลจนดื่มเสร็จ จากนั้นลูกพี่คนนี้ก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “บุหรี่”
คราวนี้เหอชูซานส่ายหัว “ไม่มีบุหรี่ พี่าเ็อยู่นะ สูบบุหรี่ไม่ได้”
“ไอ้เวร!” ชย่าลิ่วอีพูดอีกครั้ง “บุหรี่!”
เขาจ้องมองเหอชูซานที่กลับไปนั่งอ่านหนังสือต่อและทำเป็ไม่สนใจเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ไอ้แขกอินเดียบ้านี่มันช่างเด็ดเดี่ยวเสียจริง
ชย่าลิ่วอีจ้องเหอชูซานอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าไม่น่าสนใจ เขาก็กลับไปพิงผนังแล้วเหม่อลอยต่อ ทั้งสองคนอยู่ร่วมกันคนละมุมห้องอย่างเงียบๆ ่เช้าของวันจึงผ่านไปด้วยความสงบสุข
เมื่อถึงเวลาเที่ยงเหอชูซานก็ปิดหนังสือ เขายืนขึ้นยืดเส้นยืดสายแล้วถามชย่าลิ่วอีว่า “พี่อยากกินอะไรไหม”
“หนิวจ๋า”
เหอชูซานหยิบ ‘ค่าต้นฉบับ’ ที่ชย่าลิ่วอีเคยให้เขาไว้ออกมาจากกล่องเหล็กใบเล็ก แล้วเดินลงบันไดไปซื้อหนิวจ๋ามาให้เขาสามชาม เห็นดังนั้นเจ๊เ้าของร้านจึงเริ่มสงสัยว่าในหม้อหนิวจ๋าของเธอมี ‘ผงขาว’ ผสมอยู่หรือเปล่า ทำไมเขาถึงติดใจได้ขนาดนี้
ขณะที่ชย่าลิ่วอีกินหนิวจ๋า เขาก็กวาดสายตาสำรวจห้องไปด้วย ห้องนี้เป็ห้องเล็กๆ กว้างไม่ถึงสิบตารางเมตร มีแค่เตียง ม้านั่งตัวใหญ่ ม้านั่งตัวเล็ก และชั้นหนังสือตรงมุมห้อง กับม่านสีขาวสะอาดที่ถูกดึงลงมาจนมองไม่เห็นว่าข้างนอกเป็อย่างไร
บริเวณชั้นหนังสือ หัวเตียง และพื้นห้องเต็มไปด้วยหนังสือมากมาย ส่วนใหญ่เป็หนังสือเก่าซึ่งน่าจะได้มาจากร้านหนังสือมือสอง นอกจากนี้ยังมีหนังสือปกแข็งที่ดูใหม่และประณีตขนาดใหญ่อีกหลายเล่ม
เหอชูซานจัดหนังสือปกแข็งขนาดใหญ่ที่ยืมมาจากห้องสมุดมหาวิทยาลัยใส่กระเป๋าใบเล็กที่ขาดวิ่น แล้ววางชามใบใหญ่บนม้านั่งที่ใช้เป็โต๊ะ ในชามมีข้าวสวย หมูแดงบางๆ สองชิ้น และไข่ดาวหนึ่งฟอง
“เฮ้ย” ชย่าลิ่วอีพูด พร้อมกับชี้ไปทางชามหนิวจ๋าที่เหลืออยู่ “ไม่อยากกินแล้ว”
เหอชูซานจึงเดินมาหยิบหนิวจ๋าไปเทลงในชามของตัวเอง คนน้ำซุป แล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากกินข้าวกลางวันมื้อใหญ่ที่ไม่ได้กินมานาน เขาก็ลงไปชั้นล่างเพื่อล้างชามและตะเกียบอย่างระมัดระวังโดยใช้น้ำจากโอ่งเก็บน้ำใบใหญ่เพียงครึ่งขัน จากนั้นจึงกลับขึ้นไปที่ชั้นสอง ชย่าลิ่วอียังคงดูหงอยเหงาเหมือนเดิม
เหอชูซานอดไม่ได้จึงถามเขาว่า “พี่ถูกไล่ล่าหรือเปล่า? ไปมีเื่อะไรมาหรือ?”
ชย่าลิวอีไม่แม้แต่จะมองเขา ตอบกลับสั้นๆ เพียงแค่ “ไม่ใช่เื่ของนาย”
ออกมาแล้ว นิสัยแย่ๆ ของพวกมาเฟีย! เหอชูซานปิดปากอย่างว่าง่าย เขาเก็บกระเป๋าแล้วออกไปเรียนโดยที่ยังสวมหน้ากากอนามัยอยู่
ชย่าลิ่วอีนอนคว่ำอยู่ในบ้านของเหอชูซานอย่างสงบติดต่อกันสามวันเต็มๆ แล้ว และนอกจากคำว่า ‘หนิวจ๋า’ ‘ลูกชิ้นปลา’ ‘ก๋วยเตี๋ยวหลอด’ ‘ตีนไก่’ ‘ซาลาเปามันปู’ และ ‘บ้าเอ๊ย! บุหรี่!’ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
คืนวันที่สาม เมื่อถึงเวลาเลิกงานของหมอฟันเหอ เขาก็ปิดคลินิกแล้วเดินขึ้นมาบนห้องชั้นสองเพื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ชย่าลิ่วอี เมื่อพบถุงอาหาร ไม้เสียบลูกชิ้น และเศษอาหารต่างๆ กองเต็มห้องก็โมโหและต่อว่าชย่าลิ่วอีอย่างรุนแรง “วันๆ กินแต่หนิวจ๋า?! นี่อะไร แกงกะหรี่ลูกชิ้นปลา? แล้วยังกินแบบเผ็ดอีก?! สุดจะทน สุดจะทน! ยาต้มที่ให้ไปเมื่อวานกินหรือยัง?”
เหอชูซานทำหน้าซื่อๆ แล้วพูดว่า “ไม่ได้กินครับ เขาบอกว่าขม ให้ผมเททิ้งไปแล้ว”
หมอฟันเหอผู้มีจิตใจเมตตาโกรธจัด จิ้มหน้าผากเหอชูซานอย่างแรงต่อหน้าชย่าลิ่วอีและดุว่า “มัวแต่อ่านหนังสืออย่างเดียว เขาบอกอะไรก็ทำตามหมดเลยหรือยังไง พวกอันธพาลไม่มีการศึกษา นายก็เลยไม่มีการศึกษาด้วยอย่างนั้นเหรอ นายเก็บคนคนนี้มาด้วยตัวเอง ถ้าเขาตายขึ้นมาจะทำยังไง? จะทิ้งไว้ที่บ้านจนเน่าไปเลยหรือ?”
ชย่าลิ่วอีที่กำลังนอนฟุบและงีบหลับอยู่รู้สึกรำคาญเสียงของหมอฟันเหอจึงด่าขึ้นมาคำหนึ่ง พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาอุดหูอย่างยากลำบากจากอาการาเ็ แต่กลับถูกหมอฟันเหอพุ่งเข้ามาจับคางไว้ทันที!
เขาเบิกตากว้างเมื่อหมอฟันเหอใช้นิ้วอันคล่องแคล่วบีบปากของเขาให้เปิดออก ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปจับและดึงลิ้นของหัวหน้ามาเฟียคนนี้ออกมา แล้วชี้ให้เหอชูซานดูพร้อมพูดว่า “ดูสิ เห็นไหม? ลิ้นเป็ฝ้าหนา ขาวเหนียว มีเหลืองด้วย ตับร้อน เืลมอ่อนแอ ขาดสารอาหาร แล้วดูฟันนี่สิ อืม!!! สกปรกเหลือเกิน ดูสิ! คราบฟันเต็มไปหมด!”
เหอชูซานรีบบอกทันทีว่า “เขาไม่ได้แปรงฟันแค่ไม่กี่วันเอง”
หมอเหอได้ยินดังนั้นจึงใช้มือทั้งสองข้างดึงปากของชย่าลิ่วอีให้อ้าออก เผยให้เห็นฟันที่แหลมคมเต็มปาก “ไม่กี่วัน?! แบบนี้มันไม่กี่วันตรงไหน! ปกติต้องกินแล้วไม่แปรงฟันก่อนนอนแน่ๆ! ดูฟันกรามนี่สิ ผุเกือบถึงรากฟันแล้ว! โอ้โฮ!”
เขาส่ายหัวพร้อมบ่นพึมพำ ขณะขยับกระเป๋าคาดเอวเก่าๆ จากด้านหลังมาด้านหน้า “จับเขาให้อยู่นิ่งๆ ฉันทนดูฟันแบบนี้ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวฉันจัดการให้”
“อื้อ อื้อ อื้อ...” ชย่าลิ่วอีพยายามขัดขืนสุดกำลัง แต่ลิ้นของเขาถูกจับไว้อย่างแ่า ไม่สามารถดึงกลับมาได้
ชย่าลิ่วอีโกรธจัด กำลังจะพยายามลุกขึ้นยืน แต่ทันใดนั้นเด็กหนุ่มแขกอินเดียคนนั้นก็พุ่งเข้ามาปฏิบัติตามคำสั่งของพ่อเขาอย่างรวดเร็ว เหอชูซานคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวชย่าลิ่วอีจนคล้ายขนมปังบาแกตต์ พลิกเขากลับด้าน แล้วนั่งทับลงบนเอวของเขา!
“อื้อ อื้อ อื้อ อื้อ อื้อ อื้อ…”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หมอฟันเหอเดินลงมายังชั้นล่างพร้อมกับฟันผุสีดำหลายซี่ในมือ พร้อมทั้งถอนหายใจด้วยความสงสาร ในขณะเดียวกันนั้นชย่าหลิวอีที่ปากเต็มไปด้วยสำลีกำลังนอนน้ำลายไหลเปรอะเปื้อนเต็มคออยู่บนเตียงอย่างน่าเวทนา ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะถูกกลั่นแกล้งได้ถึงขนาดนี้!
เขาต่อยฟูกนอนด้วยความโกรธ ก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นเหอชูซานที่แสร้งทำเป็อ่านหนังสืออยู่ด้านหลังกำลังโก่งหลังและไหล่สั่นอย่างรุนแรง
ชย่าลิ่วอีกำลังจะอ้าปากด่า ทว่าน้ำลายกลับไหลออกมาจากปากเป็จำนวนมากแทน
“แม่งเอ๊ย หัวเราะเข้าไปเถอะ!” ชย่าลิ่วอีคิดอย่างโกรธเคือง ขณะกดเล็บขูดผ้าปูที่นอนด้วยความคับแค้นใจ “ไอ้เวร! ทำเป็ซื่อ ใส่ร้ายฉัน รอหัวเราะฉันอยู่สินะ! รอให้ฉันขยับได้ก่อนเถอะ เป็เื่แน่!”
เหอชูซานแอบหัวเราะทั้งน้ำตา เขาปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ แล้วลุกขึ้นยืนหลังตรงอย่างสง่าผ่าเผย “ผมจะไปต้มน้ำแกง พ่อบอกว่าั้แ่นี้ไปพี่จะกินได้แค่น้ำแกงกับโจ๊ก”
ชย่าลิ่วอีโกรธจนทุบเตียงอีกครั้ง ชีวิตตกอับถึงขั้นต้องยอม!