บทที่ 5 การหลอมรวมของไฟ น้ำมัน และความหวัง
กระท่อมดินที่เคยอบอวลไปด้วยกลิ่นอับชื้นและความสิ้นหวัง บัดนี้กลับถูกแทนที่ด้วยกลิ่นหอมสะอาดของสมุนไพรและกลิ่นจาง ๆ ของขี้ผึ้ง มันเป็กลิ่นแห่งการเริ่มต้น กลิ่นแห่งความเป็ไปได้
อันหนิงจัดแจงเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่พอจะหาได้บนโต๊ะไม้ขาเป๋ตัวเดิม หม้อดินใบเล็กที่ใช้สำหรับต้มยา ครกหินขนาดจิ๋วที่เคยใช้บดยาในอดีตซึ่งบัดนี้ถูกเช็ด ล้างจนสะอาด ทัพพีไม้ที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ก้อนขี้ผึ้งสีเหลืองนวล และน้ำมันพืชในขวดดินเผาใบเล็ก ทุกอย่างถูกวางเรียงกันอย่างเป็ระเบียบราวกับ กำลังจะประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์
หลี่ซือนั่งอยู่ไม่ไกลนัก มือยังคงจับงานเย็บปักไว้ แต่สายตาของนางกลับจับจ้องอยู่ที่ บุตรสาวและสามีไม่วางตา ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งตื้นตัน กังวล และเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ส่วนอันจิน เขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ แผ่นหลังเหยียดตรงกว่าทุกวัน มือข้างหนึ่งวางอยู่บนไม้เท้า อีกข้างวางบนโต๊ะ แววตาคมกริบที่เคยหม่นหมอง บัดนี้กลับฉายแววจริงจังและเคร่งขรึม เขารับบทบาทเป็ผู้ชี้แนะอย่างเต็มตัว แม้จะยังเป็ผู้ชี้แนะที่หน้าบึ้งตึงอยู่ก็ตาม
"จะเริ่มแล้วนะเ้าคะท่านพ่อ" อันหนิงเอ่ยขึ้นเบา ๆ เป็การขออนุญาต
อันจินไม่ตอบเป็คำพูด เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเป็การอนุญาต
อันหนิงเริ่มต้นด้วยการนำใบเชอเฉียนเฉ่าที่ล้างสะอาดและผึ่งลมจนแห้งหมาด ๆ ใส่ลงในครกหิน นางใช้สากหินค่อย ๆ บดขยี้มันอย่างเบามือ
"แรงเกินไป!" เสียงทุ้มแหบพร่าของอันจินดังขึ้นทันที "เ้ากำลังทำใบยาช้ำจนเสียสรรพคุณ ไม่ได้กำลังโขลกพริกทำน้ำแกง! ต้องใช้ข้อมือค่อย ๆ บดวนเป็วงกลม ให้น้ำมันของพืชค่อย ๆ แตกออก ไม่ใช่การทุบทำลาย"
อันหนิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับเปลี่ยนวิธีการตามที่เขาบอกทันที ในใจก็นึกขัน "โอเค เข้าสู่โหมดอาจารย์หมอจอมโหดแล้วสินะอย่างน้อยก็ยังดีกว่าโหมดคนขี้เมาสิ้นหวัง ล่ะน่า"
นางค่อย ๆ บดใบยาไปเรื่อย ๆ จนมันกลายเป็เนื้อเดียวกันและเริ่มมีน้ำสีเขียวซึมออก มา กลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพรก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
"พอแล้ว" อันจินสั่ง "ต่อไป ตั้งไฟ"
อันหนิงย้ายหม้อดินขึ้นตั้งบนเตาไฟ นางกำลังจะโยนฟืนเข้าไปเพิ่มเพื่อเร่งไฟให้แรง ขึ้น
"เดี๋ยว!" อันจินตวาดเสียงดังจนหลี่ซือสะดุ้ง "ข้าบอกเ้าแล้วว่าต้องใช้ไฟอ่อนที่สุด! เ้าคิดจะต้มยาหรือจะเผากระท่อมกันแน่!" เขากระแทกไม้เท้าลงกับพื้นเบา ๆ อย่างขัดใจ "การสกัดยาด้วยน้ำมันต้องใช้ความร้อนต่ำและสม่ำเสมอ ความร้อนที่สูงเกินไปจะทำลายสรรพคุณทางยาจนหมดสิ้น เอาขี้เถ้ามากลบไฟไว้ครึ่ง หนึ่ง ให้เหลือเพียงถ่านแดงรุม ๆ ก็พอ"
อันหนิงเม้มปากเล็กน้อย พยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางทำตามที่เขาบอกทุกขั้นตอน อย่างระมัดระวังใช้เศษไม้ค่อย ๆ เกลี่ยขี้เถ้าอุ่น ๆ กลบถ่านไฟจนเหลือเพียงความร้อน ระอุจาง ๆ ที่ส่งไออุ่นออกมาอย่างสม่ำเสมอ
"ใส่น้ำมันลงไป"
อันหนิงรินน้ำมันพืชลงในหม้ออย่างเบามือของเหลวสีเหลืองอ่อนต้องแสงไฟเป็ประกายระยิบระยับ
"รอน้ำมันอุ่น แต่อย่าให้ร้อนจนเกิดควัน" อันจินกล่าวต่อ สายตาจับจ้องไปที่หม้อดินไม่วางตา "สังเกตดู เมื่อมีริ้วบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำมัน นั่นคืออุณหภูมิที่เหมาะสม"
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในกระท่อมมีเพียงเสียงฟืนที่ปะทุเบา ๆ และเสียงลมหายใจของคนสามคน อันหนิงจ้องมองผิวน้ำมันอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งเห็นริ้วคลื่นความร้อนบาง ๆ ก่อตัวขึ้นจริง ๆ
"ตอนนี้แหละ! ใส่ยาที่บดไว้ลงไป"
นางรีบใส่ใบยาที่บดละเอียดลงไปในหม้อทันที เสียง "ฉ่า" เบา ๆ ดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ถูกความร้อนขับออกมาจนฟุ้งกระจายไปทั่ว กลิ่นของมันสะอาด บริสุทธิ์ และชวนให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด
"คน " อันจินสั่งสั้น ๆ "ใช้ทัพพีคนช้า ๆ เป็วงกลมทิศทางเดียวห้ามหยุด"
อันหนิงทำตามอย่างเคร่งครัด นางยืนอยู่หน้าเตาไฟร้อน ๆ ค่อย ๆ คนส่วนผสมในหม้ออย่างตั้งใจ เวลาผ่านไปทีละน้อย ทีละน้อย หยาดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของนาง แขนที่ยังไม่แข็งแรงดีเริ่มปวดเมื่อย แต่เมื่อเหลียวไปเห็นแววตาที่มุ่งมั่นของบิดา นางก็กัดฟันสู้ต่อ
"ดูสีของน้ำมันไว้ให้ดี" อันจินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "จากสีเหลืองอ่อน มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็สีเขียวจาง ๆ เมื่อมันกลายเป็สีเขียวมรกตใส นั่นหมายความว่าสรรพคุณของยาได้หลอมรวมกับน้ำมันโดยสมบูรณ์แล้ว"
นี่คือความรู้ที่ไม่มีในตำราทั่วไป มันคือประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิตของหมอผู้หนึ่ง
อันหนิงจดจ่ออยู่กับการคนและสังเกตสีของน้ำมัน นางเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อย่างช้า ๆ ราวกับกำลังชมการแสดงมายากล จากสีเหลืองใส กลายเป็สีเขียวอมเหลือง แล้วค่อย ๆ เข้มขึ้น เข้มขึ้น จนในที่สุด น้ำมันทั้งหม้อก็กลายเป็สีเขียวมรกตที่งดงามราวกับหยกชั้นดี ส่องประกายต้องแสงไฟอย่างน่าอัศจรรย์
"ยกหม้อลง"
อันหนิงรีบยกหม้อลงจากเตาทันที วางพักไว้บนแผ่นหินให้คลายความร้อน
ขั้นตอนต่อไปคือการกรองกากยาออก หลี่ซือรีบนำผ้าป่านเนื้อละเอียดที่สุดในบ้านที่ ซักจนสะอาดเอี่ยมมาส่งให้ อันหนิงค่อย ๆ เทน้ำมันสีมรกตผ่านผืนผ้าลงในชามดินเผา อีกใบอย่างระมัดระวัง ไม่ให้น้ำมันหกแม้แต่หยดเดียว เพราะทุกหยดนั้นคือความหวังของครอบครัว
"ขั้นตอนสุดท้าย" อันจินกล่าวพลางชี้ไปที่ก้อนขี้ผึ้ง "ใส่ขี้ผึ้งลงไปในหม้อใบเดิม ใช้ความร้อนที่ยังเหลืออยู่คนให้ละลาย"
อันหนิงทำตาม ขี้ผึ้งก้อนแข็งค่อย ๆ ละลายกลายเป็ของเหลวสีเหลืองทอง
"ทีนี้ เทน้ำมันยาสีเขียวกลับลงไปในหม้อ" น้ำเสียงของอันจินเคร่งเครียดขึ้น "ขั้นตอนนี้สำคัญที่สุด ต้องเทช้า ๆ เป็สาย พร้อมกับคนไปด้วยอย่างสม่ำเสมอ หากทำพลาด ยาและขี้ผึ้งจะไม่รวมเป็เนื้อเดียวกัน"
หัวใจของอันหนิงเต้นระรัว นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ รินน้ำมันยาสีเขียวลงในขี้ผึ้งเหลวสีทองของเหลวสองสีไหลวนรวมกันราวกับภาพวาดพู่กันจีน นางใช้ทัพพีคนอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน สมาธิทั้งหมดของนางจดจ่ออยู่ที่ ของเหลวในหม้อ
อันจินมองการกระทำของบุตรสาวด้วยแววตาที่ซับซ้อนเขากำด้ามไม้เท้าไว้แน่นจนข้อนิ้วขาวซีด นานเท่าไหร่แล้ว ที่เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นและจดจ่อกับการปรุงยาเช่นนี้อีก นานเหลือเกิน
เมื่อส่วนผสมทั้งหมดรวมเป็เนื้อเดียวกันอย่างสมบูรณ์แล้ว อันหนิงก็ยกหม้อลงจากเตาอีกครั้ง คราวนี้ นางปล่อยให้มันค่อย ๆ เย็นลงช้า ๆ
ของเหลวสีเขียวอมทองค่อย ๆ ข้นขึ้นและจับตัวกันอย่างช้า ๆ จนในที่สุด มันก็กลายเป็ขี้ผึ้งเนื้อเนียนละเอียด สีเขียวหยกอ่อน ๆ ที่ส่องประกายจาง ๆ ผิวหน้าเรียบเนียนราวกับกระจกกลิ่นหอมสะอาดของสมุนไพรลอยออกมาอย่างชัดเจน
"สำเร็จแล้ว!" หลี่ซือร้องออกมาอย่างดีใจจนน้ำตาคลอ
อันหนิงเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกนางมองผลงานชิ้นแรกที่เกิดจากความร่วมมือของครอบครัวด้วยความภาคภูมิใจ
นางเหลือบไปมองบิดา อันจินยังคงนั่งนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เขาค่อย ๆ ยื่นนิ้วชี้ที่หยาบกร้านของเขาออกมา แตะลงบนผิวของขี้ผึ้งเบา ๆ แล้วนำมาถูที่หลังมือของตนเอง เนื้อขี้ผึ้งซึมซาบลงสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความชุ่มชื้นและกลิ่นหอมจาง ๆ
เขาเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยออกมาเพียงคำเดียวสั้น ๆ
"ใช้ได้"
เพียงแค่คำว่า "ใช้ได้" คำเดียว กลับมีน้ำหนักยิ่งกว่าคำชมใด ๆ ในโลกนี้ มันคือการยอมรับ คือการเปิดประตูบานแรกที่ปิดตายมานานของเขา
อันหนิงยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว "จากท่านพ่อน่ะ คำว่าใช้ได้ก็เทียบเท่ากับคำว่า ยอดเยี่ยมกระเทียมดองแล้วล่ะเ้าค่ะ!" นางแอบพูดเล่นกับตัวเองในใจ
"แล้วเราจะใส่อะไรดีล่ะลูก" หลี่ซือถามขึ้น ทำลายความซาบซึ้งลง "เราไม่มีตลับยาเลย"
นั่นคือปัญหาต่อไป พวกเขามีผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศ แต่ไม่มีภาชนะที่จะบรรจุมัน
"ไม่เป็ไรเ้าค่ะท่านแม่" อันหนิงกล่าวอย่างมีแผน "พรุ่งนี้ข้าจะลองไปที่ลำธาร อาจจะมีเปลือกหอยสวย ๆ หรือไม่ก็ลองปั้นถ้วยดินเผาเล็ก ๆ ดูก็ได้ตอนนี้"
ปัง! ปัง! ปัง!
ยังไม่ทันที่อันหนิงจะพูดจบเสียงทุบประตูก็ดังขึ้นอย่างรุนแรงและร้อนรนจนทุกคนในกระท่อมสะดุ้งใ
"ท่านหมออัน! ท่านหมออันอยู่หรือไม่! ช่วยด้วย! ได้โปรดช่วยลูกข้าด้วย!"
เสียงร้องะโที่แตกตื่นและเต็มไปด้วยความเ็ปนั้นดังมาจากหน้าประตู เป็เสียงของป้าหลิวนั่นเอง!
คนทั้งสามมองหน้ากันด้วยความใ อันหนิงรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที
ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของนางร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ป้าหลิวยืนร้องไห้จนหน้าตาเปียกปอน ในอ้อมแขนของนางคือร่างของอาเป่าที่นอนสลบไสลไม่ได้สติ ที่ขาของเด็กน้อยมีแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่ที่ถูกงูกัด และาแนั้น กำลังเปลี่ยนเป็สีดำคล้ำอย่างรวดเร็ว!
วิกฤตครั้งใหม่ มาเยือนเร็วกว่าที่ใครคาดคิด