ฉากที่ลูเซียโนคุกเข่าอ้อนวอนทำเอาทุกคนพากันตกตะลึง
ชาวเมืองแซมบอร์ดทั้งสองฝั่งรู้สึกว่าพวกเขากำลังฝันอยู่ ‘โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์’ คำนี้เป็คำที่น่ากลัวมาก และยังเป็ศูนย์รวมของพวกคนที่เก่งกาจและมีฐานะสูงส่ง เกรงว่าแม้แต่สุนัขเฝ้ายามในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่จูงออกมาเดินเล่นบนท้องถนนยังมีค่ามากกว่าชีวิตของขุนนางธรรมดาๆ ของอาณาจักรเล็กๆ แต่ตอนนี้ หัวหน้าอัศวินโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แสนหยิ่งยโสคนนี้กลับมาคุกเข่าอ้อนวอนขออภัยต่อหน้าองค์าาอเล็กซานเดอร์...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
พวกชาวบ้านกำลังสับสน เื่ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาตื่นตระหนก
แม้แต่นักบวชแมซโซลา เ้า ‘งูหางกระดิ่งสองขา’ ที่ร้ายกาจคนนั้นยังก้มตัวลงแล้วคลานไปตรงหน้าของซุนเฟยเหมือนหมาข้างถนน ด้วยท่าทางเจียมเนื้อเจียมตนอย่างที่ชาวเมืองแซมบอร์ดไม่เคยเห็นมาก่อน แมซโซลาก้มลงจูบรองเท้าของซุนเฟยพลางพูดเสียงสั่นเครือว่า “นายท่านที่ผู้มีเกียรติ แมซโซลาผู้ต่ำต้อยคนนี้ขอร้องให้นายท่านได้โปรดใจกว้างให้อภัยด้วย...พวกเราไม่ทราบสถานะที่สูงส่งของท่านมาก่อน แม้ให้พวกเราตายไปหมื่นครั้งก็ไม่อาจสาสมกับโทษนี้ แต่ได้โปรดเมตตาสงสารมดปลวกอย่างพวกเราด้วย!”
จู่ๆ เห็นเ้านายทั้งสองคนคุกเข่าอ้อนวอนอย่างหมดมาด ทำให้พวกอัศวินและบาทหลวงหลายร้อยคนต่างตกตะลึง เ้ามองข้าข้ามองเ้า ลังเลใจเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นก็เลียนแบบเ้านายตัวเองด้วยการคุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าหายใจดังด้วยซ้ำ
สถานะของพวกเขาในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นต่ำต้อยมาก ดังนั้นส่วนใหญ่จึงไม่รู้ว่า ‘วงแหวนแห่งา’ สีทองนั้นหมายถึงอะไร แต่อย่างที่สุภาษิตว่ากันว่า ‘คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ1’ พวกเขาติดตามลูเซียโนและแมซโซลามาเป็เวลานาน แต่ละคนต่างเป็คนประเภทเดียวกัน นั่นคือฉลาดในการสังเกต เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเ้านายที่แสดงออกมา ก็คาดเดาได้ง่ายดายว่า คราวนี้พวกเขาเตะเข้ากับแผ่นเหล็ก ได้พบกับบุคคลที่ไม่สมควรทำให้โกรธเข้าแล้ว
“นายท่านได้โปรดให้อภัยด้วย!” เสียงอ้อนวอนดังขึ้นพร้อมกันนับร้อยคน
“นายท่าน? โฮ่ บอกข้าสิ ข้าเป็นายท่านอะไรกัน?”
ซุนเฟยมองพวกคนจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากถาม
“นายท่าน...ท่าน...เอ่อ ใช่ๆๆๆ ท่านไม่ใช่นายท่าน...อ่า ไม่สิ ความหมายของข้าคือ...ข้า...ข้า...”
แม้แต่คนที่ได้รับสมญานาม ‘เพียงแค่วินาทีเดียวก็สามารถวางแผนชั่วๆ ได้นับพัน’ ตอนนี้ก็ถึงคราวชะตาขาด งูหางกระดิ่งอย่างแมซโซลาก็ได้แต่อึกอักพูดไม่ออก
สำหรับเขา บุคคลที่มี ‘วงแหวนแห่งา’ สีทองนั้นคงมีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึง ‘วงแหวนแห่งา’ สีทองสองวง? มีครั้งหนึ่งที่แมซโซลาโชคดีได้มีโอกาสเข้าร่วมพิธีมิสซากับนักบวชชั้นสูงของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จึงได้ยินบิชอปเซิร์จเยเรมีแห่งราชอาณาจักรเซนิทพูดคุยเกี่ยวกับเื่ ‘บุตรคนโปรดของพระเ้า’ ที่มี ‘วงแหวนแห่งา’ สีทอง... ‘บุตรคนโปรดของพระเ้า’ เหล่านี้ต่างเป็บุคคลลึกลับที่เหมือนเทพเ้าัเห็นหัวมิเห็นหาง2 ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็ทางการ จะถูกพระสันตะปาปาส่งไปปฏิบัติภารกิจลับหรือไปหาประสบการณ์ที่ไม่เคยพบเจอ พวกเขาจะปิดบังตัวตนและตำแหน่งที่สูงส่งไว้ พวกเขาเป็บุคคลทรงอำนาจที่สามารถแย่งชิงตำแหน่งพระสันตะปาปาในอนาคตได้ หรือต่อให้ชวดตำแหน่งพระสันตะปาปา เลวร้ายที่สุดพวกเขาก็ยังได้รับตำแหน่งเป็บิชอปของราชอาณาจักรบางแห่ง ควบคุมอำนาจทางศาสนา ด้วยศักยภาพในการพัฒนาแบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่แมซโซลานักบวชที่มีหน้าที่ดูแลโบสถ์เล็กๆ ในอาณาจักรบริวารระดับหกของราชอาณาจักรระดับหนึ่งจะเทียบเคียงได้ บุคคลแบบนี้ จะไม่ให้แมซโซลาหวาดกลัวได้อย่างไร?
คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะบังเอิญได้พบกับบุคคลระดับใหญ่โตแบบนี้ และเห็นได้ชัดว่าตัวเองได้มอบความประทับใจแย่ๆ ให้แก่อีกฝ่ายไปแล้ว แมซโซล่าเหมือนอยู่ในน้ำแข็ง หนาวจนถึงกระดูก จิตใต้สำนึกเขาอยากจะประจบประแจงสักคำสองคำ แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะยังปฏิบัติภารกิจลับที่พระสันตะปาปามอบให้อยู่ เขาจึงไม่กล้าที่จะเรียกสถานะอันยิ่งใหญ่ของคนคนนี้ออกมา...สมควรตาย ทั้งที่เรียกอเล็กซานเดอร์ว่า ‘นายท่าน’ ยังแกล้งทำเป็ไม่รู้จักอีก?
แมซโซล่าได้สูญเสียความเยือกเย็นของตัวเองแล้ว
ซุนเฟยเห็นพวกนักบวชโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์คุกเข่าตัวสั่นเทาบนพื้น ตอนนี้ในใจก็พอจะเดาเบาะแสได้เล็กน้อย ตอนแรกที่เขาเปลี่ยนจาก ‘โหมดคนเถื่อน’ เลเวล 20 เป็โหมด ‘โหมดพาลาดิน’ เลเวล 12 ก็เพราะคิดจะใช้ประโยชน์จากพลังของพาลาดินจับปลาในน้ำขุ่น คาดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญไปชนเข้ากับเค้าลางอะไรบางอย่าง
“เ้า ลุกขึ้นมา ไปขอโทษคนที่ได้รับาเ็ซะ”
ซุยเฟยกังวลว่าหากพูดมากกว่านี้จะเผยความจริงออกมา จึงจงใจทำตัวลึกลับ ไม่พูดมาก ก่อนจะเบี่ยงประเด็นไปที่หัวข้อเดิม เขาชี้นิ้วไปที่หัวหน้าอัศวินลูเซียโนแล้วพูดเสียงเ็า
“ได้ๆๆๆ...”
หัวหน้าอัศวินลูเซียโนได้ยินประโยคนี้ก็เหมือนได้รับการนิรโทษ
เขาและแมซโซลาก็พุ่งไปหาหญิงสาวที่ถูกแส้เฆี่ยนที่หลังประหนึ่งได้พบพ่อแม่ตัวเอง ท่าทางเป็ห่วงเป็ใยอย่างมาก ตอนนี้หญิงสาวคนนี้เริ่มได้สติกลับมา ลูเซียโนประคองร่างของผู้หญิงคนนั้น ส่วนนักบวชแมซโซลาเพื่อที่จะกอบกู้ความประทับใจกลับมาจึงแสดงออกมาด้วยการกระทำ พยายามที่จะแสดงความสามารถพลังที่แข็งแกร่งของตัวเองออกมาด้วยการใช้พลังเวทมนตร์รักษาระดับสูงอย่าง ‘รักษา’ มองเห็นเพียงกลุ่มแสงสีขาวบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาในมือของเขา ปกคลุมรอยเฆี่ยนที่หลังของหญิงสาว เกิดผลที่มหัศจรรย์ขึ้น รอยเฆี่ยนตีที่น่ากลัวพลันสลายไป
เห็นฉากนี้แล้ว รูม่านตาของซุนเฟยก็หดลงเล็กน้อย
ผลลัพธ์ของพลังรักษาของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์และ ‘น้ำยารักษาชีวิต’ ของโลก Diablo แทบไม่แตกต่างกันเลย แต่มีจุดที่เป็เอกลักษณ์และความลึกลับของตัวเอง ดูเหมือนว่าโบสถ์ศักดิ์จะเป็สัตว์ประหลาดของแผ่นดินอาเซรอท เรียกได้ว่าเป็เ้าเหนือหัวได้เลย มันจะต้องมีเส้นสนกลในที่ลึกจนไม่อาจวัดได้แน่ๆ
“เมื่อครู่เ้ากล้าลงมือกับแองเจล่า สมควรตายเป็หมื่นครั้ง!” ซุนเฟยจ้องไปที่แมซโซลาอย่างเ็า พลางพูดด้วยน้ำเสียงน่าครั่นคร้าม
“นายท่านไว้ชีวิตด้วย นายท่าน ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ไม่กล้าทำอีกแล้ว...” ได้ยินซุนเฟยกล่าวแบบนี้ แมซโซล่าก็ตัวสั่นเทิ้ม คลานเข้ามาคำนับแนบเท้าซุนเฟย น้ำหูน้ำตาไหลพูดอ้อนวอน “นายท่าน ข้ารู้ว่าผิด นับแต่นี้เป็ต้นไป แมซโซลาจะทำตัวเป็ผู้ตามที่ดี ยินดีที่จะตายเพื่อนายท่าน!”
เ้างูพิษตัวนี้หวาดกลัวมากจริงๆ
ซุนเฟยถอยหลังไปก้าวสองก้าวด้วยความรังเกียจ เขารู้ดีว่าพลังของตัวเองและพลังของเมืองแซมบอร์ดในตอนนี้ ไม่อาจจะงัดข้อกับสัตว์ประหลาดอย่างโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ พลังระหว่างมันกับพวกเรานั้นยังห่างชั้นกันมาก ไม่แตกต่างอะไรกับฝุ่นและพระอาทิตย์ ดังนั้นตอนนี้ไม่อาจใช้อารมณ์ได้มากจนเกินไป คงต้องจัดหารปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปก่อน ส่วนหนี้ที่เหลือวันหลังค่อยให้ไอ้โง่สองตัวนี้ชำระ ดังนั้น เขาจึงโบกมือให้แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ถือว่าพวกเ้าทำผิดเป็ครั้งแรก ข้าจะไม่เอาความอะไร แต่หลังจากนี้หากพวกเ้าคิดจะทำอะไรในเมืองแซมบอร์ดก็ระมัดระวังสักนิด หากทำให้ข้าโกรธอีกล่ะก็ เมื่อถึงเวลานั้นอย่าตำหนิว่าข้าไร้เมตตา!”
“ขอรับๆๆๆ!”
แมซโซลาได้ยินดังนั้นก็พลันร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ
โชคดีเหลือเกินที่ ‘นายท่าน’ ผู้ยิ่งใหญ่ไม่เอาความ ไม่อย่างนั้น ด้วยสถานะของอีกฝ่ายในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้ฆ่าเขากับลูเซียโนไป เกรงว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงแม้แต่บิชอปคงจะพูดว่าพวกเขาสองคนสมควรได้รับโทษนี้ แค่เขาไม่ทำให้นายท่านตรงหน้าโกรธก็พอ หลังจากนี้พวกเขาก็จะอยู่ในเมืองแซมบอร์ด แมซโซลามั่นใจว่ามีโอกาสนับไม่ถ้วนที่จะทำให้ตัวเองเป็ที่โปรดปรานของนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ เพียงตัวเองสร้างความสัมพันธ์กับนายท่านที่มีอนาคตสดใสคนนี้...ฮึๆๆ แมซโซลาคิดไปคิดมาก็พลันมีความสุขขึ้นมา นี่เป็โอกาสทองของเขาอย่างแน่นอน เขาจะต้องกุมมันไว้ให้ดี
“เอาล่ะ ข้าไม่อยากเห็นพวกเ้า ส่งคนที่ได้รับาเ็ทั้งหมดกลับบ้านแล้วจ่ายค่าชดเชยซะ...แล้วพวกเ้าก็หายไปให้พ้นๆ สายตาข้าเสีย” ซุนเฟยโบกมือประหนึ่งไล่แมลงวัน แสดงท่าทางรำคาญออกมาให้เห็น
“ได้ๆๆๆ...”
แมซโซลาและลูเซียโน ทั้งสองคนพยักหน้าหงึกๆ เหมือนลูกไก่จิกข้าว รีบหมุนตัวไปะโสั่งอัศวินข้าราชบริพารและบาทหลวงว่า “มานี่ รีบๆ พาลูกๆ ที่ได้รับาเ็เหล่านี้กลับบ้านเร็ว...โอ้ พวกเ้าได้กระทำเื่หยาบคายไว้จะต้องชดเชยให้ครอบครัวละสิบเหรียญทอง...เอ่อ ไม่ๆๆ ชดเชยให้ยี่สิบเหรียญทองเลย!”
เห็นผู้ได้รับาเ็ขยับกายไม่สะดวก แมซโซลาจึงหันมามองแล้วรีบสั่งว่า “ใช้รถม้าของพ่อ...ใช้รถม้าของพ่อไปส่งผู้ได้รับาเ็กลับบ้าน จะได้ไม่ต้องให้พวกเขาเจ็บมากกว่านี้” บาทหลวงได้ยินคำสั่งนั้นก็พลันตะลึง มองไปที่แมซโซลาตาค้าง คิดว่าตัวเองฟังผิดไป ต้องรู้ว่ารถม้าคันนี้มันไม่ง่ายเลยที่จะได้มาอยู่ในกำมือของนักบวชชั้นสูง แม้แต่ในวันธรรมดาตัวเองยังไม่กล้านำออกมาใช้เลย แล้วจู่ๆ จะใช้รถม้าคันนี้ไปส่งชาวบ้านชั้นต่ำงั้นหรือ?
“ยังมายืนอึ้งหาอะไรเล่า รีบจัดการเข้า ไอ้พวกโง่!”
แมซโซล่าะโบอกบาทหลวงอย่างโมโห จากนั้นก็หันมายิ้มประจบซุนเฟย “นายท่าน ข้าจัดการแบบนี้ ท่านพอใจหรือไม่?”
ยี่สิบเหรียญทองเทียบเท่ากับรายรับทั้งปีของชาวบ้านธรรมดาในเมืองแซมบอร์ด ชาวบ้านส่วนใหญ่ถูกอัศวินข้าราชบริพารและบาทหลวงทำลายจนเนื้อปริต่างได้รับคนละยี่สิบเหรียญทอง นอกจากหญิงวัยกลางคนที่ถูกแส้ม้าเฆี่ยนจนเป็ลมแลพตอนนี้ก็หายดีแล้วเท่านั้นที่ได้รับค่าชดเชยหนึ่งร้อยเหรียญทอง ครั้งนี้แมซโซลาและลูเซียโนต่างโชคร้ายมาก เสียทั้งหน้าเสียทั้งทรัพย์ทำให้หดหู่ใจ
ความโกรธในใจของซุนเฟยก็ค่อยๆ หายไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วโบกมือพลางพูดว่า “ก็ดี ไสหัวไปเสีย!”
ท่าทางรำคาญของซุนเฟยนั้น
ไม่เพียงไม่ทำให้แมซโซลาและลูเซียโนไม่โกรธ กลับกันยังรู้สึกว่า ‘บุตรคนโปรดของพระเ้า’ คนนี้มีท่าทางที่ดีมาก จึงรีบพยักหน้าพลางกล่าวขออภัยอีกครั้ง จากนั้นก็หันกลับมายิ้มแล้วนำบาทหลวงและอัศวินคนอื่นๆ จากไป
เห็นเหล่าบาทหลวงผู้ชั่วร้ายจากไป ชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดทั้งสองฝากฝั่งต่างรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน แล้วพลันะเิเสียงตื่นตะลึงออกมา องค์าาอเล็กซานเดอร์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาและคุณธรรมได้ปกป้องพวกเขาอีกครั้ง นั่นทำให้พวกเขาดีใจมาก เสียงปรบมือดังสนั่น ทุกคนพร้อมใจกันโห่ร้องว่า องค์าาทรงพระเจริญ...
สาวงามแองเจล่าและสาวน้อยเจ็มม่าก็ยืนปรบมือท่ามกลางฝูงชน ยามที่มองมาที่ซุนเฟย ดวงตาของพวกนางทั้งสองคนเต็มไปด้วยหลงใหลและลุ่มหลง
ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง แลมพาร์ดค่อยๆ หมุนกายจากไปอย่างเงียบๆ
แต่ดวงตาของซุนเฟยกลับฉายแววประหลาดใจ ในตอนที่มองไล่หลังพวกอัศวินและบาทหลวงจากไปนั้น เมื่อครู่ตอนที่พวกเขาเดินผ่านซุนเฟย ซุนเฟยมองเห็นเด็กหนุ่มหน้าสวยที่มีผมสีบลอนด์ทอง ดูท่าทางเหมือนกำลังป่วยตรงหน้าต่างแกะสลักบนรถม้าเวทมนตร์
เขาเป็ใคร?
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ในใจของซุนเฟยก็นึกอยากรู้เื่ของเด็กหนุ่มคนนั้น
------------------------
1 คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ มีความหมายเหมือนสุภาษิตไทยว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล
2 เทพเ้าัเห็นหัวมิเห็นหาง อุปมาว่า บุคคลที่เดี๋ยวปรากฏตัวและเดี๋ยวก็หายไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้