เมื่อเห็นูเาไฟมอดดับ หลงเอ้อรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
“พี่หญิง…หลิง นั้นคงมิใช่ฝีมือของพวกถังจิ่วกระมัง?”
ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่หลงเอ้อรู้สึกกระสับกระส่ายจริงๆ เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ ถ้าปล่อยให้พวกถังจิ่วตัดหน้าไปจริงๆ หากเป็เช่นนั้นหลังจากวันนี้เขาจะมีหน้าอยู่ในกลุ่มนี้ได้อย่างไร?
“หลงเอ้อ เ้าไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่าเ้าเป็ใบ้หรอก!”
สตรีชุดม่วงขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวอย่างเ็า “คนที่ท้าทายซากโบราณสถานในเวลาเดียวกันต่อให้มีไม่ถึงหนึ่งพันคนก็มีสักแปดร้อยคน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเป็พวกเขา! ถ้าเป็พวกเขาจริงละก็…”
“ดูนั่น มีคนออกมาแล้ว!”
เสียงะโด้วยความใดังขึ้น ตรงทางเข้าเกิดมิติบิดเบือน มีเงาสามร่างออกมาจากซากโบราณสถาน พวกเขาก็คือจั๋วอวิ๋นเซียน ถังจิ่ว และเสี่ยวเนี่ยน
“เอ๊ะ! นี่คุณชายหลงเอ้อมิใช่หรือ?”
ถังจิ่วเดินไปหาหลงเอ้ออย่างสง่าผ่าเผยพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าชั่วร้าย “คุณชายหลงเอ้อ เหตุใดพวกเ้ายังอยู่ที่นี่เล่า? ไม่ไปท้าทายซากโบราณสถานหรือ? น่าเสียดายจริงๆ!”
“ถังจิ่ว! นี่เ้า…”
หลงเอ้อขบฟันแน่น เขามองกลับไปด้วยสายตาดุร้าย!
ถังจิ่วไม่ได้สนใจหลงเอ้อ แต่หันกลับไปทักทายสตรีชุดม่วง “ไอหยา ขอโทษด้วยนะพี่หญิงหลิง พวกเราขอแซงไปก่อน”
สตรีชุดม่วงมองถังจิ่วด้วยสายตาเ็า “ูเาไฟถูกพวกเ้าดับจริงหรือ?”
“เป็เื่จริงแท้แน่นอน! ถ้าไม่ใช่พวกเราแล้วจะเป็ใคร? ข้าไม่เหมือนใครบางคนที่ดีแต่ปากอย่างเดียว”
ถังจิ่วเหมือนจะหวาดกลัวสตรีชุดม่วงอยู่บ้าง จึงโค้งตัวลงเพราะขาดความมั่นใจ เพียงแต่ถึงแม้เขาจะไม่กล้าล่วงเกินสตรีชุดม่วง ทว่าเขากลับอยากเห็นหลงเอ้ออับอาย
“น่ารังเกียจ!”
หลงเอ้อทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากำลังจะพุ่งตัวออกไป “ถังจิ่ว เ้าอยากต่อสู้มิใช่หรือ! ดูสิว่าเ้าจะโดนข้าตีตายหรือไม่!”
“พอได้แล้วหลงเอ้อ ยังขายหน้าไม่พออีกหรือ? กลับมาเสีย”
สตรีชุดม่วงอับอายจนเปลี่ยนเป็ความโมโห มิใช่เพราะคำถากถางของถังจิ่ว แต่เป็เพราะก่อนหน้านี้นางหน้ามืดตามัว…ทว่านางรักษาท่าทางไว้อย่างดี ไม่ได้เปิดเผยให้ใครเห็น
ด้วยสถานะของสตรีชุดม่วง จึงไม่จำเป็ต้องสร้างความแค้นกับคนอื่นเพียงเพราะเสียหน้าเล็กน้อย โดยเฉพาะคนที่มีความสามารถ…คนที่จิตใจคับแคบอย่างหลงเอ้อจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ
“ถังจิ่ว ดูท่าเ้าจะมีสหายที่ยอดเยี่ยมนะ”
สตรีชุดม่วงหันไปมองจั๋วอวิ๋นเซียน ด้วยสายตาของนางจึงมองออกว่าจั๋วอวิ๋นเซียนเป็ผู้นำของถังจิ่วกับสตรีอีกคน
ถังจิ่วขำแห้งอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่มิอาจปกปิดความภูมิใจในดวงตาได้
จากนั้นสตรีชุดม่วงกล่าวกับจั๋วอวิ๋นเซียนอย่างสุภาพ “ข้าจำได้ว่าคุณชายชื่ออวิ๋นเสี่ยวเซียน ข้าน้อยจื่อหลิง ก่อนหน้านี้ละเลยคุณชายไป ขอคุณชายโปรดอย่าได้ใส่ใจ”
“โอ้ ไม่เป็ไร…”
จั๋วอวิ๋นเซียนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่ได้สนใจเท่าใดนัก
คนคนหนึ่งหากสายตาไม่ดีก็ไม่เป็ไร แต่มิอาจเป็คนจิตใจคับแคบได้ คำพูดของสตรีชุดม่วงค่อนข้างเป็คนใจกว้าง ทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนต้องมองนางใหม่อีกครั้ง
หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย จั๋วอวิ๋นเซียนจึงกล่าวว่า “ใช่แล้ว พวกเ้ายังอยากผ่านการทดสอบหรือไม่? ข้าบอกเคล็ดลับกับพวกเ้าได้นะ…”
“อะไรนะ!”
จื่อหลิงตาเป็ประกาย นางรีบส่งสัญญาณให้พวกหลงเอ้อไล่พวกที่กำลังมุงดูออกไปให้หมด
ถึงแม้จะไม่มีรางวัลผ่านด่านครั้งแรกของูเาไฟแล้ว แต่มันยังคงมีมูลค่ามาก อีกทั้งถ้าสามารถทำความรู้จักกับคนที่มีความสามารถเช่นนี้ การค้าครั้งนี้สำหรับจื่อหลิงถือว่าคุ้มค่ามาก
……
ผ่านไปครู่หนึ่ง จื่อหลิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าอยากจะท้าทายโบราณสถานูเาไฟต่อจริงๆ พี่อวิ๋นเสี่ยวมีเงื่อนไขอย่างไร บอกข้ามาได้เลย”
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวออกไปตามตรง “ข้าอยากสืบข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติรักษาแขนขาด ไม่ทราบว่าคุณหนูจื่อหลิงมีเบาะแสหรือไม่? ถ้าสามารถหาซื้อได้จะดีที่สุด”
“รักษาแขนขาดหรือ?”
จื่อหลิงตกตะลึง จากนั้นพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าพอจะมีเบาะแสอยู่ แต่น่าเสียดายที่ยากจะหามาได้…จากที่ข้ารู้มา ทั่วทวีปไท่เซวียนมีสมบัติิญญาเช่นนี้เพียงสามอย่าง อย่างแรกคือ ’หญ้าเฮยอวี้ไป๋’ อย่างที่สองคือ ’สระกำเนิดเจ็ดดารา’ อย่างสุดท้ายคือ ‘อัญมณีอัฐิั’ …ของสามอย่างนี้ล้วนอยู่ในมือของขั้วอำนาจระดับสูงสุด ถึงแม้เป็กษัตริย์เ้าดินแดนก็มิอาจเสาะหามาได้”
“……”
ถึงแม้จั๋วอวิ๋นเซียนจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำตอบของจื่อหลิง ในใจของเขายังอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
“เคล็ดลับบททดสอบของโบราณสถานูเาไฟ ข้าขายหนึ่งพันเหรียญมายาให้พวกเ้า…”
เมื่อได้ยินราคาที่จั๋วอวิ๋นเซียนเสนอมา จื่อหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หลงเอ้อะเิความโกรธออกมาทันที “อะไรนะ! หนึ่งพันเหรียญมายาหรือ ทำไมเ้าไม่ปล้นเราเลยเล่า!”
จั๋วอวิ๋นเซียนจึงกล่าวความจริงออกไปตรงๆ “ข้าสู้พวกเ้าไม่ได้นี่นา”
“……”
ทุกคนต่างพูดไม่ออก คำพูดนี้ฟังดูมีเหตุผลยิ่งนัก พวกเขาถึงกับไม่รู้จะเถียงอย่างไร
แต่ฟังจากน้ำเสียงของจั๋วอวิ๋นเซียนแล้ว ถ้าสู้กับพวกเขาได้ จะลงมือปล้นจริงหรือ?
จื่อหลิงสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามสงบอารมณ์ “อวิ๋นเสี่ยวเซียน หนึ่งพันเหรียญมายาแพงเกินไป เ้าน่าจะรู้ว่าถึงแม้จะเป็เคล็ดลับการผ่านด่านซากโบราณสถาน ก็มีค่าไม่ถึงหนึ่งพันเหรียญมายา”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “คุณหนูจื่อหลิงกล่าวมิผิด ที่จริงแล้วเคล็ดลับการผ่านโบราณสถานูเาไฟแค่หนึ่งร้อยเหรียญมายาก็พอแล้ว แต่ก่อนหน้านี้พวกเ้าล่วงเกินข้า ดังนั้นอีกเก้าร้อยเหรียญมายาเพื่อลบล้างบาปกรรมความแค้นระหว่างพวกเรา…แน่นอนว่าพวกเ้าจะไม่จ่ายก็ย่อมได้”
บาปกรรมที่กล่าวมานั้นคือจุดเริ่มต้นและจุดจบของทุกสรรพสิ่ง
จั๋วอวิ๋นเซียนเคยอ่านจากตำราโบราณเล่มหนึ่ง กล่าวไว้ว่าทุกสรรพสิ่งล้วนมีบาปกรรม หากมีบาปกรรมติดตัวมากเกินไป จะทำให้ยากที่จะบำเพ็ญวิถีเซียน และเขามีปณิธานต้องเป็เซียน ดังนั้นเขาไม่อยากติดค้างคนอื่นและไม่อยากให้คนอื่นมาติดค้างเขาด้วย
จื่อหลิงเพิ่งเคยพบคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้เป็ครั้งแรก ถึงกับเอาเื่บุญคุณความแค้นมาพูดได้อย่างมีเหตุผลเช่นนี้ แต่นางไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย กลับกันรู้สึกสบายใจขึ้นมาก…เหมือนได้วางบุญคุณความแค้นนี้ลง สำหรับนางแล้วนี่เป็การตัดสินใจที่ไม่เลว
อีกทั้งนางเห็นว่าจั๋วอวิ๋นเซียนเป็คนแบ่งแยก ‘บุญคุณกับความแค้นชัดเจน’ และ ‘สง่าผ่าเผย’ การคบค้ากับคนเช่นนี้ ดีกว่าพวกคนที่เต็มไปด้วยแผนการเ่าั้มาก
“ดี! หนึ่งพันก็หนึ่งพัน หวังว่าต่อไปพวกเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันมากกว่านี้”
จื่อหลิงก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล นางหยิบหนึ่งพันเหรียญมายาออกมาให้จั๋วอวิ๋นเซียน
“พี่หญิงหลิง นี่ท่าน…”
หลงเอ้อยังอยากจะพูดต่อ กลับถูกจื่อหลิงถลึงตาใส่
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้า นับว่าเื่นี้จบลงแล้ว ต่อไปเขาจึงเล่าประสบการณ์และเคล็ดลับการผ่านด่านูเาไฟให้อีกฝ่ายฟัง
……
เมื่อมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของจื่อหลิง ผ่านไปครึ่งวันแล้วแต่ถังจิ่วก็ยังไม่ได้สติกลับมา
“เ้าทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ?”
ตอนนี้ถังจิ่วนับถือจั๋วอวิ๋นเซียนอย่างสุดหัวใจ ทั้งชาญฉลาด มีความสามารถ และยังเข้าใจกลไก ค่ายกล อักขระอีก…ที่สำคัญก็คือยังทำการค้าเป็อีกด้วย! ถังจิ่วอยากถามว่านอกจากเ้าคลอดบุตรเองไม่ได้แล้ว ยังมีอะไรที่ทำไม่เป็อีก?
ถังจิ่วหันกลับมาถามด้วยเสียงแ่เบา “อวิ๋นเสี่ยวเซียน…บ้านเ้าทำอะไรกันแน่?”
“ค้าขายน่ะ”
ตระกูลจั๋วมีรากฐานมาจากการค้า จั๋วอวิ๋นเซียนได้ยินได้ฟังมามาก จึงเข้าใจวิถีการค้ามาบ้าง
ถังจิ่วถอนหายใจยาว เขากล่าวด้วยสายตาคาดหวัง “เอาละ! อวิ๋นเสี่ยวเซียน ข้าเห็นว่าเ้าเป็คนมีเงิน จากวันนี้ไปพี่จิ่วต้องให้เ้าเลี้ยงแล้ว”
“……”
จั๋วอวิ๋นเซียนี้เีสนใจ จึงไม่ได้ตอบสักคำ แต่จากการแลกเปลี่ยนเมื่อครู่นี้ทำให้เขาได้ข้อคิดเกี่ยวกับการค้าขาย บางทีนี่อาจจะเป็รายได้ที่ไม่เลว
เมื่อคิดได้เพียงเท่านี้จั๋วอวิ๋นเซียนก็ติดต่อกับเถ้าแก่อู๋ที่เมืองโบราณเทียนฟงทันที
