หลังการประมูลจบลงหลั๋วอีอีก็ได้ขอตัวกลับเหตุผลที่เขาให้หลั๋วอีอีมาที่งานประมูลนี้ก็เพราะว่าฉินโจ้ว้าให้เธอได้เรียนรู้เพิ่มเติมและจะได้ฝึกฝนตัวเธอด้วยหลังจากนี้ในอนาคต การปรุงยาก็จะยกให้เธอเป็คนดูแลไม่เพียงแต่เฉพาะเื่ยาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเื่ภายนอกอื่นๆ อีกด้วย
ฉินโจ้วเป็ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการประมูลครั้งนี้จำนวนเงินในบัญชีของเกมตอนนี้กลายเป็ 428,000 เหรียญทองแล้วหลังจากที่เขาได้ตรวจสอบเหรียญตราเสร็จก็ตรงกลับไปที่พักในทันทีเพราะเหตุใดเขาจึงต้องกลับมาที่ห้องน่ะหรือ ก็กลับมากินยาน่ะสิ หลังจากนอนคิดอยู่หนึ่งคืนฉินโจ้วก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็การดีกว่าถ้าจะกินยาทั้งหมดนั่นเสียเองเพราะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้อีก เมื่อเทียบกับการเอาไปขายถึงแม้ว่าอาจจะได้เงินมากมาย แต่ก็คงดูไม่ดีเท่าไร ยาหนึ่งขวดก็ถูกกลืนลงท้องไปยังดีกว่าอยู่ในเกม ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็กว่าจะกินหมดนี่คงอ้วนเป็หมูแน่ๆ
ใน่ที่กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์นั้นเขากังวลว่าจะมียาไม่เพียงพอแต่ถ้าเป็ตอนนี้แล้วเขากลับกลัวว่ามันจะมียามากเกินไปเสียอีก หลังจากยา 6,000 ขวดได้ถูกกลืนลงท้องไปจนหมดสิ้น มือก็บิดขวดยาจนเจ็บไปหมด แถมปากก็ยังบวมเจ่ออีกด้วยแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดีใจที่ความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มขึ้นอีกตอนนี้พลังจิตของเขากลายเป็ 51,980 หน่วย และพลังชีวิต 41,230 หน่วยมากเสียจนน่ากลัว ถ้ามีผู้เล่นมาเห็นในตอนนี้เขาคงคิดว่าต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเล่นอย่างแน่นอน
เมื่อเขามีทั้งอาหารและน้ำดื่มครบครันฉินโจ้วก็เริ่มคิดได้ว่าน่าจะได้เวลาที่จะกลับไปจัดการกับพวกผีดิบที่สุสานเทือกเขาชางซานเสียหน่อยหลังจากที่เปลี่ยนอาชีพรอบที่สองแล้วนั้นเขายังมีทักษะใหม่อีกหลายอย่างที่เลเวลยังอยู่ที่ 0เขาจึงอยากจะไปเพิ่มเลเวลทักษะขึ้น
เมื่อออกมาจากเมืองัดูเหมือนว่าจะมีผู้เล่นเป็จำนวนมากกำลังไล่สังหารมอนสเตอร์กันมากกว่าปกติสิ่งที่ทำให้ฉินโจ้วรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีกก็คือเมื่อเขาได้เห็นสัตว์เลี้ยงเป็จำนวนมากถึงแม้ว่าระบบสัตว์เลี้ยงนั้นได้ถูกพัฒนามาเป็เวลาช้านานแล้ว แต่เนื่องจากไข่ของสัตว์เลี้ยงเองนั้นก็หาได้ยากยิ่งดังนั้นทำให้เขาไม่ได้เห็นผู้เล่นที่มีสัตว์เลี้ยงเป็จำนวนมากเช่นนี้มาก่อนว่าแต่สัตว์เลี้ยงจำนวนมากเหล่านี้ปรากฏออกมาได้อย่างไรกัน
หลังจากที่ได้เฝ้าสังเกตอย่างละเอียดเขาถึงกับหัวเราะออกมา เพราะส่วนใหญ่ของสัตว์เลี้ยงเ่าั้โดยมากก็จะเป็สัตว์ขนาดเล็ก ยกตัวอย่างเช่น ผีเสื้อ นก แมว หรือสุนัขจิ้งจอกและเ้าของสัตว์เลี้ยงเ่าั้ก็ล้วนแต่เป็ผู้เล่นหญิงเกือบทั้งสิ้นซึ่งส่วนใหญ่มีเอาไว้เพื่อความสวยงามมากกว่าจะเอาไว้ใช้งานอย่างแท้จริงแต่ก็มีผู้เล่นบางคนที่ค่อนข้างโชคดีถึงได้หมาป่าเขียว วัวไบซัน และสัตว์อื่นๆอีกหลายชนิด
เมื่อออกห่างจากเมืองัมาพอสมควรจำนวนผู้เล่นก็เริ่มลดน้อยลงตามลำดับ แต่ระดับของผู้เล่นนั้นค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่ก็จะจับกลุ่มกันเพื่อสังหารมอนสเตอร์และยังมีผู้เล่นที่ชอบฉายเดี่ยวแบบฉินโจ้วอยู่บ้างแต่จำนวนค่อนข้างน้อยมาก
สุสานเทือกเขาชางซานนั้นเป็สถานที่ค่อนข้างดีทีเดียวมีระยะห่างก่อนจะถึงบริเวณที่มีก๊าซพิษจากซากศพพอสมควรและก็ไม่มีผู้เล่นให้เห็นโดยรอบ ความหวาดกลัวก๊าซพิษซากศพนั้นก็คงคล้ายๆ กับคนที่หน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเื่เสือก็ไม่ปาน
เมื่อมองออกไปก๊าซพิษบริเวณเหนือกองทัพผีดิบเหมือนจะมีแสงสีขาวส่องทะลุลงมาจากหมู่เมฆไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อฉินโจ้วเห็นแสงสีขาวนั่นแล้วกลับมีความรู้สึกไม่สบายใจนัก
เมื่อฉินโจ้วเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นเขาก็เรียกทหารโครงกระดูกออกมาจัดการกับฝูงผีดิบทหารม้าโครงกระดูกทั้งสี่ตัวเปรียบได้กับมีดสั้นที่พุ่งแทรกแหวกเข้าไปเป็ทางเนื่องจากการตายของนางฟ้าผีดิบทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของกองทัพผีดิบนั้นลดลงเป็อย่างมากและอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความแข็งแกร่งของฉินโจ้วเองก็เพิ่มขึ้นอย่างมากดังนั้นแค่ทหารม้าโครงกระดูกสี่ตัวก็เพียงพอที่จะปกป้องฉินโจ้วให้ปลอดภัยได้แล้ว
แน่นอนว่าเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของฉินโจ้วก็คือการฝึกฝนทักษะ ไม่ใช่การเพิ่มระดับแต่อย่างใดในตอนนี้อัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตของผู้เล่นจะอยู่ที่ 1% ของพลังชีวิตทั้งหมดซึ่งตอนนี้พลังชีวิตของเขามีอยู่ 41,230 หน่วย ก็เท่ากับ 412 หน่วยต่อวินาทีนั่นก็เพียงพอสำหรับทหารโครงกระดูกทั้งสี่ตัวของเขาแล้วที่จริงมันค่อนข้างเหลือกินเหลือใช้เลยก็ว่าได้
"อ่อนแรง"
"อ่อนแรง"
"อ่อนแรงงงง..."
กระแสลมโปร่งแสงทั้งหลายจากไม้เท้าเพลิงดำยิงตรงไปที่เหล่าผีดิบได้อย่างแม่นยำไม่มีผิดพลาดแม้แต่น้อย เนื่องจากคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่ฉินโจ้วมีอยู่ทำให้สามารถใช้เวทได้อย่างต่อเนื่องและพลังจิตของเขาก็ค่อนข้างมหาศาลแทบจะต่อต้าน์ได้เลยทำให้เขาไม่รู้สึกกังวลว่าจะขาดแคลนพลังจิตเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าการให้ความสนใจทักษะใดทักษะหนึ่งมากเกินไปอาจเป็ความคิดที่ไม่ดีแต่ฉินโจ้วในตอนนี้ได้เลือกทางที่พิเศษสำหรับตัวของเขาเองแล้วเขา้าจะเร่งเก็บระดับทักษะให้ได้ถึงเลเวล 100เพราะเขาเคยได้ยินมาว่าจะมีบางสิ่งที่น่าประหลาดใจที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้นเมื่อเลเวลทักษะนั้นเต็ม
ในขณะที่ใจจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนทักษะจนไม่รู้เลยว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไรก็ปรากฏว่าฉินโจ้วได้เดินเข้าสู่ส่วนลึกของสุสานเทือกเขาชางซานแล้วขณะที่กำลังเริ่มเบื่อๆ ทันใดนั้นแสงสีขาวก็พลันปรากฏอยู่ตรงหน้าในใจของฉินโจ้วถึงกับสั่นไหว ไม่ได้คาดคิดไว้เลย... เป็เธอนั่นเอง
ชุดขาวลอยล่องได้เจอกันอีกแล้วสิ
ชุดขาวลอยล่องคนที่เคยเจอกันในสุสานและมีโอกาสได้ช่วยชีวิตเธอไว้ฉินโจ้วก็คิดว่าเจอกันอีกคราก็ยังคงมีพวกผีดิบ มันช่างเป็ความบังเอิญเสียจริง
เมื่อเทียบกับครั้งก่อนหน้าดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของชุดขาวลอยล่องจะเพิ่มขึ้นพอสมควรลำแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นคล้ายกับดวงอาทิตย์กำลังส่องประกายไปทั่วเมื่อพวกผีดิบโดนแสงสีขาวเข้าไปร่างกายจะเริ่มมีควันปรากฏก่อนจะเน่าเปื่อยไปอย่างรวดเร็ว ทั้งพลังป้องกัน ความเร็วจะลดลงเกือบครึ่งหนึ่งค่าความเสียหายนั้นจะแตกต่างกัน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนแสงที่ส่องโดน
หลังจากปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วก็มีะุธาตุแสงที่ดูเหมือนว่าเจาะทะลุพลังป้องกันของผีดิบได้อย่างง่ายดายเมื่อใช้เวทธาตุแสงซึ่งก็ดูไม่ต่างจากเวทแสงโดยทั่วไป ในเวลานี้คล้ายกับว่าโดนฉีดเืไก่ก็ไม่ปานการทำลายล้างส่งผลรุนแรงออกไปเป็วงกว้างะุธาตุแสงเพียงสามนัดก็สามารถจัดการผีดิบได้แล้วดูเหมือนว่าเวทแห่งแสงนั้นสามารถยับยั้งสิ่งมีชีวิตธาตุมืดได้เป็อย่างดีคาดว่าไม่กี่อึดใจก็คงจะเก็บกวาดบริเวณนี้จนไม่มีเหลือเป็แน่
ฉินโจ้วเริ่มเกิดอาการอิจฉาขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อเทียบกับเวทแสงแล้ว การโจมตีเวทของเขานี่มันยังอ่อนปวกเปียกเสียจริงจากการสังเกต เขายังพบอีกว่าชุดขาวลอยล่องนั้นสามารถควบคุมเวทได้ดีทีเดียวเวทแสงนั้นมีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ส่วนใหญ่พวกมันไม่ค่อยมีขนาดเดียวกันสักเท่าไรมันเป็เื่ยากทีเดียวในการใช้ทั้งเวทขนาดใหญ่และเล็กในการโจมตีผีดิบอย่างแม่นยำเพื่อจะใช้พลังจิตทุกหน่วยอย่างคุ้มค่า โดยไม่ให้เสียเปล่า ซึ่งถ้าพูดถึงเวท ''อ่อนแรง'' เมื่อโจมตีใส่มอนสเตอร์เลเวลต่ำกว่า 15ลงไป ก็สามารถทำให้พวกมันสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวได้ทันทีและเมื่อใช้โจมตีใส่ มอนสเตอร์ที่เลเวลต่ำกว่า 10 ลงไปที่จริงแล้วมันสามารถใช้พลังจิตเพียงครึ่งเดียวก็ทำให้เกิดผลได้เหมือนกันซึ่งในเวลานี้ฉินโจ้วยังไม่สามารถควบคุมทักษะ ''อ่อนแรง''ให้ใช้พลังเพียงครึ่งเดียวได้ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นว่าชุดขาวลอยล่องนั้นมีความสามารถในการใช้เวทมากกว่าฉินโจ้วหลายเท่าตัวนัก
ฉินโจ้วรู้สึกว่ามีผู้เล่นมากมายในโลกใบนี้ที่ก่อนหน้าถูกประเมินค่าไว้ต่ำเกินไปใน่เวลาหนึ่ง เขาอาจจะรู้สึกเหมือนโชคดีหล่นใส่ ทุกอย่างแลดูราบรื่นไปเสียหมดทำให้เขารู้สึกทะนงตนมากเกินไป ซึ่งในเวลานี้เขากลับรู้สึกตรงกันข้ามผู้คนที่สามารถขึ้นไปอยู่ในการจัดอันดับรายชื่อได้นั้นไม่มีใครที่ขึ้นมาได้โดยที่ไม่ต้องฝึกฝนอะไรมาเลย มันเป็ไปไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อฉินโจ้วเห็นชุดขาวลอยล่องเธอก็เห็นฉินโจ้วด้วยเหมือนกัน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเป็เื่จำเป็ที่จะต้องคอยสังเกตและฟังเสียงของสิ่งต่างๆ รอบตัวเนื่องจากมีผีดิบเป็จำนวนมากอยู่ระหว่างกลางฉินโจ้วจึงทำได้เพียงพยักหน้าให้อีกฝ่ายเท่านั้น ถึงแม้ว่านี่จะเป็การพบกันครั้งที่สองแต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะรู้จักกันมากขึ้นและคุ้นเคยกันแล้ว
ชุดขาวลอยล่องก็ยังคงดูเ็าราวกับหิมะเส้นผมเรียวยาวเรียงตัวคล้ายน้ำตก เมื่อเธอพบฉินโจ้ว ดวงตาดูคล้ายจะสงบลงไม่รู้สึกประหลาดใจ หรือกังวลแต่อย่างใด มองดูเขาราวกับดูต้นไม้ริมทางเดินทั่วไปหลังจากจดจ้องอยู่ชั่วครู่เธอก็รีบหันกลับไปก่อนจะเริ่มจดจ่อกับการสังหารมอนสเตอร์ของเธอต่อไป
ฉินโจ้วเกาจมูกแก้เขินผู้หญิงคนนี้ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย นี่ขนาดเขาเคยช่วยเหลือเธอไว้หนหนึ่งแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจเสียแล้วเขาเองก็ไม่หน้าหนาพอที่จะเดินเข้าไปหา ดังนั้นเขาจึงรักษาระยะด้วยการถอยห่างออกมาถึงอย่างไรที่นี่ก็มีผีดิบให้จัดการเป็จำนวนมากคงไม่มีใครมานั่งขโมยไอเทมหรือเข้ามาแย่งมอนสเตอร์กันอยู่แล้ว
ติ๊ง!ระบบแจ้งเตือน : ขอแสดงความยินดีด้วย ผู้เล่นเมามายซบตักสาวงาม ทักษะ"อ่อนแรง" ได้เลื่อนระดับขึ้นหนึ่งเลเวล
อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวระดับของ ''อ่อนแรง'' ก็มาถึงเลเวล59 เสียแล้ว บางทีอาจจะได้แรงกระตุ้นมาจากชุดขาวลอยล่องก็เป็ได้ในเวลานี้ฉินโจ้วรู้สึกว่าเขาเริ่มมีความเข้าใจสิ่งใหม่เกี่ยวกับเวทมากยิ่งขึ้นดูไปก็เหมือนกับการที่เขาเปิดประตูบานใหม่และได้มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่เขายังไม่เคยได้เห็นมาก่อนยกตัวอย่างเช่น ในเวลานี้เขาสามารถควบคุมความเร็วของเวท ''อ่อนแรง''ในขณะที่ยิงออกไปได้ แม้ว่าไม่รวดเร็วเท่าเมื่อก่อนและเขายังสามารถเปลี่ยนองศาของเวทได้อีกด้วย แต่เหมือนจะยังไม่ค่อยเห็นผลชัดเจนนักในระหว่างการต่อสู้ เทคนิคนี้ยังไม่สมบูรณ์และยังผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งก็ตามแต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเมื่อไรที่เขาสามารถควบคุมการใช้เวทได้อย่างสมบูรณ์พลังโจมตีเวทของเขาต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน และทำให้ศัตรูป้องกันได้ยากขึ้นไปอีก
หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะระดับของ ''อ่อนแรง'' ก็เพิ่มขึ้นมาที่เลเวล60 แล้ว เมื่อเวลาผ่านไป และมีการช่วยเหลือจากความเข้มแข็งของพลังจิตทำให้ระดับทักษะเวทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ
โดยที่ในเวลานี้''อ่อนแรง'' ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ทำให้สามารถยิงเวทออกไปสองครั้งได้ในเวลาเดียวกันทักษะการโจมตีเดี่ยวเลยกลับกลายเป็ทักษะการโจมตีกลุ่มไปแล้วถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะทำได้เพียงแค่ยิงเวทออกไปสองครั้งแต่เื่นี้ก็ต้องค่อยเป็ค่อยไปตามลำดับ
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเวลาในตอนนี้ได้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วจนระดับของ ''อ่อนแรง'' นั้นได้มาถึงเลเวล80 ซึ่งในตอนนี้ฉินโจ้วสามารถร่ายเวทออกไปได้ถึงสี่ครั้งในคราวเดียวซึ่งทำให้ความรุนแรงนั้นเพิ่มขึ้นเป็อย่างมากเลยทีเดียว
ชุดขาวลอยล่องได้กลับไปเพื่อเพิ่มเติมยาให้เต็มเหมือนเดิมส่วนฉินโจ้วก็หาสถานที่ปลอดภัยเพื่อฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวต่อโดยให้ทหารม้าโครงกระดูกคอยคุ้มกันเมื่อฉินโจ้วกลับมาที่สุสานเทือกเขาชางซานอีกครั้งและได้พบว่าชุดขาวลอยล่องนั้นมาถึงเรียบร้อยแล้ว ฉินโจ้วไม่สามารถเห็นระดับของเธอเพราะว่าเธอนั้นได้ปิดบังค่าสถานะเอาไว้ แต่เท่าที่ดูจากพลังโจมตีแล้วคาดว่าเธอน่าจะอยู่ใน่เลเวล 28 หรือ 29
สองวันต่อมาระดับของทักษะ ''อ่อนแรง'' ก็เพิ่มเป็เลเวล98 ซึ่งในตอนนี้สามารถยิงเวทออกไป 5 สาย ได้ในเวลาเดียวกันเดิมทีนั้นสามารถยิงเวทออกไปได้เพียงหนึ่งครั้งต่อวินาทีแต่มาตอนนี้สามารถยิงออกไปได้สองครั้งพร้อมกันหมายความว่าในตอนนี้เขาสามารถร่ายเวท ''อ่อนแรง'' ได้ 10 สายต่อวินาที นี่ถึงจะเป็การไม่มีระยะการร่ายเวทอย่างแท้จริง
อ่อนแรง: ทักษะระดับต้น ระดับเลเวล 98 ความชำนาญ 1.2% ลดค่าสถานะความแข็งแกร่งทุกอย่างของเป้าหมายลง50% เป็เวลานาน 50 วินาทีซึ่งสามารถใช้ซ้ำกับเป้าหมายเดิมได้โดยจะลดค่าสถานะเพิ่มอีก 1%(ผลของทักษะจะขึ้นอยู่กับเลเวลของทักษะ และจะได้ผลน้อยลงถ้าเลเวลของเป้าหมายสูงกว่าผู้เล่น) ใช้ค่าพลังงานิญญา 5 หน่วยต่อการใช้ในแต่ละครั้งระยะเวลาในการร่ายเวท : ไม่มี
ถึงแม้จะเรียกว่าไม่มีระยะเวลาร่ายเวท แต่ในความเป็จริงแล้วนั้นก็หมายถึง การยิงเวทออกไป 1ครั้งต่อวินาที ถ้า้าร่ายเวทแบบไม่มีระยะเวลาร่ายเลยนั้นสามารถทำได้ 2 วิธีวิธีแรกก็คือ ต้องเพิ่มระดับเลเวลจนเป็พ่อมดระดับสูง หรืออีกวิธีก็คือการเพิ่มระดับทักษะให้ถึงระดับเลเวล 98 เป็อย่างน้อยนอกเสียจากจะบังเอิญโชคดีแล้ว ก็ยังไม่เห็นมีใครที่จะสามารถเพิ่มระดับทักษะไปจนสูงสุดได้นอกเหนือจากสองวิธีนี้แล้ว มีแต่การฝึกฝนตามปกติ ไม่มีวิธีลัดแต่อย่างใดนอกเสียจากว่าจะมีพร์บางอย่าง
ดูเหมือนว่าที่เขาลือกันน่าจะเป็เื่จริงเมื่อมาถึงระดับเลเวล 98 แล้วความเร็วในการเลื่อนระดับจะกลายเป็เชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลานเสียอีกถ้า้าเลื่อนระดับถึงเลเวล 99 ด้วยความเร็วเท่านี้เขาคิดว่าคงต้องมีอย่างน้อยครึ่งปีเป็อย่างต่ำ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ทักษะ "หน่วง" แทน
"หน่วง"
"หน่วง"
"หน่วงงงงงง..."
เวทมนตร์ไหลพุ่งออกไปราวกับสายน้ำหลากพุ่งตรงเข้าใส่ผีดิบอย่างแม่นยำซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกผีดิบนั้นเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงจากทักษะ ''หน่วง'' เป็อย่างมากเลยทีเดียว
ติ๊ง!ระบบแจ้งเตือน : ขอแสดงความยินดีด้วย ผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามได้เลื่อนระดับขึ้นหนึ่งขั้นเลเวล 33
ระดับเลเวล33 พลังชีวิต 41,570 หน่วย, พลังจิต 52,120 หน่วย
สามวันต่อมาทักษะ "หน่วง" ก็เลื่อนระดับมาจนถึงเลเวล 98 และสามารถยิงเวท"หน่วง" ออกไปได้ 10 ครั้งต่อวินาทีได้แล้ว
ทักษะการหน่วงเหนี่ยว: ทักษะระดับต้น เลเวล 98 ความเชี่ยวชาญ 0.3% ทำให้ศัตรูอยู่ในสถานะติดลบความเร็วลดลง 50% ระยะเวลา : 50 วินาที ประสิทธิภาพทับซ้อนทับซ้อนครั้งหนึ่งส่งผลให้ค่าเพิ่มขึ้น 1% (หมายเหตุ :ถ้าศัตรูมีระดับสูงกว่าผู้เล่น ประสิทธิภาพจะลดลง เปลี่ยนแปลงตามระดับที่เปลี่ยนไป)ใช้พลังิญญา : 5 แต้มต่อครั้ง ระยะเวลาการร่ายเวท : ไม่มี
ค่ำคืนได้ล่วงผ่านจนเวลาผ่านไปอีกสามวัน ก็สามารถยกระดับเลเวลหนามกระดูกมาถึงเลเวล 98 ได้ในที่สุด
หนามกระดูก: ทักษะพื้นฐาน เลเวล 98 ส่งกระดูก 20 ชิ้นออกไปโจมตีศัตรู พลังโจมตี : 180 หน่วย, ใช้ค่าพลังงานิญญา 5 หน่วยต่อการโจมตีแต่ละครั้ง, ระยะเวลาในการเรียกใช้ทักษะ: ไม่มี
การเพิ่มระดับทักษะหนามกระดูกนั้นฉินโจ้วได้คิดเกี่ยวกับเื่นี้ไว้บ้างแล้ว หนามกระดูกนั้นเป็ทักษะพื้นฐานถึงแม้ว่าเขาจะใช้เวลาในการเพิ่มระดับแล้ว ก็ยังคงดูอ่อนแออยู่ดี ดูๆไปไม่ค่อยคุ้มค่าเอาเสียเลย แต่ถึงกระนั้นหนามกระดูกก็เป็ทักษะโจมตีเพียงทักษะเดียวที่มีอยู่ในขณะนี้และพลังจิตที่ต้องใช้มันก็น้อยเสียจนลืมๆ มันไปเลยก็ยังได้ดังนั้นเขาจึงจำเป็ต้องเพิ่มระดับมันขึ้นมา ในขณะที่ดาบลมนั้นเป็เวทพื้นฐานเหมือนกัน แต่พลังโจมตีก็แย่พอกัน เขาจึงเลือกที่จะทำใจยอมยกธงขาวในการที่จะอัปเกรดมัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้