ซูเซียวกลับมาถึงจวนก็พอดีกับที่ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืด นางเดินทอดน่องมุ่งหน้าไปยังเรือนของฮูหยินรองเกา ระหว่างทางได้พบกับรองเสนาบดีกระทรวงคลังถามด้วยความสงสัยว่าเหตุใดจึงกลับมาค่ำนัก
ซูเซียวจึงตอบบ่าวออกไปเลือกชุดให้คุณหนูใหญ่สำหรับงานเลี้ยงน้ำชาของสกุลหยาง
จ้าวเฉิงพยักหน้าเบาๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงนัย “นางมีเมตตากับจ้าวเหม่ยหลินเป็ด้วยหรือ” แล้วเดินจากไปโดยไม่รอคำตอบ
ซูเซียวก้มหน้ารับคำอย่างเงียบงัน ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปยังเรือนของฮูหยินรองเกา เมื่อเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงของหญิงวัยกลางคนกำลังพร่ำบ่นถึงบุตรสาว
“ไม่รู้ไปสนิทสนมกับจ้าวซ่งจื่อั้แ่เมื่อใด ถึงกับไปนั่งทานข้าวถึงเรือนของเขา” ก่อนจะจบประโยคด้วยเสียงถอนหายใจ
แต่พอเงยหน้าขึ้นเห็นบ่าวคนสนิทยืนอยู่ ฮูหยินรองเกาก็เอ่ยถามทันทีว่าเป็อย่างไรบ้าง
ซูเซียวก้มหน้านอบน้อม ตอบเสียงเรียบ “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเ้าค่ะ”
เกาฟางพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะโบกมือไล่นางให้ออกไปจากเรือน
ซูเซียวจึงหมุนตัวก้าวออกจากเรือนฮูหยินรองเกาโดยไม่แม้แต่หันกลับไปมอง นางเดินไปยังห้องพักของตนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เมื่อกลับมาถึงห้องพัก ซูเซียวก็ตรงดิ่งไปเปิดหีบไม้ทันที นางหยิบขวดยาออกมา แล้วเทเม็ดยาสมุนไพรเม็ดกลมขนาดเล็กมาหนึ่งเม็ด ก่อนจะกลืนมันลงไปอย่างไม่ลังเล
นั่นคือยากันตั้งครรภ์ที่ฮูหยินรองเกาให้ไว้
เดิมทีนางเป็เด็กกำพร้าที่ตระกูลเการับมาเลี้ยงเพื่อให้ดูแลคุณหนูรองเกาฟาง และติดตามเข้าจวนรองเสนาบดีคลังในฐานะบ่าวรับใช้
แต่ชีวิตกลับไม่ได้มีเพียงหน้าที่ดูแลรับใช้ ซูเซียวกลายเป็เครื่องมือของเกาฟาง นางถูกแลกเปลี่ยนกับยาท้องปลอมของถังซื่อ เพื่อใส่ร้ายแม่นางจินเหนียงคนรักของจ้าวเฉิง
ซูเซียวต้องทนต่อการถูกย่ำยีโดยที่ไม่เต็มใจ
นางน้ำตาหลั่งแทบทุกคืน แต่ฮูหยินรองเกากลับไม่เคยยื่นมือช่วยเหลือเลยสักครั้ง
แต่ถึงอย่างไรตระกูลเกาก็ยังคงเป็ผู้มีพระคุณที่หยิบยื่นชีวิตใหม่ให้นาง ซูเซียวจึงจำต้องก้มหน้ารับชะตาแบกรับความเ็ปทั้งหมดไว้ เพื่อชดใช้บุญคุณที่ไม่อาจลบเลือน
ชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนถูกส่งมาถึงเรือนท้ายจวนของจ้าวเหม่ยหลินั้แ่ฟ้ายังไม่ทันสาง โดยมีพ่อบ้านไป๋เป็ผู้นำมาส่งด้วยตัวเอง
ซูจินยืนลังเลอยู่พักใหญ่ พลางมองชุดในกล่องด้วยสีหน้าเป็กังวล นางยังไม่ได้แจ้งข่าวเื่งานเลี้ยงน้ำชากับคุณหนูของตน ท้ายที่สุดก็จำใจเดินเข้าไปในห้องเพื่อแจ้งข่าวนั้นให้จ้าวเหม่ยหลินทราบ
จ้าวเหม่ยหลินนิ่งงันไปครู่หนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด จนซูจินที่ยืนอยู่ข้างๆอดรู้สึกเป็ห่วงไม่ได้
“นี่ข้าต้องเลื่อนงานเขียนออกไปจริงๆหรือ” ร่างเล็กพึมพำ พลางยกมือขึ้นกุมขมับ “ข้าดันไปรับปากกงเจวี๋ยไว้แล้วว่าจะส่งต้นฉบับภายในหนึ่งเดือน”
“ไม่ไป…ไม่ได้หรือ” จ้าวเหม่ยหลินยิ้มบาง พลางหยั่งเชิงสายตาซูจิน
“ไม่ได้เ้าค่ะ เป็คำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าโดยตรง” ซูจินตอบเสียงเบา
“จริงหรือ” จ้าวเหม่ยหลินเลิกคิ้วถามอย่างแคลงใจ โดยปกติฮูหยินผู้เฒ่าไม่เคยใส่ใจนางถึงเพียงนี้
เหตุใดครานี้จึงมีคำสั่งให้ร่วมงานเลี้ยงน้ำชา หรือมีใครบางคนกำลังยืมมือผู้าุโสร้างเื่ให้นาง แต่ก็คงไม่พ้นสองแม่ลูกเป็แน่
“ก็ได้ๆ ข้ายอมไปก็ได้ แต่ก่อนอื่นต้องแอบออกจวนไปเลื่อนงานกับใครบางคนเสียก่อน” จ้าวเหม่ยหลินกล่าวพลางยกถ้วยชาแนบริมฝีปากจิบเบาๆ
“จะออกไปอีกแล้วหรือเ้าคะ” ซูจินทำหน้าตาอ้อนวอน “ขอบ่าวติดตามไปด้วยเถิดนะเ้าคะ”
จ้าวเหม่ยหลินเพียงส่ายหน้า “ไม่ต้อง ข้าจะไปคนเดียว”
ทว่าก่อนซูจินจะอ้าปากค้าน จ้าวเหม่ยหลินก็พูดต่อ “เ้าจัดเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ข้าเถิด ข้าจะอาบน้ำ”
หลังจากจ้าวเหม่ยหลินอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ซูจินก็รีบช่วยร่างเล็กแต่งตัวและจัดแต่งทรงผม
จากนั้นนางก็แอบนำปิ่นชั้นดีไปติดสินบนพ่อบ้านไป๋ เพื่อให้นายสาวของตนออกจากจวนได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไรตามมาในภายหลัง
จ้าวเหม่ยหลินใช้เวลาไม่นานก็มาถึงร้านกงเจวี๋ยแล้ว ระหว่างทางนางคิดว่าค่อยบอกกงเจวี๋ยภายหลังก็ได้ แต่เพราะวันนี้ความคิดในหัวกลับตื้อไปหมด จึงถือโอกาสออกมาหาแรงบันดาลใจใหม่เสียเลย
เมื่อมาถึงหน้าร้าน ร่างเล็กเคาะประตูบานใหญ่เบาๆ ก่อนที่มันจะเปิดออกโดยหลีเฉิน ดูเหมือนวันนี้ร้านจะไม่เปิดขายกระดาษเพราะกงเจวี๋ยไม่อยู่
จ้าวเหม่ยหลินจึงพยายามเค้นถามจนในที่สุดหลีเฉินก็ยอมบอกที่อยู่ของกงเจวี๋ย ซึ่งเป็สถานที่ที่ร่างเล็กกำลังอยากไปพอดี
นางจึงขอยืมชุดของหลีเฉินเพื่อปลอมตัวเป็บุรุษสักวัน หลีเฉินได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา
ความกล้าบ้าบิ่นของแม่นางผู้นี้ช่างไม่ต่างจากเ้านายของตนเลยแม้แต่น้อย
หากเื่นี้แพร่งพรายออกไปว่าทั้งสองแอบไปยังสถานที่นั้นด้วยกัน เกรงว่าจะเป็ที่เล่าลือไปทั่วทั้งเมืองหลวง องค์ชายเองก็คงไม่รอดจากเงื้อมมือองค์ไทเฮา อาจถึงขั้นถูกปะาชีวิตได้เลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างไรองครักษ์อย่างเขาคงไม่เกี่ยวข้องกับเื่นี้