เสี่ยหยวนจ้องมองไปยังอันดับหนึ่งอย่างเคร่งขรึม เขานึกไม่ถึงว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะดึงดูดอันดับหนึ่งมาที่นี่ด้วย
ก่อนจะอายุเก้าขวบ เสี่ยหยวน อันดับหนึ่ง และอันดับสอง ต่างถูกจัดว่าเป็สามวีรบุรุษแห่งหยาจื้อสิบสามฝ่าย มีคนกล่าวกันว่า ผู้นำรุ่นต่อไปจะต้องเป็คนใดคนหนึ่งในสามคนนี้
ในอดีต เสี่ยหยวนสามารถเทียบเคียงบ่าเคียงไหล่กับอันดับหนึ่งและอันดับสองได้ แต่ในวันนี้ เืวานราของเขาได้ถูก่ชิงไป จุดตันเถียนถูกทำลาย แม้แต่อันดับห้าก็ยังไล่ทันเขาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอันดับหนึ่งและอันดับสองเลย
เสี่ยหยวนจินตนาการไม่ออกเลยว่าในตอนนี้ความแข็งแกร่งของอันดับหนึ่งนั้นอยู่ในระดับไหน ซึ่งแม้เขาเองก็ยังต้องใ พลางทำให้จิตใจของเสี่ยวหยวนจมดิ่งลงทันที
อันดับหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกล ดูเหมือนจะไม่ทันสังเกตเห็นเสี่ยหยวน บางทีอาจบอกได้ว่า เสี่ยหยวนในเวลานี้ ไม่มีคุณสมบัติใดให้เขาต้องเหลียวมองอีกแล้ว สายตาของเขากำลังจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ของอันดับห้าและฉินอวี่
ด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกจากร่างกายทั่วทั้งร่างของเขา ทำให้พื้นที่รอบด้านต่างพลุ่งพล่านขึ้นทันที จนทำให้มองเห็นรูปลักษณ์ของอันดับหนึ่งได้ไม่ชัดเจนนัก เขายืนอยู่ตรงนั้น เหมือนเทพเ้าองค์หนึ่ง แม้แต่คนของหยาจื้อสิบสามฝ่ายคนอื่นๆ ที่เหาะเข้ามาต่างจ้องมองไปทางอันดับหนึ่งด้วยความตกตะลึง ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะล่วงเกินอันดับหนึ่งเลยแม้เพียงครึ่งก้าว
อันดับหนึ่งเป็ผู้มีใจเย่อหยิ่ง ในฐานะที่เป็หลานคนโตของหัวหน้าฝ่ายหยาจื้อ อันดับหนึ่งมีความสามารถบางอย่างที่ไม่อาจมีใครเทียบได้ แม้ว่าสายเืหยาจื้อของเขาจะแตกต่างไปจากการหวนคืนของบรรพชนของเสี่ยหยวน แต่เมื่อถือกำเนิดแล้ว สายเืของเขาก็เปลี่ยนไป และมีความบริสุทธิ์มากกว่าเผ่าอื่นๆ เป็อย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้าใจและสติปัญญาของอันดับหนึ่งนับว่าพิเศษกว่าปกติ ดังนั้น หลายปีมานี้เขาจึงไม่ได้ก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งในรายนามระดับสามัญอย่างไร้เหตุผล
แม้ว่าในอดีตเสี่ยหยวนจะสามารถเทียบเคียงกับอันดับหนึ่งได้ แต่ในวันนี้ อันดับหนึ่งได้แต่ทอดทิ้งเสี่ยหยวนเอาไว้ด้านหลังอย่างไกลลิบ
การที่อันดับหนึ่งเข้ามายังหอคอยขัดเกลาในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะ้ากู้หน้าให้กับเ้าสิบเอ็ด ในความเห็นของเขา การแพ้ชนะเป็เื่ที่ปกติอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่เื่ของเ้าสิบเอ็ดเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่กล้าดีจะยกให้ตนเองเป็อันดับหนึ่งในกลุ่มคนระดับต่ำกว่าขั้นเทพ์ ไม่ต้องพูดถึงแดนซิงเฉินทั้งสี่ของโลกภายนอก แม้แต่ในแดนที่แตกสลายแห่งนี้ ก็ยังมีสิ่งที่เขาหวั่นเกรงอย่างไม่อาจเปรียบเปรยได้ปรากฏอยู่
คนผู้นั้น... ผู้อยู่ในเหวลึก นั่นคืออัจฉริยะ์ของจอมปีศาจที่หลงเหลืออยู่
วัตถุประสงค์แรกของการมาถึงในครั้งนี้ อันดับหนึ่ง้าจะทดลองเข้าไปยังหอคอยขัดเกลาชั้นที่เจ็ด ตลอดหลายปีมานี้ อันดับหนึ่งสามารถพัฒนาระดับฝึกฝนได้ถึงขั้นเทพ์แล้ว ดังนั้นเหตุที่เขาต้องระงับระดับฝึกฝนของตนเอง ก็เพื่อเข้าสู่หอขัดเกลาชั้นที่เจ็ด เพื่อเืของบรรพชนหยาจื้อ
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น จึงจะทำให้สายเืหยาจื้อของเขาเกิดการพัฒนา จนได้รับพลังของบรรพชนัหงหวง
ในขณะกำลังเตรียมเข้าสู่ชั้นที่สามนั้น เขากลับถูกดึงดูดความสนใจจากการต่อสู้ระหว่างฉินอวี่และอันดับห้า
อันดับหนึ่งดูเหมือนจะสนใจฉินอวี่อย่างมาก แต่กลับไม่ได้นำมาใส่ใจ ผลึกความทรงจำนั้น เขาก็ได้เห็นมาแล้ว ในความเห็นของเขา ฉินอวี่ได้ใช้วิชาลึกลับที่แข็งแกร่งบางประการเพื่อกระตุ้นความสามารถที่มีอยู่ในร่างกายของเขา ยิ่งเขาต่อสู้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้นเท่านั้น แต่ในมุมมองของเขาแล้ว ความสามารถเช่นนี้ยังคงมีข้อจำกัด
แต่เมื่อเขาได้เห็นฉินอวี่บีบบังคับอันดับห้าได้ถึงจุดนี้ อันดับหนึ่งก็มีอาการนิ่งขรึมในทันที ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง เป็แค่ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง แต่กลับบีบให้อันดับห้าต้องกระตุ้นเรียกพลังของสายเืออกมา แม้ว่าอันดับหนึ่งเองจะสามารถทำให้อันดับห้าตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ได้เช่นกัน แต่บุคคลผู้นี้เป็เพียงคนธรรมดา ไม่มีสายเืใดๆ ในร่างกาย และไม่ได้มีร่างกายอันแข็งแกร่งเหมือนเหล่าอสูรร้ายอย่างพวกเขา
เขา... ทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
อันดับหนึ่งใอย่างมาก
ไม่เพียงแต่อันดับหนึ่งเท่านั้น แม้แต่บรรดาคนของหยาจื้อสิบสามฝ่ายที่รวมตัวกันอยู่ด้านหลังของเขาต่างก็มองไปทางฉากการต่อสู้ที่เบื้องหน้าอย่างเหลือเชื่อ พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนนอกที่สามารถทำให้อันดับห้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้
“คนนอกผู้นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่? สำนักยุทธ์ว่านจ้งนั้นมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ? นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะสามารถบีบบังคับอันดับห้าให้อยู่ในสภาวะเช่นนี้ได้”
“เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ เลยเชียว”
“ตอนแรกข้าก็คิดว่าเป็เพียงกลโกงที่เอาชนะเ้าสิบเอ็ด แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว คนผู้นี้กลับมีพละกำลังเช่นนี้จริงๆ”
“พวกเ้าคิดว่าคนเราจะทำลายศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อความทะเยอทะยานของคนอื่นหรือ คนผู้นี้ก็แค่อาศัยทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นเอง แม้ว่าจะกดดันอันดับห้าได้ แต่หลังจากใช้พลังของสายเืเมื่อไร คนผู้นี้ต้องตายอย่างแน่นอน!”
“อ๊าก!”
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น อันดับห้าก็คว้าจับหอกศึกเอาไว้แน่น พลังปราณทั่วทั้งร่างค่อยๆ ปะทุขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนของศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเื จมูกที่อยู่ในตำแหน่งได้ยุบลึกเข้าไปจากเดิม หมัดที่ทรงพลังของฉินอวี่กระแทกใส่ศีรษะของเขาจนแทบะเิออก
หอกศึกที่แปลงมาจากอสุนีคำรามนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้ว่าอันดับห้าจะใช้พลังของสายเืทั้งสาม แต่พลังแห่งการทำลายล้างที่แฝงอยู่ในหอกศึกก็ทำให้เืเนื้อของเขาเริ่มแตกออกจากกันจนเผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่อยู่ภายใน
“ข้าจะฆ่าเ้าและฉีกเป็ชิ้นๆ!” อันดับห้าะโดังก้องท้องฟ้า หลายปีมานี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอายเช่นนี้ นับประสาอะไรกับคนนอก ความโกรธเคืองในใจทำให้อันดับห้าเกือบจะคลุ้มคลั่ง เขาจับหอกศึกไว้แน่น และพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อดึงมันขว้างออกไปทางฉินอวี่
ฉินอวี่ส่งเสียงจุ๊ปากอยู่ในใจ อันดับห้าผู้นี้มีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้!
พลังของว่านจ้งสามชั้นได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจากรอยผนึกฝ่ามือ จนความแข็งแกร่งเกือบพัฒนาขึ้นเป็พลังว่านจ้งห้าชั้น แต่กลับยังไม่สามารถสังหารอันดับห้าได้ และหลังจากเขาเริ่มใช้พลังของสายเื เขาก็สามารถต้านทานได้แม้กระทั่งพลังจากอสุนีคำราม สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอันดับห้ามีความแข็งแกร่งเพียงใด
“บางที การที่ข้ารวบรวมพลังว่านจ้งมาถึงระดับชั้นที่สี่ และเพิ่มความแข็งแกร่งผ่านผนึกฝ่ามือ อาจทำได้เพียงเสมอกับพลังของอันดับห้าเท่านั้น แต่ถ้าจะเอาชนะอันดับห้า เกรงว่าคงจะต้องรวบรวมพลังว่านจ้งห้าชั้นออกมาแล้ว” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง
ในตอนแรก เขาได้กลั่นสายฟ้าเตรียมไว้เพียงสามสายเท่านั้น ในตอนสู้กับเ้าสิบเอ็ดนั้นใช้ไปหนึ่งสาย และตอนนี้ใช้ไปอีกสองสาย เท่ากับว่าเขาได้ใช้ไปทั้งหมดแล้ว ดังนั้น ในตอนนี้เขาจึงเหลือเพียงอาศัยพลังของวิชาปีศาจคลั่งในการต่อสู้กับอันดับห้าเท่านั้น
“ตูม!” ขณะที่ฉินอวี่กำลังวางแผนอยู่นั้น อันดับห้าก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างทันทีทันใด ในขณะนี้พลังและความเร็วของเขาได้มาถึงขีดสุดแล้ว จนฉินอวี่เองก็ไม่อาจจะตรวจจับร่องรอยหรือเบาะแสอะไรของเขาได้เลย
“ตูม ตูม ตูม!”
หมัดอันหนักอึ้งแต่ละหมัดถูกปล่อยออกมาราวกับูเาแต่ละลูก พุ่งเข้าทำลายร่างของฉินอวี่อย่างรุนแรงและทรงพลัง
“กรอบแกรบ กรอบแกรบ กรอบแกรบ!”
เสียงกระดูกหักในร่างกายของฉินอวี่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง จนแทบไม่เหลือช่องว่างให้ได้ตอบโต้กลับ ดังนั้นเขาจึงต้องฝืนใจรับพลังการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของอันดับห้า
ภายใต้การโจมตีอันน่าสะพรึงนี้ กระดูกในร่างกายของฉินอวี่เกือบจะแตกหักไปทั้งหมด เนื้อหนังทั่วทั้งร่างกายค่อยๆ ปริออกเพราะพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้
“คนภายนอกคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะอันดับห้าได้อย่างไร?”
“หยาจื้อ วานรยุทธ์ เสวียนอู่ พลังทั้งสามประสานเข้าหากันเช่นนี้ คนภายนอกอย่างเขาจะต้านทานได้อย่างไร?”
“แม้ว่าคนผู้นี้จะไม่ธรรมดา แต่เมื่อเทียบกับเผ่าหยาจื้อของข้าแล้ว นับว่ายังห่างชั้นอีกมากนัก”
เหล่าศิษย์ของหยาจื้อสิบสามฝ่ายต่างพูดจากันอย่างโอหังอยู่ในจุดที่ห่างออกไปไกล
เสี่ยหยวนที่กำลังจับวานรยุทธ์ไว้แน่นได้จ้องไปทางการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของอันดับห้า เขาแทบจะรู้สึกได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ในทุกๆ หมัด และดูเหมือนจะเป็เื่เหลือบ่ากว่าแรง หากเป็เช่นนี้ต่อไป ฉินอวี่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ในตอนนี้เสี่ยหยวนนั้นไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ได้เลย แม้ว่าอันดับหนึ่งจะไม่ได้จ้องมองเขา แต่เสี่ยหยวนก็รู้ดี ขอเพียงตนเองเคลื่อนไหว อันดับหนึ่งจะต้องลงมือทันที เมื่อถึงตอนนั้น... เื่ทุกอย่างคงเปลี่ยนไปอย่างมาก
ขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้วนั้น ในใจของอันดับห้าก็มีคลื่นพลังปั่นป่วนขึ้นมา เขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ราวกับคนที่ถูกโจมตีไม่ใช่ฉินอวี่ แต่เป็ตนเอง
การโจมตีของเขาแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนถึงขีดสูงสุด ทุกๆ ครั้งที่ปล่อยพลังลงมา เขาก็สามารถััได้ถึงพลังปราณจากภายในร่างกายของฉินอวี่ที่พุ่งทะยานขึ้น เมื่อถึงท้ายที่สุดพลังปราณนี้ก็ทำให้อันดับห้าอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้ ราวกับว่ามีปีศาจร้ายซึ่งไม่มีผู้ใดเทียบได้กำลังจะหลุดพ้นจากพันธนาการในร่างกายของฉินอวี่!
นี่เป็ทักษะยุทธ์ที่น่ากลัวอะไรกันแน่?
อันดับห้ามีความหวาดกลัวอยู่ในใจ หลังจากพลังหมัดของเขาทุบฉินอวี่ลงไปกับพื้น เขาก็ะโขึ้นไปในอากาศ ยกแขนซ้ายและขวาที่มีขนาดเท่าลำต้นไม้ขึ้นเหนือศีรษะ ทันใดนั้นหมัดอันใหญ่โตก็ะเิเป็แสงสีทองออกมา พุ่งทะลุไปบนฟ้า จากนั้นจึงะเิออกก่อนจะมุ่งหน้าเข้าหาฉินอวี่
“นี่มันเื่อะไรกันแน่?” ใบหน้าที่บิดเบี้ยวและน่าสะพรึงกลัวของเสี่ยหยวนเต็มไปด้วยความกังวลและสงสัย
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่ศิษย์ของหยาจื้อสิบสามฝ่ายหรือกระทั่งอันดับหนึ่งต่างก็มีสีหน้าที่งุนงง
อันดับห้าได้เปรียบมาก่อนแล้ว ใน่หัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะใช้วิชาของบรรพชน?
อย่างไรก็ตาม พลังของบรรพชนและรากฐานของสายเื ทุกครั้งที่มีการใช้งาน มันจะต้องสิ้นเปลืองสายเื แต่ถ้าอันดับห้าใช้ร่างกายของเขาหลอมรวมกับเืครึ่งหยดอันล้ำค่าของเสี่ยหยวน หากใช้อีกครั้ง ย่อมมีความสูญเสียแก่นพลังไปอย่างมาก
ในขณะที่ยังได้เปรียบอยู่ แล้วอันดับห้าจะเลือกใช้พลังของบรรพชนหรือ?
“ตูม ตูม!”
ขณะที่ทุกคนกำลังใอยู่นั้น แผ่นดินก็เกิดเกลียวคลื่นที่โหมกระหน่ำราวกับคลื่นทะเลกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว และคลื่นพลังนั้นก็ได้แผ่กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งราวกับอสูรร้าย
ฝุ่นที่กระจายบนท้องฟ้าได้บดบังการมองเห็นของทุกคน ทุกคนจึงต้องใช้มโนจิตส่องเข้าไปดูตรงส่วนใจกลาง แต่ภาพที่พบทำให้ทุกคนต่างต้องตกตะลึง
ทุกคนมองเห็นหมัดของอันดับห้าได้จมลงไปในท้องของฉินอวี่ อันดับห้าก็ตะลึงไปเล็กน้อย เขารู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าขณะที่หมัดจมเข้าสู่หน้าท้องของฉินอวี่ เขาก็ััได้ถึงพลังอันอธิบายไม่ถูกชนิดหนึ่ง แต่อันดับห้าก็ไม่คิดอะไร และขณะที่เขากำลังดึงมือกลับออกมานั้น เปลวไฟสีเทาอ่อนก็ปรากฏออกมาจากรูตรงช่องท้องของฉินอวี่
อันดับห้ารู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง ััได้เพียงความอันตรายบางอย่างที่ปกคลุมหัวใจของตนเอง เขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว และมองเปลวไฟสีเทาหม่นตรงช่องท้องของฉินอวี่
ในขณะนี้ เปลวไฟลุกโชนขึ้นทั่วทั้งร่างของฉินอวี่ ราวกับว่าร่างทั้งร่างกำลังเปียกโชกไปด้วยน้ำมัน
ท้ายที่สุด...
เปลวไฟสีเทาก็ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จนฉินอวี่ถูกเปลวไฟปกคลุมไปทั้งร่างอย่างสมบูรณ์
และเปลวไฟสีเทานี้ก็โหมรุนแรงและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดยอดของเปลวไฟสูงขึ้นไปได้ถึงสิบจ้าง ราวกับคบเพลิงขนาดใหญ่ที่กำลังลุกโชน
ทุกคนในรอบรัศมีสิบลี้ต่างรู้สึกได้ว่าหัวใจของพวกเขาเต้นแรง และวิกฤติของความเป็ความตายได้ปกคลุมไปทั่วทั้งหัวใจของเขาแล้ว แม้แต่อันดับหนึ่งเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
และในเวลานี้เอง
ฉินอวี่ที่นอนอยู่บนพื้นอย่างไม่รู้เป็หรือตายก็ได้ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน...
