ครั้นโม่จ้านฝืนขึ้นไปอยู่ในระดับสูงเทียบเท่ารังนกอินทรี เก๋อจือที่อยู่ด้านล่างพลันเหนื่อยจนหอบแฮ่กเสียแล้ว
ความยากในการใช้พลังเวทธาตุลมควบคุมผู้อื่นให้ลอยกับควบคุมตนเองให้ลอยนั้นต่างกันคนละชั้นอย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้นโม่จ้านยังแบกกระเป๋าที่มินับว่าใบเล็ก ลาถีเท่อเห็นแล้วลุ้นระทึก มิเพียงแต่กลัวว่าพลังของเก๋อจือจะหมดลง ยังกลัวว่าโม่จ้านจะพลาดพลั้งตกลงมา
เพียงแต่โม่จ้านในยามนี้กลับเผยรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจในตนเองออกมา --- โชคดีที่วันก่อนตนเฝ้าสังเกตจนรู้ว่า้าหน้าตัดของหน้าผาสูงเด่นมีช่องว่างและส่วนที่ยื่นออกมาจากการที่ก้อนหินเบียดกันมิน้อย
โม่จ้านยื่นมือออกไปเคาะกำแพงหิน ก้าวเท้าออกจากเขตวงเวทย์ลม พาขาของตนไปขัดไว้กับซอกหินข้างปากถ้ำก่อนเงี่ยหูฟังเสียงด้านใน
เก๋อจือกดไม้คทาลงเพื่อไล่พลังธาตุลมที่ยังหมุนวนกลางอากาศ จากนั้นทิ้งก้นลงบนพื้นแล้วหอบหายใจอย่างหนัก
ต่อให้ใช้พลังเวทธาตุลมส่งโม่จ้านไปถึงหน้าปากถ้ำได้ ทว่าทันทีที่โม่จ้านปรากฏตัว ลูกนกในรังจะต้องปล่อยพลังเวทสายฟ้าโจมตีเขาตกลงมาอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น ตนยังต้องใช้พลังเวทลมส่งเขากลับลงสู่พื้น จากนั้นค่อยหัวเราะเขาให้สาแก่ใจ
ทว่าความคิดของลาถีเท่อยังมองโลกในแง่ดีกว่าสักหน่อย โม่จ้านอาจจะมีอุปกรณ์ป้องกันเวทสายฟ้า เพียงแต่ความเร็วต้องมากพอ พุ่งตรงเข้าไปจับออกมาสักตัวก็ใช่ว่าจะเป็ไปมิได้
เพียงแต่ยามที่คนทั้งสองเห็นการกระทำของโม่จ้านพลันพากันตะลึงงันเสียแล้ว --- ห้อยต่องแต่งแอบสังเกตการณ์อยู่ข้างปากถ้ำเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร? กำแพงหินที่ชันถึงเพียงนั้น มิกลัวว่าจะตกลงมาหรืออย่างไร?
อย่างไรก็ตาม โม่จ้านมิเพียงแต่มิกลัว กลับยังค่อนข้างตื่นเต้น ตนเคยปีนผามามิน้อยครั้ง ทว่าการปีนโดยมิมีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเช่นนี้นับเป็ครั้งแรก ช่างตื่นเต้นเร้าใจเสียจริง หากแม้นพลัดตกลงไปโดยมิทันระวัง ก็ยังจะได้ท่องเที่ยวบนเส้นทางดำดิ่งอย่างเชื่องช้าเพราะพลังเวทธาตุลมอย่างที่มิเคยได้ััมาก่อน
“จิ๊บๆๆ” เสียงอ่อนนุ่มทำให้ภายในใจของโม่จ้านรู้สึกยินดี ในรังมีลูกนกตามที่คาดเอาไว้มิมีผิด
ก่อนออกเดินทาง โม่จ้านไปสืบเื่อินทรีสายฟ้าอย่างละเอียดจากกิลด์นักดาบพเนจรมามิน้อย อินทรีสายฟ้ามีตัวผู้มากตัวเมียน้อย ตัวเมียรอกระทั่งไข่ฟักก็จะออกจากรังมิย้อนกลับมาอีกกระทั่งถึงฤดูผสมพันธุ์ในปีหน้า จะมีนกอินทรีตัวผู้รับหน้าที่เลี้ยงดูลูกนกจนเติบใหญ่ ดังนั้นหนึ่งรังจะมีลูกนกจำนวนมาก มิเพียงเท่านั้นปริมาณการกินของลูกนกยังเยอะเสียยิ่งกว่าเยอะ นกอินทรีตัวผู้จะต้องออกล่าทุกวันจึงจะทำให้เ้าตัวน้อยที่รอคอยอาหารรู้สึกพอใจ
เดิมทีนับเป็โอกาสที่ดีของศัตรูในการจับลูกนก ทว่าทันทีที่บรรดาลูกนกเห็นสิ่งแปลกปลอมก็จะใช้พลังเวทสายฟ้าระดับสองอันเป็พร์เริ่มทำการโจมตีมิเลือกหน้าอย่างสุดชีวิต น้อยนักจะมีสัตว์ป่าสามารถทานทน ดังนั้นจึงมักเห็นว่ารอบๆ รังของพวกมันมีสัตว์เล็กที่ถูกสายฟ้าโจมตีจนแขนขาทั้งสี่แข็งทื่อ บางตัวถึงขั้นหัวใจหยุดเต้น ฉะนั้นเหล่านักล่าสัตว์ที่จับลูกนกอินทรีสายฟ้าจึงมักจะเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่า โดยการวางกับดักด้วยตาข่ายที่มีเกราะป้องกันพลังเวท
โม่จ้านใช้ฟันคาบกระเป๋าสะพายหลัง จากนั้นล้วงเอาม้วนคัมภีร์เวทธาตุน้ำที่บิดเบี้ยวออกมาสองม้วน ม้วนคัมภีร์เวทราคาถูกเช่นนี้เป็วัตถุสิ้นเปลืองที่มักพบเห็นได้บ่อยครั้ง โดยปกติเป็ของที่จอมเวทระดับล่างใช้ฝึกมือหรือเอาไว้หาเงินค่านมผง สามารถซื้อหาได้ตามตลาดทั่วไป
หนึ่ง สอง สาม โม่จ้านนับเลขในใจ เขาเปิดม้วนคัมภีร์ออกหนึ่งม้วนก่อนโยนเข้าไปในถ้ำ
เหล่าลูกนกจ้องมองผ้าเปื่อยชิ้นหนึ่งที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันด้วยความสนใจใคร่รู้ ทว่าหลังจากม้วนคัมภีร์เปิดออก มวลน้ำสีน้ำเงินที่ใหญ่กว่าลูกบอลบาสก่อตัวเป็รูปร่างกลางอากาศ หลังกระจายตัวพลันสาดกระเซ็นใส่เหล่าลูกนกจนหนาวจับใจ มิรอให้พวกมันได้สติกลับมาพลันพบว่าโม่จ้านชะโงกหน้าออกมาแยกเขี้ยวยิงฟันทำหน้าผี
ภายในเสี้ยววินาที เสียงประกายสายฟ้าเปรี๊ยะๆ ดังไปทั่วทั้งถ้ำ เหล่าลูกนกอินทรีที่โกรธจัดเริ่มสำแดงศิลปะการป้องกันตัว
โม่จ้านรีบหดหัวกลับเข้าไปทันที ตามด้วยใช้มือขวาที่ว่างเปล่าดีดนิ้ว ม้วนคัมภีร์เล่มที่สองถูกโยนเข้าไปแล้วคลี่ออก เกิดเป็ม่านน้ำทรงครึ่งวงกลม ประกายสายฟ้าสีน้ำเงินปกคลุมอยู่เหนือม่านน้ำ เกิดเป็เสียงหึ่งๆ ที่ทำเอาโม่จ้านถึงกับขนลุกขนพองไปทั้งตัว
้ายังนับว่าปลอดภัย ทว่าสองคนที่อยู่ด้านล่างกลับใจนอกสั่นขวัญหายไปหมด --- เพียงอานุภาพของสายฟ้าเมื่อครู่ก็เป็เครื่องพิสูจน์แล้วว่าด้านในต้องมีลูกนกอย่างน้อยสิบตัว หากมิใช่ว่ายังเห็นคนห้อยต่องแต่งอยู่ข้างถ้ำ เก๋อจือกับลาถีเท่อถึงขั้นสงสัยว่าโม่จ้านอาจจะถูกสายฟ้าฟาดใส่จนเกือบตายไปสียแล้ว
เสียงหึ่งๆ ยังคงดังต่อเนื่องหลายนาทีก่อนจะค่อยๆ เงียบลง เมื่อยังได้ยินเสียงดัง “จิ๊บๆๆ” ดังขึ้นอีกครั้ง โม่จ้านจึงเริ่มขมวดคิ้ว
ผลคือเ้าเด็กพวกนี้มิกลัวสายฟ้า...ช่างเถอะ เดิมทีก็มิได้คิดจะลงมือจากจุดนี้อยู่แล้ว
หลังจากนั้นทักษะวิชาเดิมจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป ประกายสายฟ้าพลันยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป เหล่าลูกนกที่ทั้งเหนื่อยทั้งหิวหมดเรี่ยวแรง มิอาจปล่อยประจุไฟฟ้าร้ายแรงถึงขั้นเอาชีวิตออกมาได้อีก โม่จ้านผิวปาก ย่างเท้าออกจากซอกหินก่อนะโเข้าไปในถ้ำอย่างผ่อนคลาย ผนังด้านในถ้ำถูกสายฟ้าเผาจนเกิดเป็รอยดำเต็มไปหมด บนใบหญ้าที่เปียกชื้นมีลูกนกอินทรีสายฟ้านอนแน่นิ่งอยู่สิบกว่าตัว
เ้าพวกตัวเล็กมิมีนิสัย “ประหยัดไฟฟ้า” อย่างที่คิดจริงๆ มาเร็วไปเร็ว ทันทีที่ท้องหิวก็เหี่ยวเฉาเสียแล้ว
โม่จ้านเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ออกไปนอกถ้ำแล้วโบกมือส่งสัญญาณให้คนทั้งสอง ภายใต้สายตาเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่งของเก๋อจือ โม่จ้านได้กลับสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย
ในมือใหญ่ของโม่จ้านมีลูกนกสามตัวที่พยายามดิ้นรนแม้จะอ่อนแรงจนเปล่งเสียงร้องมิออก เก๋อจือกับลาถีเท่อที่เบิกตาอ้าปากค้างหันมองหน้ากัน มิกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว
“เป็อย่างไร? ข้าพูดได้ทำได้ เ้าก็คงจะพูดได้ทำได้เช่นกันกระมัง”
โม่จ้านเลิกคิ้วมองเก๋อจือที่อีกนิดคางจะร่วงลงพื้นแล้ว
“...ล้อเล่นอันใดกัน ข้า---”
เก๋อจือกำหมัดแน่น ใบหน้าถึงกับแดงก่ำเพราะความคับแค้นใจ
เมื่อเห็นลูกนกอินทรีสายฟ้าทั้งสามตัว ถึงแม้เก๋อจือมิอยากยอม กระนั้นก็มิอาจมิยอมรับ โม่จ้านมิเพียงแต่มีความรู้เื่การต่อสู้มากกว่าตน กลับยังใช้วิชาเวทในสถานการณ์จริงได้ นึกมิถึงว่าจะเหนือกว่าจอมเวทที่แท้จริงอย่างตนเสียอีก
“ถ้าเช่นนั้นนับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป คุณชายน้อยเก๋อจือก็คือข้ารับใช้ของข้าแล้ว”
โม่จ้านคลี่ยิ้มพลางขยับเข้าใกล้เก๋อจือ จากนั้นใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายจิ้มแก้มเด็กหนุ่มผมแดง
“โม่! เจ๋อ! เอ่อร์!”
ลาถีเท่อทนดูความชั่วร้ายของโม่จ้านมิไหวจึงยกเท้าถีบอีกฝ่ายเบาๆ โม่จ้านเบี่ยงหลบแล้วหัวเราะ “ฮ่าๆๆ” อย่างเกินจริงออกมา
เก๋อจือยืนหน้าตาเลื่อนลอยอยู่ที่เดิม ภายในสมองขาวโพลน
แม้ตนจะเห็นมิชัดว่าแท้จริงแล้วเกิดอันใดขึ้นด้านใน ทว่าตนได้เห็นสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าใบนั้นของโม่เจ๋อเอ่อร์อย่างชัดเจน --- คัมภีร์เวทมวลน้ำที่นักเดินทางใช้เพื่อดับกระหายมิกี่ม้วน กับคัมภีร์เวทม่านน้ำที่ใช้ทำน้ำพุอีกเพียงมิกี่ม้วน นอกเหนือจากนั้นก็มีเพียงกริชหนึ่งเล่ม
เื่ที่ตนตัดสินใจว่าจะลั่นกลองถอยทัพ ผู้อื่นกลับสะพายกระเป๋าใส่ม้วนคัมภีร์เวทที่ใช้เงินซื้อมิถึงครึ่งเหรียญทองก็สามารถจัดการได้อย่างสวยงาม จอมเวทระดับกลางที่ทางการยอมรับ นึกมิถึงว่าในด้านการใช้งานจริงจะแพ้ให้กับมือใหม่ผู้หนึ่ง
เกียรติยศอันจอมปลอมที่เก๋อจือฝังไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ยามนี้ถูกโจมตีจนแทบหมดสิ้น
“เก๋อจือ เ้าอย่าใส่ใจเลย เ้าโม่เจ๋อเอ่อร์ผู้นั้นก็เพียงเอ่ยไปเช่นนั้น จะต้องมิมีทางให้เ้าไปเป็ข้ารับใช้จริงๆ อย่างแน่นอน...”
ลาถีเท่อมองสีหน้าผิดหวังของเก๋อจือแล้วมิรู้จะทำอย่างไร อีกทั้งยังมิรู้ว่าจะปลอบใจอีกฝ่ายอย่างไร
เก่อจือค่อยๆ ก้มหน้าลง ริมฝีปากเม้มเป็เส้นตรงอย่างรู้สึกผิด
แน่นอนว่ามิมีทางเป็ข้ารับใช้จริงๆ โม่เจ๋อเอ่อร์เป็ถึงคนที่ท่านลุงหวาเอ่อร์จ่ายเงินจ้างให้มาช่วยตนทำภารกิจจบการศึกษา ถึงขั้นมิอาจหลุดพ้นจากผู้ต้องสงสัย “ลักพาตัว” กระนั้นเมื่อดูจากในยามนี้ ด้วยความสามารถของโม่จ้าน เขามิจำเป็ต้องใช้เหตุผลกับตน ด้วยระดับความคุ้นเคยที่อีกฝ่ายแสดงออกต่อวิชาเวท มิคล้ายกับมือใหม่สักนิด!
....หากโม่เจ๋อเอ่อร์มีสาเหตุบางอย่างทำให้ใช้เวทมนตร์มิได้ หรืออาจจะเก็บซ่อนความสามารถทางเวทมนตร์ที่แท้จริงเอาไว้ เช่นนั้นแท้จริงแล้วเขาต้องแข็งแกร่งถึงขั้นใด?
เก๋อจือเหงื่อเย็นผุดเต็มกาย สายตาที่แอบชำเลืองมองโม่จ้านเปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว
หากโม่จ้านรู้ว่ายามนี้ในใจเก๋อจือกำลังคิดสิ่งใด เขาจะต้องร้องะโเสียงดังลั่นว่าถูกใส่ร้ายอย่างแน่นอน --- เทพแห่งแสง เทพแห่งธาตุ และเทพ ABCD ที่อยู่เหนือหัว ข้ามิรู้วิชาเวทจริงๆ! ผู้ใดก็ได้ช่วยมาแก้ไขความคิดแหวกแนวของท่านจอมเวทที!
โม่จ้านสุขสำราญใจมากพอแล้ว เขาเดินเข้าไปตบบ่าเก๋อจือ “เอาล่ะผู้รับใช้ มิต้องคำนับบูชาข้าแล้ว รีบส่งข้ากลับไป”
เก๋อจือขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากจะเอาคทาเคาะบุรุษที่ได้คืบจะเอาศอกตรงหน้าให้ตายเสียจริง “ส่งกลับไปที่ใด? เ้ายังจะกลับที่ใด?”
โม่จ้านชี้ไปบนรังนกที่หน้าผาสูงชันด้วยสีหน้าใสซื่อ
“ย่อมต้องเป็ที่นั่น อินทรีโตไปหาอาหารใกล้จะกลับมาแล้ว หากพบว่าจำนวนลูกนกในรังมิถูกต้องคงจบสิ้นเป็แน่”
“จับมาไว้ในมือแล้ว เหตุใดต้องปล่อยกลับไป?” ลาถีเท่อรู้สึกแปลกประหลาดนัก
“หากมิปล่อยกลับไป เมื่ออินทรีโตรู้ตัวแล้วย้ายรังไปในเขาหิมะสุดแดนเหนือเช่นนั้น ยังจะทำภารกิจจบการศึกษาที่ยังทำมิสำเร็จได้อยู่หรือไม่?”
โม่จ้านมองลาถีเท่อด้วยสายตารังเกียจ ทำหน้า “เ้าโง่หรืออย่างไร” ออกมา
“ข้ารับใช้เร็วเข้า นี่คือคำสั่งของเ้านายเชียวนะ”
มิคาดว่าเก๋อจือที่ถูกโม่จ้านเอาเปรียบจะมิเอ่ยสิ่งใด อีกทั้งยังเริ่มร่ายเวทมนตร์อย่างเงียบเชียบ ทำเอาโม่จ้านกับลาถีเท่อต่างพากันประหลาดใจพักหนึ่ง กระทั่งโม่จ้านกลับขึ้นไป้าอีกครั้ง เก๋อจือยังคงมองคทาเวทในมือตนเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
อ้างกับคนภายนอกว่าเป็ภารกิจจบการศึกษา ทว่าหากความจริงท่านลุงหวาเอ่อร์ทำเพื่อให้เขามาเป็อาจารย์ฝึกสอนการสู้รบจริงให้ตน หรือบางทีตนอาจได้กลายเป็ลูกน้องของเขาไปเสียเลย...
เก๋อจือยกยิ้มขื่น เห็นทีชีวิตวันข้างหน้าของตนคงจะมิสุขสบายเสียแล้ว