นายอำเภอสวี่คิดว่าชื่อของซย่าจิ่นเซวียนช่างคุ้นหูยิ่งนัก เหมือนเขาเคยได้ยินจากที่ใดมาก่อน “จริงสิ ข้าคิดออกแล้ว เ้าคือหลานสาวของพี่ติ้งหรง นางมักจะชมเ้าต่อหน้าข้าบ่อยๆ”
นายอำเภอสวี่เรียกขานท่านย่าเล็กว่าพี่ติ้งหรง ดูท่าความสัมพันธ์ของพวกเขาคงจะมิธรรมดา นางคิดเพียงว่าพวกเขามาจากตระกูลเดียวกัน คิดมิถึงว่าจะเป็ญาติกันจริงๆ ท่านย่าเล็กเก็บความลับนี้ไว้อย่างมิดชิด หากคนในหมู่บ้านสกุลซย่ารู้ว่านางคือญาติของนายอำเภอสวี่ พวกเขาคงมิกล้าหาเื่ท่านย่าเล็กอีก
“ใต้เท้า ท่านรู้จักท่านย่าเล็กของข้าหรือเ้าคะ?” จิ่นเซวียนแกล้งถามอย่างมิรู้
“นางเป็ลูกสาวคนเดียวของท่านลุงข้า แต่ก่อนนางตามท่านลุงลี้ภัยไปอยู่ที่อำเภอซิ่งหยาง หลบหนีมาหลายสิบปี ข้าเพิ่งได้กลับมาพบกับพี่ติ้งหรงเอง เฮ้อ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ท่านลุงของข้ามิอยู่บนโลกนี้แล้ว” ลุงแท้ๆ ของนายอำเภอสวี่นำทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดมามอบให้พวกเขาและพาสวี่ติ้งหรงลี้ภัยไปยังอำเภอซิ่งหยาง จากนั้นเมื่อนายอำเภอสวี่รับตำแหน่งขุนนาง เขาก็ออกตามหาสวี่ติ้งหรงกับพ่อของนางมาตลอด เมื่อหาพบ พ่อของสวี่ติ้งหรงกลับจากไปเสียแล้ว
“เื่นี้ ข้ามิเคยได้ยินท่านย่าเล็กพูดถึงเลยเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนรู้สึกทึ่งยิ่งนัก ที่แท้ท่านย่าเล็กของนางเป็ลูกพี่ลูกน้องกับนายอำเภอสวี่
“ข้าบอกให้ครอบครัวของพี่ติ้งหรงมาอยู่ในอำเภอด้วยกัน แต่นางบอกว่าออกเรือนกับสามี ก็ต้องตามสามี เขาอยู่ที่ใดนางก็อยู่ที่นั่น”
ชาวบ้านในหมู่บ้านสกุลโจวมองหน้ากันไปมา พวกเขาใยิ่งนัก คาดมิถึงว่าจิ่นเซวียนจะเป็ญาติกับท่านนายอำเภอสวี่ด้วย
“ท่านย่าเล็กเข้มแข็งและแน่วแน่ คนในหมู่บ้านต่างก็ชื่นชอบนางกันทั้งนั้นเ้าค่ะ!”
จิ่นเซวียนกับสวี่ติ้งผิงทำให้ศาลพิจารณาคดีเป็สถานที่พูดคุยเื่สัพเพเหระ คุยกันสนุกสนานเสียจนซ่งจื่อเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกหึงหวงเล็กน้อย
“แม่หนูน้อย แม่ของเ้าคือผู้มีพระคุณของพี่สาวข้า วันนี้แม่ของเ้ามิอยู่บนโลกแล้ว ข้าในฐานะน้องชายท่านย่าเล็กของเ้าก็ควรดูแลเ้าด้วย จากนี้หากพบเจอปัญหาใด เ้ามาหาข้าได้” พ่อแม่ของนายอำเภอสวี่เป็ชาวนาที่ซื่อสัตย์ พวกเขามิมีลูกคนอื่นนอกจากนายอำเภอสวี่ นายอำเภอสวี่จึงปฏิบัติกับสวี่ติ้งหรงเหมือนพี่สาวแท้ๆ เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงจะดูแลคนที่สวี่ติ้งหรงห่วงใยด้วย
“ขอบคุณใต้เท้าที่ให้ความสำคัญกับข้า เช่นนั้นข้าจะเรียกท่านว่าท่านปู่น้อยตามลำดับาุโในตระกูลของท่านย่าเล็กเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนประสานมือคำนับรับน้ำใจของนายอำเภอสวี่อย่างตรงไปตรงมา
“แม่หนูน้อย ข้าได้ยินพวกเขาบอกว่าเ้าคือหมอเทวดา ข้าอยากเชิญเ้าไปช่วยดูอาการที่เอวท่านพ่อของข้าเสียหน่อย หลายปีมานี้เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เอวของเขาจะเจ็บมากนัก ข้าเชิญท่านหมอมาหลายคนแล้ว ก็มิอาจแก้อาการปวดของเขาให้หายขาดได้”
“หากข้าสามารถช่วยท่านปู่ทวดน้อยได้คือโชคของข้าเ้าค่ะ” เป็สหายกับนายอำเภอสวี่ มีประโยชน์ต่อพวกเขาสามีภรรยายิ่งนัก นางมิตกลงคงโง่เต็มที
“พวกเ้าสามีภรรยามิสู้พักที่จวนของข้าเลยเล่า รอให้ฟ้าสางแล้วไปช่วยดูอาการท่านพ่อของข้า” นายอำเภอสวี่คิดว่าพวกจิ่นเซวียนมิค่อยได้เข้าเมือง จึงให้พวกเขาค้างคืนจะได้ดูอาการพ่อของเขาด้วย
“พวกเราสองสามีภรรยาน้อมรับเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนตอบตกลงอยู่รักษาอาการพ่อของนายอำเภอสวี่ต่อ จากนั้นนายอำเภอสวี่ก็หันไปถามอิ่นซือหยวนอีกหนว่าพอใจกับชื่อที่ซ่งจื่อเฉินตั้งให้หรือไม่
“ใต้เท้า ข้าน้อยชอบนามนี้มากขอรับ ใต้เท้าได้โปรดเปลี่ยนชื่อให้ลูกสาวและลูกชายของข้าด้วยเถิดขอรับ”
“จากนี้ลูกสาวของเ้ามีนามว่าอิ่นซู่ซู่ ส่วนลูกชายนามว่าอิ่นทง” นายอำเภอสวี่เปลี่ยนตัวอักษรอิงของโจวซู่อิงเป็อักษรซู่ สั่งให้ลูกน้องบันทึกชื่อของพวกเขาและนำไปเปลี่ยนป้ายประจำตัว[1]
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นายอำเภอสวี่ส่งมือปราบหกนายคุ้มกันพวกชาวบ้านกลับหมู่บ้านตระกูลโจว และสั่งให้พวกเขาจับตามองครอบครัวของโจวซู่ซิน มิให้เอาทรัพย์สินใดๆ ในบ้านไป
จวนด้านข้างที่อยู่ถัดจากที่ว่าการอำเภอคือบ้านพักอาศัยของนายอำเภอสวี่ หลังจากที่เขาพาจิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินเข้าบ้านมาแล้ว เขาก็ให้พ่อบ้านกู่ไซว่จัดการพาพวกจิ่นเซวียนไปพักผ่อนในเรือนตะวันออก
จิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินมาที่บ้านของนายอำเภอสวี่เป็หนแรก พวกเขาจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“คุณหนูจิ่นเซวียน ท่านเขยซ่ง สองคนนี้คือสาวใช้ในบ้านของท่านนายอำเภอสวี่นามว่าชานเอ๋อร์กับเวยเวยขอรับ หากพวกท่าน้าสิ่งใด สามารถเรียกใช้พวกนางได้ขอรับ” กู่ไซว่คือชายที่ฉลาดหลักแหลมวัยประมาณสี่สิบปี เขาเห็นเ้านายให้ความสำคัญกับจิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินจึงมิกล้าละเลย
“กู่ไซว่เกรงใจกันเกินไปแล้ว พวกเราจะบอกพวกนาง หาก้าสิ่งใด” จิ่นเซวียนตอบกลับอย่างสุภาพ แล้วเดินตามสาวใช้ทั้งสองคนเข้าห้อง
“ท่านทั้งสองโปรดรอสักครู่ บ่าวกับเวยเวยจะไปเตรียมอุปกรณ์ชำระร่างกายให้เ้าค่ะ” จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินบอกให้เผิงเอ๋อร์ไปตักน้ำให้พวกเขา หลังจากนั่งลง
“สามี ข้าสงสัยว่าพ่อของนายอำเภอสวี่จะป่วยเป็โรคกระดูกสันหลังเอวเสื่อม คนเราแก่แล้ว สภาพร่างกายย่อมถดถอยเป็ธรรมดา โรคกระดูกสันหลังเอวเสื่อมรักษายากยิ่งนัก มิอาจหายขาด ได้แต่บรรเทาความเ็ปทรมาน” จิ่นเซวียนรู้สึกว่าเื่ทุกอย่างมันน่าอัศจรรย์เกินไป ท่านย่าเล็กของนางคือลูกพี่ลูกน้องของนายอำเภอสวี่ก็มากพอแล้ว นายอำเภอสวี่ยังเชิญให้นางมารักษาอาการป่วยของพ่อเขาอีกด้วย
“อย่าว่าแต่คนแก่เลย พวกเราหนุ่มสาวเองก็เป็โรคกระดูกคอเสื่อมกับกระดูกสันหลังเอวเสื่อมได้เช่นกัน พวกเราพยายามรักษาพ่อของนายอำเภอสวี่ให้ถึงที่สุดเถิด” หมอเทวดามิอาจรักษาโรคได้ทั้งหมด เกิดแก่เจ็บตายคือสัจธรรม พวกเขาทำได้เพียงลดความเ็ป และยืดชีวิตผู้ป่วยเท่านั้น
จิ่นเซวียนมองเตียงนอน แล้วพูดกับซ่งจื่อเฉิน “ที่นี่มีเตียงเดียว คืนนี้ผู้ใดจะนอนพื้น?”
“ข้ากับเ้าเป็สามีภรรยากัน แน่นอนว่าต้องนอนเตียงเดียวกัน” ซ่งจื่อเฉินยิ้มร้าย ภรรยาตัวน้อยช่างน่ารักจริงๆ พวกเขาคือสามีภรรยากัน นายอำเภอสวี่จึงจัดเตียงเดี่ยวให้พวกเขา จุดประสงค์ย่อมชัดเจน
“ญาติของใต้เท้านายอำเภอสวี่หน้าตางดงามยิ่งนัก โดยเฉพาะคุณชายซ่งผู้นั้น อย่างกับเทพเซียนตก์!”
“ชานเอ๋อร์ ใต้เท้านายอำเภอสวี่มีญาติเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด เหตุใดข้าถึงมิรู้”
“เ้าถามข้า ข้าจะไปถามผู้ใดเล่า”
ชานเอ๋อร์กับเวยเวยเดินยกน้ำล้างเท้าเข้ามาจากนอกประตู มือหนึ่งยกน้ำ อีกมือหนึ่งถือรองเท้าเกี๊ยะ[2]
“ท่านทั้งสอง เชิญล้างเท้าเถิดเ้าค่ะ” ชานเอ๋อร์วางกะละมังล้างเท้าลงหน้าเตียง ให้จิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินล้างเท้า หลังจากที่พวกเขาล้างเท้าเสร็จ พวกนางจึงนำกะละมังไม้ออกไปและปิดประตู
“ท่านอย่าเกินเส้นนี้มา” จิ่นเซวียนวางผ้าห่มขวางไว้กลางเตียง ให้ซ่งจื่อเฉินนอนครึ่งเตียงฝั่งประตู เหลืออีกครึ่งให้นาง คืนนี้อากาศร้อนอบอ้าว พวกเขาเลยมิจำเป็ต้องห่มผ้า
“ได้!” ซ่งจื่อเฉินตอบอย่างฉับไว เหนือความคาดหมายของจิ่นเซวียน นางคิดว่าเขาจะคัดค้านเสียอีก
นางนอนเงียบๆ บนเตียง แต่กลับนอนมิหลับ นี่เป็หนแรกที่จิ่นเซวียนนอนร่วมเตียงกับผู้ชาย
“......” ซ่งจื่อเฉินนอนตะแคงข้างมองจิ่นเซวียน จิ่นเซวียนเองก็นอนตะแคงข้างหันมามองหน้าของเขาเช่นกัน พวกเขาทั้งสองคนอยู่ใกล้จนใบหน้าเกือบจะแนบชิดกัน
“ภรรยา เ้างดงามยิ่งนัก” ซ่งจื่อเฉินมองใบหน้าขาวผ่องนุ่มนวลของจิ่นเซวียนแล้วยื่นมือมาลูบไล้ เสียงของเขาในเวลานี้ดึงดูดนางยิ่งนัก และท่วงท่าของเขาก็ช่างร้อนแรงเหลือเกิน
“สามี ท่านว่าคนเรากลับชาติมาเกิดได้หรือไม่?” จิ่นเซวียนนอนหนุนแขนของซ่งจื่อเฉินพลางพูดคุยกับเขา นางมิอยากเอาซ่งจื่อเฉินมาเป็ตัวแทนผู้ใด นางอยากรู้เื่บางเื่ให้ชัดเจน
“ภรรยา เ้ามีเื่ในใจใช่หรือไม่?” จิ่นเซวียนเข้าหาซ่งจื่อเฉินก่อน เขามีความสุขยิ่งนัก
“สามี หากข้ามิใช่ซย่าจิ่นเซวียนตัวจริง ท่านจะเชื่อหรือไม่?” จิ่นเซวียนกระซิบแ่เบา นางอยากหาคนมาระบายความในใจ
เชิงอรรถ
[1] ป้ายประจำตัว หมายถึง ตัวบัตรประชาชนในสมัยโบราณ
[2] รองเท้าเกี๊ยะ หมายถึง รองเท้าแตะสมัยโบราณ มีการใช้ฟางหรือผ้าทำด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้