หลังจากเื่สกุลเหอแพร่งพรายออกไป ผู้คนในหมู่บ้านต่างวิจารณ์ลับหลังสกุลอวี๋อยู่ไม่น้อย ชื่อเสียงของอวี๋เจียวเป็ที่รู้จักกันโดยทั่ว ส่วนมากนึกอิจฉาที่สกุลอวี๋ซื้อสะใภ้เสริมมงคลที่เก่งกาจเช่นนี้เข้าจวน ในขณะเดียวกันยังมีคนวิจารณ์วิชาหมอของอวี๋หรูไห่อย่างไม่น่าฟังเช่นกัน
ยามสตรีแซ่จ้าวแวะไปพูดคุยในจวนผู้อื่นยังได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์จำนวนหนึ่ง ครั้นกลับมาจึงเล่าให้สตรีแซ่อวี๋โจวและอวี๋หรูไห่ฟัง อวี๋หรูไห่โมโหจนหนวดกระตุก เขาสั่งให้อวี๋เฉียวซานเอาแผ่นป้ายเกียรติคุณที่เหอตงเซิงส่งมาออกไปแขวนไว้หน้าประตูจวน เพื่อที่คนในหมู่บ้านจะได้เห็น
หลังจากแขวนแผ่นป้ายทองคำเปลว ผลคือดึงดูดผู้คนกลุ่มหนึ่งให้เข้ามาล้อมดูเช่นที่คิดเอาไว้ อวี๋หรูไห่รู้สึกพึงพอใจในเกียรติยศจอมปลอมนี้ยิ่งนัก เขายืนอยู่ใต้ป้ายเกียรติคุณ เน้นย้ำไม่เพียงแค่ครั้งเดียวว่าอวี๋เจียวล้วนแต่ร่ำเรียนวิชาหมอมาจากเขา
ครั้นได้ฟัง ผู้คนต่างเสแสร้งแกล้งชมว่าอวี๋หรูไห่สั่งสอนได้ดี ทว่าลับหลังกลับพากันดูถูกว่า ลูกศิษย์สามารถรักษาโรคที่เขารักษาไม่หาย กล่าวไปผู้ใดจะเชื่อกันเล่า?
สกุลอวี๋ก็แค่มีหน้าตามีตาเพราะอวี๋เจียวเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็เป็จวนที่สกุลมั่งคั่งในเมืองต่างเดินทางมาขอรักษาโรคและส่งของกำนัล ยังคงทำให้ผู้คนนึกอิจฉาไม่น้อย และด้วยเหตุนี้เอง คนในหมู่บ้านจึงพากันยอมรับโดยทั่วว่าแม้อวี๋เจียวเป็สตรี แต่ก็ยังเป็ท่านหมอรักษาผู้คน
คนจากสกุลเฉินเชิญอวี๋เจียวมารักษาอาการไอให้ฮูหยินเฒ่าในจวนของพวกเขา ผู้ที่มาเชิญคือเฉินจื้อชิงพี่ชายของเฉินโหรว เขาสอบผ่านขุนนางขั้นต้นั้แ่ยังเยาว์วัย อวี๋หรูไห่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเป็มิตร เพราะเฉินเกินเซิงจัดการเื่บันทึกลำดับวงศ์ตระกูลก่อนหน้านี้อย่างฉับไว ครั้นล่วงรู้ถึงเจตนาการมาเยือนของเฉินจื้อชิง เขาจึงตอบรับอย่างรวดเร็ว พลันหันไปตามหาอวี๋เจียวแล้วบอกให้นางไปตรวจโรคที่จวนสกุลเฉิน
อวี๋ฝูหลิงตั้งใจจะเรียนวิชาหมอกับอวี๋เจียว อีกทั้งได้ยินว่าจะไปตรวจโรคให้ท่านย่าของเฉินโหรวที่สกุลเฉิน นางถึงกับโยนรองเท้าที่ยังเย็บไม่เสร็จทิ้งทันที จากนั้นวนเวียนรอบกายอวี๋เจียวขอตามไปด้วย
ครั้นอวี๋เจียวพยักหน้า อวี๋ฝูหลิงคว้าล่วมยาและโผกอดนางทันที
คนทั้งสองตามเฉินจื้อชิงไปยังจวนสกุลเฉิน บังเอิญพบกับเฉินโหรวและเฉินอิ๋งในลานเรือน อวี๋ฝูหลิงร้องเรียกอย่างกระตือรือร้นว่า “อาโหรว”
ใบหน้าอ่อนโยนรูปไข่ของเฉินโหรวเผยยิ้มบาง “ฝูหลิง เ้ากับแม่นางเมิ่งมาด้วยกันหรือ?” นางมองอวี๋เจียวและเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า "แม่นางเมิ่ง เมื่อก่อนข้าไม่รู้ว่าวิชาหมอของท่านเก่งกาจถึงเพียงนี้ คาดว่าคราวนี้อาการไอของท่านย่าคงถูกรักษาให้หายขาดเป็แน่”
อวี๋เจียวแย้มยิ้มบาง ตอบกลับว่า “แม่นางเฉินชมเกินไปแล้ว ข้ายังไม่ได้ตรวจคนป่วย ยังไม่ทราบอาการเป็อย่างไร ไม่รู้ว่าจะสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่”
“ที่แท้แม่นางเมิ่งกับอาโหรวก็รู้จักกัน อาการป่วยของท่านย่าจำต้องรบกวนแม่นางเมิ่งไม่น้อยแล้ว” เฉินจื้อชิงกล่าวทั้งรอยยิ้ม
“ไปหาผู้ป่วยก่อนเถิดเ้าค่ะ” อวี๋เจียวไม่้าเอ่ยวาจาไร้สาระอีกต่อไป
เฉินโหรวเป็ฝ่ายเดินขึ้นมาข้างหน้า “ข้าจะพาแม่นางเมิ่งไปที่ห้องท่านย่าเองเ้าค่ะ”
อวี๋เจียวพยักหน้า นางเดินตามหลังเฉินโหรวเข้าไปในประตูห้องฝั่งตะวันตกของสกุลเฉิน เฉินอิ๋งอยากจะดูว่าวิชาหมอของอวี๋เจียววิเศษเช่นที่คนในหมู่บ้านเล่าขานหรือไม่ แม้ว่าภายในใจของนางจะไม่ชอบอวี๋เจียวยิ่งนัก แต่ก็ยังเดินตามเข้าไปในห้อง
เฉินเกินเซิงสองสามีภรรยาอยู่ในห้องของหญิงชรา เมื่อเห็นอวี๋เจียวเดินเข้ามา พวกเขายิ้มให้นางอย่างเป็มิตร นี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาพบกับอวี๋เจียว ครั้นเห็นอวี๋เจียวยังเยาว์วัยมีน้ำมีนวล พวกเขาต่างพึมพำในใจว่าแม่นางน้อยเช่นนี้จะมีวิชาหมอที่เลิศล้ำดุจเทพเซียนถึงกับคู่ควรให้บรรดาสกุลใหญ่เ่าั้ไปขอรับการรักษาถึงจวนได้อย่างไร
แต่ด้วยวิชาหมอของอวี๋หรูไห่ผู้นั้น พวกเขาไปมาหาสู่กันมาทั้งชีวิต เมื่อก่อนก็ไม่เห็นว่าจะเก่งกาจสักเท่าใด
ฮูหยินเฒ่าสกุลเฉินที่นั่งอยู่บนเตียงกำลังไอเบาๆ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับปากแล้วเปิดเปลือกตาเหี่ยวย่นขึ้นพิจารณาอวี๋เจียว เอ่ยถามเฉินเกินเซิงว่า “เป็หมอจากที่ใดกัน? ยังเป็เพียงแม่นางน้อยถึงเพียงนี้ พวกเ้านี่... เฮ้อ... ข้าบอกไปกี่ครั้งแล้ว อย่าไปเชิญท่านหมอมาอีกเลย อาการไอของข้ารักษาไม่หาย ควรประหยัดเงินไว้ให้จื้อชิงใช้ร่ำเรียน”
“ท่านแม่ นี่คือภรรยาของคุณชายห้าสกุลอวี๋ขอรับ วิชาหมอของนางยอดเยี่ยมยิ่งนัก ในจวนกำลังรวบรวมเงินไว้ให้จื้อชิงร่ำเรียนอยู่ขอรับ แต่เมื่อควรหาหมอพวกเราก็ยังต้องหาหมอนะขอรับ” เฉินเกินเซิงมีความกตัญญู เขายืนอยู่ข้างเตียงพลางค้อมกายเกลี้ยกล่อมฮูหยินเฒ่าแซ่เฉินด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เมื่อฮูหยินเฒ่าแซ่เฉินได้ยินถึงฐานะของอวี๋เจียว นางพิจารณาอวี๋เจียวอีกพักหนึ่ง กำผ้าเช็ดหน้าไว้ในฝ่ามือแล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ที่แท้ก็ภรรยาของเ้าห้าสกุลอวี๋ อาโหรวเพิ่งได้ยาแก้ไอจากสกุลอวี๋เมื่อไม่กี่วันก่อนมิใช่หรือ ไม่มีประโยชน์อันใด ปล่อยให้นางกลับไปเถิด”
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็ขอตัวกลับก่อน” อวี๋เจียวเอ่ยขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม จากนั้นหันหลังเดินออกไปข้างนอก
แต่ไหนแต่ไรล้วนแต่มีคนไข้มาขอให้หมอช่วยรักษา เหตุใดถึงคราวนางกลับกลายเป็ต้องขอร้องคนไข้ให้ยอมรับการรักษา? ตอนแรกที่นางเกลี้ยกล่อมมู่เซิงก็เพื่อแสดงความสามารถต่อหน้าคนสกุลอวี๋ ตอนนี้นางไม่มีความอดทนเช่นนั้นแล้ว
เฉินเกินเซิงได้ยินดังนั้นพลันรีบห้ามปราม “แม่นางเมิ่งอย่าเพิ่งมีโทสะ หลายปีมานี้ท่านย่ากินยาไปไม่น้อย อีกทั้งยังหาหมอมามากมาย ทว่าอาการไอก็ยังไม่เห็นจะดีขึ้นจึงได้เอ่ยเช่นนี้ออกมา”
หากเป็เมื่อก่อน เฉินเกินเซิงคงไม่มีทางเอ่ยวาจาและแสดงท่าทีที่ดีถึงเพียงนี้ เขาเป็ผู้นำคนทั้งหมู่บ้าน มีหรือจะต้องลดตัวปฏิบัติเช่นนี้กับแม่นางน้อยอย่างอวี๋เจียว เพียงแต่เขายังคำนึงถึงเหอตงเซิง
กระทั่งนายท่านในสกุลมั่งคั่งมีหน้ามีตาเช่นนั้นยังอยากคบค้ากับอวี๋เจียว เฉินเกินเซิงเห็นความสำคัญข้อนี้จึงได้เชิญนางมาตรวจโรคให้ฮูหยินเฒ่าเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสกุลอวี๋
อวี๋ฝูหลิงเดินไปดึงชายแขนเสื้อของอวี๋เจียวเช่นกัน อวี๋เจียวขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามข่มความไม่พอใจแล้วพลิกมือคว้ามือของอวี๋ฝูหลิงเอาไว้ จากนั้นพานางเดินออกไปข้างนอก
ถึงแม้เฉินโหรวจะยังถือสาเื่ครั้งก่อนตอนอยู่หน้าประตูจวนสกุลอวี๋ แต่ฮูหยินเฒ่าแซ่เฉินเอ็นดูนางผู้เป็หลานสาวมากที่สุด นางหวังจากใจจริงว่าอาการไอของท่านย่าจะถูกรักษาจนหายดี รีบอธิบายเสียงอ่อนโยน “ท่านย่า ยาต้มก่อนหน้านี้ท่านปู่อวี๋เป็คนเขียนเทียบยาเ้าค่ะ ผู้คนในหมู่บ้านต่างบอกว่าวิชาหมอของแม่นางเมิ่งเก่งกาจกว่าท่านปู่อวี๋ ท่านให้นางลองตรวจดูเถิดเ้าค่ะ อาการไอของท่านย่าไม่ดีขึ้นมาโดยตลอด ทุกครั้งที่หลานได้ยินเสียงท่านไอ ในใจรู้สึกเ็ปยิ่งนักเ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าแซ่เฉินเอ็นดูเฉินโหรวยิ่งนัก นางเกิดมาหน้าตางดงามแต่เด็ก ฮูหยินเฒ่าเห็นนางเป็แก้วตาดวงใจมาโดยตลอด เมื่อได้ยินนางเอ่ยวาจาออดอ้อนเสียงหวานเช่นนี้ ท่าทีจึงโอนอ่อนลงไม่น้อย
เฉินเกินเซิงส่งสายตาให้ภรรยาแซ่เฉินฉิน สตรีแซ่เฉินฉินรีบเดินตามออกมานอกประตูขวางอวี๋เจียวเอาไว้
“เหตุใดแม่นางเมิ่งจึงเ้าอารมณ์ถึงเพียงนี้? แม่สามีของข้าอายุมากแล้ว ทั้งชีวิตไม่เคยพบเจอหมอหญิง หากจะเอ่ยวาจาด้วยความไม่พอใจย่อมเป็เื่ปกติ” สตรีแซ่เฉินฉินขมวดคิ้วมองอวี๋เจียว ข่มความไม่พอใจเอาไว้แล้วเอ่ยเกลี้ยกล่อมว่า “ก่อนหน้านี้อาโหรวไปเอายามาจากจวนสกุลอวี๋ของพวกเ้าจริงๆ หลังจากแม่สามีกินเข้าไปกลับไม่เกิดผล เพราะนางเสียดายเงินทองจึงได้เอ่ยเช่นนั้นออกมา เ้าอย่าได้ถือสาคนแก่คนเฒ่าไปเลย”
อวี๋ฝูหลิงช่วยเกลี้ยกล่อมเช่นกัน “อวี๋เจียว ไปตรวจดูอาการไอของท่านย่าเฉินเถิด นางป่วยมาหลายปี หลายปีมานี้อาโหรวตระเวนหายาทั่วทุกสารทิศ แต่กลับไม่เห็นว่าจะดีขึ้น”
สตรีแซ่เฉินฉินลดตัวลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าฟังว่า “แม่นางเมิ่ง เป็เพราะก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้บอกกล่าวท่านผู้เฒ่าให้ชัดเจนว่าข้าเชิญหมอหญิงมา ข้าต้องขออภัยจริงๆ”
อวี๋ฝูหลิงเงยหน้าส่งยิ้มประจบให้อวี๋เจียว ครั้นเห็นอวี๋เจียวยอมผ่อนปรนจึงลากนางกลับเข้าไปในห้อง
ทว่าเฉินอิ๋งที่ตามออกมากลับไม่อาจเห็นสตรีแซ่เฉินฉินยอมลดตัว นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟังว่า “เมิ่งอวี๋เจียว เ้าจงใจวางท่าสูงส่งเพราะไม่อาจรักษาโรคไอเรื้อรังของท่านย่าข้าใช่หรือไม่? แน่ล่ะ เ้าก็แค่ลูกสะใภ้ที่ถูกสกุลอวี๋ซื้อตัวมาเสริมมงคล จะมีความสามารถมากเพียงใดกันเชียว?”
