ครั้นหลิงมู่เอ๋อร์เห็นว่ามือสังหารเ่าั้ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ และรู้ว่าไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไปแล้ว นางรีบวิ่งผ่านกลุ่มฝูงชนเข้าไปและกล่าวกับคุณหนูนางนั้นว่า "ขออภัยด้วย คุณหนูท่านนี้ ข้าขอยืมตัวบุรุษผู้นี้ก่อนสักครู่ หากท่านมีสิ่งใดจะกล่าวคงต้องเป็คราวหน้าแล้วเ้าค่ะ"
สิ้นคำกล่าวของหลิงมู่เอ๋อร์ นางพลันลากซูเช่อวิ่งไปยังทิศทางของวัดทันที
ยามผู้คนทั้งหลายเห็นซูเช่อ แต่ละคนต่างขยับเปิดเส้นทางให้โล่งในทันที ช่วยประหยัดแรงของนางไปได้ไม่น้อย มือสังหารที่ปลอมตัวเป็ชาวบ้านทั่วไปเ่าั้ย่อมไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้แน่นอน
ซูเช่อมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์ซึ่งอยู่ข้างๆ วันนี้นางไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นใบหน้าเล็กแสนงดงามนั่น ขณะที่นางวิ่ง บนหน้าผากปรากฏเหงื่อกาฬไหลซึมออกมา เขาไม่ได้กล่าวอันใดได้แต่มองนางด้วยรอยยิ้ม นางจะไปที่ใด จะทำอะไรกับเขา คำถามเหล่านี้ล้วนไม่เคยถามออกมา จนกระทั่งหลิงมู่เอ๋อร์หาสถานที่เพื่อหยุดพักได้แล้ว เขาจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อให้นางอย่างอ่อนโยน
หลิงมู่เอ๋อร์มองชายหนุ่มตรงหน้าที่ไม่หอบเหนื่อยหรือไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพินิจมองเขา "เ้าไม่สงสัยหรือว่าเหตุใดข้าถึงลากเ้าออกมา?"
ซูเช่อมองออกไปข้างนอก และพบกับเงาร่างที่คุ้นเคยหลายคนท่ามกลางกลุ่มฝูงชน เขากระตุกมุมปากยิ้ม "ไม่…เพราะข้ารู้ว่าเ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่"
“เ้ารู้ว่ามีมือสังหาร?” หลิงมู่เอ๋อร์จ้องไปที่เขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“รู้” ซูเช่อแย้มรอยยิ้ม “ข้าจงใจล่อพวกมันออกมา ถึงอย่างไรก็ไม่อาจเอาแต่หลบอยู่ในโรงหมอของเ้าได้ตลอดไป พวกมันหาข้าไม่พบ ซึ่งนั่นก็ทำให้ข้าไม่สบายใจมากเช่นกัน”
สีหน้าท่าทางนั้นราวกับกำลังจะกล่าวว่า ดูสิ! ข้าเป็คนเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากใช่หรือไม่
หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่านางแค่กังวลใจไปเองคนเดียว ชายหนุ่มผู้นี้มีแบบแผนและเตรียมการมานานแล้ว การที่เขาปรากฏตัวออกมาเดินกรีดกรายในวันนี้ มันเป็เพียงแค่การล่องูออกจากถ้ำ [1] เท่านั้น
“ในเมื่อเป็ข้าที่เข้าไปยุ่งเื่ที่ไม่สมควร เช่นนั้นเ้าก็จัดการด้วยตนเองเถิด!” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวจบก็พลันหันเท้าจะเดินออกไปทันที
ซูเช่อคว้าแขนของนางและดึงกลับมา เขายื่นใบหน้าออกไป พลางกล่าวกับสตรีที่อยู่ด้านข้างว่า "เด็กโง่ เ้าไม่กลัวตายจริงๆ หรือ?"
เด็กโง่!
หลิงมู่เอ๋อร์หยิกไปที่ซูเช่อ
นางโง่ที่ใดกัน?
มือสังหารเ่าั้กำลังตามหาเงาร่างของซูเช่อ พวกเขาไม่พบซูเซ่อในกลุ่มฝูงชน ดังนั้นจึงมุ่งหน้าไปค้นหาในพระอาราม ในตอนนี้หลิงมู่เอ๋อร์และซูเช่อหลบอยู่ในอุโบสถ ถ้าหากมือสังหารเ่าั้ปรากฏตัวขึ้นมา จะต้องพบพวกเขาที่หลบอยู่ด้านหลังพระพุทธรูปอย่างแน่นอน
ทว่าพวกมันคงไม่ได้กำเริบเสิบสานถึงเพียงนั้นกระมัง! ถึงอย่างไรผู้คนในวันนี้ก็มีจำนวนมาก ถ้าพวกมันกล้าลงมือสังหารคนในเวลากลางวัน เช่นนั้นก็จะถูกพบเข้าอย่างง่ายดายแล้ว
“ด้านหลังมีป่าเล็กๆ อยู่” ซูเช่อกล่าวเสียงเบา “ข้าจะล่อคนไปที่นั่น เ้ารออยู่ที่นี่”
“เ้าคิดจะชิงลงมือก่อนหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์เข้าใจในความหมายของซูเช่อ การที่เขาหลอกล่อพวกมันออกมาวันนี้ ก็เพราะไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยให้พวกมันจากไปโดยยังมีชีวิตอยู่
ซูเช่อไม่ได้ตอบคำถามของนาง เขาปล่อยให้หลิงมู่เอ๋อร์หลบอยู่ที่นี่ต่อไป จากนั้นจึงเดินกรีดกรายล่อมือสังหารเ่าั้เข้าไปในป่าด้านหลัง
หากวันนี้หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ปรากฏตัวออกมา ซูเช่อก็ไม่คิดจะหลบซ่อนตัวเลยแม้แต่น้อย เขาจะหลอกล่อคนเ่าั้ไปด้านหลังและปลิดชีพพวกมันเสีย
กลุ่มควันจากธูปเทียนภายในอุโบสถหนาเกินไป หลิงมู่เอ๋อร์เริ่มรู้สึกทนไม่ได้ จึงเดินออกมาทางด้านหลังของอุโบสถ นางกำลังคิดว่า ในเมื่อซูเช่อสามารถจัดการกับคนเ่าั้ได้ นางก็ไม่มีความจำเป็ที่จะต้องเข้าไปยุ่งกับเื่ของผู้อื่นแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็เตรียมจะจากไป ทว่าในตอนที่กำลังเตรียมจะก้าวขานั้น ฝีเท้าของนางพลันหยุดชะงักลง หรือว่า… รออีกสักหน่อย? ถ้าเ้าหนุ่มคนนั้นได้รับาเ็ล่ะ?
มือสังหารมีอยู่หลายคน และาแของซูเช่อก็ยังไม่หายสนิท หากมีแผลใหม่เพิ่มเข้ามาผนวกกับแผลเก่าที่ยังไม่หายดี เกรงว่าแม้จะเป็บุรุษที่เก่งกาจมากความสามารถเพียงใดก็อาจจะสิ้นใจลงได้
หลิงมู่เอ๋อร์หาสถานที่พัก รอใหเเวลาผ่านไปทีละนิดทีละนิด
ที่นี่ไม่มีนาฬิกาข้อมือ แต่นางเข้ามาอยู่ในยุคนี้นานพอดูแล้ว และคาดว่าั้แ่นางเริ่มนั่งอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้คงผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว
คนที่มากราบไหว้นมัสการจุดธูปบูชาลดน้อยลงเรื่อยๆ สถานที่ที่พลุกพล่านเต็มไปด้วยผู้คนในเมื่อสักครู่ บัดนี้เหลือคนเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
นางครุ่นคิดหาวิธีอยู่สักพัก จากนั้นจึงรีบเดินไปยังทิศทางของป่าเล็กๆ ผืนนั้น
“สีกา ข้างในนั้นเป็สถานที่ต้องห้าม โยมเข้าไปไม่ได้” ภิกษุน้อยผู้หนึ่งขวางทางเดินของหลิงมู่เอ๋อร์ไว้
หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่ภิกษุน้อยพลางกล่าวว่า "เมื่อสักครู่นี้พี่ใหญ่ของข้ากล่าวว่า้าไปเข้าห้องสุขาด้านใน จนถึงบัดนี้ยังไม่กลับมา ข้าเพียงแค่ไปหาคนเท่านั้น จะไม่สร้างปัญหาวุ่นวายแน่นอนเ้าค่ะ"
“มิได้” ภิกษุน้อยสองมือประนม ส่ายหน้าพลางกล่าว “ด้านในมีแต่พวกอาตมาเท่านั้น ไม่มีศาสนิกชน พี่ใหญ่ของโยมน่าจะไปที่อื่นแล้ว”
“ข้าเห็นด้วยตาของตนเอง ยังคิดว่าเป็เื่หลอกลวงอยู่อีกหรือเ้าคะ? หลวงจีนน้อยช่างไร้เหตุผลนัก ข้าเพียงแค่ไปหาคน จำต้องตระหนี่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หลวงจีนน้อยขวางทางเอาไว้เช่นนี้ คงมิใช่ว่ามีสิ่งของที่ให้คนยนอกเห็นไม่ได้หรอกกระมัง? เช่นนั้นข้ายิ่งต้องเข้าไปดูด้านในแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์ยืนกรานที่จะเข้าไปด้านใน
ภิกษุน้อยไม่อาจขัดขวางหลิงมู่เอ๋อร์ได้ เขาร้องเรียกไปตลอดทาง แต่ในปากยังคงกล่าวอย่างสุภาพว่า "สีกา โยมเข้าไปไม่ได้ โยมเข้าไปไม่ได้"
หลิงมู่เอ๋อร์พุ่งเข้าไปในป่าผืนเล็กนั้น นางพบคราบเืบนพื้น จึงตามรอยเืนั้นไป ฉากที่เหลือจากการต่อสู้ระหว่างทางนั้นรุนแรงเป็อย่างยิ่ง แสดงให้เห็นว่าเมื่อสักครู่นี้เกิดเหตุวุ่นวายมากเพียงใด
ภิกษุน้อยเองก็พบเข้ากับร่องรอยของเืบนพื้น สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนไปทันที เขารีบก้าวยาวโดยไม่ยั้งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังที่พักของเ้าอาวาส
อารามเป็สถานที่เงียบสงบ ไม่นึกเลยว่าจะมีคนต่อสู้และฆ่าฟันกันในที่แห่งนี้ พระสงฆ์อย่างพวกเขาที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ยังคงไม่ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ทันทีที่ภิกษุน้อยรูปนั้นกล่าวออกมา เ้าอาวาสก็รีบเร่งรุดหน้าเข้ามาทันทีเช่นกัน
"สีกาท่านนี้..." เ้าอาวาสกล่าวอย่างสุภาพว่า “อมิตาพุทธ สีกา นี่เกิดเื่อันใดขึ้น?”
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นว่าเ้าอาวาสนำภิกษุมาเป็จำนวนมาก ก็ไม่ได้พูดความจริงออกไป แต่ใช้เหตุผลดังที่บอกกับภิกษุน้อยเมื่อสักครู่บอกกล่าวออกไปว่า "ข้าก็ไม่รู้เช่นกันเ้าค่ะ ข้ารู้เพียงแค่ว่าพี่ใหญ่ของข้าไปเข้าห้องสุขา และให้ข้ารั้งรออยู่ข้างนอก ทว่าข้ารอมาแล้วหนึ่งชั่วยามแต่เขาก็ยังไม่กลับมา ข้าไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ จึงได้บุกเข้ามา ไต้ซือโปรดเมตตาด้วยเ้าค่ะ”
“ช่างเถิด ตามหาพี่ชายโยมก่อนเถิด!” เ้าอาวาสกล่าวกับภิกษุรูปอื่นว่า “พวกท่านช่วยตามหาคน ดูว่ามีคนที่สีกากล่าวถึงหรือไม่”
เหล่าภิกษุยินดีช่วยตามหาคน แน่นอนว่าหลิงมู่เอ๋อร์น้อมรับด้วยความยินดี ที่นี่เป็อาณาบริเวณของพวกเขา พวกเขาย่อมรู้จักแผนที่ของที่นี่ดีกว่านางและง่ายต่อการตามหาคนมากกว่านาง
ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนกลับมารายงานว่าพบคนตายเป็จำนวนมาก
“สีกา โยม้าไปตรวจสอบพิสูจน์ตัวคนหรือไม่?” เ้าอาวาสมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์พลางกล่าว “ไม่รู้ว่าพี่ชายโยมอยู่ในจำนวนนั้นหรือไม่?”
“ไต้ซือ มีคุณชายในอาภรณ์สีขาวหรือไม่เ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับภิกษุรูปนั้นที่เข้ามารายงานสถานการณ์
“ไม่มี” ภิกษุน้อยส่ายหน้า "พวกเขาล้วนเป็ชาวบ้านทั่วไปที่แต่งกายด้วยอาภรณ์ธรรมดา แต่ว่ามือของพวกเขามีิัที่แข็งกระด้าง แค่มองก็รู้ได้ว่าเป็คนที่ฝึกวรยุทธ์"
หลิงมู่เอ๋อร์ทอดถอนใจด้วยความโล่งอก "พี่ชายของข้าสวมอาภรณ์สีขาว รูปลักษณ์หล่อเหลา หากพวกท่านได้พบเขาจะต้องจำเขาได้อย่างแน่นอนเ้าค่ะ"
“เช่นนั้นก็ไม่มี” ภิกษุน้อยกล่าวยืนยัน “คนเ่าั้หน้าตาไม่หล่อเหลา และมิใช่คนที่สวมอาภรณ์สีขาวด้วย”
“ไต้ซือ ดูเหมือนว่าพี่ชายของข้าจะไปเข้าห้องสุขาที่อื่นแล้วจริงๆ หรือบางทีเมื่อครู่ผู้คนพลุกพล่านมากเกินไป เขาอาจจะออกไปแล้วแต่ข้าไม่เห็น ข้ากลับบ้านไปหาเขาดีกว่าเ้าค่ะ!" หลิงมู่เอ๋อร์โค้งคำนับไปทางเ้าอาวาส แล้วกล่าวอย่างสุภาพ "เมื่อสักครู่รบกวนท่านแล้วจริงๆ เ้าค่ะ ไต้ซือได้โปรดอย่าได้ตำหนิ"
“สีกาเกรงใจแล้ว” เ้าอาวาสกล่าวพลางยิ้ม “ถ้าหากว่าไม่มีเื่อันใดก็ดีแล้ว เด็กๆ ส่งสีกากลับ”
หลิงมู่เอ๋อร์ออกจากอาราม ในเวลานี้เหลือคนเพียงไม่กี่คนแล้ว ถึงอย่างไรเสีย นอกจากการไหว้พระแล้ว เหล่าชาวบ้านคนธรรมดายังมีงานรื่นเริงอื่นๆ อีก พวกเขาคงจะไม่ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการไหว้พระขอพรกระมัง
หลิงมู่เอ๋อร์ที่เดินทางกลับมาถึงในเมือง นางไม่ได้กลับไปที่เหลาอาหารสกุลหลิงในทันที แต่ไปที่โรงหมอซึ่งยังคงปิดอยู่ ซูเช่อไม่มีกุญแจ ดังนั้นเขาจึงเข้าไปข้างในไม่ได้
นางเปิดประตูโรงหมอเข้าไปแล้วนำสมุนไพรสำหรับรักษาาแมาจัดเตรียมไว้ เพียงแค่เ้าหนุ่มคนนั้นกลับมา ก็จะได้นำยาไปต้มให้เขาทาน
แน่นอนว่า มิใช่ว่านางไม่เชื่อในกำลังของเ้าหนุ่มผู้นั้น แต่มือสังหารเ่าั้ล้วนไม่ใช่คนที่สามารถหาเื่ได้ง่ายๆ เขาเพียงคนเดียวรับมือกับคนสิบกว่าคน โอกาสที่จะไม่ได้รับาเ็เลยนั้นมีน้อยมาก อีกประการหนึ่ง หากเขาไม่ได้รับาเ็ ก็คงไม่ต้องหลบซ่อนตัวโดยออกมาแบบนี้
“เหตุใดท่านถึงกลับมาคนเดียวเล่า?” หลิงมู่เอ๋อร์เห็นโจวฉี่เยี่ยนเดินเข้ามาจากด้านนอก
“คนผู้นั้น...” โจวฉี่เยี่ยนขมวดคิ้ว "เขาล้มลงที่จวนด้านหลังของเหลาอาหารสกุลหลิง"
หลิงมู่เอ๋อร์ "..."
คนผู้นั้นคือผู้ใด ไม่ต้องเดาก็รู้แล้ว เวลาที่โจวฉี่เยี่ยนเรียกขานซูเช่อล้วนใช้คำว่า 'คนผู้นั้น' แทน ดูได้จากท่าทีของเขาแล้ว เขาคงไม่ชอบซูเซ่อเอามากๆ
ซูเช่อเป็คุณชายรูปงาม ไม่ว่ากับผู้ใดก็มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเสมอ แม้ว่าใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้จะเสแสร้งมากก็ตาม แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ทำให้ผู้คนรู้สึกพึงพอใจ ทว่าทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับโจวฉี่เยี่ยน ใบหน้าของซูเช่อจะไร้ซึ่งหน้ากากรอยยิ้มอันเป็เอกลักษณ์ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบหน้าคนผู้นี้มากเพียงใด ครั้นเผชิญหน้ากับโจวฉี่เยี่ยน เขาไม่แม้แต่จะทำตัวเสแสร้งด้วยซ้ำ
หลิงมู่เอ๋อร์เดาว่าพวกเขาน่าจะมีเื่บาดหมางใจกันกระมัง! พวกเขาทั้งคู่รู้จักกันมาก่อน ไม่ใช่เพียงแค่รู้จัก แต่ยังเป็ศัตรูกันอีกด้วย
นางหยิบสมุนไพรกลับไปที่เหลาอาหารสกุลหลิง นางยื่นห่อยาให้กับโจวฉี่เยี่ยน แล้วให้เขาสั่งข้ารับใช้นำยาไปต้มให้เรียบร้อย
"มู่เอ๋อร์ คุณชายที่อยู่ในอารามเมื่อสักครู่ได้รับาเ็แล้ว ไม่รู้ว่ามาล้มลงในจวนด้านหลังของพวกเราได้อย่างไร" หยางซื่อจับมือของหลิงมู่เอ๋อร์พลางกล่าวอย่างตึงเครียด "เมื่อสักครู่ยังดีๆ อยู่แท้ๆ เหตุใดจู่ๆ ถึงกลายเป็เช่นนี้ไปได้ล่ะ? คุณชายผู้นั้นมีศัตรูหรือ?”
“ท่านแม่ ไม่มีเื่อันใดใหญ่โตเ้าค่ะ ข้าจะไปดูสักหน่อย” หลิงมู่เอ๋อร์ตบไปที่มือของหยางซื่อ และสาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไปในห้องรับแขก
ภายในห้อง ซูเช่อนอนอยู่ตรงนั้น เขามีสีหน้าดำคล้ำเล็กน้อย
นางจับชีพจรให้เขา เพียงแค่นั้นก็ทราบได้ถึงอาการอย่างละเอียดแล้ว อาการาเ็ของเขาไม่รุนแรง สิ่งที่ร้ายแรงคือเขาถูกพิษ
นางตรวจสอบาแบนร่างกายของเขา าแเ่าั้ล้วนเป็าแเล็กน้อยจากคมดาบ เพียงแค่ทายาและทานยาสองสามสำรับก็ไม่เป็อันใดแล้ว ทว่าพิษในร่างกายของเขานั้นค่อนข้างจะยุ่งยากเล็กน้อย
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่มียาถอนพิษอยู่ในมือ จึงจำเป็ต้องปรุงยาขึ้นมาโดยเฉพาะ และแม้ว่าจะปรุงยาออกมาแล้ว แต่ก็สามารถระงับพิษในกายของเขาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ยาพิษแต่ละชนิดมีส่วนผสมเฉพาะของตัวมันเอง ส่วนผสมของยาพิษแตกต่างกันและปริมาณที่แตกต่างกัน ยาพิษที่ปรุงออกมาก็จะแตกต่างกัน หาก้าจะถอนพิษ จะต้องศึกษาส่วนผสมของยาพิษชนิดนั้นออกมาให้ได้ก่อน จากนั้นจึงปรุงยาถอนพิษตามปริมาณของมันเพื่อนำมาระงับพิษ ขั้นตอนนี้ซับซ้อนเป็อย่างยิ่ง หลิงมู่เอ๋อร์ไม่มีความมั่นใจว่าจะสำเร็จได้ในครั้งเดียว จึงทำได้แค่ทำยาถอนพิษเพื่อระงับพิษภายในกายของเขาเป็การชั่วคราวก่อน จากนั้นจึงค่อยคิดหาวิธีต่อไป
ซูเช่อลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เห็นหลิงมู่เอ๋อร์อยู่้า จึงฉีกยิ้มกว้างพลางกล่าวว่า "ข้าถูกเ้าช่วยชีวิตอีกครั้งแล้ว"
“เมื่อครู่เป็ผู้ใดกันที่มีท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม? คิดไม่ถึงว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวก็จะเห็นคนใกล้ตายขึ้นมาเสียแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยประชดประชัน “ข้าเข้าไปในป่าผืนเล็กนั่น และได้พบกับร่างไร้ลมหายใจ เดิมทีอยากจะดูว่าเ้ายังอยู่ดีหรือไม่ ทว่าข้าก่อเื่วุ่นวายไปแบบนั้น จนทำให้ภิกษุเ่าั้รู้เื่ว่ามีคนตายแล้ว ไม่รู้ว่าเช่นนี้จะทำให้เ้าเดือดร้อนหรือไม่?”
ั์ตาของซูเช่อปรากฏความวูบไหวขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง เขามองหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ พวกเขาพบกันโดยบังเอิญ แต่นางช่วยชีวิตเขาครั้งแล้วครั้งเล่าและยังรับเขามาดูแล แม้ว่าในตอนแรกเขาจะมีจุดประสงค์อื่น แต่ตอนนี้ก็มีความจริงใจต่อนางเพิ่มขึ้นหลายส่วนแล้ว
ใช่แล้ว เหตุผลที่ซูเช่อเข้าหานางก็เพราะรู้สึกว่าสตรีนางนี้ไม่ธรรมดา ด้วยอาการาเ็ของเขา แม้แต่แพทย์หลวงในวังก็ยังไม่อาจรักษาได้ แต่นางกลับรักษาเขาได้
หญิงสาวที่มีทักษะฝีมือยอดเยี่ยมมากขนาดนี้ ทั้งอายุยังน้อย มีคนอื่นเื้ัของนางหรือไม่? นี่เป็ความคิดแรกของเขา นอกจากนี้ก็คือ ด้วยฐานะเช่นนี้ของพวกเขา ไม่รู้ว่าในหนึ่งปีจะต้องพบเจอกับการลอบสังหารและได้รับาเ็อีกกี่ครั้ง ถ้าหากเขาสามารถดึงเอาหมอเทวดามาเป็พวกเดียวกันได้ อย่างน้อยเขาก็รับประกันได้ว่าชีวิตน้อยๆ ของตนเองจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี
เชิงอรรถ
[1] ล่องูออกจากถ้ำ (引蛇出洞) หมายถึงการล่อศัตรูออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้