มหาวิทยาลัยของฮ่องกงนั้นเลียนแบบมาจากต่างประเทศ โดยมีธรรมเนียมรับเงินบริจาคจากบุคคลภายนอก
โดยจะบริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัยที่เรียนจบ หรือไม่ก็บริจาคให้กับสถาบันที่ตนชื่นชอบ การให้เงินก้อนหนึ่งกับทางมหาวิทยาลัยคือเื่ปกติของพวกคนมีเงินในฮ่องกง
บ้างหวังอยากได้ชื่อเสียง บ้างก็หวังอยากได้สิ่งอื่น
ตู้เ้าฮุยไม่ได้ชื่นชมหัวชิง แม้มหาวิทยาลัยในแผ่นดินใหญ่จะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่อาจทำให้ตู้เ้าฮุยรู้สึกยกย่องได้ วุฒิการศึกษาของคุณชายใหญ่ตู้ครึ่งหนึ่งเหมือนได้มาเปล่าๆ หาใช่เพราะตั้งใจเล่าเรียน ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีน้องชายน้องสาวเป็คู่แข่งและไม่อยากขายหน้า คุณชายใหญ่ตู้คงไม่สนใจวุฒิการศึกษาที่เป็แค่ของประดับพวกนี้แน่นอน
ปี 1979 หลังการปฏิรูปเศรษฐกิจเริ่มถูกกล่าวถึง เศรษฐีอันดับหนึ่งของฮ่องกงก็ได้ทำการบริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัยในมณฑลกวางตุ้งที่เป็บ้านเกิดของตนเช่นกัน
ใขณะที่ตู้เ้าฮุยคงไม่กล้าบริจาคเงินมากขนาดนั้น เนื่องจากทรัพย์สินของตระกูลตู้ยังห่างไกลจากเศรษฐีอันดับหนึ่งมากนัก อีกทั้งตู้เ้าฮุยก็ไม่ใช่หัวหน้าตระกูล ทว่าเงินเพียงล้านสองล้านดอลลาร์ฮ่องกงเขาสามารถตัดสินใจเองได้ เงินจำนวนนี้ก็แค่เงินสำหรับซื้อรถสักคันที่ฮ่องกง
เขาชอบแฟนสาวคนไหนเป็พิเศษก็จะซื้อรถซื้อบ้านให้ แต่ถ้าชอบแบบทั่วๆ ไปก็จะมอบกระเป๋าแบรนด์เนมให้สักใบเท่านั้น
มูลค่าของดาราสาวฮ่องกงก็มีแค่นี้ จ่ายเงินให้พวกเธอ พวกเธอก็จะปรนนิบัติเขา
การบริจาคเงินให้หัวชิงก็สามารถให้ผลประโยชน์แก่ตู้เ้าฮุยได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามผลประโยชน์บางอย่างย่อมจับต้องไม่ได้ ตู้เ้าฮุยมีความคิดตามแบบฉบับนักธุรกิจฮ่องกง ใช้ผลประโยชน์เล็กน้อยแลกกับผลประโยชน์ที่มากกว่า เื่ไหนมีประโยชน์เขาก็จะลงมือทำ
พอตู้เ้าฮุยบอกความคิดของตน ไกด์ก็รู้สึกแปลกใจมาก
“...น่าจะทำได้นะครับ”
บริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยย่อมทำได้แน่นอน ทายาทเศรษฐีจากฮ่องกงใช้เงินตามใจตัวเองเสียจริงๆ
เงินนี้บริจาคให้ใครก็เท่ากับพัฒนาแผ่นดินใหญ่ ไกด์ไม่ใช่สายลับที่อยากทำลายประเทศชาติ เมื่อนักธุรกิจผู้ร่ำรวยจากฮ่องกงอยากช่วยพัฒนาประเทศมีหรือที่เขาจะไม่รีบตอบตกลง
ทีนี้การไปคุยกับทางมหาวิทยาลัยก็จะง่ายยิ่งขึ้น
ยุค 80 คนที่บริจาคเงินให้หัวชิงในนามชื่อของตัวเองยังมีจำนวนเพียงหยิบมือ มหาวิทยาลัยพึ่งพางบประมาณจากทางรัฐบาลเป็หลัก อีกทั้งยังเป็มหาวิทยาลัยที่ทางรัฐจัดสรรงบให้เป็แห่งแรกตามลำดับความสำคัญ ทว่าใครบ้างจะไม่อยากได้เงิน? การบริจาคโดยไร้เงื่อนไขเช่นนี้ สามารถแก้ไขปัญหาบางอย่างของมหาวิทยาลัยได้ วิชาที่ไม่ใช่วิชาหลักล้วนของบสนับสนุนยาก เมื่ออาจารย์ผู้สอนได้รับค่าตอบแทนไม่มากพอ มหาวิทยาลัยก็ต้องเป็ผู้จ่ายค่าชดเชย
แล้วทางมหาวิทยาลัยจะทำอย่างไร?
อธิการบดีผลิตเงินเองไม่ได้!
เมื่อมีคนอยากบริจาคเงิน แน่นอนว่าทางมหาวิทยาลัยย่อมรับไว้
เขาไม่ใช่ชาวต่างชาติที่เข้ามาสอดแนมประเทศจีน แต่เป็นักธุรกิจชาวฮ่องกง และชาวฮ่องกงก็คือชาวจีน ทว่าในอีก 12 ปีข้างหน้าฮ่องกงจะกลับคืนสู่จีน ดังนั้นเงินก้อนนี้มหาวิทยาลัยหัวชิงสามารถรับไว้ได้อย่างสบายใจ
ไม่ทันไร คนที่ต้อนรับตู้เ้าฮุยก็เปลี่ยนมาเป็หัวหน้าสำนักบริหารของมหาวิทยาลัยหัวชิง
“สหายที่รักชาติอย่างคุณตู้คือคนที่พวกเราตามหาอยู่พอดีเลยครับ!”
จะบริจาคเงินเท่าไร เน้นด้านไหนเป็เฉพาะหรือไม่ ตู้เ้าฮุยยังไม่ได้คุยรายละเอียด แต่จากข้อมูลที่เขาได้รับ นี่คือเงินบริจาคส่วนตัวมูลค่าหลักล้าน เงินเดือนของหัวหน้าสำนักบริหารเดือนละเท่าไรกัน? คนที่บริจาคเงินทีเดียวเป็ล้านแน่นอนว่าย่อมเป็คนรักชาติ
ภาษาจีนกลางของตู้เ้าฮุยอยู่ในระดับปานกลาง เขาพูดติดสำเนียงฮ่องกง แต่นับได้ว่าสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วเลยทีเดียว
“คืออย่างนี้ครับ ก่อนมาที่หัวชิงผมได้รับการฝากฝังจากเพื่อนร่วมงาน โดยเขาหวังว่าจะได้เจอลูกสาวของตัวเองสักครั้ง เธอคือนักศึกษาที่เพิ่งสอบเข้าหัวชิงมาเมื่อปีที่แล้ว ชื่อเซี่ยเสี่ยวหลาน บ้านเกิดอยู่ที่มณฑลอวี้หนานครับ”
ส่วนที่ว่าเรียนคณะไหนนั้น เซี่ยต้าจวินไม่ทราบ
ถ้าไม่เห็นลูกสาวบนโทรทัศน์ เซี่ยต้าจวินคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดหัวชิง
แต่เื่นี้สืบได้ไม่ยาก เพียงถามฝ่ายทะเบียนนักศึกษาก็ได้เื่แล้ว แค่เปิดดูรายชื่อนักศึกษาที่สอบติดเมื่อปีที่แล้ว ตรวจดูทะเบียนบ้านและชื่อแซ่ มีหรือที่จะหาตัวไม่พบ
ไม่ทันไรตู้เ้าฮุยก็ได้ข้อมูลที่้า
“เซี่ยเสี่ยวหลาน สอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมของหัวชิงเมื่อปี 1984 มาจากมณฑลอวี้หนาน เมืองอันชิ่ง...”
“คนนี้แหละครับ!”
เซี่ยต้าจวินเป็คนเมืองอันชิ่งจากมณฑลอวี้หนาน ทั้งชื่อแซ่และทะเบียนบ้านตรงกัน คงไม่ต้องกลัวว่าจะเป็คนชื่อซ้ำอย่างแน่นอน
—---------------------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งเลิกเรียน อาจารย์ของภาควิชาก็มาหาเธอทันที
เธอนึกว่าจะคุยเื่ที่เธอต้องแข่งภาษาอังกฤษ เพราะนั่นเป็เื่ที่ค่อนข้างสำคัญสำหรับ่เวลานี้ ทว่าหลังไปที่ห้องทำงานก็ต้องรู้สึกแปลกใจ
“อาจารย์บอกว่ามีนักธุรกิจจากฮ่องกงมาหาฉันหรือคะ”
หัวหน้าภาควิชาให้ความสำคัญกับเื่นี้มาก
นักศึกษาคนอื่นนั้นไม่เท่าไร แต่ปัญหาของเซี่ยเสี่ยวหลานต้องให้ความสำคัญเป็พิเศษ ไม่ใช่ว่าหัวหน้าภาควิชา้าประจบประแจง แต่เื่จี้หย่าคราวก่อนนั้นเป็เขาที่จัดการได้ไม่ดีจึงรู้สึกผิดอยู่บ้าง
เซี่ยเสี่ยวหลานพัวพันกับเื่วุ่นวายค่อนข้างมาก ทว่าเื่เ่าั้มันไม่ใช่ความผิดของนักศึกษาเซี่ย
“ครั้งนี้เป็เื่ดี นักธุรกิจชาวฮ่องกงคนนี้อยากบริจาคเงินให้หัวชิงของเรา”
บริจาคเงินแล้วเกี่ยวอะไรกับเื่ที่อยากพบเธอเล่า?
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดย้อนไปถึงเหล่าคนรู้จัก แน่นอนว่าเธอไม่รู้จักชาวฮ่องกงแม้แต่คนเดียว
อ๋อ ไม่สิ ยังมีหลิวเทียนเฉวียน!
หากเป็หลิวเทียนเฉวียนที่อยากเจอเธอก็คงไม่ใช่เื่ดี
ไหนบอกว่าหลิวเทียนเฉวียนตอนนี้ไม่มีอำนาจแล้ว และไม่ว่างมาแก้แค้นเื่ในอดีต หรือว่าหลิวเทียนเฉวียนจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง พอคิดได้ว่าเคยเสียหน้าเลยจงใจมาหาเื่เธอถึงปักกิ่ง? ไม่รู้ว่าหลิวหย่งรู้หรือเปล่า ยุคที่ไม่มีมือถือช่างยุ่งยากเหลือเกิน อีกทั้งต่อให้หลิวหย่งอยู่ปักกิ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่สามารถติดต่อเขาเพื่อสอบถามสถานการณ์ทันทีได้
ทว่าอยู่ที่มหาวิทยาลัยเช่นนี้ ต่อให้หลิวเทียนเฉวียนอยากหาเื่กันเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่กลัว
สถานภาพนักศึกษาคือเกราะกำบัง เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เชื่อว่าหลิวเทียนเฉวียนจะกล้าทำอะไรเธอในรั้วมหาวิทยาลัย
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินตามหัวหน้าภาควิชาไปยังสำนักบริหารด้วยความคิดเช่นนี้
เธอเพิ่งเลิกเรียนจึงสวมเสื้อผ้าสบายๆ ไม่ได้บรรจงแต่งตัวให้ดูดีนัก โชคดีเหลือเกินที่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านและไม่ได้แต่งหน้า ไปที่ไหนก็ไม่เป็การเสียมารยาท หัวหน้าภาควิชาก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมนักธุรกิจฮ่องกงที่บริจาคเงินถึงอยากเจอเซี่ยเสี่ยวหลาน ด้วยความเป็ห่วงเขาจึงตามมาดูด้วยตัวเอง
ตู้เ้าฮุยรออยู่ในสำนักงานนานมากแล้ว
สืบประวัติเสร็จก็ต้องแจ้งไปที่ทางภาควิชาสถาปัตยกรรม ทางนั้นยังต้องรอเซี่ยเสี่ยวหลานเลิกเรียน ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอน อยากทำให้รวดเร็วคงเป็ไปไม่ได้น่ะสิ
แม้นักธุรกิจฮ่องกงจะอยากเจอนักศึกษา แต่ก็คงบอกให้นักศึกษาออกมาก่อนเลิกเรียนไม่ได้ใช่หรือไม่เล่า
หัวชิงให้ความสำคัญกับการเรียนอย่างยิ่ง พวกเขายินดีต้อนรับผู้บริจาค แต่การบริจาคเงินหลักล้านยังไม่ถึงขั้นที่ต้องให้ทุกคนคุกเข่าเรียกว่าผู้บริจาคพ่อ อย่างไรก็ต้องรักษากฎระเบียบ หัวหน้าสำนักบริหารเองก็มีศักดิ์ศรีเช่นกัน!
ถ้วยชาที่วางอยู่หน้าตู้เ้าฮุยถูกเติมน้ำไปแล้วสองครั้ง หัวหน้าของสำนักบริหารรู้สึกกระตือรือร้นอย่างยิ่ง เขาจึงชวนตู้เ้าฮุยคุยตลอดเวลา
การถามว่าทำไมนักธุรกิจจากฮ่องกงถึงมาบริจาคเงินให้หัวชิงถือเป็หนึ่งในหน้าที่ของเขา ตู้เ้าฮุยเองก็ไม่มีเหตุผลมากมาย เพราะนี่เป็แค่ความคิดชั่ววูบเท่านั้น เขาอยากมีตัวตนที่นี่ ไม่ใช่แค่ในหัวชิง ดังนั้นแน่นอนว่าในอนาคตเขาจะบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยอื่นอีกด้วย!
ตู้เ้าฮุยรออยู่นานจนเริ่มหงุดหงิด ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็เดินตามหัวหน้าภาควิชาเข้ามาในห้อง หัวหน้าภาควิชาเดินนำหน้า เซี่ยเสี่ยวหลานเดินตามหลัง ห้องทำงานของหัวชิงไม่ได้มีการตกแต่งที่สวยงามแต่อย่างใด โต๊ะเก้าอี้เป็แบบโบราณ ทำความสะอาดแค่ไหนก็ยังดูทรุดโทรม ในสายตาของคุณชายใหญ่ตู้ที่นี่ไม่ต่างอะไรกับบ้านเก่าๆ
ตู้เ้าฮุยไม่มีทางเข้าใจบรรยากาศของผู้มีอารยธรรม เขารู้แค่ว่าหลังเซี่ยเสี่ยวหลานเดินเข้ามา ทั้งห้องก็ดูสว่างสดใสขึ้นทันที อยู่ๆ สมองของตู้เ้าฮุยมีสำนวนหนึ่งผุดขึ้นมา แขกสำคัญมาเยือนเหมือนเพิ่มบารมีเ้าของบ้าน ด้วยระดับความรู้ของเขา ไม่ว่าสำนวนนี้จะใช้ถูกกาลเทศะหรือไม่ไม่สำคัญ เพราะมันดีที่สุดเท่าที่คุณชายใหญ่ตู้พอจะคิดออกแล้ว
“สหายตู้ นี่ก็คือนักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลาน...”
เซี่ยเสี่ยวหลาน?
เซี่ยเสี่ยวหลานลูกสาวของเซี่ยต้าจวินหน้าตาเป็แบบนี้?
แล้วจะเรียนมหาวิทยาลัยไปทำไม ส่งไปเล่นละครที่ฮ่องกงไม่ดีกว่าหรือ รับรองว่าค่าตัวต่อปีคงได้หลายล้าน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้