“เย่ชิงหานที่ยังมีชีวิต ข้าคงต้องทุ่มเททุกสิ่งที่ตระกูลเยว่มีทำการช่วยเหลืออย่างแน่นอน แตู่เาสุสานทวยเทพสถานที่เช่นนั้นเ้าไม่รู้ว่าพลังฝีมือเพียงแค่ระดับเขาถูกดูดเข้าไปมีแต่ตายกับตายเพียงเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่พูดแล้วว่าสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดจะปรากฏออกมา อีกครึ่งปีจากนีู้เาสุสานทวยเทพเืจะต้องไหลนองดั่งสายน้ำอย่างแน่นอน และข้าไม่คิดที่จะเข้าร่วมศึกตะลุมบอนในครั้งนี้!” คำพูดของเยว่ชิงเฉิงไม่ได้ทำให้เยว่ซีสุ่ยรู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อย นางส่ายหัวไปมาและยังคงปฏิเสธอย่างแข็งขันตามเดิม
“แต่ว่า...ตระกูลเย่บอกว่าเย่ชิงหานมีโอกาสถึงหกส่วนที่จะรอดชีวิตออกมาได้ ไม่! ตอนนี้มีโอกาสถึงแปดส่วนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าไม่เชื่อว่าบุรุษมหัศจรรย์อย่างเขาจะเสียชีวิตอย่างง่ายดายเช่นนั้น! เย่ชิงหานจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน ดังนั้นูเาสุสานทวยเทพข้าจำเป็จะต้องไปให้ได้” ดวงตาคู่ไข่มุกดำของนางปรากฏประกายแสงแห่งความเด็ดเดี่ยวอยู่เช่นเดิม หากไม่พบเจอศพของเย่ชิงหานด้วยตาของตนเองนางจะไม่ยอมแพ้อย่างเด็ดขาด
“เฮ้อ...”
เยว่ซีสุ่ยถอนหายใจออกมาอีกครั้ง มองดูเด็กสาวดื้อรั้นที่อยู่ตรงหน้าอดไม่ได้ที่จะนึกถึงธิดาศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนเยว่เอียนเอ๋อร์ ภายในใจแอบทอดถอนใจอยู่เนืองๆ คิดสงสัยขึ้นว่าหรือว่าหญิงสาวของตระกูลเยว่จะติดค้างบุญคุณความรักอันใดต่อเย่เตาพ่อลูกคู่นี้? แม้กระทั่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเยว่ทั้งสองรุ่นล้วนพ่ายแพ้ยอมศิโรราบภายใต้ชายเสื้อของทั้งสองคนแม้ตายก็ยอม...
“เ้าไปได้ ตระกูลเยว่สามารถส่งคนไปด้วยได้ แต่เ้าจะต้องรับปากเงื่อนไขของข้าสองข้อ!” นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่เยว่ซีสุ่ยจึงตัดสินใจพูดขึ้น
“ท่านหัวหน้าตระกูล เชิญท่านพูดมาได้เลย ถ้าหากทำได้ข้ายินดีจะรับปากทุกอย่าง!” เยว่ชิงเฉิงเมื่อได้ฟังใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มแห่งความยินดีขึ้นมารีบพูดรับคำขึ้นโดยทันที
ใบหน้าเยว่ซีสุ่ยเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมขึ้นมา ดวงตาหงส์เปล่งประกายแสงน่าเกรงขามขึ้นราวกับราชินีอย่างไรอย่างนั้น “ข้าอยากให้เ้ารับปากเงื่อนไขข้อแรกคือ ถ้าหากเย่ชิงหานเสียชีวิตแล้วเ้าจะต้องลืมเขาหรือไม่ก็คัดเลือกผู้พิทักษ์คนใหม่ หรือไม่ก็ครองตัวโสดไปตลอดชีวิตพิทักษ์ปกป้องตระกูลเยว่ต่อไป เ้ามีพลังฝีมือเพียงแค่ระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ ดังนั้นเ้าเข้าไปในเส้นทาง์ของูเาสุสานทวยเทพได้เพียงเท่านั้น ห้ามเข้าไปในด่านทดสอบเด็ดขาดหาไม่แล้วข้าจะให้คนตีเ้าให้สลบแล้วนำตัวกลับมายังตระกูลเยว่ทันที!”
ดวงตาเยว่ชิงเฉิงปรากฏแววของความผิดหวังวาบผ่าน แต่นางก็รู้ว่านี่เป็สิ่งที่เยว่ซีสุ่ยจะอะลุ่มอล่วยให้ได้มากที่สุดแล้ว ตอนที่เยว่ซีสุ่ยกลายเป็เทพพลังกฎเกณฑ์นำพาพลังฟ้าดินจำนวนมหาศาลมาด้วยจนทำให้พลังฝีมือของนางพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจนบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ แต่นางก็รู้ดีว่าพลังฝีมือเพียงเท่านี้ไปเข้าร่วมเส้นทาง์ภายในูเาสุสานทวยเทพนั้นไม่เพียงพออย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ชิงเฉิงทราบดี ขอบคุณท่านหัวหน้าตระกูล ความเป็ห่วงกังวลที่ท่านมีให้ชิงเฉิง ชิงเฉิงเข้าใจดีทุกอย่าง!”
เงื่อนไขของเยว่ซีสุ่ยความจริงแล้วไม่ได้โหดร้ายแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อให้เยว่ซีสุ่ยไม่พูดถ้าหากเย่ชิงหานตายไปจริงๆ นางก็จะครองโสดอยู่บนเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบไปจนแก่ตายอย่างแน่นอน
“หาน เ้าจะตายไม่ได้นะ หาไม่แล้วข้าไม่รู้ว่าจะสามารถแก่ตายอยู่บนเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบได้หรือไม่ หรือว่าจะเป็เหมือนท่านอาเยว่เอียนเอ๋อร์ที่ตรอมใจจนร่างกายผ่ายผอมิญญาหลับใหลลงที่เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบนี้ เ้าจะใจร้ายปล่อยให้ข้าทุกข์ทรมานไปทั้งชีวิตเช่นนี้ได้รึ?” เยว่ชิงเฉิงเดินออกมาจากหอสราญรมย์อย่างช้าๆ สาดสายตามองไปยังท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ มุมปากปรากฏรอยยิ้มขมขื่นออกมา แม้กระทั่งดอกท้อที่ปักอยู่บนผมบนศีรษะของนางก็ไม่มีความสดใสเช่นเดิมอีกต่อไป
.................................
เฟิงจื่อและฮวาเฉ่าต่างออกจากการเก็บตัวฝึกฝนแล้ว อาศัยผลไม้วิเศษและยาวิเศษมากมายที่ทางตระกูลสนับสนุนให้ใช้ในการฝึกฝนอย่างเต็มที่จนทำให้พลังฝีมือของทั้งสองคนจะเลื่อนขึ้นมาถึงระดับขั้นที่สองขอบเขตจ้าวนักรบแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถบรรลุถึงระดับที่พอจะมีคุณสมบัติเข้าไปในด่านทดสอบของูเาสุสานทวยเทพได้
แต่ทั้งสองคนยังจดจำสัญญาเมื่อหลายปีก่อนได้ดีจึงยืนกรานที่จะลองเข้าไปภายในเส้นทาง์ดู แต่แน่นอนว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปในด่านทดสอบอย่างแน่นอน ทั้งสองเองก็หมดปัญญาที่จะทำอย่างไรมากไปกว่านี้แล้ว จากนิสัยที่ชอบเที่ยวเล่นหาความสำราญเปลี่ยนมาเป็ขยันฝึกฝนจนพลังฝีมือพัฒนาขึ้นมาถึงในระดับนี้มันไม่ง่ายเลย พวกเขาทำอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ
หลงไซ้หนานก็ออกจากการเก็บตัวฝึกฝนเช่นกัน พลังฝีมือระดับขั้นที่สองขอบเขตาาจักรพรรดิของนางทำให้เมืองัสั่นะเืเลื่อนลั่นขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่เมื่อนางบอกว่าจะไปูเาสุสานทวยเทพเพื่อเสาะหาสมบัติจึงทำให้เกิดเสียงไม่เห็นด้วยขึ้นจากตระกูล ว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลหลงรุ่นต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่หลงผี่ฟูจะกลายเป็เทพก็ใกล้เข้ามาทุกที ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมา เพียงแต่หลงไซ้หนานอ้างชื่อของเทพาผู้หนึ่งออกมา และนำเอาสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งที่ท่านเทพาผู้นั้นมอบให้นางออกมาแสดงฝีมือให้ทุกคนประจักษ์แก่สายตาครั้งหนึ่ง จากนั้นตระกูลหลงก็ไม่มีเสียงคัดค้านหรือสงสัยใดๆ เกี่ยวกับฝีมือของนางดังออกมาอีกเลย
เพียงแต่พวกเขารู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมคุณหนูหลงถึงได้อยากที่จะไปเสาะหาสมบัติถึงเพียงนี้? หรือว่านางอยากที่จะทะลวงผ่านทั้งสามด่านเพื่อรับเอากระบี่เทพ?
นครแห่งเทพเริ่มจะคึกคักขึ้นมา
การเสาะหาสมบัติภายในูเาสุสานทวยเทพในครั้งนี้จ้าวเทวะออกคำสั่งเด็ดขาดมาแล้วว่าจะต้องเข้าไปภายในหอเทพเพื่อรับเอาสมบัติชิ้นสำคัญนั้นออกมาให้ได้ หากทำได้สำเร็จดีต่อเ้าดีต่อทุกคนและจะได้รับรางวัลมากมาย หากทำไม่สำเร็จทุกคนที่ไปอาจจะต้องเผชิญกับความเดือดดาลของจ้าวเทวะซึ่งก็คือ อาจจะต้องตายด้วยกันทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งนี้จ้าวเทวะได้นำสมบัติล้ำค่าระดับวิเศษคุณภาพระดับสูงจำนวนมากมาย และระดับศักดิ์สิทธิ์อีกสิบกว่าชิ้นแจกจ่ายมอบให้ผู้ที่ไปเสาะหาสมบัติในครั้งนี้ทุกคน เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บพลังรบให้พวกเขาเพิ่มสูงขึ้นไปอีก เพื่อทำให้พวกเขาพร้อมทั้งพลังรบและพลังใจ เพิ่มโอกาสให้นครแห่งเทพได้เป็เ้าของสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดนั้นมา
เสว่อู๋เหินเองก็มีความมั่นใจเป็อย่างมาก
เขาไม่ได้รับแจกจ่ายสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าพลังฝีมือของเขาอยู่แค่ในระดับขั้นแรกขอบเขตาาจักรพรรดิและเพิ่งจะบรรลุขึ้นมาสู่ระดับนี้ได้เพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้นเอง แต่ว่าเขาก็ยังมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่จะสามารถทำได้สำเร็จจะต้องเป็เขาอย่างแน่นอน
ถูเชียนจวินนำบัวหิมะดำซึ่งถือเป็ของที่เป็ดั่งสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดต่อหนอนแมลงของตระกูลเสว่มามอบให้เขา เวลาผ่านไปหนึ่งปีครึ่งแมลงปีกแข็งสีทองของเขาทั้งสิบสองตัวทำการวิวัฒนาการได้สำเร็จ ตอนนี้เขามีความเชื่อมั่นอย่างล้นหลามว่าการเดินทางไปูเาสุสานทวยเทพในครั้งนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่อยู่ภายในหากให้เขาทำการลอบโจมตีได้สำเร็จละก็ จุดจบจะต้องเป็เหมือนกันทุกคนคือ ความตาย!
ดังนั้นเขาจึงตื่นเต้นดีใจและเฝ้าปรารถนา...
เมืองปีศาจ์ก็เริ่มคึกคักขึ้นมา
หัวหน้าเผ่าทั้งสิบสองเผ่าได้รับการส่งกระแสเสียงมาจากูเาเทพปีศาจ จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวกันขึ้น ในครั้งนี้ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจักรพรรดิปีศาจล้วนถูกส่งออกไปทั้งหมด พวกเขาต่างเฝ้ารอกันด้วยจิตใจฮึกเหิมด้วยอาการคันไม้คันมือ ที่เป็เช่นนี้ก็เพราะว่ากระแสเสียงที่ส่งมาจากูเาเทพปีศาจนั้นบอกว่า ถ้าหากเผ่าใดสามารถนำสมบัติระดับสูงสุดกลับมาได้ ตำแหน่งจ้าวปีศาจศักดิ์สิทธิ์จะถูกมอบให้หัวหน้าเผ่าของเผ่านั้น ตำแหน่งนี้จะได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากูเาเทพปีศาจเป็ระยะเวลาหนึ่งหมื่นปี
หลังจากที่เยาเสตายไปตำแหน่งจ้าวปีศาจศักดิ์สิทธิ์จึงว่างลงที่หนึ่ง หัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่าแน่นอนว่าย่อมต้องจ้องตำแหน่งนี้กันตาเป็มัน ยิ่งในตอนนี้ทางูเาเทพปีศาจให้คำมั่นสัญญาออกมาเช่นนี้พวกเขาย่อมปรารถนากันเป็อย่างมากที่จะได้ตำแหน่งนี้มา เพราะถ้าหากทำได้สำเร็จละก็ เผ่าที่ได้รับตำแหน่งจะได้รับเกียรติยศชื่อเสียงและความสุขไปตลอดหมื่นปี
เขตปกครองเทพคนเถื่อนไม่ได้มีการเตรียมการที่ซับซ้อนอะไรมาก
หัวหน้าเผ่าของพวกเขาก็คือบิดาของหมันก้านผู้เป็ผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผ่าคนเถื่อนสามัคคีกันเป็ปึกแผ่นเป็อย่างมาก แค่เทพคนเถื่อนสั่งการออกมาพวกเขาก็พร้อมจะทุ่มสุดตัวทำอย่างสุดกำลังโดยไม่สนใจต่อชีวิตความเป็ความตายของตนเองแม้แต่น้อย
ในครั้งนี้หมันเสี่ยวลิ่วบิดาของหมันก้านได้รับการสั่งกำชับจากเทพคนเถื่อนทั้งหลายจึงได้ทำการเตรียมการไว้ั้แ่เนิ่นๆ แล้ว ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจักรพรรดิคนเถื่อนล้วนเตรียมตัวกันอย่างเรียบร้อย พร้อมจะออกเดินไปสูู่เาสุสานทวยเทพ
หากจะไม่กล่าวถึงก็ไม่ได้ หมันก้านหลังจากผ่านการฝึกฝนเป็ระยะเวลาสี่ปีกลับสามารถฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขั้นสูงขอบเขตจักรพรรดิคนเถื่อน งานประลองาระหว่างเขตปกครองครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเย่ชิงหานจึงทำให้เขาอับอายขายหน้าเป็อย่างมากจนแทบจะทำให้เขาหลุดจากตำแหน่งนายน้อยใหญ่ของเผ่า ยังดีที่หลังจากกลับมาเขารีบทำการฝึกฝนอย่างยากลำบากจนสามารถบรรลุถึงระดับขั้นสูงขอบเขตจักรพรรดิคนเถื่อน ทำเอาพวกผู้าุโที่เอ่ยปากคัดค้านเขาพลันเงียบเสียงลงในทันที
ครั้งนี้เขาตัดสินใจว่าจะทวงคืนศักดิ์ศรีที่หายไปกลับคืนมา เขาเตรียมตัวที่จะนำพากองกำลังออกไปยังูเาสุสานทวยเทพ เขารู้ว่าเย่ชิงหานตายไปเมื่อหลายปีก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมที่จะสังหารล้างบางคนของเขตปกครองเทพาให้ได้มากที่สุดเพื่อแก้แค้นต่อความอัปยศเมื่อหลายปีก่อน
เกาะเร้นลับก็เริ่มคึกคักเช่นเดียวกัน
ในรอบหลายพันปีมานี้เกาะเร้นลับเพิ่งจะเดินทางขึ้นไปยังแผ่นดินใหญ่ของทวีปัเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปในครั้งนี้ยังเป็การไปเพื่อสังหารคนแย่งชิงสมบัติอีกด้วย คนของเกาะเร้นลับเดิมทีก็เป็พวกนักโทษอาชญากรที่ถูกนำมาปล่อยไว้บนเกาะ ดังนั้นธาตุแท้ของพวกเขาจึงยังไหวเวียนไปด้วยเืของอาชญากรฆ่าคน วางเพลิง ปล้นทรัพย์ไหลเวียนอยู่ภายในกาย แน่นอนว่าครั้งนี้พวกเขาฮึกเหิมเป็อย่างมาก ต่างลับคมหอกคมดาบเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางไปโชว์ฝีไม้ลายมือสักครา ประกาศศักดาชื่อเสียงของเกาะเร้นลับให้ขจรไกล
ชั่วเวลาไม่นานทวีปัเพลิงพลันเกิดคลื่นใต้น้ำกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรง ทุกสายตาต่างจับจ้องมองไปยังขุนเขาสูงตระหง่านที่มีเมฆหมอกสีขาวปกคลุมอยู่ตลอดซึ่งตั้งอยู่บริเวณเขตแดนเชื่อมต่อของทั้งสามเขตปกครอง อีกครึ่งปีหลังจากนีู้เาสุสานทวยเทพจะคึกคักอย่างถึงที่สุด และแน่นอนว่าจะอยู่ในสภาพน่าสลดสังเวชใจอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกัน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้