ไม่ใช่เื่บังเอิญจริงๆ ด้วย คนในเรือนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็เสี่ยวจ้าวซื่อจากบ้านรอง และบุตรสาวคนเล็กผู้อ่อนโยนเชื่อฟังมาตลอดของนางอย่างเยี่ยนฟางอู๋
เยี่ยนเจาเจาคาดคะเนไว้แล้ว ใบหน้าเลยดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย
“เ้า...” สีหน้าเยี่ยนฟางอู๋ซีดขาวทันที นางนึกไม่ออกเลยสักนิดว่าจะเกิดช่องโหว่ได้อย่างไร ทั้งที่ตนคำนวณทุกอย่างไว้ดิบดีแล้ว?
แล้วของสภาพเหมือนก้อนเืก้อนหนึ่งก็ถูกโยนลงไปข้างกายเด็กสาว
เด็กสาวไม่เคยพบเห็นฉากแบบนี้มาก่อน เพียงแค่ชำเลืองตามองก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ต่างจากเสี่ยวจ้าวซื่อที่ยังนิ่งกว่าเล็กน้อย
สิ่งที่ดูเหมือนไม่ใช่ร่างมนุษย์อีกต่อไปบนพื้นนั่น คือโหม่วโหมวเฒ่าที่เยี่ยนฟางอู๋เอ่ยกับปากว่าไต่สวนซูเอ๋อร์กับฉีเอ๋อร์ในห้องเก็บฟื้นวันนั้นนั่นเอง
ทว่านี่ไม่ใช่เื่ที่เยี่ยนฟางอู๋รู้สึกกลัวที่สุด
เดิมทีคนผู้นี้ยกให้เยี่ยนเช่อผู้เป็พี่ชายของนางเป็คนจัดการ เหตุใดตอนนี้มาตกอยู่ในมือเยี่ยนเจาเจาได้?
เยี่ยนเจาเจาหัวเราะออกมา ทว่าสายตากลับแข็งกร้าวราวกับคมดาบ “พี่หญิงสี่ ท่านกำลังคิดถึงพี่ชายใหญ่ของเราใช่ไหมเ้าคะ?”
นางแสร้งทำเป็ใสซื่อไร้พิษภัย แต่กลับทำให้เยี่ยนฟางอู๋หวาดผวา
“ช่างบังเอิญเสียจริง พี่ชายของท่านฉลาดไม่เท่าท่าน จัดการได้ไม่ดีเลยโดนคนของข้าจับไป ยามนี้ไม่รู้เป็หรือตาย”
เยี่ยนฟางอู๋ถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ร่างกายสั่นไหวราวกับจะล้มแหล่มิล้มแหล่ แต่ใจกลับยังพยายามปลอบโยนตนเองว่าเื่ราวยังมีทางพลิกกลับ
“น้องหญิงห้า เ้ากล่าวอะไร พี่ไม่เข้าใจ”
ในแง่ของการเคลื่อนไหวนุ่มนวลอ่อนโยนเช่นนี้ เยี่ยนฟางอู๋ดูเชี่ยวชาญกว่าเยี่ยนฟางหวาจริงๆ
อย่างไรเยี่ยนฟางหวาก็ไม่ได้มีเรือนร่างน่าสงสารน่าทะนุถนอมมากเท่านี้ และยิ่งไม่มีบุคลิกสง่างามฉลาดเฉลียวของผู้ทรงภูมิที่ได้มาจากการอ่านตำราั้แ่เล็กเช่นเยี่ยนฟางอู๋ด้วย
ยามนี้เยี่ยนฟางอู๋กำลังยืนน้ำตาตกเบื้องหน้าเยี่ยนเจาเจา ั์ตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและตื่นตระหนกราวกับเยี่ยนเจาเจาเป็คนลงมือโเี้เื้ัเสียเอง
ทว่าเสี่ยวจ้าวซื่อกลับรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายจนยากจะหยุดยั้งแล้ว
บ้านรองไม่ใช่สถานที่ที่มาได้ง่ายๆ
แต่เยี่ยนเจาเจากล้ามา แสดงว่านางงัดปากใครบางคนจนได้กุญแจมาแล้ว อีกทั้งข้างหลังนางยังมีองค์หญิงผู้กำเริบเสิบสาน นางจึงย่อมกล้าลงมือพาคนบุกบ้านรองโดยตรง
ยามนี้นายท่านรองและนายหญิงรองของบ้านรองไม่ได้อาศัยอยู่ในเรือน สุขภาพของพวกเขาไม่ค่อยแข็งแรง ทนสภาพอากาศมืดครึ้มหนาวเย็นไม่ไหว จึงเดินทางไปพักผ่อนทางใต้ใน่หลังปีใหม่ที่ผ่านมา
ส่วนสามีของเสี่ยวจ้าวซื่อขณะนี้เกรงว่ายังอยู่ในราชสำนัก บ้านรองจึงโดนเยี่ยนเจาเจาจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวเข้า
จะว่าไปในเื่นี้เยี่ยนเจาเจาช่างเหมือนท่านแม่นางนัก คนหนึ่งกล้าพาคนไปจับบุตรสาวท่านโหวที่บ้านใหญ่ ส่วนอีกคนก็กล้ามาปิดเรือนป้าสะใภ้ตนเองโต้งๆ
คนของเสี่ยวจ้าวซื่อไม่ได้รวดเร็วนัก และเป็ไปได้มากว่าจะตัดทุกอย่างทิ้งตอนรู้เื่ทั้งหมดนี้...พวกนางไม่ใช่ตัวหมากที่ขาดไม่ได้ แต่เมื่อใดที่ถูกเปิดโปง ปัญหาจะตามมาไม่รู้จบ ดังนั้นสละทิ้งไปเสียดีกว่า
คิดได้ดังนั้นนางจึงปิดปากเยี่ยนฟางอู๋ทันทีพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ
แต่เยี่ยนฟางอู๋อายุยังน้อย นางไม่ตระหนักว่าความสิ้นหวังในแววตาของเสี่ยวจ้าวซื่อหมายความว่าอย่างไร จึงคิดว่าตนยังมีโอกาสตอบโต้อยู่
“น้องหญิงห้า เ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
เยี่ยนเจาเจายิ้มโดยไม่เอ่ยคำใด พลางมองเสี่ยวจ้าวซื่อจากไกลๆ ผ่านประตูใหญ่
สายตาของนางทำเอาเสี่ยวจ้าวซื่อตัวเย็นวาบ จึงถอนสายตาออกมาโดยไม่กล้าสบตานางอีก
“ยังเป็ท่านป้าสะใภ้รองของข้าที่ฉลาดอยู่บ้าง”
เยี่ยนเจาเจายิ้มสนิทสนม
แต่นางเพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก รอยแผลตุ่มน้ำพองบนใบหน้าก็ยังคงอยู่ เมื่อยืนไประยะหนึ่งจึงรู้สึกแข้งขาอ่อนปวกเปียกเหมือนไม่ใช่ของตนเอง
หนานิเหอมาถึงพอดี ร่างกายเขาสูงโปร่งกว่าเยี่ยนเจาเจามาก เขาจึงอุ้มเยี่ยนเจาเจาไว้บนแขนของตนเพื่อให้นางนั่งอยู่บนนั้น
เมื่อหนานิเหอมาแล้ว ร่องรอยความไม่สบายใจสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในใจของเยี่ยนเจาเจาก็ค่อยๆ สงบลง
หากเทียบกับองค์หญิงแล้ว รูปโฉมของเสี่ยวจ้าวซื่อไม่ดุดันเท่าพระองค์ ตรงกันข้าม เสี่ยวจ้าวซื่อกลับมีจมูกโด่ง ริมฝีปากสวย ผิวขาวราวหิมะ และท่าทางชดช้อยบอบบางอย่างยากจะหาผู้ใดเทียบ
ยามนี้เมื่อทราบว่าเื่ราวบานปลายยากจะแก้ไขแล้ว นางก็ไม่ได้เถียงข้างๆ คูๆ เหมือนเยี่ยนฟางอู๋ที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอด เพียงจ้องเยี่ยนเจาเจาอย่างสงบนิ่งและเอ่ยถาม “เหตุใดเ้าถึงไม่ตาย?”
“พวกท่านยังไม่ตาย หากข้าตายไปง่ายๆ จะไม่ผิดต่อแผนที่พวกท่านพยายามกันมาหรือ?”
เยี่ยนเจาเจาหมดความสนใจแล้ว
นางเข้าใจเื้ัทั้งหมดอย่างถ่องแท้แล้ว ขาดไปเพียงอย่างเดียวคือเห็นความจริงด้วยตาตัวเองเท่านั้น
ทว่ายามนี้เยี่ยนเจาเจารู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก เดิมนางคิดว่าตนจะชอบดูสภาพน่าเวทนาของผู้แพ้ที่ดิ้นรนเหมือนตั๊กแตนหลังสารทฤดู[1] แต่กลับนึกถึงความลำบากที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย่โดนลอบทำร้ายขึ้นมา
“ไปเถอะ”
เยี่ยนเจาเจาโบกมืออย่างหมดอารมณ์ นางเอนซบซอกคอหนานิเหอและหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย
ทว่าเสี่ยวจ้าวซื่อผู้นิ่งเงียบมาตลอดกลับเคลื่อนไหวฉับพลัน
นางดึงปิ่นทองบนผมตนเองออกมา แล้วกำปิ่นทองนี้แทงเข้าลำคอของเยี่ยนฟางอู๋อย่างรวดเร็วแม่นยำโดยไม่มีใครคาดคิด
อาเหวินกับอาอู่ขยับช้ากว่านางก้าวหนึ่ง ตอนจับกุมนางได้ ร่างกายครึ่งหนึ่งของเยี่ยนฟางอู๋ก็ย้อมไปด้วยเืแล้ว
เยี่ยนฟางอู๋ยังตัวสั่นระริกอยู่ข้างกายนาง คาดไม่ถึงว่าแม่ของตนจะลงมือกะทันหันเช่นนี้ หลอดเืบอบบางที่สุดของคนเราอยู่ตรงต้นคอ ลำคอที่ขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาของเยี่ยนฟางอู๋จึงมีดอกไม้สีแดงสดพุ่งปะทุออกมาในพริบตา
“ท่าน...แม่...”
เยี่ยนฟางอู๋กลอกดวงตาอย่างไม่อยากเชื่อ ทว่ารูม่านตากลับเลื่อนลอย จากนั้นไม่นานนางก็ล้มพับกับพื้นแล้วหมดลมหายใจไป
ความเ็ปและความเกลียดชังไม่รู้จบล้นทะลักออกมาในแววตาของเสี่ยวจ้าวซื่อ
หากไม่ก้าวผิดจนพังพินาศ นางจะลงเอยด้วยการฆ่าบุตรสาวกับมือตนเองเยี่ยงนี้หรือ?
อาเหวินกับอาอู่จับหลังคอของเสี่ยวจ้าวซื่อ บังคับให้นางเงยหน้าขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น จากนั้นก็ตรึงมือสองข้างของนางไว้
ชีวิตคนช่างเปราะบางนัก ตอนเยี่ยนเจาเจามาถึง นางไม่ได้ะโฉุนเฉียวใส่แม่ลูกทั้งสองเลยด้วยซ้ำ
แต่เยี่ยนเจาเจากลับรู้สึกว่าขมับกำลังเต้นตุบๆ
“ง้างกรามของนางไว้!”
สิ่งที่เยี่ยนเจาเจาทำเพื่อเหลียงอินสมัยนั้นมีมากกว่านี้ จึงย่อมรู้ด้านร้ายกาจมาบ้างเช่นกัน
ที่เสี่ยวจ้าวซื่อฆ่าเยี่ยนฟางอู๋เพราะบุตรสาวของนางยังอายุน้อย นางกลัวว่าหลังถูกจับทั้งเป็แล้วเยี่ยนฟางอู๋จะทนโทษทัณฑ์ไม่ไหวจนทุกข์ทรมานโดยเปล่าประโยชน์ และอาจคายเื่ร้ายแรงบางอย่างออกมา
ฆ่าบุตรสาวด้วยน้ำมือตนเองเช่นนี้ อย่างน้อยก็ตายสบายหน่อย
เสี่ยวจ้าวซื่อฆ่าเยี่ยนฟางอู๋ก่อน ต่อไปต้องฆ่าตัวตายตามแน่ อาเหวินกับอาอู่ได้ยินเจาเจากล่าวจึงรีบง้างกรามของเสี่ยวจ้าวซื่อ เมื่อใช้นิ้วล้วงเข้าไปในปากก็ควานโดนถุงยาพิษเล็กๆ หลังฟันตามคาด
หากเมื่อครู่เสี่ยวจ้าวซื่อกัดถุงยาพิษขาด เกรงว่านางคงจะตายทันที
ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนสง่างามเมื่อวันวานของเสี่ยวจ้าวซื่อยามนี้แลดูจนตรอก มวยผมนางยุ่งเหยิง เืเยี่ยนฟางอู๋กระเซ็นเปรอะหน้า เสียความสูงส่งงดงามของฮูหยินตระกูลขุนนางไปจนสิ้น
แต่นางยังมีท่าทีผิดแปลก ซึ่งเยี่ยนเจาเจายากจะหยั่งถึง ทว่านางโดนอาเหวินกับอาอู่กุมตัวไว้เพื่อรอส่งต่อให้องค์หญิงวันหลังแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าองค์หญิงจะงัดปากนางไม่ได้
เยี่ยนเจาเจาเพิ่งฟื้นตัวจากอาการป่วย ความคิดจึงยังคงยุ่งเหยิงอยู่มาก ทั้งที่เื่นี้กระจ่างชัดแล้ว ทว่านางยังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่นางพลาดไป
นางยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน หนานิเหอเห็นนางเคร่งเครียดแบบนั้น ใจของเขาก็ทนไม่ได้จึงกระซิบปลอบโยนข้างหูนาง “พวกเรากลับกันก่อนเถอะ อย่างไรตอนนี้คงไม่เกิดอะไรขึ้นแล้ว หากฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีข้า...และยังมีองค์หญิงช่วยอยู่”
จริงดังว่า ไม่ว่าอย่างไรเสี่ยวจ้าวซื่อก็เป็ฮูหยินตระกูลขุนนาง หากเหตุการณ์วันนี้แพร่ออกไปเกรงว่าอาจโกลาหล เยี่ยนเจาเจากับหนานิเหอไม่ควรยุ่งกับเื่ราวต่อจากนี้อีก
เยี่ยนเจาเจาเกลียดสภาพร่างกายอ่อนแอไร้ความสามารถของเด็กน้อยเป็อย่างยิ่ง แต่นางรู้ว่าหากทำอะไรเลยเถิดย่อมไม่เหมาะ อีกทั้งตนเองเพิ่งหายป่วยด้วย กลับไปนอนพักผ่อนย่อมเป็สิ่งที่ดีกว่า
เื้ัเสี่ยวจ้าวซื่อมีใครอีกหรือไม่นั้น อยู่นอกเหนือขอบเขตการพิจารณาของเจาเจาชั่วคราว สิ่งที่สำคัญสุดสำหรับนางคือการพักผ่อนให้ดี
หนานิเหอมองใบหน้าที่ขมวดคิ้วแน่นของนาง แววตาเขาจึงเริ่มแผ่ความโเี้อำมหิตเล็กน้อยออกมาอีกครั้ง
อาจเพราะกลิ่นใบไผ่บนร่างหนานิเหอมีฤทธิ์กล่อมนอน หรือเยี่ยนเจาเจาอาจรู้สึกผ่อนคลายเป็พิเศษในอ้อมกอดของเขา เมื่อนางเอนพิงสักพักจึงหลับสนิทไป
เพียงแต่หลับครานี้ไม่ได้ฝันหวาน
แม้จะหมดสติไป นางก็ยังคิดเื่ราวนี้อยู่เต็มหัว
อันที่จริง่แรกเริ่มทุกอย่างไม่แตกต่างจากที่นางกับหนานิเหอคาดการณ์…แผนการฆ่าเยี่ยนเจาเจาด้วยการลักลอบนำไข้ทรพิษมาไว้ข้างกายค่อนข้างจะรุนแรงเกินไป นางเลยเดาสุ่มว่าคนลงมือเื้ัน่าจะยังเด็ก จึงแกล้งตายเพื่อตบตา
เมื่อเรือนหิมะมรกตยุ่งเหยิงชุลมุน กอปรกับหงซิ่วและหนานิเหอตั้งใจเล่นละคร ดังนั้นโหม่วโหมวเฒ่าคนนั้นเลยมาโผล่ข้างตั่งเยี่ยนเจาเจาได้อย่างราบรื่น
เวลานี้คนที่กล้ามาเพื่อยืนยันว่าเยี่ยนเจาเจาตายหรือยังย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องกับคนเื้ัแน่นอน คนของเยี่ยนเจาเจาเลยจับนางได้คาหนังคาเขา แล้วเอาไปโบยตรงลานด้านหลังเรือนหิมะมรกต
โหม่วโหมวเฒ่านั่นปิดปากสนิท แต่เยี่ยนเจาเจารู้ว่าที่บ้านเกิดนางยังมีหลานชายสุดที่รักอยู่ หลังยกหลานชายนางมาขู่ นางก็สารภาพชื่อเยี่ยนฟางอู๋ออกมา
เยี่ยนเจาเจาไม่แปลกใจนักที่เยี่ยนฟางอู๋จะขวัญกล้าทำเื่เช่นนี้
สุนัขกัดไม่เห่า คนปากมากเล่นใหญ่เกินไปอย่างเยี่ยนฟางหวานั่นแหละกลับจะท่าดีทีเหลวที่สุด
นอกจากนี้ หนานิเหอเองก็ระแวงเยี่ยนเช่อจากบ้านรองมานานแล้ว แม้ฉากหน้าทั้งสองจะเป็ญาติพี่น้อง ทว่าหนานิเหอไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา
หนานิเหอขุดหลุมพรางให้เขา เมื่อเขาเข้ามาพัวพันกับเื่ของเยี่ยนเจาเจาวันนี้ เพียงแค่หย่อนเบ็ดก็จับเยี่ยนเช่อได้แล้ว
เยี่ยนเช่อเป็นักอ่านที่หัวช้า การหลอกล่อให้พูดเลยง่ายดายยิ่งนัก หนานิเหอจึงได้คำสารภาพจากเยี่ยนเช่อมาโดยไม่ต้องลงแรง เมื่อรวมกับคำพูดของโหม่วโหมวเฒ่า เื่นี้ก็กระจ่างแจ่มแจ้ง
เดือนก่อนเยี่ยนเช่อต้องไปช่วยดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตของบ้านรองที่ชนบทแถบชานเมืองหลวง มีหนุ่มเลี้ยงวัวคนหนึ่งโชคไม่ดีติดไข้ทรพิษ เยี่ยนฟางอู๋รู้เข้าจึงฉุกคิดและฝากคนเอาสะเก็ดแผลสกปรกกลับมา
เยี่ยนฟางอู๋รู้มาตลอดว่าบุตรสาวอนุสองคนของบ้านใหญ่ไม่ชอบเยี่ยนเจาเจาเหมือนกัน พอเยี่ยนเจาเจาตากฝนจนป่วย พวกนางก็อยากไปเหยียบย่ำสักหน่อย
เยี่ยนฟางอู๋หาตัวโหม่วโหมวเฒ่าผีพนันคนหนึ่งมาได้ เลยติดสินบนนาง และให้นางไปซื้อตัวซูเอ๋อร์ต่อ
ซูเอ๋อร์จึงเป่าหูยุยงให้บุตรสาวอนุไร้สมองสองคนนั่นเข้าไปปลุกปั่น
ซูเอ๋อร์เป็ตัวละครที่ต้องตายอยู่แล้ว เยี่ยนฟางอู๋คร้านจะหลอกลวงนาง จึงสั่งโหม่วโหมวเฒ่าเกลี้ยกล่อมนางให้สับเปลี่ยนผ้าไหมผูกคอติดไข้ทรพิษแล้วส่งไปที่เรือนหิมะมรกตตรงๆ อย่างลิงโลด
เวลานั้นซูเอ๋อร์มีไข้ทรพิษอยู่ในร่างแล้ว ฉีเอ๋อร์ที่ัันางย่อมติดไปด้วย ไฉ่หลวนซึ่งเปิดประตูก็เช่นกัน รวมไปถึงเสี่ยวชุ่ย สุดท้ายไข้ทรพิษก็แพร่มาถึงเยี่ยนเจาเจาผ่านมือเสี่ยวชุ่ย
ในตอนนั้นเอง ซูเอ๋อร์กับฉีเอ๋อร์ก็เริ่มล้มป่วย ไข้ทรพิษลุกลามอย่างรวดเร็วแม่นยำจนตายจากไปภายในครึ่งวัน
ส่วนโหม่วโหมวเฒ่าก็เดินตามแผนของเยี่ยนเช่อ เยี่ยนเช่อหลอกล่อให้นางคิดว่าตนจะสามารถโผบินในนามของผู้มีเกียรติหลังงานสำเร็จ ซึ่งความจริงเยี่ยนเช่อเตรียมพร้อมฆ่านางระหว่างทางแล้ว
คนของหนานิเหอจับเยี่ยนเช่อได้พอดี และโหม่วโหมวที่นึกเอาเองว่าไปดูเยี่ยนเจาเจาเสร็จแล้วจะสามารถถอนตัวได้ก็โดนจับเช่นกัน ความจริงจึงปรากฏออกมาด้วยประการฉะนี้
หนานิเหอช่วยเยี่ยนเจาเจาไว้ได้ ทั้งสองหารือกันวางกลยุทธ์แกล้งตาย แม้แผนนี้จะเรียบง่ายและไม่ละเอียด แต่ผลลัพธ์กลับเกินความคาดหมายมากทีเดียว
ทุกอย่างไร้ปัญหา ทว่าเยี่ยนเจาเจาติดใจอยู่อย่างเดียวว่าเหตุใดบ้านรองต้องลงมือกับนาง?
ใน่ชีวิตที่แล้ว บ้านรองนิ่งเฉยกับเยี่ยนเจาเจามาตลอด แม้จะไม่เคยยื่นมือเข้าช่วยเหลือแต่ก็ไม่เคยเหยียบนางจมโคลน เลยทำให้นางไม่สนใจบ้านรองสักเท่าไหร่
หากบอกว่าบ้านรอง้าแย่งอำนาจของสกุลเยี่ยน บ้านรองก็ควรไปสู้กับบ้านใหญ่ผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์มากกว่า นายท่านบ้านสามของพวกเขาเอาแต่เที่ยวหอนางโลมและร่ำสุราเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ ส่วนคุณชายบ้านสามก็อภิเษกกับองค์หญิง เกี่ยวอะไรกับบ้านรองกัน?
กระทั่งเยี่ยนเจาเจาก็ยังไม่เคยมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเยี่ยนฟางอู๋เลย พวกนางคนหนึ่งออกจากเรือนห้อยนามธิดาองค์หญิง อีกคนพ่วงนามบุตรีสกุลเยี่ยน ชาติกำเนิดก็แตกต่างกันแล้ว ความขัดแย้งโผล่มาจากไหน?
ชาติก่อนนางพบคนแบบเยี่ยนฟางอู๋มาไม่น้อย ซึ่งไม่ใช่คนประเภทที่จะทำเื่นอกกรอบเช่นนี้เพราะความริษยา
ถ้าอย่างนั้นมันผิดปกติที่ใดกันแน่?
เยี่ยนเจาเจาคิดเลือนรางในฝันอยู่เนิ่นนานก็ยังคิดไม่ออกเสียที
เป็ความจริงที่นางหายจากอาการป่วย องค์หญิงจึงเอ่ยปากว่าต่อไปจะไม่ใช้งานเรือนหิมะมรกตแล้ว และให้เยี่ยนเจาเจาย้ายไปที่เรือนเหมยแดงแทน
เชิงอรรถ
[1] ตั๊กแตนหลังสารทฤดู หมายถึง หลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นขึ้น และตั๊กแตนจะถูกแช่แข็งตาย่นั้น