อวิ๋นเฟยวางชามยาที่อีกฝ่ายเพิ่งดื่มเสร็จลง ก่อนจะเอ่ยว่า
“ข้ารู้ว่าเ้าสงสัยถึงสาเหตุที่คุณชายสามอย่างข้า คนที่ปกติไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เหตุใดถึงได้ช่วยเหลือเ้า ทั้งๆ ที่อาจทำให้คุณชายรองโกรธ อันที่จริงเ้าไม่จำเป็ต้องกังวล ข้าก็แค่อยากจะขอบคุณเ้า”
“ขอบคุณเนื่องด้วยเหตุอันใดขอรับ”
อวิ๋นเฟยยิ้มและพูดว่า “คุณชายสามของคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานเป็คนไร้ประโยชน์ ทุกคนล้วนรู้เื่นี้กัน ขนาดคนรับใช้ยังไม่อยากชายตามอง แม้ข้ากับท่านพี่ลั่วจะไม่ได้เกิดจากมารดาเดียวกัน ทว่าหากไม่ได้รับการดูแลและสนับสนุนจากนาง แม่และข้าคงต่ำต้อยยิ่งกว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์นี้เสียอีก ข้าตอบแทนน้ำใจเ้าตอนนี้เพราะเ้าดีกับท่านพี่ลั่ว เ้าช่วยนาง ดังนั้นข้าก็ควรช่วยเ้า”
รอยยิ้มอวิ๋นเฟยแฝงแววเขินอายทั้งยังสง่างาม แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด จื่ออู่จึงไม่ชอบรอยยิ้มนั้นเอาเสียเลย
อวิ๋นเฟยไม่มีท่าทีจะยอมจากไป จื่ออู่จึงเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“คุณชายสาม มีสิ่งใด้าพูดอีกหรือขอรับ”
อวิ๋นเฟยยิ้มด้วยท่าทีขวยเขิน ลักยิ้มผุดขึ้นบนแก้มขวา ดูหล่อเหลาทว่าความน่ารักก็มิได้จางหาย แต่สิ่งที่เขาพูดต่อจากนั้นกลับทำให้จื่ออู่รู้สึกเย็นวาบ ราวกับััไอน้ำแข็งพันปี
“พี่ลั่วจิตใจดี แต่ก็เป็คนใจอ่อน นางดูไม่เหมาะกับเ้าทั้งในแง่ของสถานะหรือลักษณะนิสัย พี่จื่ออู่คิดว่าอย่างไร”
จื่ออู่มองไปยังชายหนุ่มที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัย ก่อนที่สีหน้าภายใต้หน้ากากของเขาจะเ็าขึ้นฉับพลัน
“จื่ออู่ไม่เข้าใจว่าคุณชายสามหมายถึงสิ่งใด”
ใบหน้าของอวิ๋นเฟยยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม ยามที่เอ่ยออกมาก็เผยให้เห็นถึงความขี้เล่น
“พี่จื่ออู่อย่าได้จริงจัง อวิ๋นเฟยแค่ล้อเล่นเท่านั้น แต่ว่าข้ามีข้อสงสัย เ้าจะช่วยให้ความกระจ่างได้หรือไม่”
อวิ๋นเฟยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “หากคนคนหนึ่งมีสองตัวตน อดีตและปัจจุบัน เ้าจะเลือกตัวตนใดไปเผชิญหน้ากับอนาคตหรือ”
อวิ๋นเฟยยืนอยู่ด้านข้าง ส่วนจื่ออู่นอนอยู่บนเตียง ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน จื่ออู่มิได้แสดงท่าทีใด แต่อวิ๋นเฟยยังคงยิ้มพร้อมกับลักยิ้มที่น่ารัก ทั้งคู่เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่นานอวิ๋นเฟยก็หันหลังกลับออกไป
“ข้ารู้คำตอบของเ้าแล้ว ขอบใจ!”
มองดูแผ่นหลังที่ลับหายไป จื่ออู่ทั้งหวาดกลัวและสับสน
“เขารู้ว่าข้าเป็ใครอย่างนั้นหรือ เป็ไปไม่ได้ เขาจะรู้ได้อย่างไร แม้แต่ตัวข้าเองยังไม่รู้เลยว่าตนคือใคร ข้าคือจื่ออู่หรือหนิงจ้งกันแน่”
ระหว่างทางเดิน รอยยิ้มบนใบหน้าของอวิ๋นเฟยค่อยๆ จางหาย มองตรงไปข้างหน้าด้วยท่าทีไม่แยแส เมฆหนาบดบังดวงอาทิตย์ ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้จะมีฝนตกหนักอีก
คืนนั้นหลิ่วอีเซี่ยงดูมีชีวิตชีวาเป็อย่างมาก เพราะิเยวี่ยฟางที่อยู่ในตรอกกำลังจัดการประกวดดอกไม้งามประจำปีอยู่ เหล่าหญิงสาวในิเยวี่ยฟางต่างแต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างละเมียดละไม เตรียมพร้อมอย่างยิ่ง พวกนางต่างหวังว่าตนจะได้เป็ดาวเด่น หากโชคดีอาจถูกตาต้องใจขุนนางหรือคุณชายสักคน จนเขาไถ่นางออกไปเพื่อแต่งงานด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่า หญิงสาวนางนั้นจะได้ยุติชีวิตในหอนางโลมเช่นนี้ และอาจพบเจอชีวิตที่มีความสุขตลอดไป เพียงแต่จะมีสักกี่คนที่จะได้พบเจอกับเื่ราวเช่นนั้น เมื่อหญิงนางใดได้มีชีวิตเสื่อมทรามเช่นนี้แล้ว้าชุบตัวเพื่อออกไปใช้ชีวิตอันบริสุทธิ์ เื่ราวจะง่ายดังว่าจริงหรือ
การโผบินขึ้นเกาะยอดไม้เพื่อเปลี่ยนตนให้กลายเป็หงส์ คงเป็เพียงสิ่งที่เอาไว้พูดเพื่อปลอบใจตนเองเท่านั้น
ภายในห้องที่ปูด้วยผ้าไหมเขียว หญิงสาวกำลังเท้าคางและจมอยู่ในภวังค์ นางมีคิ้วที่โค้งโก่ง ดวงตาดุจหงส์ ริมฝีปากแดงระเรื่อ และฟันขาวสะอาด เป็สตรีที่งดงามอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าหว่างคิ้วกลับเผยแววโศกเศร้า
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู เมื่อประตูถูกเปิดออกพลันมีเด็กสาววิ่งเข้ามา
“พี่เหยาเยวี่ย เหตุใดยังมานั่งเหม่ออยู่ ทำไมไม่ไปแต่งตัว!”
เหยาเยวี่ยััสายฉิน เสียงอันน่าอภิรมย์ก็ดังขึ้น
“ทุกปีก็เป็เช่นนี้ ช่างน่าเบื่อหน่าย” เหยาเยวี่ยคร้านจะใส่ใจ ต่อให้แต่งกายงดงามเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ หากคนที่นางรักมองไม่เห็น
เด็กสาวจับแขนนางเพื่อดึงให้ลุกขึ้น พาเดินไปหน้ากระจกแล้วกดบ่าให้นางนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะหยิบหวีไม้ขึ้นมาสางผมดำเงางาม
“พี่สาวแสนดีของข้า ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ข้าไม่สนใจ แต่วันนี้ท่านช่วยตั้งใจสักหน่อยเถิด”
เหยาเยวี่ยนั่งนิ่งไม่ขยับ ปล่อยให้เด็กสาวหวีผมให้
“จะวันนี้หรือปีก่อนแล้วต่างกันตรงไหน ก็ยังเหมือนเดิม ซ้ำไปซ้ำมา น่ารำคาญ”
เด็กสาวปักปิ่นอันหนึ่งให้เหยาเยวี่ย แต่ดูไม่เข้าท่าจึงเปลี่ยนเป็ปิ่นสีทองอีกอัน ทว่านางก็ยังไม่พึงพอใจ เหยาเยวี่ยเริ่มทนไม่ไหวที่ต้องนั่งอยู่ตรงนี้นานๆ จึงหยิบปิ่นหยกที่ใช้ประจำขึ้นมาแล้วเสียบเข้าไปในผม เด็กสาวไม่ได้ค้านอะไร นางมองเงาของหญิงงามในกระจกแล้วพยักหน้าซ้ำๆ
“ปิ่นนี้เหมาะสมยิ่ง ดูเรียบง่าย ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทว่าสวยที่สุด!”
หลังจากจัดปิ่นปักผมเรียบร้อย เด็กสาวก็เอ่ยต่อ
“ท่านลืมไปแล้วหรือ...” เด็กสาวมองไปทางประตู เมื่อเห็นว่าไม่มีใครผ่านมา จึงโน้มตัวเข้าไปใกล้ข้างหูอีกฝ่ายและกระซิบว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านแม่เพิ่งรับหญิงสาวต่างถิ่นเข้ามาสองสามนาง ทั้งหมดล้วนสะสวย ได้ยินมาว่าหนึ่งในนั้นงดงามโดดเด่น คิ้วเข้ม ตาโต ดูไม่เหมือนสาวพื้นเมืองเพราะมีความงามแตกต่างจากผู้อื่น ปีที่แล้วเป็เพราะท่านไม่ยอมแต่งเนื้อแต่งตัว ตำแหน่งเลยตกมาไม่ถึง แต่วันนี้จะทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว คู่ต่อสู้แข็งแกร่งขนาดนี้ท่านต้องแต่งตัวให้งดงาม”
เหยาเยวี่ยไม่ได้สนใจสักนิด ปกตินางไม่คิดอยากเปรียบเทียบหรือประชันกับใคร เพราะใจนางไม่ได้อยู่ที่นี่มานานแล้ว จะไปสนใจชื่อเสียงเ่าั้ทำไมกัน ทว่าเด็กสาวข้างกายนั้นสนใจและเอ่ยไม่หยุด
“ข้าได้ยินมาว่าคืนนี้ อวิ๋นฉี่บุตรชายคนโตของคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานและอวิ๋นจวาบุตรชายคนรองจะมาที่นี่ทั้งคู่ นี่เป็โอกาสดีที่หายาก ปีที่แล้วก็ไม่มีคุณชายผู้หล่อเหลาเช่นนี้มาร่วมชมการประกวด โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ดังนั้นท่านต้องคว้าไว้ให้ได้”
เหยาเยวี่ยตีมืออีกฝ่ายซึ่งกำลังทาเล็บสีชาดให้กับนาง “เหตุใดนับวันเ้ายิ่งทำตัวเหมือนท่านแม่ เอาแต่จะให้ข้าเรียกลูกค้า”
เด็กสาวเอ่ยอย่างกังวล “ข้าเป็แบบนางอย่างนั้นหรือ ท่านแม่หาลูกค้าก็เพื่อเงิน แต่ข้าทำเพราะอยากให้ท่านได้มีครอบครัวที่ดี”
เหยาเยวี่ยยิ้มและบีบใบหน้าเล็กๆ นั่น “เ้าอายุเท่าไรกัน ถึงได้มาเป็แม่สื่อแม่ชักให้ข้า คนคนไหนดีหรือชั่วเ้ายังแยกไม่ออกเลย ไม่ต้องกังวลเื่ของข้าหรอก ข้าคิดเอาไว้แล้ว”
เด็กสาวขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “ท่านยังคิดถึงคุณชายรองตระกูลอูคนนั้นอยู่หรือ”
เมื่อถูกมองออก เหยาเยวี่ยจึงไม่คิดปิดบัง
“แล้วคุณชายใหญ่และคุณชายรองอวิ๋นเทียบคุณชายรองอูได้ที่ไหน”
เด็กหญิงเอ่ยด้วยความไม่พอใจว่า “ไม่ว่าด้านใดก็ดีกว่าคุณชายรองตระกูลอู ท่านอายุมากกว่าคนผู้นั้นสามปี สามปีเลยนะ!” เด็กสาวทำท่าทางชูนิ้วทั้งสามใส่หน้าเหยาเยวี่ย
“อีกอย่าง ตอนนั้นท่านก็แสดงความรู้สึกต่อเขาอย่างเปิดเผย แต่เขากลับกลัวและหนีไป เด็กแบบนี้มีอะไรให้ท่านชอบ”
เหยาเยวี่ยไม่สนใจและพูดว่า “เ้าก็บอกอยู่นี่ว่าเขายังเด็ก เช่นนั้นข้าจะรอให้เขาโตเป็ผู้ใหญ่ก่อนค่อยว่ากันอีกที”
“ถึงเวลานั้นท่านก็สูญเสีย่เวลาที่ดีที่สุดของชีวิตไป ต่อให้ท่านยังชื่นชอบเขา แล้วเขาล่ะ จะพึงใจท่านหรือ”
เหยาเยวี่ยยิ้มบาง “คนที่ข้าชอบ ข้าไม่ได้มองเพียงแค่ภายนอก”
เด็กสาวสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าเหยาเยวี่ยคนนี้คงกู่ไม่กลับเสียแล้ว
ยามตะวันลาลับขอบฟ้า ิเยวี่ยฟางถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟสว่างไสวงามตา เสริมบรรยากาศให้มีชีวิตชีวา สุดท้ายเด็กสาวก็พ่ายแพ้ต่อเหยาเยวี่ย ไม่ดึงดันให้นางแต่งตัวอีกต่อไป ทั้งคู่นั่งมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างผ่านผ้าม่านโปร่ง ต่างคนต่างครุ่นคิดเื่ของตน
เหยาเยวี่ยได้แต่คิดว่า เมื่อใดคุณชายรองอูจะเดินทางมาเฟิ่งเทียนอีก นางไม่ได้เจอเขามาระยะหนึ่งแล้ว ในใจก็สงสัยว่าเขาจะเติบโตเป็ผู้ใหญ่บ้างหรือยัง บรรยากาศครื้นเครงในเวลานี้ก็ไม่อาจดึงความสนใจของทั้งคู่ได้
อีกด้านหนึ่ง เด็กสาวข้างกายนางกลับจ้องมองไปยังบานประตูด้วยท่าทีเหม่อลอยราวกับรอให้คนมาเคาะประตูเรียกพวกนางออกไป ในทุกๆ ปีท่านแม่เล้ามักจะเข้ามาหาเหยาเยวี่ยเพื่อสั่งนั่นสั่งนี่มากมาย สีหน้าของนางช่างทำให้คนมองรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่คำสั่งสักคำเลย ทั้งที่งานจวนจะเริ่มแล้วก็ยังไม่เห็นใครโผล่มาสักคน
คนใหม่ยิ้มระรื่น คนเก่าร่ำไห้ เห็นทีจะเป็เื่จริง
ทว่าพอเหลือบมองเหยาเยวี่ย นางก็ต้องกลับคำ ใครบอกว่าคนเก่าร่ำไห้กัน “คนเก่า” คะนึงหาใครบางคนอยู่ต่างหาก
ในขณะที่เด็กสาวกำลังเบื่อหน่ายได้ที่ พลันมีเสียงดังมาจากด้านนอก เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นท่านแม่กำลังพาหญิงสาวสองสามคนออกมาจากห้องด้านข้าง
พวกนางคือคนที่เข้ามาใหม่ หน้าตาล้วนงดงามมีเอกลักษณ์ แม้ผู้ที่อยู่หน้าสุดจะปกคลุมใบหน้าด้วยผ้าคลุม แต่เพียงสบมองกับดวงตาคู่นั้นก็สามารถทำให้คนหลงใหลได้ไม่ยาก
เด็กสาวเม้มริมฝีปากและคร่ำครวญในใจว่า ‘คนใหม่ยิ้มระรื่น คนเก่าร่ำไห้จริงด้วย!’
ท่านแม่พาเหล่าสาวงามผู้มาใหม่เดินผ่านไป เหยาเยวี่ยเดินไปยังบานหน้าต่าง มองตามด้านหลังกลุ่มคนที่จากไป ก่อนที่ใบหน้าจะเคร่งขรึมขึ้น
“ทำไมหรือ ท่านเริ่มกังวลที่มีคนเข้ามาใหม่แล้วหรือเ้าคะ” เด็กสาวบ่นขึ้นและเริ่มเป็กังวล
เหยาเยวี่ยส่ายหัว สายตายังไม่ละจากสตรีที่สวมผ้าคลุมหน้าคนนั้น
“เด็กน้อย เ้าไม่คิดว่าหญิงนางนั้นดูแปลกๆ หรือ”
อีกฝ่ายเหลือบมองนางแล้วส่ายหัว “ไม่นะเ้าคะ นางเป็หญิงที่งามมาก”
เหยาเยวี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็คิดไม่ออกว่าเพราะเหตุใด นางจึงหยุดคิดแล้วกลับเข้าห้อง ก่อนจะเก็บข้าวของลวกๆ และเดินออกมาพร้อมเด็กสาว แม้จะไม่เต็มใจทว่าอย่างไรนางก็ต้องเข้าร่วมงาน
อวิ๋นฉี่และอวิ๋นจวามาถึงิเยวี่ยฟางแล้ว ทั้งสองมองดูเหล่าสตรีที่กำลังลงมาจากชั้นบนผ่านบันไดกลาง ซึ่งมุมนี้สามารถเห็นพวกนางได้อย่างชัดเจน
“น้องจวา เ้าคิดว่าหญิงสาวคนหน้าสุดที่มีผ้าคลุมหน้าเป็อย่างไร” อวิ๋นฉี่ชี้ไปที่จุดหนึ่งไกลๆ และกระซิบข้างหูน้องชาย
อวิ๋นจวาหรี่ตา ยกมุมปากขึ้นและพยักหน้า “ไม่เลว หากถอดผ้าคลุมหน้าออกคงจะยิ่งดี!”
“หากน้องจวาอยากเห็นของดีก็อย่ารีบร้อน รอก่อน!”
อวิ๋นฉี่โบกมือเรียกแม่เล้าซึ่งอยู่ไม่ไกล เมื่อนางเห็นก็รีบเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ท่าทีอ่อนน้อม ใบหน้าก็ประดับด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายทั้งสอง้าสิ่งใดเ้าคะ หรือถูกใจหญิงคนใดเข้าแล้ว ข้าเรียกพวกนางมาให้ท่านทั้งสองเลือกดีไหมเ้าคะ”
อวิ๋นฉี่ชี้หญิงสาวที่อยู่ตรงกลางแล้วถามว่า “หญิงสาวนางนั้นมีนามว่าอะไร”
“นางเพิ่งเข้ามาใหม่ มีนามว่าลั่วจิ่วเอ๋อร์เ้าค่ะ!”
—--------------------------------------
