บทที่ 148 ซุนหงอคงเป็เพื่อนของฉัน
เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมากะทันหันนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในบ้านตะลึงไปตามๆ กัน
ซุนหงอคง
รู้สึกคุ้นจัง
เย่จื่อเฉินที่โดนตี้เทียนกดลงกับพื้นส่งเสียงพึมพำขึ้นมาเบาๆ
"รังแกสหายของข้าเหรอ หึ..."
ตี้เทียนรู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นเล็กน้อย รู้ตัวอีกที ร่างกายก็ลอยขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
"อื้อหือ สหาย เ้าดูน่าเวทนาที่อยู่ในแดนลึกลับแห่งนี้จังเลยนะ"
พรึบ!
ลูกท้อผลหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเย่จื่อเฉิน เมื่อเขาหันไปก็พบกับ...
ปากงองุ้ม ใบหน้าแหลมยาว
สวมเสื้อเกราะสีทอง ใส่มงกุฎสูงสีทองปนแดง
...
ซุนหงอคง!
"มัวอึ้งอยู่ทำไม ลูกท้อของข้าไม่ได้ให้ฟรีๆ นะ แลกกับนมเปรี้ยวห้าขวด"
...
อึก
ซุนหงอคงจริงๆ
ไม่ใช่แค่เย่จื่อเฉิน แต่ซูเหยียนรวมถึงทุกคนในบ้านต่างก็ตะลึงกันไปทันที
นี่มันซุนหงอคงในเทพนิยายไซอิ๋วไม่ใช่เหรอ?
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
เซี่ยเขอเข่อที่เห็นภาพนั้นก็มีสีหน้าตื่นใ แต่เพียงครู่เดียวมุมปากของเธอก็เผยรอยยิ้มที่คนไม่ทันสังเกตเห็นออกมาจางๆ แสงสีทองในดวงตาก็ค่อยๆ จางหายไป
"สหาย กินลูกท้อสิ!"
"อื้อ"
เย่จื่อเฉินตอบรับในลำคอ ยกแขนข้างที่ไม่ได้รับาเ็ขึ้นมาหยิบลูกท้อเข้าปากแล้วกลืนลงท้องไปอย่างรวดเร็ว
กระแสพลังงานอุ่นๆ ไหลไปตามเส้นเืทั่วร่างกาย รูขุมขนบนร่างกายก็เปิดออกราวกับได้รับชีวิตใหม่
าแเหวอะหวะตามร่างกายก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วทันตาเห็น
ตัวเขาในตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าได้เกิดใหม่มันก็ไม่ได้โอเวอร์เกินไปสักนิด
าแหายสนิท
อันดับแรกที่เย่จื่อเฉินทำคือวิ่งไปหาซูเหยียนกับเซี่ยเขอเข่อ แล้วแกะเชือกที่มัดตัวพวกเธอไว้ออก ก่อนจะพูดขึ้น
"พวกเธอไม่เป็อะไรใช่ไหม"
"มะ...ไม่..."
ซูเหยียนพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน ไม่ว่าจะเป็ซุนหงอคงที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในบ้าน แล้วยังจะเป็แผลตามตัวของเย่จื่อเฉินอีก...
"นาย..."
"ไว้เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้เธอฟังนะ"
เย่จื่อเฉินลูบผมซูเหยียน ก่อนจะหันไปมองเซี่ยเขอเข่อที่อยู่ข้างๆ
แต่เธอกลับดูนิ่งสงบอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสวยคู่นั้นกลับจ้องมองซุนหงอคงอย่างไม่วางตา
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ถึงได้มีความรู้สึกหึงหวงขึ้นมาในใจ
แม่เ้า ซุนหงอคงมาทีก็แย่งซีนเขาไปหมดเลย
"สหาย..."
ซุนหงอคงเดินเข้ามาหาอย่างร่าเริง เย่จื่อเฉินที่เห็นเขาก็เกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นมาในหัว
"ซุนหงอคง ท่านมาที่นี่ได้ยังไง?"
"เฮ้ ถ้าข้าจะมาที่นี่มันก็ง่ายนิดเดียวไม่ใช่หรือไง" ซุนหงอคงฉีกยิ้ม แล้วพูด "ยังจำขนช่วยชีวิตเส้นนั้นที่ข้าให้เ้าได้ไหม ในตอนที่เ้าอยู่ในอันตราย ข้าก็จะรับรู้ได้แล้วโดนส่งมาที่นี่"
ขนช่วยชีวิต
เย่จื่อเฉินเงยหน้าขึ้นมองหลิวฉิงที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยความแปลกใจ ขนช่วยชีวิตหายไปแล้วไม่ใช่เหรอ
"แต่ว่านะสหาย ดินแดนลึกลับของเ้านี่พิลึกซะจริง ที่นี่ผนึกการบำเพ็ญเพียรของข้าไว้ แต่ก็ยังดีที่ข้ามีตี้เซียนทิพย์ไว้ใช้งานได้อยู่"
ตี้เซียน! [1]
ตี้เซียนทิพย์!
นี่มันอะไรกันว่ะเนี่ย
เย่จื่อเฉินทำหน้ามึนงง
หรือจะบอกว่าสิ่งนี้คือการแบ่งพลังอำนาจของ์ ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้ตี้เทียนก็พูดถึงกายทิพย์เหมือนกัน มันเอาไว้ใช้ทำอะไรกันนะ
"สหาย ทำไมเ้าถึงยังมัวแต่อึ้งอยู่อีก ตอนที่เรายังไม่ได้พบกัน ข้าว่าเ้าไม่น่าจะใช่คนที่พูดไม่เก่งแบบนี้นะ"
"อ๊ะ!...ฮะฮะ...ท่านมากะทันหันจนข้าทำอะไรไม่ถูกต่างหาก"
เย่จื่อเฉินหัวเราะแห้ง แต่กลับค่อนขอดอยู่ในใจ
อยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะให้เขาพูดยังไง ตอนนี้เขาอยู่ในอาการมึนงงไปหมดแล้ว
"ทำอะไรไม่ถูกอะไรกันเล่า ข้าอยากเจอเ้ามานานแล้ว"
ซุนหงอคงกับเย่จื่อเฉินคุยกันอย่างออกรส แต่ผู้คนรอบข้างทำหน้ามึนงงกันหมด
อย่างเช่นซูเหยียน หรือว่าจะเป็ตี้เทียนที่ลอยค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ
ส่วนหลิวฉิง...
"ซุนหงอคงมาเหรอเนี่ย..."
คุยสัพเพเหระกันได้ไม่กี่ประโยค ดวงตาสีทองของซุนหงอคงก็กวาดมองทุกคนที่อยู่ในบ้าน สุดท้ายก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของตี้เทียนที่ลอยอยู่กลางอากาศ
"สหาย เขาทำอะไร"
"เขาจับตัวภรรยาทั้งสองคนข้ามา ข้ามาชิงตัวคืน"
"หึ"
ซุนหงอคงยกเท้าขึ้น แล้วยกมือไปยังพื้นที่ว่างเปล่า
"ปล่อยฉัน จะบอกอะไรให้นะ พี่ชายฉันเป็ยอดฝีมือิญญาแห่งซานเซียน[2] ส่วนพ่อฉันก็เป็ยอดฝีมือผู้แก่กล้าด้านิญญาแห่งซานเซียน ถ้าไม่อยาก..."
ผัวะ!
ซุนหงอคงยกมือขึ้นตบหัวเขา
"ิญญา ข้าตบทีเดียวก็ตายแล้ว กล้าขู่ข้าเหรอ..."
ทันใดนั้น ซุนหงอคงก็ทำหน้าโเี้
"สหาย เ้าจะจัดการยังไง"
"เขา..."
เย่จื่อเฉินทำหน้านึกสนุก ไม่สนใจแล้วว่าซุนหงอคงจะมาได้ยังไง ดูเหมือนว่าตอนนี้เหตุการณ์จะกลับกันแล้ว
นึกถึงใบหน้าที่ยิ้มมุมปากแกล้งทำเฉไฉของเขาเมื่อครู่นี้แล้ว...
"ให้ตาย กล้าตีฉันเหรอ เห็นนี่ไหม ซุนหงอคง เขาเป็เพื่อนของฉัน แถมเมื่อกี้ยังจะกล้าตีหน้าซื่อใส่ฉันอีกนะ...อืม?"
"แสดงต่อไปสิ!"
"แสดงต่อไปเหรอ!"
ด่ามาหนึ่งคำ มือของเย่จื่อเฉินก็ยกขึ้นตบหัวเขาไปหนึ่งที
เมื่อตีจนมือชาแล้ว เย่จื่อเฉินถึงได้หยุด แล้วพูด
"ซุนหงอคง ถ้าเป็ท่าน ท่านจะจัดการยังไง"
"อืม..."
ซุนหงอคงทำหน้าลำบากใจ จากการที่ได้เรียนรู้การต่อสู้และการเอาชนะต่อพระพุทธเ้า ตนก็ผ่านชีวิตที่ยากลำบากในการอดอาหารและท่องหลักกธรรมคำสอนในแดนชมพูทวีปมาเป็พันปีแล้ว
ถึงแม้ว่าอคติจะยังมีอยู่ แต่มันก็ลดลงไปมาก
เนตรอัคคีของเขาสามารถตัดสินได้แน่ชัดว่าตี้เทียนเป็ภูตผีปีศาจหรือว่าเป็คน...
หากเป็ปีศาจก็ไม่ต้องมัวมาพูดพร่ำทำเพลงอยู่ที่นี่หรอก คงฟาดกระบองใส่ไปแล้ว
แต่นี่คนตัวเป็ๆ...
"ข้าว่า...ถ้าเกิดฆ่าเขา จะไม่ค่อยดีเท่าไรนะ"
เย่จื่อเฉินเองก็เข้าใจในความลังเลของซุนหงอคง จึงพยักหน้าตอบ
"งั้นก็เปลี่ยนเขาเป็อะไรก็ได้"
"อันนี้ดี แล้วเ้าอยากให้เปลี่ยนเป็อะไร?"
"เปลี่ยนเป็..."
เย่จื่อเฉินฉีกยิ้ม ความคิดสนุกผุดขึ้นมาในหัว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่จื่อเฉินเดินหิ้วหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์เดินออกมาจากคฤหาสน์ของตี้เทียน
ลูกน้องของตี้เทียนพวกนั้นล้วนเป็ผู้บริสุทธิ์ ด้วยคิดว่าจะสะสมคุณธรรมไว้ให้ตัวเอง ก็เลยไม่ได้คิดถือโทษโกรธพวกเขา
ซูเหยียนกับเซี่ยเขอเข่อก็เอาแต่จ้องมองซุนหงอคงไม่วางตา
ถึงแม้ว่าซุนหงอคงจะช่วยเขาสะสางปัญหา แต่การที่ผู้หญิงของตัวเองไปมองผู้ชายคนอื่นแบบนี้...
อะไรล่ะ คุณจะบอกว่าซุนหงอคงไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็ลิงเหรอ?
ต่อให้เป็ลิง แต่เขาก็เป็ลิงตัวผู้!
เย่จื่อเฉินเลียริมฝีปาก ก่อนจะตบบ่าของซุนหงอคง
"ท่านซุนหงอคง ท่านอยู่ในสภาพนี้ในดินแดนลึกลับของข้ามันค่อนข้างสะดุดตาเกินไปหน่อยนะ ท่านช่วยเปลี่ยนไปใส่ชุดที่มันเหมือนกับพวกเราได้ไหม..."
"จริงด้วยๆ"
ตู้ม!
ควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาหนึ่งครั้งเหมือนกับคาถากลายร่าง แล้วซุนหงอคงก็กลายเป็ชายร่างกำยำใส่ชุดดำเหมือนที่เห็นในคฤหาสน์ของตี้เทียนเมื่อครู่นี้
"ว้าว!"
ซูเหยียนกับเซี่ยเขอเข่ออุทานออกมาด้วยดวงตาที่เป็ประกายระยิบระยับ
ใบหน้าของเย่จื่อเฉินบูดบึ้งไปอีกครั้ง
แม่เ้า โดนซุนหงอคงแย่งซีนไปอีกแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะด้ายแดงยังไม่ขาด ระดับความรู้สึกดีคงลดไปแล้ว
เขาสงสัยมาก หรือว่าพวกเธอสองคนจะปันใจไปให้ชายอื่นแล้ว
"สหาย เ้าว่าแบบนี้เป็ยังไงบ้าง"
ซุนหงอคงยักคิ้ว เย่จื่อเฉินพยักหน้ารับเก้อๆ
"ก็ไม่เลว"
ถึงจะไม่พอใจ แต่จะพูดตามตรงแล้ว...
กระบวนเจ็ดสิบสองท่านั้นสุดยอดชะมัด ถ้าเขาได้เรียนละก็...
แบบนั้นคงเท่ะเิไปเลย
เย่จื่อเฉินอดที่จะกำหมัดแน่นพูดกับตัวเองในใจไม่ได้ จะต้องรีบขยายกิจการบน์ให้ได้ จะได้รีบหาค่าวิทยายุทธไปซื้อมาอ่านสักเล่ม
เดี๋ยวนะ! ทำไมต้องซื้อล่ะ
ซุนหงอคงก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่หรือไง!
___________________________________________________
[1] ตี้เซียน หมายถึง พลังหยินเปลี่ยนไปเป็พลังหยางอย่างสมบูรณ์ ร่างกายจะอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหาร น้ำดื่ม หรือใส่เสื้อผ้า ไม่รู้ร้อนรู้หนาว
[2] ซานเซียน หมายถึง เป็คำเรียกเซียนที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็ทางการจากโลกเทพเซียน ในหลักคำสอนของลัทธิเต๋า