{ยามเฉิน} 07.00-08.59 น.
“พระสนมพระอาการเป็เช่นไรเพค่ะ”
หลิวหลิวเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้งสติของเธอสามารถรับรู้เื่ราวที่เกิดขึ้นได้เป็อย่างดีดวงตาเรียวยาวหันมองไปรอบ ๆ ราวสำรวจสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ดูแปลกตา หลิวหลิวถูกพัดนำดวงิญญาห้วงสุดท้ายของจิตสำนึกเธอมายังร่างที่ไร้ดวงจิต แต่ว่าดวงจิตของเธอนั้นแทนที่จะกลับไปสู่ร่างเดิม กลับถูกพัดพามายังร่างของหญิงสาวอีกคน
‘นี่เรามาอยู่ยุคไหนกันหล่ะเนี้ย..ทำไมทุกสิ่งอย่างรอบตัวถึงดูแตกต่างราวคนละยุคคนละสมัยอย่างนะ’ ร่างเล็กยันตัวลุกก่อนจะเอนศีรษะอิงกับเตียงนอน เธอหันจ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงใบหน้ารูปไข่แววตาส่งยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะบิดผ้าสีขาวสะอาดจากอ่างทองเหลืองขนาดพอเหมาะ นางยกขึ้นบรรจงเช็ดใบหน้านวลอย่างเบามือ
"ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนช่วยบอกได้ไหมคะ" หลิวหลิวเอื่อนเอ่ยออกมาแม้แต่น้ำเสียงของเธอก็ดูต่างออกไปราวกับเป็คนละคน
“พระสนม!! พระสนมรู้ไหม ตอนที่พระองค์ตกลงไปในสระบัวนั่น หม่อมชั้นเกือบจะะโลงตามพระสนมเสียแล้ว โชคดีที่องครักษ์เฉินเห็นเข้าจึงช่วยพระสนมได้ทันนะเพคะ”
“องครักษ์เฉิน?” หลิวหลิวหลุดเอ่ยเบา ๆ อย่างสงสัย เธอเพราะเธอรู้สึกเหมือนรู้จักชื่อนี้มาก่อน
“พระสนมอย่าทรงทำเช่นนั้นอีกนะเพคะ” นางกำนัลหญิงตรงหน้ากล่าวแม้น้ำตาจะรินไหลแต่เธอก็ยังคงเช็ดลูบแขนของร่างนั้นอย่างเบามือ
"ช่วยบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น" หลิวหลิวพยายามเค้นหาความจริงเพราะเธอมั่นใจว่าร่างที่เธอรู้สึกนี้มันไม่ใช่ตัวเธอเลยจะทั้งอดีตหรืออนาคตก็ตาม
"พระสนมตกลงไปในสระบัวที่สวนซีเซียนพร้อมกับพระสนมจูเสียนเฟยเพค่ะ"
'พระสนมจูเสียนเฟย องครักษ์เฉิน ทำไมชื่อชั่งดูคุ้นเคยนัก' หลิวหลิวนึกคิด เธอพยายามค่อย ๆ ทบทวนเื่ราวที่ผ่านมาก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่
'ทำไมชื่อทั้งสองคนช่างเหมือนตัวละครในนิยายเื่จักรพรรดินีผู้หนึ่งเดียว' เธอมองมือเล็ก ๆ ที่ดูซูบผอมแต่ผิวพรรณช่างผุดผ่อง
‘ถ้าเดาไม่ผิดเราก็คงจะเป็สนมคนใดคนหนึ่ง ว่าแต่สนมคนไหนกัน’
"เมื่อกี้เ้าเรียกข้าว่าอะไรเหรอ" เธอเอ่ยถามขณะที่ร่างบางตรงหน้าน้ำตายังมิแห้งหายกับร้องโฮขึ้นมาอีกครั้ง
"อือ..อือ ..พระสนม ทรงลืมหลินเสียงแล้วหรือเพค่ะ"
'หลินเสียง องครักษ์เฉิน นี่เราเป็สนมหลิวซูเฟยเหรอ...ตาแก่นั่นคงสะเพร่าเหมือนเดิมซินะ ไม่ส่งฉันกลับร่างเดิมไม่พอยังส่งฉันมาอยู่ร่างใกล้ตายอีก' หลิวหลิวยกขาหนึ่งวางบนเตียงพร้อมเอามือเท้าศีรษะเล็ก ๆ นั่นไว้
“แล้วองครักษ์เฉินอยู่ไหนรึ”
“องครักษ์เฉิน..? ” หลินเสียงจ้องมองหน้าพระสนมตนพลางก็สงสัยเพราะยามปกติแล้วนางจะเรียกองครักษ์ข้างกายเพียงชี่อ หากในยามนี้กลับเรียกราวกับคนแปลกหน้ากัน
"อือ..อือ..พระสนมท่านป่วยแล้วจริง ๆ หรือเพค่ะ" หลินเสียงร้องไห้หนักอีกครั้งจนเธอต้องตบหลังร่างบางนั่นเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยแก้ตัว
“อ่ะ…ข้าหมายถึงเรียกเฉินฮั่วให้ข้าหน่อยนะ” หลิวหลิวนึกขึ้นได้จึงรีบแก้ตัว
‘นี่เราจะใช้ชีวิตเป็สนมหลิวรอดไหมนะ ในเนื้อหาเรียกว่าเป็ตัวละครที่มีอายุสั้นเสียจริง…เฮ้อ..’ หลิวหลิวนึกไปพลางถอนหายใจไป นึก ๆ แล้วชีวิตเธอช่างน่าสงสารนักตายแล้วก็จะต้องมาตายซ้ำอีก
“เดี๋ยวหม่อมชั้นไปเรียกองครักษ์เฉินให้นะเพคะ” หลินเสียงยกมือหนึ่งปาดน้ำตาก่อนจะลุกถืออ่างทองเหลืองออกไป
หลินเสียงเดินก้าวข้ามธรณีประตูไม่ไกลก็พบร่างสูงยืนเฝ้ารอเหมือนในทุกๆวันั้แ่ที่หลิวเซียงเอ๋อร์ตกน้ำ บุรุษสูงยืนนิ่งสงบราวกับรูปปั้นสลักสายตาทอดมองออกไปอย่างไม่มีจุดหมาย
“พระสนมทรงเรียกหาท่าน ท่านเข้าไปเถอะองครักษ์เฉิน” หลินเสียงกล่าวสั้น ๆ
“พระสนมเป็เช่นไร อาการดีขึ้นมากไหมแม่นางหลิน” เฉินฮั่วรีบถาม
“ดีขึ้นมากแล้วเ้าค่ะ แต่..แต่..."
"แต่อะไรหรือแม่นางหลิน?"
"เชิญท่านเข้าไปดูเถอะ ให้พระสนมทรงรอนานจะโกรธได้นะเ้าคะ”
หลิวหลิวหลับตาพริ้มเธอนึกยังไงก็ไม่เห็นความทรงจำของสนมหลิวซูเฟยเลยมีเพียงความมืดยามหลับตากับเสียงผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
‘ทำไมในนิยายที่ฉันเคยอ่านเวลาข้ามเวลามาอยู่ในร่างอีกคนถึงสามารถดูความทรงจำร่างคนอื่นได้ล่ะ หรือเรายังตั้งสมาธิไม่พอ’ นึกได้เช่นนั้นเธอจึงยกขาทั้งสองข้างขึ้นขัดตะหมาดพร้อมวางมือประสานไว้ที่ตัก เฉินฮั่วเปิดประตูเข้ามาเขาได้แต่ยืนมองท่าทางแปลก ๆ ของสนมหลิวซูเฟยอย่างไม่เข้าใจ ครั้นจะถามเห็นจะไม่สมควร เขาจึงทำได้เพียงยืนรอนาง หลิวหลิวเริ่มหมดความอดทนในการค้นหาความทรงจำของเ้าของร่างเธอจึงลืมตาขึ้นอย่างเร็ว
“แม่ตก!!” เสียงอุทานเล็ก ๆ หลุดออกจากปากบางทำให้คนที่ยืนตรงหน้าถึงกับขมวดคิ้วเรียวนั่น
“กระหม่อมคารวะพระสนม” เฉินฮั่วยกมือประสานโค้งคำนับ
‘พระเ้านี่องครักษ์เฉินหรือนี่ ฉันคิดว่านายแบบซะแล้ว สนมหลิวโชคดีจังมีคนหล่ออยู่ข้างกายแบบนี้ ไม่ต้องสนใจฮ่องเต้แล้วก็ได้ เป็เราเมินซิคะ ในเมื่อฮ่องเต้เองก็ไม่ได้สนใจสนมหลิวอยู่แล้วด้วยแบบนี้เราก็คงพ้นโทษถูกส่งเข้าตำหนักเย็น’
“พระสนมทรงเรียกระหม่อมมาทรงมีอะไรจะรับสั่งหรือพะยะค่ะ”
“เออ..เราเรียกท่านเพราะอยากขอบคุณที่ท่านช่วยเราไว้” หลิวหลิวในร่างหลิวเซียงเอ๋อร์เอ่ยตอบอย่างเกรง ๆ เธอไม่เคยเห็นใครรูปงามเช่นนี้มาก่อน
‘คงเป็เขาซินะที่เห็นเมื่อคราวที่แล้ว ฉันนี่น่าอายจริง ๆ เห็นคนองครักษ์ตัวเองก็คิดว่าเทพเซียนบน์’ นางนึกถึงภาพชายหนุ่มเมื่อครั้นลืมตาตื่นหลังจากที่ได้สติจากการจมน้ำเมื่อสามวันก่อน
“มันคือหน้าที่กระหม่อม ขอพระสนมอย่างได้ถือเป็หนี้บุญคุณ หากเป็บุญคุณนั้นแล้วกระหม่อมเองต้องเป็ผู้ตอบแทนพะยะค่ะ” เฉินฮั่วรีบกล่าว
“เช่นนั้นเราก็ยังอยากขอบคุณท่านอยู่ดี ท่านอยากได้อะไรบอกเรา เราจักให้ท่าน” หลิวหลิวเอยถึงน้ำใจที่นางจะมอบให้ ผิดกับหลิวเซียงเอ๋อร์คนเดิมแทบไม่มีเลย นางเกิดในตระกูลสูงศักดิ์และคิดเสมอว่าบ่าวไพรเป็ของตระกูลหลิวแม้จะตายแทนก็ย่อมได้ จริงอยู่ในยุคสมัยนี้มันเป็เื่ธรรมดาแต่หลิวหลิวผู้ที่เกิดอยู่ในยุคที่ทุกคนเท่าเทียมกันย่อมต้องมองว่าเป็เื่ที่ไม่สมควรคิดแบบนั้น
“มิสมควรพะยะค่ะ กระหม่อมทำตามหน้าที่ขอพระสนมอย่าได้ทำเช่นนี้เลยกระหม่อมมิสบายใจได้พะยะค่ะ” เฉินฮั่วคุกเข่าลงยกมือประสานขึ้นเหนือศีรษะ
‘ช่างเป็คนดีเสียจริง’ ดวงตาเธอจับจ้องท่าทางบุรุษตรงหน้าพลางนึกชมเขาอยู่ภายใน พร้อมยกยิ้มอย่างพอใจ
“งั้น…หากท่านยังนึกไม่ออกตอนนี้ก็ไม่เป็ไร ไว้เมื่อท่านนึกได้เมื่อไหร่ขอให้บอกเราถือว่าเป็น้ำใจจากเราก็พอ”
“เป็พระกรุณาพะยะค่ะ” เฉินฮั่วโค้งคำนับก่อนจะลุกยืนตรงตามเดิม แม้เขาจะรู้สึกแปลกใจในท่าทางของหลิวเซียงเอ๋อร์เช่นไร แต่ความรักที่เขามีให้นางก็ยังคงเช่นเดิม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้