อวิ๋นอี้บอกมิได้ว่านางรู้สึกอย่างไรในตอนนี้
หึงหวงเล็กน้อย แต่ทว่ามีความเศร้าปนอยู่
นางไม่คิดว่าจะได้เจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ราวกับอยู่ในความฝัน
แม้ว่านางจะรู้ว่าระหว่างหรงซิวและหว่านฉืออาจจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติ แต่นางยังเคยปลอบตนเองว่ามันเป็เพียงความรักวัยเยาว์ การจากกันถึงสามปีเช่นนั้นไม่สามารถรักษาให้ยั่งยืนได้หรอก
แต่...
การคิดอยู่ในใจก็อีกเื่หนึ่ง เวลาต้องลงมือทำจริงๆ ก็อีกเื่
หรงซิวมาหาหว่านฉือ มิได้ทำให้นางพ่ายแพ้ ทว่าการถามคำถามเพียงหนึ่งประโยคจากนาง กลับทำให้นางแพ้ราบคาบ
หากไม่ใช่เพราะความสนิทสนมถึงระดับหนึ่ง สตรีที่ปราดเปรื่องรู้ความอย่างนางจะกล้าถามคำถามเช่นนี้อย่างเป็ธรรมชาติได้อย่างไร
ท่านอยากให้ข้าอยู่หรือไม่?
หรงซิวจะตอบว่าอย่างไร?
เขาน่าจะต้องอยากให้นางอยู่เป็แน่
เพราะถึงอย่างไร น้ำเสียงที่อ่อนโยนและมีความนุ่มนวลเช่นนี้ แม้จะอยู่ต่อหน้านาง เขากลับมิเคยใช้น้ำเสียงเช่นนั้นเลย
ความสัมพันธ์ในวัยเยาว์เป็สิ่งที่บริสุทธิ์และน่าจดจำที่สุด สิ่งที่มิได้มักจะเย้ายวนใจอยู่เสมอ
อวิ๋นอี้ยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับรากงอกอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางเสียเช่นนั้น จริงๆ นาง้าที่จะจากไป แต่กลับขยับออกมิได้เลย
นางหลับตาและสูดหายใจเข้าลึกๆ
วินาทีนั้นเองหรงซิวที่เงียบไปนานพลันพูดขึ้น แล้วโยนคำถามกลับไปว่า “เ้าอยากอยู่ก็อยู่สิ ขาเ้าอยู่นั่น ข้าจะเป็ผู้ตัดสินใจได้อย่างไร?”
“มิรู้สิเพคะ” หว่านฉือกะพริบตา “ดูเหมือนว่า ไม่กี่ปีที่ข้าไม่อยู่ ท่านจะรักนางสินะ”
นางที่ว่าหมายถึงนางหรือ? อวิ๋นอี้พึมพำในใจ หูของนางเงี่ยฟัง ทว่ามิได้รับคำตอบจากหรงซิว
หว่านฉือเห็นว่าเขาไม่ตอบกระไร ก็แสร้งทำเป็โกรธแล้วพูด “ท่านเป็เช่นนี้เสมอ มิว่าจะเมื่อใดก็ไม่เคยพูดหรือทำก่อนเลย ข้าถามท่านแท้ๆ แต่กลับต้องเดาคำตอบเอง มีคนขี้โกงเยี่ยงท่านที่ใดกัน?”
สายลมพัดมา บุรุษหนุ่มยิ้มเล็กน้อย
“ข้าชอบด้วยสิ ชอบเล่นเกมทายใจกับเ้า” หว่านฉือถอนหายใจ “พอเถิดเพคะ ใจบุรุษคาดเดายากเกินไป ทว่าข้ามีเื่จริงจังจะบอกกับท่าน กลับมาครานี้ ข้าจะมิไปที่ใดแล้ว”
“หายดีแล้วหรือ?”
“เกือบจะปกติแล้วเพคะ” หว่านฉือน้ำเสียงอ่อนโยน "ทักษะของหมอที่ช่วยต่ออายุข้านั้นดี ข้าคิดว่าข้าน่าจะอยู่ได้นานหน่อยกระมัง”
“อย่าพูดกระไรอัปมงคลสิ ในเมื่อมีความหวังแล้ว ก็ต้องพยายามให้เต็มที่” หรงซิวพูดแนะนำคนอย่างไม่เคยทำ
“อยู่ต่อได้อีกวันก็อยู่ไปเรื่อยๆ เถิด”
“แน่สิเพคะ มีชีวิตอยู่ ถึงจะได้เจอกับคนที่อยากเจอ หากตายไปจะมิเป็เช่นนั้นแล้ว” หว่านฉือปัดผมที่หน้าผากของนาง “พอแล้ว กลับไปเถิดเพคะ ดูเหมือนว่าท่านจะทำให้พระชายามิพอใจใช่หรือไม่ ไม่กลับไปกล่อมนางหรือ?”
“เช่นนั้นข้าจะไปก่อน" หรงซิวกำลังจะบอกลา อวิ๋นอี้ที่หลบอยู่ใกล้ๆ ใจนขนลุก
แย่แล้ว แย่แล้ว
ไม่ไปตอนนี้ก็ต้องไปแล้ว
หากถูกพบว่าแอบฟัง เดี๋ยวได้เจอหรงซิวน่าจะขายหน้ามาก
นางถอยหลังไปสองสามก้าวเงียบๆ และเมื่อแน่ใจว่าระยะทางไกลพอแล้ว ก็รีบหันหลังกลับและวิ่งไปที่รถม้า
ทว่าสิ่งที่อวิ๋นอี้มิรู้คือหลังจากที่นางจากไป หรงซิวเดินออกมาไม่กี่ก้าวก็ถูกหว่านฉือเรียกไว้อีกครา
เขาแปลกใจเล็กน้อย หันตัวออกไป มีหมอกจางๆ ในดวงตาสีเข้มของเขา “เป็กระไรไป? มีธุระกระไรอีกหรือ?”
“ดูเหมือนว่าท่านจะใส่ใจนางมาก”
หรงซิวรู้ว่านางกำลังพูดถึงผู้ใด จึงเงียบ ไม่พูดต่อ
ริมฝีปากของหว่านฉือโค้งเล็กน้อย ดูเศร้า “รู้หรือไม่เพคะ ในวันที่ยากลำบากที่สุด สิ่งเดียวที่ข้าคิดถึงคือคำสัญญาของท่าน ทำให้ข้าอดทนผ่านมาได้ องค์ชายเจ็ด คำสัตย์ในวัยเยาว์นั้น หายไปกับสายลมแล้วใช่หรือไม่เพคะ?”
เขากับนางเคยมีความสัมพันธ์ที่น้อยคนนักจะรู้
สมัยนั้นเขาเป็องค์รัชทายาทลำดับที่เจ็ด หลังจากที่บิดาเสียไป มารดาก็สาบสูญไปด้วย เขาอยู่ในความเศร้าโศกและเ็ปมหาศาล อารมณ์ดำดิ่ง ทรุดตัวลงอย่างยืนหยัดกลับมามิได้ มีความคิดที่จะปลิดชีพตนเองนับครั้งไม่ถ้วน
หลังจากที่ความผิดปกติของเขาถูกพบก็ถูกนำตัวเข้าไปในวังโดยฮ่องเต้อวี่ซวน มอบตำแหน่งให้เขา และให้เขาอาศัยและเล่นกับเ้าชายคนอื่นๆ ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้เขามีความสุข
และวิธีนั้นได้ผลจริง
เขาอาศัยอยู่ในวังเป็เวลาสี่ปี ในปีที่สอง หว่านฉือก็ถูกองค์ฮองเฮาพามาเข้าวังและเลี้ยงดูกับพวกเขา
พวกเขาเป็เด็กในวัยเดียวกัน ทุกคนจึงเล่นกันได้เป็อย่างดี และเมื่ออยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง ทั้งสองก็เกิดตกหลุมรักกัน
หว่านฉือนั้นดูดีมีเสน่ห์ บุคลิกอ่อนโยนชดช้อย นางสวมชุดงาม เขียนอักษรสวย และมีกลิ่นหอมไปทั้งร่าง
ทุกครั้งที่หรงซิวได้เจอกับนาง หัวใจจะเต้นเร็ว แก้มร้อนผ่าว พูดจากอึกอักทว่ายังจูงมือนางพานางไปจับปลาจับกุ้งได้
สิ่งที่เกินเลยที่สุดที่เคยทำ คือจูบนางบนหน้าผากอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองอยู่ด้วยกันสองปี ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็มั่นคงขึ้นและยากที่จะเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้หรงซิวอายุถึงเกณฑ์ จึงถูกองค์ฮ่องเต้แต่งตั้งให้ไปสืบทอดดูแลพื้นที่
เขาวางแผนเรียบร้อยหมดแล้ว ว่าหลังจากที่เขาชนะเทศกาลล่าสัตว์ จะขอองค์ฮ่องเต้ว่าจะอภิเษกกับหว่านฉือ
คนหนึ่งเป็องค์ชาย อีกคนเป็สตรีงามผู้มากความสามารถ ทั้งยังมีองค์ฮองเฮาอยู่เื้ัพวกเขา เขาจะไปขอความช่วยเหลือจากองค์ไทเฮา งานอภิเษกย่อมเป็ไปได้อย่างราบรื่น
ทว่าจู่ๆ เื่พลันเปลี่ยนไป เขาบังเอิญรู้ข่าวการเสียชีวิตของบิดาว่ามีอีกสาเหตุหนึ่งและเบาะแสทั้งหมดชี้ไปที่อวิ๋นเส่าต้าว
ในตอนที่เขาตั้งใจจะแก้แค้น ทุกสิ่งที่วางแผนไว้เริ่มควบคุมมิได้
เขาอภิเษกกับอวิ๋นอี้และละทิ้งความสัมพันธ์กับหว่านฉือ
หว่านฉือเคยร้องไห้ถามเขาว่าเหตุใดจึงทำเช่นนั้น เขาบอกความลับเื่นี้มิได้ เพราะยิ่งคนรู้มากเท่าไรจะยิ่งอันตราย
เขาจึงได้แต่กล่าวขอโทษหว่านฉือ โดยบอกว่าเขามีปัญหาและขอให้นางเชื่อเขา
จากนั้นหว่านฉือจึงขอให้เขาสาบานว่าจะไม่หวั่นไหวกับอวิ๋นอี้ ว่าชีวิตนี้เขาจะรักนางเพียงผู้เดียว
หรงซิวแต่งงานกับอวิ๋นอี้ เพื่อการแก้แค้นล้วนๆ เพื่อที่จะค้นหาว่าอวิ๋นเส่าต้าวและการตายของบิดาของเขาเป็อย่างไร เขาแทบจะจำมิได้ด้วยซ้ำว่าอวิ๋นอี้หน้าตาเป็อย่างไร
เขามิมีความคิดเช่นนั้นกับนางอย่างแน่นอน เขาจึงสาบานต่อหน้าหว่านฉือโดยไม่ลังเล
......
ลมข้างหูพัดมา พัดพาเส้นผมปลิว ทั้งยังพัดชายเสื้อของเขา หรงซิวค่อยๆ กลับมาจากความคิด
ดวงตาของเขามืดมิด เงียบนิ่งและมีพลัง
สตรีสาวที่อยู่ตรงข้ามรูปร่างผอมเพรียว ราวกับว่าจะถูกพัดปลิวตามลมไปได้ทุกเมื่อ
หรงซิวละสายตาออก หันกลับมาช้าๆ และทิ้งคำพูดของเขาไว้ "ขอโทษนะ คิดเสียว่าข้าหักหลังเ้าก็แล้วกัน"
"หรงซิว!" หว่านฉือพูดอย่างร้อนรน ในตอนที่เขาหยุดฝีเท้า นางกลับส่ายหน้าอย่างขมขื่น "ช่างมันเถิด กลับไปเถิดเพคะ"
ความรักเหมือนสายน้ำที่กลับคืนยาก ความรักที่ให้ไปแล้ว จะเรียกกลับมาได้อย่างไรกัน
ระหว่างทางที่นางกลับมา ได้ฟังเื่ราวของเขามาหลายเื่ ได้รู้เกี่ยวกับพระชายาของเขาที่ฟื้นจากความตาย และได้รู้เื่ราวความรักของพวกเขา
หว่านฉือบีบมือแน่น จนข้อนิ้วเป็สีขาว
รู้เช่นนั้นแล้วจะทำไม เดิมทีนางเป็ผู้ที่กำลังจะตาย ทว่ายังกลับมาแข็งแรงได้ กับอิแค่ความรักไม่กี่เดือนของหรงซิวกับอวิ๋นอี้
พระเ้าประทานชีวิตให้กับนาง มิได้ให้นางมายอมแพ้เช่นนี้!
นางจะมิมีวันยอมรับชะตากรรม
หรงซิวเปลี่ยนใจไป นางรอได้ รอให้เขาเปลี่ยนใจกลับมา รอให้เขากลับมาหานาง
หากผู้ใดเป็อุปสรรคของนาง นางจะกำจัดทิ้งอย่างไม่ลังเล
จะลองดูกับอวิ๋นอี้ก่อนก็มิเสียหาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้