แสดงไม่ถึงบทบาท ต้องใช้ความเ็ปชดเชย
หลิวเสี่ยวหลันเห็นว่าหลิวเต้าเซียงเริ่มโมโห ก็ไม่กล้าอยู่ในห้องครัวต่อ นางเกรงว่าหลิวเต้าเซียงจะะเิอารมณ์ออกมา ใช้ตะหลิวฟาดมาทีเดียว กระโปรงชุดสวยของตนเอง ผมเผ้าที่อ่อนนุ่ม นางไม่พร้อมที่จะแลกแม้แต่อย่างเดียว
“จูเอ๋อร์ ในเมื่อปลานั่นคุณชายน้อยเป็คนบอกว่าเต้าเซียงไปซื้อ จะยกให้นางกินด้วยก็สมเหตุสมผล เหตุใดเ้าจึงตะกละเช่นนี้ เ้าเองใช่ว่าจะไม่เคยกิน คราวก่อนเ้ายังทำหน้ารังเกียจ...”
ก่อนที่นางจะพูดจบ หลิวจูเอ๋อร์ก็ขัดขึ้น “อาเล็ก รีบไปเถิด น้ำแกงเย็นแล้วเดี๋ยวจะเหม็นคาว”
“เข้าใจแล้ว!” หลิวเสี่ยวหลันชักสีหน้าไม่พอใจ ยกน้ำแกงปลาชามนั้นไปยังห้องโถง
หลิวจูเอ๋อร์เอ่ยกับหลิวเต้าเซียงด้วยท่าทีวางอำนาจ “ยังไม่รีบตักน้ำแกงปลาให้ข้าอีก โง่เง่าสิ้นดี ไม่ลองตักน้ำใส่กระจกชะโงกดูเงาตนเองบ้าง เชอะ คิดอยากจะเป็คางคกกินเนื้อหงส์”
“ข้าไม่ให้ ถึงข้าไม่กิน ก็จะเอาไปให้สุนัขไม่ยอมให้เ้า” หลิวเต้าเซียงหาได้สนใจนางไม่ จัดการโยนผักป่าลงไปในน้ำแกงปลาที่เหลืออยู่ มองดูน้ำแกงสีขาวนมพร้อมกับผักป่าสีเขียวสดในหม้อที่คลุกกัน นางถึงขั้นกลืนน้ำลายด้วยความอดอยาก
“นางตัวดี ไสหัวไปเดี๋ยวนี้” หลิวจูเอ๋อร์เดือดดาล พุ่งไปทางหลิวเต้าเซียง ยื่นมือไปจะคว้าตัวนางลงมาจากเก้าอี้ที่เหยียบอยู่
หลิวชิวเซียงกรีดร้องด้วยเสียงดัง “เ้าคิดจะทำอะไร?” ที่คีบฟืนในมือพุ่งไปทางนางเป็ที่เรียบร้อย
หลิวเต้าเซียงที่จ้องมองปลาในหม้อได้ยินเสียง ร่างกายมีปฏิกิริยาไวกว่าสมอง ฟาดตะหลิวไปทางนั้น จากนั้น…
นางกับหลิวชิวเซียงนั้นประสานพลังกันอย่างเต็มที่ โจมตีไปที่ร่างของหลิวจูเอ๋อร์ทั้งซ้ายและขวา ผ้าไหมสีต้นหลิวนั้นเปื้อนสีดำ และน้ำมัน ดูไม่จืด
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนี้หลิวจูเอ๋อร์ที่เจ็บตัวกำลังกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บ
“ฮือ ท่านแม่ ฮือๆ!” น้ำตาของหลิวจูเอ๋อร์หลั่งออกมาราวกับไม่คิดเงิน
หลิวเต้าเซียงกะพริบตาปริบๆ รีบโยนตะหลิวไปบนพื้น แล้วตบหน้าตนเองเต็มแรงหนึ่งที เจ็บจนซี้ดซ้าด ขณะที่หลิวจูเอ๋อร์กำลังตกตะลึง นางก็รีบะโลงมาจากเก้าอี้ พร้อมกับถีบไปด้านหลัง จากนั้นล้มลงกับพื้น กลิ้งไปมาจนเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่น แล้วเริ่มส่งเสียงร้องโอดครวญ
“แง้!”
หลิวชิวเซียงก็ได้สวมคราบเพื่อนร่วมทีม โยนที่คีบฟืนไปอีกทาง แล้วตะครุบไปทางหลิวเต้าเซียง ส่งเสียงดัง “น้องรอง เ้าเป็อย่างไรบ้าง ท่านแม่ ท่านพ่อ รีบมาเร็ว พี่จูเอ๋อร์ตีน้องรอง”
ขณะนี้หลิวชิวเซียงจดจำคำสอนของหลิวเต้าเซียงได้เป็อย่างดี ลงมือก่อนได้เปรียบ!
การแสดงนับวันยิ่งร้อนแรง
“น้องรอง น้องรอง เ้าเป็อะไรไป ฟื้นเร็วเข้า”
เมื่อเห็นหลิวเต้าเซียงกลอกตาและหลับตาลง ปากเล็กๆ ของนางไม่ได้ขาวซีดหรือไม่มีเื แต่เป็ขี้เถ้าจากหม้อที่เปื้อนหน้า ไม่รู้ว่านางไปปาดไว้ั้แ่เมื่อใด
ช่างมันก่อน หลิวชิวเซียงโอบกอดหลิวเต้าเซียงไว้ ส่งเสียงร้อง หลิวเต้าเซียงฟังน้ำเสียงไม่ค่อยเข้าท่า ไร้ความรู้สึกเกินไป แสดงไม่ถึงขั้นก็ต้องใช้ความเ็ปเข้าช่วย
อุ้งเท้าราวกับลูกแมวยื่นไปทางหลิวชิวเซียง สองนิ้วยื่นออกมาแล้วข่วนไปที่ตัวเองเต็มแรง ถัดจากนั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังเสียดหู
หลิวชิวเซียงน้ำตาคลอเบ้าก้มลงมองน้องรองของตนที่กำลังแสร้งเป็ลม ลงมือหนักเกินไปหน่อยแล้ว!
หลิวเต้าเซียงนอนอยู่ในอ้อมแขนของนาง ได้ยินเสียงร้องไห้ฟูมฟาย จึงพยักหน้าด้วยความพอใจ อืม เรี่ยวแรงใช้ได้ ผลลัพธ์ไม่เลว!
เมื่อเกิดเื่ในห้องครัว ก็ทำเอาคนในห้องโถงตื่นใ ซูจื่อเยี่ยกำลังใช้ช้อนตักน้ำแกงขึ้นมาลิ้มรสอย่างอิ่มเอมใจ เมื่อได้ยินเสียงของหลิวเต้าเซียง มือสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนกอย่างไม่รู้ตัว น้ำแกงหกเลอะบนโต๊ะ ใบหน้าดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิเปลี่ยนเป็ฟ้าฝนอึมครึม
“ฮึ่ม!”
ประจวบเหมาะกับเสียงร้องไห้ของหลิวชิวเซียงที่ดังขึ้น
เขาวางชามลงบนโต๊ะเสียงดัง “ไร้มารยาทสิ้นดี”
หลิวฉีซื่อได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “คุณชายน้อยอย่าได้ถือสา เด็กน้อยโมโหกันง่าย ข้าจะไปสั่งสอนพวกนางเอง”
ทันทีที่นางได้ยินเสียงว่าเป็เสียงของหลิวเต้าเซียงกับหลิวชิวเซียง ไม่รู้เพราะเหตุใด คิ้วขวาก็กระตุกรัว ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
ซูจื่อเยี่ยมองขึ้นมาด้วยดวงตาไร้ความรู้สึก สายตาเ็านั้นจนหลิวฉีซื่อใกล้จะทนไม่ไหว เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “น้ำแกงปลาไม่เลว”
หลิวฉีซื่อเกิดความลังเล ตกลงเด็กสองคนนี้ไม่มีมารยาท หรือว่าพอใจกับเด็กสองคนนี้กันแน่?
หลิวเสี่ยวหลันไม่ได้คิดเยอะเช่นนั้น ขอเพียงชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าพอใจก็เพียงพอ จึงเอ่ย “หลานสาวข้าคนนั้นฝีมือทำอาหารไม่เลว หากว่าคุณชายน้อยชื่นชอบ ต่อไปจะยกให้เป็หน้าที่ของนาง”
นี่เป็ความคิดที่ดี จากคำพูดของหลิวเสี่ยวหลัน นั่นตรงกับความ้าของเขาพอดี
“พอกลืนเข้าปากได้” ซูจื่อเยี่ยตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ
แปลว่า พอใจแล้วใช่หรือไม่? หลิวฉีซื่อเข้าใจแล้ว เขากำลังบอกว่าหลิวจูเอ๋อร์ไม่มีมารยาท
เมื่อเห็นหลิวเสี่ยวหลันส่งสายตาให้นาง จึงยิ้มแล้วเอ่ย “คุณชายน้อยชอบก็ดีแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะไปบอกกับนาง”
หลิวฉีซื่อยิ่งเกิดความไม่ชอบใจในตัวหลิวจูเอ๋อร์ ไม่ง่ายเลยกว่าคุณชายน้อยผู้นี้จะปฏิบัติตัวดีต่อบุตรสาวตนเอง แต่กลับถูกนางตัวดีทำเสียเื่
แม้ว่านางจะไม่ชอบหลิวเต้าเซียง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในจุดนี้เองนางก็รู้ชัดเจน ว่ากับข้าวบ้านนอกจะไม่ถูกใจซูจื่อเยี่ย หากว่ายังทำให้เขาชอบทานไม่ได้ ต่อไปซูจื่อเยี่ยอาจจะจากไป แม้ว่าจะยังมีบุญคุณต่อกัน การตอบแทนย่อมไม่ขาด เพียงแต่ หากในใจไม่เกิดความอาลัยอาวรณ์กับบางสิ่ง เกรงว่าต่อไปความรู้สึกดีคงค่อยๆ จืดจางไปพร้อมกับวัยที่โตขึ้นของเขา
“อืม!” ซูจื่อเยี่ยใช้น้ำเสียงยืนยันในครั้งนี้
แม้ว่าจะไม่มีรางวัลสําหรับหลิวฉีซื่อ แต่น้ำเสียงเช่นนี้หลิวฉีซื่อกลับชอบนักแล
นางจึงรีบปลีกตัวออกจากห้องโถง พยายามแสดงออกว่าตนเองนั้นได้รับการสั่งสอนอย่างดี เป็การวางไม้วางมือราวกับอยู่ในจวนตระกูลหวงก็ไม่ปาน
หลิวต้าฟู่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความประหม่า ใบหน้ากลับสงบนิ่งไม่ได้
ยิ่งเห็นหลิวฉีซื่อเคารพเขาเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกว่ายืดอกไม่ได้
ตลอดชีวิตของเขานั้นวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านสามสิบลี้ ไกลสุดก็แค่เคยไปเจอคนรวยในตำบล เมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่แน่อาจมาจากบ้านคนใหญ่คนโต ท้องไส้ของเขาก็ปั่นป่วน ผ่านไปนานครึ่งค่อนวันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ซูจื่อเยี่ยไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาแต่แรก เมื่อเห็นหลิวฉีซื่อออกจากประตูไป คิดๆ แล้วก็วางตะเกียบในมือลง ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามหลิวเสี่ยวหลัน “้าไปดูสักหน่อยหรือไม่?”
ความสุขมาอย่างกะทันหันเกินไป!
หลิวเสี่ยวหลันตกตะลึงกับขนมเปี๊ยะจาก์ชิ้นนี้
จวบจนซูจื่อเยี่ยก้าวเท้าเดินออกจากห้องโถงไปทางห้องครัว หลิวต้าฟู่จึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย เอื้อมมือออกมาตบไหล่ของหลิวเสี่ยวหลัน “หลันเอ๋อร์ คุณ คุณชายน้อยไปห้องครัวแล้ว”
หลิวเสี่ยวหลันได้สติ หันไปเอ่ยกับหลิวต้าฟู่อย่างอ่อนหวาน “ท่านพ่อ ไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า”
พูดจบ ก็พกผ้าเช็ดหน้าแล้วรีบตามไปห้องครัว
หลิวฉีซื่อมาถึงที่นั่นแล้วเห็นความยุ่งเหยิงในห้องครัว จากนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าที่สุขุมตามมาจากด้านหลัง ภาพตรงหน้าดำมืด อยากจะจับหลิวจูเอ๋อร์ยัดกลับเข้าท้องแม่
อยากปริปากด่านาง แต่ก็คิดได้ว่าซูจื่อเยี่ยตามมาด้วย จึงได้แต่เอ่ยในใจ เหตุใดคุณชายน้อยถึงได้ตามมาด้วย หากจัดการไม่ได้ตามที่เขาพอใจ เกรงว่าต่อไปบุตรสาวคิดจะไต่เต้าคงยากไม่น้อย
เมื่อวิเคราะห์เช่นนี้ จึงส่งเสียงเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง “เกิดอะไรขึ้น? กินข้าวดีๆ ไม่ได้ พวกเ้าพี่น้องไม่รักใคร่กันให้ดี มาทะเลาะอะไรกันในครัว?”
หลิวชิวเซียงไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่หลิวเต้าเซียงครวญอยู่ในอ้อมกอดของนาง
“น้องรอง เ้าฟื้นแล้ว?”
ฝนตกในเวลาที่เหมาะสมจริงๆ หลิวชิวเซียงดีใจยิ่งนัก
นางกังวลว่าจะรับมือกับหลิวฉีซื่ออย่างไรดี หลิวเต้าเซียงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ราวกับคนที่เกือบจะสิ้นชีพแล้วก็ฟื้นขึ้นมาอีกหน
“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?”
ขณะที่นางพูด ก็เอื้อมมือออกไปและลูบศีรษะ ราวกับว่าเนื้อตัวไม่สบาย
ขณะนั้นเอง จางกุ้ยฮัวกับหลิวซานกุ้ยก็พุ่งมาจากด้านหลังหลิวฉีซื่อ หลิวซานกุ้ยที่กระวนกระวายและพลังเยอะเกือบจะเบียดจนหลิวฉีซื่อล้มลง
ในเวลานี้ เขาไม่สนใจกับสิ่งกีดขวางตรงหน้า แล้วตรงดิ่งเข้าไปข้างกายบุตรสาวตนเอง
“ชิวเซียง เต้าเซียงเป็อะไรไป?”
จางกุ้ยฮัวสืบถามว่า “เหตุใดพวกเ้าถึงได้ตัวเปื้อนเช่นนี้ น้องรองเ้ามานอนอยู่กับพื้นได้อย่างไร”
พูดจบก็รับหลิวเต้าเซียงมาจากอ้อมกอดของหลิวชิวเซียง และอุ้มนางขึ้นมา
หากเปลี่ยนเป็่ที่เพิ่งออกเดือน จางกุ้ยฮัวคงอุ้มไม่ไหว แต่หลายวันมานี้ ในบ้านได้กินดีอยู่ดี บวกกับได้แอบบำรุงมื้อดึก และนางเองก็อายุเพียงยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด เมื่อได้รับการบำรุงเข้าร่างกาย ย่อมฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ นางอุ้มหลิวเต้าเซียงมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ อย่างกระวนกระวายใจ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาลูบตัวลูกสาว เมื่อเห็นว่านางไม่ได้รับาเ็แต่อย่างใดจึงโล่งอก
ส่วนหลิวฉีซื่อขณะนี้กำลังจ้องตาขวางไปที่หลิวจูเอ๋อร์ หลิวซานกุ้ยดึงหลิวชิวเซียงไปให้อยู่ข้างกายจางกุ้ยฮัว แล้วปลอบโยนหลิวเต้าเซียง
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า ซูจื่อเยี่ยกำลังเอามือกอดอกยืนอยู่ข้างประตูที่โยกเยกด้วยท่าทีเกียจคร้าน เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นวนเวียนอยู่บนร่างของหลิวเต้าเซียง และเห็นนางแอบกะพริบตาให้จางกุ้ยฮัวพอดี
สาวน้อยเ้าเล่ห์ เขาเผยรอยยิ้มออกมาผ่านแววตา แต่วินาทีถัดมาก็เปลี่ยนเป็เยือกเย็นดุจน้ำแข็ง เพราะหลิวจูเอ๋อร์โหวกเหวกโวยวายบอกว่านี่ไม่เกี่ยวกับนาง
หลิวชิวเซียงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในห้องครัว เพียงแต่ใส่สีตีไข่เข้าไปเล็กน้อย เกี่ยวกับเื่ที่หลิวจูเอ๋อร์้าแย่งน้ำแกงปลา
เื่ราวกลายเป็ว่าหลิวจูเอ๋อร์อิจฉาพวกนางสองพี่น้องที่ได้รับความเมตตาจากซูจื่อเยี่ย จึงหาเื่ในห้องครัว สองพี่น้องคิดว่าหลิวจูเอ๋อร์เป็ลูกพี่ลูกน้อง จึงเชิญชวนนางดีๆ ว่าให้กินด้วยกันในครัว
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวชิวเซียงก็มองไปทางหลิวจูเอ๋อร์อย่างกล่าวโทษ “พี่จูเอ๋อร์ ข้าก็แค่อยากเหลือไว้ให้ท่านพ่อท่านแม่ข้าได้ลิ้มรส แต่เ้าเห็นแก่ตัวเกินไป ้าเอาน้ำแกงปลาที่เหลือทั้งหมด เ้ากับป้ารองจะได้แอบกินกันเองในห้องตะวันออก แต่เนื้อปลานี้คุณชายผู้นี้เป็คนซื้อมา น้ำแกงก็เป็สิ่งที่เขายกให้ เหตุใดต้องยกให้เ้าด้วย อีกอย่าง เ้าพูดดีๆ ก็ได้ เหตุใดต้องใช้กำลัง? ผลักน้องสาวข้าล้มกับพื้น ยังมีหน้าบอกว่าพวกข้าทำร้ายเ้าก่อน เ้าก็แค่้ากินน้ำแกงปลาไม่ใช่หรือ? ใช่ว่าจะไม่ให้เ้ากินเสียเมื่อไร”
ซูจื่อเยี่ยเอียงศีรษะมองคนในห้องนี้ แล้วปริปากด้วยความเ็า “น่าเกลียดยิ่งนัก”
ความหมายของเขาคือหลิวจูเอ๋อร์กินแรงอย่างน่าเกลียดเกินไป นี่คือคำพูดเย้ยหยันว่าเหตุใดหลิวฉีซื่อจึงไม่สั่งสอนให้ดี
-----
