ไม่ไกลกัน สาวใหญ่เพื่อนบ้านได้กลิ่นหอมของเนื้อลอยมาจากบ้านอู๋ เธอสูดกลิ่นหอมเข้าไปเต็มปอดพร้อมกับลอบกลืนน้ำลาย อดไม่ได้ที่จะบ่นอย่างแค้นเคือง “กินเนื้อกันแต่เช้าเชียว ไม่กลัวท้องเสียหรือยังไง”
หลังจากได้รับบทเรียนเมื่อคราวที่แล้ว เธอก็ไม่กล้าหาเื่คนบ้านนั้นอีก ได้แต่บ่นลับหลังอย่างเจ็บใจแทน
บุตรสาวของสาวใหญ่ข้างบ้านเพิ่งกลับเข้ามา ในมือถือตะกร้าซึ่งเต็มไปด้วยผัก พอได้กลิ่นหอมของเนื้อลอยมาจากบ้านอู๋ เธอหันไปมองด้วยความอิจฉา “แม่คะ บ้านอู๋ล่าสัตว์มาได้อีกแล้วเหรอคะ ทำไมบ้านนั้นถึงโชคดีล่าสัตว์ได้ตลอดเลย แล้วทำไมหนูถึงโชคไม่ดีแบบนั้นบ้าง”
สาวใหญ่รีบเอ่ยห้ามบุตรสาว “แกอย่าเข้าไปในป่าลึกเป็อันขาดเลยนะ ในนั้นมีแต่สัตว์ร้าย เกิดเข้าไปแล้วเป็อะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“หนูไม่เข้าไปแน่นอนค่ะ” บุตรสาวรับปากอย่างไม่ค่อยจริงจัง ในใจแอบตั้งปณิธานไว้ว่า เธอจะหาโอกาสลองเข้าไปดู
เธออยากกินเนื้อ อยากสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วก็อยากขี่จักรยานด้วย
พักหลังมานี้คนในหมู่บ้านลือกันว่า นับั้แ่หลานชายหลานสาวมาอยู่ที่บ้านอู๋ ผู้เป็หลานสาวขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรแล้วนำไปขาย เลยทำให้ชีวิตความเป็อยู่ของบ้านนั้นดีขึ้น
เธอได้ยินคนพูดถึงเื่นี้กันอยู่ทุกวี่ทุกวัน ในใจอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกริษยา
ตอนแรกมารดาเธอบอกว่า ถ้ามีหมอรักษาเท้ามาประจำการที่หมู่บ้านเมื่อไร จะไปขอให้เขาช่วยถ่ายทอดความรู้เื่สมุนไพรให้แก่เธอ แต่ปรากฏว่าหมอรักษาเท้าที่มาประจำที่หมู่บ้านดันเป็อาจารย์ของเซี่ยโม่ เธอกับมารดาจึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ แต่ความคิดที่จะเข้าในป่าลึกเพื่อจับสัตว์ป่าเธอไม่ได้ยกเลิกไป กลับยิ่งมีความปรารถนาที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เช้าวันจันทร์ เซี่ยโม่สะพายกระเป๋านักเรียนแล้วขี่จักรยานไปที่โรงเรียนมัธยมในตำบล
เธอไม่ได้ขี่จักรยานมานานหลายปีแล้ว ชาติที่แล้วหลังจากฐานะดีขึ้น เธอก็ไปสอบใบขับขี่ก่อนจะซื้อรถเก๋งมาขับ
เส้นทางที่เธอขี่จักรยานผ่าน สองข้างทางคือทุ่งนาสีเขียวขจี ลมที่พัดผ่านตัวทำให้เธอรู้สึกสดชื่นเป็อย่างมาก
วันมะรืนก็จะเปิดภาคการศึกษาแล้ว โดยทั่วไปที่โรงเรียนจะมีคณะครูมาทำงานั้แ่ก่อนเปิดเทอม ในเมื่อเธอ้าสอบข้ามชั้นก็ควรทำเื่ที่โรงเรียนั้แ่วันนี้
มาถึงหน้าโรงเรียน เซี่ยโม่ะโลงจากจักรยาน ขณะกำลังจะเดินเข้าไปในรั้ว ยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูกลับเข้ามาขวางเสียก่อน “นักเรียน ตอนนี้ยังไม่เปิดเทอมเลย เธอมาทำอะไรที่นี่”
“คุณปู่คะ ฉันมีธุระอยากจะพบคุณครูค่ะ” เธอตอบกลับไปอย่างมีมารยาท
คุณปู่ยามมองเธออย่างพิจารณาครู่หนึ่งถึงค่อยซักเพิ่ม “มาหาคนไหนล่ะ”
เซี่ยโม่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าโรงเรียนมีคุณครูจำนวนกี่คน แต่ด้วยความที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้เข้าไป เธอจึงรีบคิดหาวิธี พยายามเค้นหาสักแซ่ออกมาอ้าง
“มาหาคุณครูหวางค่ะ”
แซ่หวางเป็แซ่ที่มีคนใช้เยอะ ในโรงเรียนนี้ก็น่าจะต้องมีสักคนแหละ
คุณปู่ยามหลีกทางให้เธอเข้าไปโดยไม่ติดใจอะไร “เข้าไปสิ”
เย้!
คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะโชคดีถึงเพียงนี้
เซี่ยโม่เดินจูงจักรยานเข้าไปในโรงเรียนอย่างอารมณ์ดี นำพาหนะคู่ใจจอดที่สำหรับจอดจักรยาน คล้องโซ่เรียบร้อยดีแล้วถึงค่อยเดินตรงไปที่ตึก
ที่ทำงานของเหล่าคุณครูเป็ตึกสองชั้นขนาดเล็ก ส่วนตึกเรียนจะมีสามชั้น ทั้งสองตึกถือว่าเป็อาคารที่ค่อนข้างโดดเด่นในตำบลนี้
ั้แ่เดินเข้ามาในโรงเรียน เซี่ยโม่คอยสอดส่ายสายตาไปโดยรอบอยู่ตลอด แต่ก็ไม่พบแม้เงาของพี่ซ่ง เป็ไปได้ว่าอีกฝ่ายคงยังมาไม่ถึง เช่นนั้นเธอเข้าไปจัดการธุระคนเดียวก่อนก็แล้วกัน
หากมีซ่งมู่ไป๋อยู่ด้วยจะจัดการเื่ใดคงง่ายขึ้น แต่เธอไม่อยากพึ่งพาชายหนุ่มจนติดเป็นิสัย
เซี่ยโม่สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะเดินเข้าไปในตึกสองชั้นซึ่งเป็ที่ทำงานของคุณครู จำนวนคุณครูที่มาทำงานมีไม่มาก เช่นนั้นเธอไปหาคนที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนนี้เลยก็แล้วกัน
ด้านหน้ามีป้ายเขียนบอกว่าห้องไหนเป็ห้องไหน เธอเดินผ่านห้องพักครู ห้องของรองผู้อำนวยการ จนมาถึงหน้าห้องที่มีป้ายเขียนว่าห้องผู้อำนวยการโรงเรียน
ประตูห้องของผู้อำนวยการถูกปิดเอาไว้ เธอยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเพื่อเตรียมใจอยู่ครู่ใหญ่ถึงค่อยยกมือเคาะประตู
“เข้ามา…” เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนดังมาจากในห้อง
เซี่ยโม่เปิดประตูเดินเข้าไป ภายในห้องกว้างขวางพอสมควร หลังโต๊ะทำงานคือชายอายุประมาณห้าสิบปี กำลังก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่ พอได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาจึงเงยหน้าขึ้นมอง
เบื้องหน้าเขาคือเด็กสาวในชุดใหม่เอี่ยมสีเขียวทหาร ชุดสีนี้คนทั่วไปนิยมใส่กันจึงไม่มีอะไรให้ติดใจ ที่น่าดึงดูดคือแววตาใสกระจ่างของเธอต่างหาก เด็กสาวมีหน้าตาสะสวย ปากนิด จมูกหน่อย กำลังคลี่ยิ้มอ่อนหวานมาให้
“เธอคือ” เขาถามออกไปด้วยความสงสัย มั่นใจว่าตัวเองไม่รู้จักเด็กสาวตรงหน้า
เด็กสาวตอบกลับอย่างมีมารยาท “ผู้อำนวยการคะ หนูเป็นักเรียนชั้นม.สอง ตอนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนในหมู่บ้าน แต่เพราะมีปัญหาทางบ้านหนูเลยอยากสอบข้ามชั้น หนูมั่นใจว่าหนูสามารถสอบข้ามชั้นขึ้นไปเรียนมัธยมปลายได้ ครูใหญ่พอจะให้โอกาสหนูได้ไหมคะ”
ผู้อำนวยการมองเด็กสาวที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมพร้อมกับเอ่ยถามอย่างเป็ห่วง “ที่บ้านเกิดปัญหาอะไรขึ้นงั้นเหรอ”
เด็กสาวเผยรอยยิ้มเศร้าหมอง ก่อนจะเล่าให้ฟัง “แม่เลี้ยงทอดทิ้งหนูและให้หนูกับน้องออกจากบ้าน หนูเลยต้องพาน้องไปอยู่บ้านคุณตาคุณยาย แต่คุณตาคุณยายอายุมากแล้ว หนูไม่อยากเป็ภาระของพวกท่าน เลยอยากจะรีบเรียนให้จบไวๆ จะได้ดูแลและตอบแทนบุญคุณพวกท่านได้ค่ะ”
ผู้อำนวยการดูแลบริหารโรงเรียนมาหลายปี นักเรียนแบบไหนล้วนเคยเจอมาหมดแล้ว เขาจึงดูออกในทันทีว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้พูดโกหก
เขาพักอาศัยอยู่ในตำบลจึงพอได้ยินเื่ราวภายในหมู่บ้านต่างๆ มาบ้าง
“เธอชื่ออะไร” เขาถามอย่างใคร่รู้
“หนูชื่อเซี่ยโม่ค่ะ”
เขามีสีหน้าเข้าใจเื่ราวทั้งหมดในทันที เป็เด็กสาวคนเดียวกับที่ทุกคนกำลังพูดถึงใน่นี้นี่เอง
“แม่เลี้ยงเธอถูกส่งไปทำงานในค่ายแรงงานแล้วใช่ไหม” เขาถามอย่างเป็ห่วง
เซี่ยโม่มีสีหน้าตกตะลึงก่อนจะเข้าใจในทันที คนตรงหน้าคงได้ยินเื่ราวอะไรมาบ้าง
เธอก้มหน้าด้วยสีหน้าหมองเศร้าพร้อมกับพยักหน้า “ค่ะ ผู้อำนวยการคงได้ยินเื่ราวที่บ้านของหนูมาบ้างแล้ว โชคดีที่หนูกับน้องยังมีคุณตาคุณยายคอยดูแล”
ผู้อำนวยการชมเชยเด็กสาวอยู่ในใจ เด็กคนนี้ฉลาด มีไหวพริบ และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับโชคชะตาอันเลวร้าย
“ฉันได้ยินเื่ราวของเธอแล้ว ถ้าเธอมีผลการเรียนดี โรงเรียนฉันก็ยินดีให้เธอข้ามชั้นขึ้นไปเรียนระดับมัธยมปลาย” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เซี่ยโม่น้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ บนโลกนี้ยังมีคนดีอยู่ ผู้อำนวยการเชื่อใจและให้โอกาสเด็กสาวธรรมดาอย่างเธอ
เธอค้อมกายแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณผู้อำนวยการมากค่ะ หนูยินดีรับการสอบค่ะ”
ผู้อำนวยการได้ฟังดังนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “งั้นเธอรอแป๊บหนึ่งนะ”
เขาเดินออกนอกห้องเพื่อไปตามคุณครูสองคนเข้ามา จากนั้นแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกับเด็กสาว “นี่คือนักเรียนคนนั้น พวกคุณลองให้เธอสอบดู”
คุณครูทั้งสองคนพร้อมกระดาษข้อสอบในมือกำลังมองเซี่ยโม่อย่างพิจารณา
สามารถให้ผู้อำนวยการไปตามพวกตนมาทำการสอบได้แสดงว่าต้องมีเส้นสาย หวังว่าข้อสอบที่นำมาจะไม่ยากเกินไป
คิดได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ใครใช้ให้ไปเร่งพวกเขามาทำการสอบแบบปุบปับกันล่ะ
“นักเรียน นี่คือข้อสอบ เธอลองทำดู”
คุณครูอีกคนก็เป็กังวลในเื่เดียวกับคุณครูคนแรก เขายื่นกระดาษข้อสอบให้ สีหน้าดูไม่ดีเท่าใดนัก
เซี่ยโม่รับกระดาษข้อสอบมา ฉบับหนึ่งคือวิชาภาษาและวรรณคดี ส่วนอีกฉบับคือวิชาคณิตศาสตร์
คำถามส่วนใหญ่ในข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์เป็เนื้อหาของชั้นมัธยมต้นปีที่สอง มีแต่สองข้อสุดท้ายเท่านั้นที่เห็นได้ชัดว่าเป็เนื้อหาของชั้นมัธยมปลาย ข้อสอบชุดนี้คงใช้สำหรับการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมปลาย
ข้อสอบวิชาภาษาและวรรณคดีถือว่ายากพอประมาณ เธอไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนวิชาคณิตศาสตร์เธอยกยิ้มมุมปาก แม้จะยากแต่ก็ไม่เกินความสามารถของเธอ
เซี่ยโม่ดึงความคิดกลับ เอ่ยอย่างมีมารยาทกับคุณครูทั้งสองคน “ได้ค่ะ หนูจะรีบทำเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เธอหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเริ่มลงมือทำข้อสอบ
ห้าสิบนาทีต่อมาเธอส่งกระดาษให้คุณครูทั้งสองคนซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง “คุณครูคะ หนูทำเสร็จแล้วค่ะ”
ทำเสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรือ?