สองเท้าเล็กๆ กำลังเดินไปบนพื้นดินที่ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ หญิงสาวชะงักเท้าและเผลอเหลือบมองไปด้านข้าง รู้สึกถึงใครบางคนที่ละลายความหวาดกลัวในใจของนางได้ นางเชื่อในสิ่งที่รู้สึกและมั่นใจว่าเขาจะตามหานางจนพบ เหมือนกับ... เหมือนกับที่เขาพบนางในเผ่าเอ้อหลุนชุนแห่งนี้
มือเรียวกำเศษผ้าชิ้นสุดท้ายในมือแน่น นางมองแผ่นหลังของหัวหน้าเผ่าเสือดำแล้วลอบมองไปทางซุนเย่ผิงที่ดูอิดโรยเพราะความตื่นตระหนก นางคอยบีบมือเด็กสาวไม่ให้กลัวจนเกินไป
“เพราะข้าแท้ๆ” ซุนเย่ผิงพึมพำเบาๆ มองฝ่ามือที่ถูกบีบกระชับเหมือนเรียกสติอยู่ตลอดเวลานั้นก็ทำให้หัวใจของนางเจ็บแปลบ ที่ผ่านมานางมองอิงฮวาในแง่ร้ายเสมอมา แต่กระนั้นอิงฮวาก็ยังกางแขนปกป้องนางสุดกำลัง ในเวลาแบบนี้ นางคงไม่เสแสร้งแกล้งทำตบตาอย่างแน่นอน
“ถ้าไม่เพราะข้าจะมาสักการะเทพูเา คงไม่เกิดเื่เช่นนี้” ซุนเย่ผิงกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“ท่านอย่าได้กล่าวโทษตัวเองเช่นนั้น” อิงฮวากระซิบพูด “ท่านทำเพื่อหัวหน้าโจว ความตั้งใจจริงครั้งนี้ ข้าเชื่อว่าเทพูเาจะช่วยให้เราปลอดภัยอย่างแน่นอน”
พูดจบนางก็มองไปทางหัวหน้าเผ่าเสือดำแล้วร้องเสียงหลงก่อนจะทรุดลงนั่งพับเพียบลงไปกับพื้น บุรุษร่างสูงหนาราวกับหมีป่าชะงักแล้วหันกลับมามองด้วยสายตาเกียจคร้าน มองหญิงสาวที่พูดมากนั่งลูบเท้าตัวเองป้อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นเดินต่อไปง่ายๆ เขาจึงจำใจหมุนตัวเดินย้อนกลับมาดูนาง
“เป็อะไร”
“ข้อเท้าแพลงเ้าค่ะ” อิงฮวาลูบเท้าไปก็แสร้งทำเป็เช็ดหางตา “ข้าน้อยไม่เคยเดินขึ้นเขา เผลอเดินสะดุดก้อนหินเข้าจนเท้าอยู่ในสภาพนี้”
หัวหน้าเผ่าเสือดำทำเสียงรำคาญในลำคอ เขาไม่มีทางลดเกียรติมาอุ้มผู้หญิงเป็แน่ กวาดตามองลูกน้องที่เดินประกบอยู่ แต่ละคนก็ไม่มีใครจะยอมมาอุ้มผู้หญิงให้เสียมือ
“ต้องขออภัยด้วย ข้าน้อยขอนั่งพักสักครู่เถิด ท่านหญิงเองก็เหน็ดเหนื่อยเช่นกัน”
หัวหน้าเผ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเอ่ยตอบ “ก็ได้ ครู่เดียวนะ”
“เ้าค่ะ”
แสดงกิริยาอ่อนน้อมจนอีกฝ่ายตายใจ ยอมให้นางรั้งเวลาอีกหน่อย นางเชื่อสุดใจว่าถ้าเขาเห็นว่านางยังไม่กลับไป จะต้องออกมาตามหาอย่างแน่นอน ขณะหาที่นั่งพักบนหญ้านุ่ม นางก็ลอบมองไปรอบๆ มีคนติดตามเพียงสิบกว่าคน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เห็นเกือบยี่สิบคน ไม่รู้แยกย้ายไปตอนไหน อิงฮวาอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสนใจ มือเรียวหยิบเศษผ้าชิ้นสุดท้ายออกมาอย่างลังเล ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปอีกไกลแค่ไหน นางจะหาอะไรมาแทนเศษผ้าดีล่ะ ขณะที่ครุ่นคิดแล้วเอาแต่ก้มหน้ามองเศษผ้าเช็ดหน้าในมือของตน มือใหญ่ก็มากระชากคว้าข้อมือข้างที่นางจับเศษอยู่แน่น เพียงออกแรงนิดเดียว ร่างเล็กที่นั่งอยู่ก็ลอยขึ้นมาทันที ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเสมอกลับตื่นตระหนกด้วยไม่คิดว่าจะถูกจับได้
“นี่อะไร!”
“มะ ไม่มีอะไร” อิงฮวาเจ็บข้อมือที่ถูกบีบรัด แต่ก็พยายามปรับสีหน้าไม่ให้ตื่นใ
“เ้าหลอกข้า!” ชายร่างใหญ่ตะคอกใส่ เสียงดังของเขาทำให้นกป่าพากันบินแตกกระเจิง “เ้าเห็นข้าโง่นักเรอะ!”
คราวนี้หญิงสาวไม่อาจสะกดความเจ็บที่ข้อมือของตนได้ นางจึงร้องออกมาอย่างสุดกลั้น ราวกับได้ยินเสียงกระดูกข้อมือลั่นเปรี๊ยะ! และในพริบตาเขาก็ปล่อยข้อมือนางออก ทิ้งร่างเล็กให้ร่วงผล็อยลงกองกับพื้น ซุนเย่ผิงรีบเข้าประคองอิงฮวาทันที
“ใคร!”
หัวหน้าเผ่าเสือดำะโลั่น แล้วกวาดสายตาไปทั่ว ก่อนจะมองหลังมือของตนที่มีมีดสั้นปักคาอยู่ ใบหน้าเหี้ยมปรากฏรอยยิ้มชวนสยอง มองมีดสั้นนั้นแล้วดึงมันออกราวกับเห็นเสี้ยนที่ตำมือ ส่งเสียงหัวเราะลั่น
“คงเป็เ้าสินะ เ้าสุนัขรับใช้ทางการ!”
พูดยังไม่ทันจบประโยคดี หัวหน้าเผ่าเสือดำก็เห็นกิ่งไม้ขนาดใหญ่พุ่งตรงมาทางเขา แม้จะมีร่างกายสูงใหญ่แต่ก็เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว กระโจนม้วนตัวหลบได้ทัน ทว่าลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังมัวแต่ตะลึงจึงถูกกิ่งไม้แทงทะลุทรวงอกลงไปกองกับพื้นพร้อมเืสดๆ ที่ไหลออกมา
“จินปู๋!”
ทั้งสองสาวส่งเสียงพร้อมกันเมื่อเห็นร่างใหญ่ั์ของจินปู๋วิ่งฝ่าพุ่มไม้หนาตาออกมาจากไหนไม่รู้ จากที่ก่อนหน้านี้เขาเหมือนเด็กที่ถูกรังแกแล้วเอาแต่ร้องไห้ แต่เวลานี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ใช้เพียงมือเปล่าสองมือ เหนี่ยวกิ่งไม้ใหญ่หักลงง่ายดาย แล้วขว้างใส่อีกฝ่ายแทนหอกหรือทวน หัวหน้าเผ่าเสือดำตั้งหลักได้ก็ชักดาบเล่มโตออกมา เืจากหลังมือไหลย้อนมาที่ท้องแขน แล้วยกขึ้นป้องกันกระบี่ที่พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
“จมูกดีนัก! ตามมาได้เร็วนี่!” หัวหน้าเผ่าเสือดำแสยะยิ้มข่มขวัญคนที่ถือกระบี่หมายเอาชีวิตเขา
“เห็นทีวันนี้ต้องจัดการให้หมดสิ้นเสี้ยนหนามเสียที!”
จ้าวจิ่นสือขบกรามแน่นจนเป็สันนูน กระบี่ของเขาแลดูบางกว่า แต่เมื่อปะทะกับดาบของหัวหน้าเผ่าเสือดำเกิดเสียงกึกก้องดุจเสียงอสนีบาต แม้เขาจะผอมบางกว่าอีกฝ่าย ทว่าวรยุทธ์ที่ไม่เป็รองผู้ใดก็ต่อสู้กับหัวหน้าเผ่าทัดเทียมไม่ด้อยแม้แต่น้อย
“ท่านหญิง รีบหลบก่อนเถิด”
เพราะเกรงว่าหัวหน้าเผ่าเสือดำจะใช้พวกนางเป็เครื่องต่อรองจึงไม่้าเป็ภาระให้กับจินปู๋และจ้าวจิ่นสือ อิงฮวานิ่วหน้าเพราะความเจ็บ ตอนนี้นางไม่ได้เจ็บเท้าเล่นๆ อีกแล้ว เพราะตอนที่ถูกปล่อยตัว ร่างนางกระแทกพื้น ซุนเย่ผิงเห็นอิงฮวาเจ็บแทนตนเองก็รีบประคองให้อิงฮวาลุกขึ้น แล้วสองสาวก็ประจันหน้ากับลูกน้องเผ่าเสือดำที่กระโจนมาขวางทาง อิงฮวาเอาตัวเองบังซุนเย่ผิงไว้ ชายผู้หนึ่งพุ่งตัวมาหมายจะจับนาง แต่อิงฮวาย่อตัวหลบ มือข้างหนึ่งกำดินร่วนแล้วสาดใส่ตาของคนที่จะพุ่งมาทำร้ายนาง เศษดินเข้าตาทำให้พวกมันชะงักแล้วร้องโวยวาย อิงฮวาดึงมือซุนเย่ผิงออกวิ่งไปด้านหน้า ผลักหลังของนางไปสุดแรง จินปู๋ที่หันมาเห็นพอดีรีบะโเข้าไปอุ้มซุนเย่ผิงไว้ทันที ทำให้ลูกน้องของเผ่าเสือดำทำอะไรนางไม่ได้
หางตาของจ้าวจิ่นสือเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่สู้ติดพันกับหัวหน้าเผ่า จินปู๋ปกป้องซุนเย่ผิงได้ แต่มู่ฟางเหนียงกลับถูกคนไล่ต้อน นางวิ่งหนี แม้เขาอยากจะไปหา แต่ติดที่ดาบของอีกฝ่ายก็หมายชีวิตเขาเช่นกัน
คล้ายเลือนรางคล้ายแจ่มชัด หญิงสาวรู้สึกราวกับตนเองเคยวิ่งหนีแบบนี้มาก่อน ชายหลายคนวิ่งไล่ตามล่านาง ดาบในมือคนเ่าั้้าชีวิตนาง!
‘ข้าไม่รู้จักพวกท่าน ไยจึงหมายเอาชีวิตข้า’
‘เ้าไม่จำเป็ต้องรู้จักข้า ข้าแค่รับเงินมาเอาชีวิตเ้าเท่านั้น’
‘ต้องมีเื่เข้าใจผิดแน่ๆ ข้ามิเคยล่วงเกินผู้อื่น’
‘ผิดแล้ว เ้าใช้มารยาหญิงล่อลวงสามีผู้อื่น เ้าเป็หญิงแพศยา’
“ฟางเหนียง!!!”
หญิงสาวผวาเฮือก นางหันไปตามเสียงที่ได้ยิน มองเห็นชายผู้นั้นอยู่ไกลๆ ลูกน้องสองคนมุ่งมาทางนาง ยื่นมือมาจะคว้าตัวนางไว้ หญิงสาวถอยหลังหนี ทว่านางกลับสะดุดก้อนหิน ร่างบางกลิ้งร่วงลงไปตามแนวลาดชันของทางขึ้นเขา
ไม่มีเวลาอีกแล้ว หัวใจของจ้าวจิ่นสือราวกับถูกฉีกเมื่อเห็นร่างเล็กกลิ้งหายไปจากสายตา เขากำลังจะกระโจนไปช่วยมู่ฟางเหนียง แต่ถูกสกัดไว้ก่อน ไอทมิฬแผ่กระจาย แววตาวาวโรจน์
“เป็เ้าที่ร้องขอความตายจากกระบี่ของข้า!!”
เขาหันกลับเพียงนิดเดียวก็ตวัดกระบี่ปะทะกับดาบของหัวหน้าเผ่าเสือดำ ด้วยกำลังภายในที่ส่งผ่านทำให้ดาบเล่มโตหัก แรงสั่นะเืทำให้เ้าของดาบไม่อาจจับด้ามดาบไว้ได้มั่น พลิ้วตัวอีกครั้งกระบี่ของเขาก็แทงทะลุตัดขั้วหัวใจทันที
จ้าวจิ่นสือหมุนตัวกลับ ไม่รอดูร่างใหญ่ที่โงนเงนส่งเสียงคำรามด้วยความเ็ปก่อนจะล้มตึงลงไป เหล่าลูกน้องคนสนิทเห็นเข้าก็ทำอะไรไม่ถูก เข้าไปรุมล้อมร่างหัวหน้าเผ่า เฝ้ามองจนลมหายใจหมดไปแล้วจึงแหงนหน้าส่งเสียงร้องโหยหวนเ็ป พากันหามร่างของหัวหน้าเผ่าหายไปในป่าราวกับไม่เคยมีการนองเืเกิดขึ้นที่นี่
“ท่านหญิง ท่านาเ็หรือไม่” จินปู๋คลายวงแขนออก เขากอดนางเหมือนแม่ไก่ที่กางปีกปกป้องลูกไก่ ซุนเย่ผิงส่ายหน้าเร็วๆ แต่ใบหน้ายังซีดด้วยความใ
“อิงฮวา” นางเป็ห่วงหญิงสาวอีกคน “เ้ารีบไปตามหานางเร็วเข้า”
จินปู๋พยักหน้ารับ แต่พอลุกขึ้นยืนและหันหลังให้ ซุนเย่ผิงถึงกับกรีดร้องด้วยความใ แผ่นหลังของเขาชุ่มโชกไปด้วยเื ซ้ำยังมีมีดปักอยู่อีกด้วย
จ้าวจิ่นสือใช้วิชาตัวเบาแทบจะเหาะเหินเหยียบยอดไม้แล้วลงไปหาหญิงสาว เขาะโเรียกแต่ไร้เสียงตอบรับ สายตาราวสัตว์าเ็กวาดมองหาร่างของมู่ฟางเหนียง จนกระทั่งเห็นร่างของหญิงสาวหมดสติอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ เขารีบเข้าไปประคองทันที
“ฟางเหนียง ข้ามาแล้ว ฟางเหนียง” เขาเรียกสติของนาง ทว่าเมื่อมือที่ประคองศีรษะของนางให้อิงแนบอกกลับััได้ถึงน้ำเหนียวข้น เขายกฝ่ามือขึ้นดูจึงรู้ว่าเป็เื!
“ฟางเหนียง เ้าอดทนหน่อย ข้าจะพาเ้ากลับบ้าน เ้าห้ามเป็อะไรไปเด็ดขาด”
ตนเองไร้าแ แต่เ็ปเจียนตาย หากเป็ไปได้ เขาขอเป็คนเจ็บเองเสียยังดีกว่า เขาประคองนางไว้ จี้สกัดจุดห้ามเืแล้วรีบพานางกลับขึ้นไป โชคดีที่นางไม่ได้กลิ้งตกหุบเขาไป เพียงหล่นอยู่ขอบทาง แต่าแของนางก็ไม่อาจรั้งรอได้ เมื่อกลับขึ้นมาแล้วก็สั่งเร่งรีบออกจากป่าไปที่ม้าของตนทันที
“ท่านรีบพาอิงฮวาไปเถอะ ข้าจะกลับพร้อมจินปู๋เอง”
ซุนเย่ผิงร้องบอกให้เขาพานางกลับไปก่อน เขาพยักหน้ารับ แล้วหันไปกำชับกับจินปู๋อีกครั้ง
“ข้าจะพานางไปบ้านหมอผู้เฒ่า เ้าคุ้มกันท่านหญิงกลับคฤหาสน์ตระกูลโจว”
“รับทราบ”
เพราะความเป็ห่วงทำให้เขาไม่ทันสังเกตการเปลี่ยนแปลงของจินปู๋ รวมทั้งไม่เห็นาแของเขาด้วย มีเพียงซุนเย่ผิงที่ยืนมองจ้าวจิ่นสืออุ้มอิงฮวาที่หมดสติกระโจนหายไปจากสายตาแล้ว นางก็ยกมือขึ้นแตะจินปู๋เบาๆ
“เ้าก็ต้องรักษาแผลตัวเองเช่นกัน”
นางไม่เชื่อหรอกว่าจินปู๋จะไม่เ็ปอะไร เขาเอาตัวเองมาบังร่างให้นาง เขาอาจเป็คนที่มีพละกำลังมากที่สุด และถูกตราหน้าว่าโง่ที่สุด แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าเขามีน้ำใจงดงามที่สุดเช่นกัน รวมทั้งหญิงสาวผู้นั้นที่ปกป้องนางจนตัวเองต้องได้รับาเ็ บทเรียนครั้งนี้ทำให้ซุนเย่ผิงสำนึกผิดจนไม่อาจจะหาวิธีใดมาลงโทษตัวเองให้สาสมได้เลย