เดิมได้ยินมู่จื่อหลิงพูดว่าเสี่ยวไตกูสามารถถอนกู่ได้ เล่อเทียนก็รู้สึกว่าประหลาดมากพอแล้ว เขาสงสัยมาโดยตลอดว่าคางคกม่วงเป็สิ่งมีชีวิตประเภทใดกันแน่ จึงได้ต่อกรกับกู่ได้
วันนี้ได้พบก็สมคำร่ำลือจริงๆ ทำให้เขาชื่นชมอย่างเงียบไม่หยุด
เ้าเสี่ยวไตกูนี่ช่างเฉลียวฉลาดนัก!
“หวางเฟย ให้ข้าน้อยดูเสี่ยวไตกูหน่อย” ดวงตาทั้งสองของเล่อเทียนทอประกายอย่างอัศจรรย์ใจ อดไม่ได้ที่จะประคองมือทั้งสองข้างของมู่จื่อหลิง เตรียมรับเสี่ยวไตกู
มู่จื่อหลิงเห็นท่าทีดวงตาเป็ประกายของเล่อเทียน ในใจก็ลอบขบขัน แต่ก็ยังให้เสี่ยวไตกูะโไปในมือของเล่อเทียน
เล่อเทียนเอียงศีรษะพินิจพิเคราะห์เสี่ยวไตกูในมือโดยละเอียด กล่าวชื่นชมเจื้อยแจ้วอย่างไม่รู้ตัว “เป็ครั้งแรกที่ผู้น้อยเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กแสนรู้เพียงนี้ ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”
เขาชะงักไป ถามเสียงอ่อยว่า “หวางเฟย เ้าเสี่ยวไตกูนี่มิใช่อาจารย์ท่านส่งมากระมัง?”
มู่จื่อหลิงยกมุมปากจนตาหยี ตอบอย่างมั่นใจ “อืม เป็เขาส่งมา มีปัญหาอะไรหรือ?”
ระดับการโกหกของนางนั้นได้บรรลุจนถึงระดับสุดยอดแล้ว ยามนี้เมื่อพูดถึงอาจารย์ที่ไม่มีตัวตนของนางหน้าก็ไม่แดง ใจไม่เต้น พูดได้อย่างเป็ธรรมชาติ
มีปัญหา ย่อมมีปัญหา ปัญหาใหญ่มากๆ เสียด้วย!
ดูสิ อาจารย์คนอื่นเขาดีต่อลูกศิษย์มากมายนัก! ส่งของดีๆ มาให้เยอะแยะ แต่ละชิ้นล้วนหายากและล้ำค่า
ไม่เพียงแค่ฝีมือการรักษาที่ดี สิ่งของก็ยังหายาก นี่ทำให้แพทย์ทุกคนอิจฉาจนต้องร้องไห้
แล้วมาดูอาจารย์ชราหัวดื้อของเขาผู้นั้น นอกจากให้ตำราแพทย์ขาดๆ ไม่กี่เล่มแล้ว ก็ไล่เขาลงมาจากูเาโดยไร้ความปรานี ให้เขาเป็ไปตามยถากรรม หลายปีมานี้ล้วนไม่สนใจไยดี
เมื่อเทียบกับผลประโยชน์นี้แล้ว ห่างกันราวฟ้ากับเหว
เฮ้อ เหตุใดเขาจึงมิได้พบเื่ราวที่วิเศษเช่นนี้ ผลประโยชน์ที่ดีเพียงนี้
เมื่อนำตนไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น ก็โมโหจนจะกระอักเื
เล่อเทียนเหม่อมองฟ้าอย่างอับจนวาจา ในสมองเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ หากวันใดเขาได้พบเื่ราวสุดมหัศจรรย์ ได้พบอาจารย์ลึกลับผู้นั้นจะดีสักเพียงใด!
หากไป๋หลี่ฉิวที่อยู่บนยอดเขาหลิงซานอันห่างไกลได้ยินคำที่เล่อเทียนพูดกับตนเองในใจก็ไม่รู้จะโมโหจนกระอักเืหรือไม่
ไม่เพียงแค่เล่อเทียนที่รู้สึกไม่อยากเชื่อ มู่เจิ้นกั๋วในใจก็สงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว
ตัวตนของคนที่มู่จื่อหลิงกราบไหว้เป็อาจารย์ผู้นั้นเป็เช่นใดกันแน่?
เพียงแค่ดูที่หลิงเอ๋อร์ค้นพบอาการป่วยของหลี่เอินได้อย่างง่ายดายแล้ว แล้วยังมีคางคกม่วงตัวนั้นอีก เขาแน่ใจได้เลยว่าอาจารย์ของมู่จื่อหลิงจะต้องไม่ธรรมดา
ต้องโทษที่หลายปีมานี้เขาใส่ใจมู่จื่อหลิงน้อยนัก หลายปีนี้เกิดสิ่งใดขึ้นกับมู่จื่อหลิงบ้าง เขาก็รู้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เขาช่างเป็บิดาที่ไม่ได้เื่จริงๆ
มู่จื่อหลิงกลับไม่รู้เลยว่า อาจารย์ไร้ตัวตนที่นางสร้างขึ้นมาลอยๆ นั้น วันหน้าจะทำให้คนจำนวนมาก สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงและทรัพยากรจำนวนมากไปเพื่อค้นหาสืบเสาะ
มู่จื่อหลิงมองเล่อเทียนอย่างทั้งจนปัญญาทั้งขบขัน แล้วดีดนิ้วด้วยมือข้างเดียว ทำลายความฝันแสนหวานของเขา “กลางวันเช่นนี้ อย่าได้ฝันเลย ส่งเสี่ยวไตกูมาให้ข้า”
นางยังต้องเข้าไปสกัดลมหายใจของเสี่ยวไตกูออกมาเป็ยาควบคุมกู่ควบคุมใจในระบบซิงเฉิน
ถูกปลุกขึ้นมาจากความฝันอันงดงาม
เล่อเทียนคืนเสี่ยวไตกูให้กับมู่จื่อหลิงอย่างอาลัยอาวรณ์ สายตาเล่อเทียนกลับจับจ้องอยู่โดยตลอด
มู่จื่อหลิงเก็บเสี่ยวไตกูเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วหยอกล้ออย่างอารมณ์ดีและขบขัน “เอาล่ะ รอถอนพิษให้มารดาข้าแล้ว ข้าจะมอบน้ำยาหลิงอวิ้นให้อีกสองสามขวด ปลอบประโลมใจที่เ็ปของเ้า”
เล่อเทียนได้ยินดังนั้น ดวงตาก็ทอประกายเจิดจ้า ข่มความยินดีในใจเอาไว้ “เช่นนั้นข้าน้อยก็ต้องขอบพระทัยความปรารถนาดีของหวางเฟยไว้ก่อน”
มู่จื่อหลิงเพียงแย้มยิ้ม ไม่พูดจา
โฉมหน้าที่แท้จริงของเล่อเทียน นางมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
หมอนี่แม้ภายนอกจะสุภาพเรียบร้อย แต่ในใจมักจะทำเื่น่าขบขันที่ไม่สอดคล้องกับภายนอกของเขาเป็ที่สุด ทำให้คนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
จริงดังคาด มิอาจถูกภายนอกที่งามสง่าของเขาทำให้สับสนงงงัน ดูคนก็ยังต้องดูไปทีละก้าวถึงจะเป็รูปธรรมหน่อย
“หวางเฟย ก...การควบคุมหนอนพิษนี้จะทำอย่างไร?” เล่อเทียนเกือบหลุดปากพูดออกไป แต่ยังเปลี่ยนคำได้ทันเวลา แล้วเขาก็นำกล่องของกู่ควบคุมใจออกมา
เนื่องจากมู่เจิ้นกั๋วยังอยู่ เล่อเทียนจึงพูดว่าหนอนกู่เป็หนอนพิษได้อย่างชาญฉลาด
อย่างไรเสียหนอนกู่ก็มิใช่หนอนพิษธรรมดาทั่วไป เพียงแค่ได้ยินการมีอยู่ของมันในแผ่นดินใหญ่ิเยว่ก็ทำให้คนเปลี่ยนสีหน้าได้
“เ้าผสมหนอนพิษกับน้ำให้มารดาข้าดื่มลงไป แล้วค่อยใช้การโคจรลมปราณชักนำหนอนพิษไปยังเส้นลมปราณในร่างกายนาง จากนั้นข้าจะฝังเข็มทองลงไปบนจุดลมปราณทั้งสิบสองจุด ไม่นานก็จะสามารถนำหนอนพิษออกมาได้แล้ว” มู่จื่อหลิงอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย โยนแว่นตาความคมชัดสูงให้เล่อเทียน
เล่อเทียนพยักหน้า สวมใส่แว่นตาคมชัดสูง ปฏิบัติตามวิธีการที่มู่จื่อหลิงพูดทีละขั้นตอน
และมู่จื่อหลิงก็ฟุบลงบนโต๊ะไม้จันทน์เข้าสู่ห้วงนิทราไปสกัดยาในระบบซิงเฉิน
เพราะมู่จื่อหลิงรู้ว่าร่างกายของหลี่เอินในยามนี้บวมจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว เล่อเทียนปฏิบัติงานคนเดียวคงลำบาก ดังนั้นจึงให้มู่เจิ้นกั๋วอยู่ช่วยเหลือ
มู่เจิ้นกั๋วมองเล่อเทียนนำกล่องเปล่าเทลงไปในแก้วน้ำอย่างไม่เข้าใจ “ท่านหมอเล่อ กล่องนี้ไม่มีอะไร เหตุใดยังเทเปล่าๆ ลงไปในแก้วน้ำ?”
เล่อเทียนแย้มยิ้ม ชี้ไปที่แว่นตาที่สวมอยู่บนใบหน้าตนเอง อธิบายอย่างง่ายๆ ว่า “ในนี้ล้วนเป็หนอนพิษ เพราะหนอนพิษนี้เล็กจนมิอาจมองเห็นถึงสามารถเข้าไปในเส้นลมปราณได้ ดังนั้นจึงต้องสวมเ้าสิ่งนี้ถึงจะมองเห็น”
“เ้าสิ่งนี้มหัศจรรย์ปานนี้เลย?” มู่เจิ้นกั๋วตื่นใ
เ้าสิ่งมหัศจรรย์ประเภทนี้ เขามีชีวิตอยู่มาหลายสิบปีแล้วก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“ข้าน้อยเองก็พึ่งพาบุญวาสนาของหวางเฟย ถึงได้โชคดีได้เห็นสิ่งล้ำค่ามากมาย แม่ทัพมู่มีบุตรสาวที่ดีเช่นนี้ ช่างโชคดีจริงๆ!” รอยยิ้มของเล่อเทียนอบอุ่นราววสันตฤดู
คำพูดนี้ของเล่อเทียนแม้จะเป็คำสรรเสริญ แต่มาจากใจจริงๆ
ความเลื่อมใสในใจเขาที่มีต่อมู่จื่อหลิงในยามนี้พุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุด หากเพิ่มขึ้นอีกนิดก็คงถึงขั้นกราบไหว้แล้ว
ใบหน้าของมู่เจิ้นกั๋วปรากฏความเสียใจ เขาถอนหายใจ “หลิงเอ๋อร์เป็เด็กดี แต่ชายชราเช่นข้ากลับมิใช่บิดาที่ดี”
“แม่ทัพมู่ไม่จำเป็ต้องเศร้าเสียใจเช่นนี้ เชื่อว่าหวางเฟยคงเข้าใจ ลูกหลานย่อมมีโชคดีเป็ของตน อย่างน้อย นางในยามนี้หาที่พึ่งพิงที่ดีได้แล้ว มิใช่หรือ?” รอยยิ้มเล่อเทียนยังคงเหมือนลมในวสันตฤดู แววตาเจือไปด้วยความกว้างไกล
มู่เจิ้นกั๋วคลำเคราแพะอย่างใช้ความคิด เขาไหนเลยจะไม่รู้ความหมายในคำพูดของเล่อเทียน
แต่เดิมเป็การสมรสที่ไทเฮาประทานให้ เป็การแต่งงานทางการเมือง เขาจึงมิกล้ากอดความคิดเพ้อฝันเอาไว้ เพียงหวังแต่ว่าให้มู่จื่อหลิงมีชีวิตที่สงบสุข
ทว่าท่าทีของฉีอ๋องต่อมู่จื่อหลิงในไม่กี่วันนี้ เขาก็เห็นอยู่ในสายตา จดจำไว้ในใจ หลงเซี่ยวอวี่เป็ผู้ที่ควรค่าแก่การปลูกฝังจริงๆ ถ้ามู่จื่อหลิงสามารถใช้ชีวิตดีๆ ได้ เขาก็ไร้ความเสียใจ
“แม่ทัพมู่ พยุงฟูเหรินขึ้นมา” เล่อเทียนพูดทันทีโดยไม่เกรงใจ
หลังจากเล่อเทียนป้อนกู่ควบคุมใจให้หลี่เอิน เขาก็นั่งขัดสมาธิลงหลับตาแน่นในทันที
เข้าสู่สภาวะมีสมาธิที่กลั้นหายใจ ฝ่ามือใหญ่แนบแผ่นหลังบวมของหลี่เอิน และทำท่าทียกปลายนิ้วขึ้น
ผ่านการชักนำให้แพร่กระจาย ครึ่งชั่วยามกู่ควบคุมใจก็กระจายไปทั่วจุดลมปราณทั่วร่างกายของหลี่เอิน
หลังจากเล่อเทียนฝังหนอนพิษเข้าไปในจุดลมปราณทั่วร่างของหลี่เอินแล้ว มู่จื่อหลิงก็สกัดยาในระบบซิงเฉินจนเสร็จ ลืมตากลับมาที่ปัจจุบัน
เล่อเทียนพูดกับมู่จื่อหลิงว่า “หวางเฟย หนอนพิษกระจายไปทั่วร่างฟูเหรินแล้ว ไม่ขาดไปแม้สักที่”
มู่จื่อหลิงพยักหน้า “อืม ลำบากเ้าแล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไป ส่งต่อให้ข้า”
ยามนี้กู่ควบคุมใจแพร่กระจายไปทั่วทุกที่ในร่างหลี่เอินแล้ว มู่จื่อหลิงตรวจอีกรอบโดยละเอียด หลังจากแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ จึงเริ่มฝังเข็มสีทอง
มือฝังเข็มลงไป สีหน้ามู่จื่อหลิงฉายแววมีสมาธิ ละเอียดรอบคอบ จิตใจจดจ่อ
เล่อเทียนจดจ้องวิธีฝังเข็มของมู่จื่อหลิงอยู่นาน
ั้แ่เล่อเทียนร่ำเรียนการแพทย์มาหลายปี เคยเห็นคนที่มีทักษะฝังเข็มที่แปลกประหลาดเพียงนี้แค่คนเดียวก็คืออาจารย์ของเขา
หากไม่มีทักษะการแพทย์มาหลายสิบปี ก็ไม่สามารถทำให้คนฝึกศาสตร์แห่งการฝังเข็มออกมาได้อย่างเป็จังหวะที่น่าชื่นชมเช่นนี้
คิดไม่ถึง มู่จื่อหลิงอายุยังน้อยก็มีทักษะการฝังเข็มที่น่าประหลาดใจ จนทำให้คนตกตะลึง ชื่นชมไม่ขาดสาย
ไม่นาน จุดลมปราณสำคัญของหลี่เอินทั้งสิบสองจุดก็เต็มไปด้วยเข็มสีทองที่เป็ระเบียบ
ตามมาด้วย
ผิวพรรณที่ขาวราวกับหยกของหลี่เอินก็เริ่มเป็สีดำทีละนิด ราวกับว่าโลหิตสีดำกำลังอยู่ทั่วบริเวณที่อยู่ภายใต้ิับางๆ
มู่จื่อหลิงหาอ่างสีทองแดงมาวางข้างเตียงหลี่เอิน แล้วนางก็นำเข็มสีทองออกมาจิ้มไปบนนิ้วทั้งห้าบนมือหนึ่งข้าง
ในทันทีทันใดนั้น
รูเข็มทั้งห้าก็มีโลหิตสีดำราวน้ำหมึกพุ่งออกมา โลหิตสีดำนั้นเหมือนกับน้ำพุขนาดเล็ก พุ่งลงไปในอ่างทองแดงติดต่อกันไม่ขาดสาย
อาการบวมของร่างกายหลี่เอินก็ค่อยๆ หายบวมอย่างช้าๆ ด้วยความเร็วในระดับที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ไม่นานนัก อ่างทองแดงก็เต็มไปหนึ่งอ่าง
พวกนี้ล้วนมีพิษกัดกร่อนเซลล์ผสมอยู่ด้วย เมื่อพิษออกมาแล้ว ร่างกายของหลี่เอินย่อมกลับไปสู่รูปร่างเช่นเดิม
แม้มู่เจิ้นกั๋วที่อยู่ด้านข้างจะไม่ได้พูดสิ่งใด แต่ทุกการกระทำของมู่จื่อหลิงก็ล้วนอยู่ในสายตาเขา ดวงตาลุ่มลึกเป็แววรู้สึกผิดและสงสาร
เล่อเทียนมองอ่างที่เต็มไปด้วยโลหิตสีดำอันน่าตื่นใ ถามว่า “หวางเฟย โลหิตสีดำในอ่างนี้ล้วนแต่เป็พิษกัดกร่อนเนื้อหรือ?”
“อืม ขับพิษทั้งหมดในร่างกายท่านแม่ข้าออกมาหมดแล้ว ยามนี้ก็ควรขับหนอนพิษได้แล้ว” มู่จื่อหลิงพูดอย่างเยือกเย็น การกระทำในมือยังคงไม่หยุด
ไม่ได้เกินไปหนึ่งนาที และไม่ขาดไปแม้แต่วินาที
ควบคุมเวลาได้อย่างพอเหมาะพอดี
มู่จื่อหลิงก็ป้อนยาที่ผสมลมหายใจของคางคกม่วงให้ไปละลายในปากของหลี่เอิน
เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั้งสิบสองจุดลมปราณที่เต็มไปด้วยเข็มสีทองที่สั่นะเืราวข้าวสาลีที่ถูกลมพัดไหวต่อเนื่องกันจนเป็ระลอก ปลายเข็มเองก็สั่นตามไปด้วยอย่างควบคุมไม่ไหว
มู่จื่อหลิงรู้ว่ากู่ควบคุมใจในกายของหลี่เอินได้กลิ่นแล้วเกิดหวาดกลัว จึงวิ่งพล่านไปทั่วทุกที่เพื่อหาทางออก
กู่ควบคุมใจไม่เหมือนกู่ปรสิตในตัวหลงเซี่ยวหนาน
กู่ควบคุมใจในยามนี้ล้วนผสมอยู่ในเืของหลี่เอินจึงมองไม่ออก ดังนั้นพวกมันที่ได้กลิ่นและหวาดกลัว จึงจำต้องออกมาจากท้องนิ้วที่ถูกเข็มปักเข้าของหลี่เอิน
มู่จื่อหลิงนำผ้าขนหนูเปียกมาเช็ดนิ้วของหลี่เอินให้สะอาด ย้ายอ่างทองแดงออกเปลี่ยนเป็ภาชนะขนาดเล็ก แล้วนำเสี่ยวไตกูไปไว้้า
เสี่ยวไตกูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองไปที่นิ้วมือทั้งห้าของหลี่เอินอย่างน้ำลายไหล รอกู่ควบคุมใจออกมา...
มู่จื่อหลิงตรวจสอบร่างกายของหลี่เอินโดยละเอียดอีกครั้ง
ยามนี้พิษที่กัดกินเซลล์ของหลี่เอินถูกกำจัดออกทั้งหมดแล้ว นางเกรงว่าพิษในพิษจะปรากฏพิษชนิดใหม่ขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ดังนั้นมู่จื่อหลิงจึงต้องเฝ้าระวังอยู่เป็นิจ!
ในยามนี้ ท้องนิ้วที่มีรูพิษทั้งห้าของหลี่เอินก็มีเืสีแดงสดออกมาทีละหยด
กู่ควบคุมใจก็ไหลออกมาตามโลหิตที่ไหลออกมาเป็หยดๆ เช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้