“แย่แล้ว!”
ชายชุดดำที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่เฉียวจิ้งยวนรับรู้ได้ถึงอันตรายจากเื้ั จึงก้มตัวลงพื้นอย่างว่องไวด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ หลบกำปั้นที่จู่โจมโดยเยี่ยเฉินเฟิงด้วยท่าทางพิลึก
ถึงแม้เขาจะหลบการโจมตีตรงๆ พ้น แต่แรงดันอากาศจากหมัดของเยี่ยเฉินเฟิงก็ทรงพลังมากพอจะทำให้เขาเืลมแปรปรวน หายใจติดขัดอย่างยากลำบาก
“เ้า เ้าเป็ใคร?”
ชายชุดดำหอบหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อสะกดอาการเืลมตีกลับภายในร่างกาย เหลือบมองเยี่ยเฉินเฟิงที่แปลงโฉมแล้วด้วยความหวาดผวา เอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
เฉียวจิ้งยวนที่กำลังสิ้นหวัง เมื่อได้เห็นเยี่ยเฉินเฟิงที่ปรากฏตัวในยามคับขันราวกับเซียนลงจาก์ แววตาที่มอดดับไปแล้วก็พลันเปล่งประกายมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
นางจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา ส่วนลึกของจิตใจก่อเกิดเป็ความคุ้นเคยบางอย่างราวกับพวกเขาทั้งคู่เคยรู้จักกันมาก่อน
“คนที่จะฆ่าเ้า”
น้ำเสียงที่ตอบอีกฝ่ายเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ถึงเยี่ยเฉินเฟิงจะไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเฉียวจิ้งยวนทั้งที่นางเย่อหยิ่งและหลงใหลในลาภยศ แต่เขาก็ไม่คิดจะมองดูนางตกนรกทั้งเป็โดยที่ไม่ทำอะไรเลยเช่นนี้ไม่ได้หรอก
“อย่างเ้าน่ะรึ”
หลังจากสงบจิตสงบใจได้สักพัก ชายชุดดำก็พบว่าระดับพลังิญญาที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเยี่ยเฉินเฟิงไม่ได้สูงส่งอะไร อีกทั้งยังห่างไกลกับระดับของตนอยู่มากโข จึงลอบพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก บังคับจิตอสูรหมีดำให้หลอมรวมเข้ากับร่างกายเพื่อเพิ่มระดับพลังิญญาของตน แล้วกวัดแกว่งกระบองยาวสีดำเล็งโจมตีศีรษะของอีกฝ่าย
เยี่ยเฉินเฟิงไม่คิดจะหลบการโจมตีของชายชุดดำที่ควงกระบองพุ่งเข้ามา กลับกันเขาเลือกที่จะใช้หมัดปะทะกับเงากระบองอันรวดเร็วและดุดัน
เมื่อเห็นดังนั้น ชายชุดดำก็แสยะยิ้มชั่วร้ายด้วยความลำพองใจ “คิดจะใช้กำปั้นต้านทานกระบองอสรพิษของข้าเรอะ หากแขนเ้าไม่ถูกทุบตีจนแตกหัก ข้าจะยอมร่วมแซ่กับเ้าเลย”
ความหวังที่ปรากฏขึ้นในใจของเฉียวจิ้งยวนสูญสลายในทันที สำหรับนางการใช้กำปั้นสู้กับการโจมตีสุดกำลังของชายชุดดำ ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเลยสักนิด
“โครม!”
กำปั้นหนักหนึ่งพันห้าร้อยจินของเยี่ยเฉินเฟิงปะทะเข้ากับกระบองอสรพิษทมิฬที่หวดลงมา ตามด้วยเสียงสิ่งของบางอย่างแตกหักดังลั่น
เพียงแต่สิ่งที่แตกออกเป็เสี่ยงๆ ไม่ใช่กำปั้นของเยี่ยเฉินเฟิง แต่เป็กระบองอสรพิษทมิฬลายเกล็ดงูในมือของชายชุดดำแทน
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชุดดำแข็งค้างอย่างเฉียบพลัน แรงสะท้อนขุมใหญ่ไหลผ่านกระบองเหล็กดำไปที่มือของเขา สั่นะเืรุนแรงจนจุดหูโข่ว[1]ของเขาเป็แผลฉีกขาดจนแทบจะประคองกระบองอสรพิษทมิฬต่อไม่ไหว
ครู่ต่อมา ขาข้างขวาของเยี่ยเฉินเฟิงก็ประทับลงไปบนพื้น บังเกิดเสียงทุ้มหนักขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
ร่างของเขาเคลื่อนย้ายไปใกล้ชายชุดดำราวกับเกาทัณฑ์ที่ถูกยิงออกจากคันศร ใช้ไหล่ที่มีพละกำลังหนักสองพันจินทำลายการป้องกันของจิตอสูรและกระแทกหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง โดยไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสตั้งรับเป็ครั้งที่สอง
“พรวด”
หน้าอกของชายชุดดำยุบลงไปเป็แอ่ง กระดูกซี่โครงแตกหักไปหลายท่อน พ่นเืกระอักใหญ่ออกจากปากอย่างมิอาจควบคุม ร่างลอยเคว้งตามแรงกระแทกจากไหล่ของเยี่ยเฉินเฟิง ตีวงโค้งอย่างงดงามแล้วตกกระแทกพื้นอย่างเต็มแรง
ชายชุดดำหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญหายเมื่อถูกอีกฝ่ายทำให้าเ็สาหัส เขายืมพลังจากจิตอสูรฝืนยับยั้งอาการาเ็ในร่างกายเอาไว้ ก่อนจะหมุนตัวะโหนีเข้าไปในพุ่มไม้รกชัฏที่อยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นว่าชายชุดดำหลบหนี เยี่ยเฉินเฟิงจึงรีบไล่ตามอีกฝ่ายไปทันที ทว่าจังหวะที่เขากำลังจะโดดเข้าไปในพุ่มไม้รกชัฏ จิตอสูรหมีดำที่ดักซุ่มโจมตีอยู่ก็เผยร่างออกมา อ้าปากแยกเขี้ยวรอเขมือบโดยเล็งกัดไปที่คอของเขา
เยี่ยเฉินเฟิงที่ถูกดักโจมตีกะทันหันก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เซลล์ิัทั่วร่างของเขาสั่นะเืด้วยความเร็วสูง พละกำลังหนักหนึ่งพันห้าร้อยจินถูกถ่ายโอนไปที่กำปั้นทั้งสองข้างภายในเสี้ยววินาที ก่อนจะปล่อยหมัดซัดจิตอสูรหมีดำจนล้มคว่ำลงกับพื้น
“ไม่นะ อย่าฆ่าข้าเลย!”
เมื่อจิตอสูรหมีดำถูกทำลายจนย่อยยับ ชายชุดดำจึงโดนพลังิญญาสะท้อนกลับจนเืพุ่งกระจายออกจากปาก เขาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย จึงพล่ามคำขอร้องวิงวอนอย่างไม่หยุดปาก
เยี่ยเฉินเฟิงไม่แยแสการวิงวอนของชายชุดดำ เขาเรียกใช้ทักษะกลืนิญญาอย่างไม่รีรอ คลื่นน้ำวนสีแดงฉานปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา เมื่อเขากดฝ่ามือลงไปบนร่างของจิตอสูรหมีดำ น้ำวนนั้นก็กัดกินพลังิญญาของเหยื่อผู้โชคร้ายอย่างบ้าคลั่ง
เพียงสามอึดใจเท่านั้น จิตอสูรหมีดำก็ถูกทักษะกลืนิญญาของเยี่ยเฉินเฟิงเขมือบจนเกลี้ยง
“พรวด!”
เมื่อจิตอสูรถูกกลืนกิน จิติญญาของชายชุดดำจึงได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขากระอักเืออกมากองใหญ่ ก่อนที่สองดวงตาจะมืดดับสลบเหมือดคาที่
“พลังงานิญญาพวกนี้บริสุทธิ์มาก ผลลัพธ์ที่ได้จากการดูดกลืนจิตอสูรโดยตรงดีกว่าดูดซับจากผลึกิญญาเยอะเลย
หลังจากเขมือบจิตอสูรเข้าไปแล้ว เยี่ยเฉินเฟิงก็รับรู้ได้ถึงพลังิญญาบริสุทธิ์กระแสหนึ่ง กำลังไหลผ่านเส้นชีพจรที่ตัดสลับไปมาอย่างซับซ้อนภายในร่างกายและแทรกซึมเข้าไปในไข่โลหิต
เพียงห้าอึดใจ พลังที่แท้จริงของเขาก็ทะยานไปถึงจุดสูงสุดของเขตแดนผู้ใช้อสูริญญาระดับสอง ห่างจากการบรรลุเป็ผู้ใช้อสูริญญาระดับสามเพียงแค่เส้นบางๆ เท่านั้น
เมื่อพลังเพิ่มสูงขึ้นแล้ว เยี่ยเฉินเฟิงก็รีบกลับมาหาชายชุดดำที่นอนสลบเหมือดอยู่ตรงหน้า ยกเท้าขึ้นเหยียบคอของเขาจนหักโดยปราศจากความลังเล ปิดฉากชั่วชีวิตอันเลวทรามของเขาลง
หลังจากสังหารชายชุดดำแล้ว เยี่ยเฉินเฟิงก็ทำการปล้นทรัพย์สมบัติที่ติดตัวชายผู้นั้นมาจนหมดเกลี้ยง ได้เงินมาทั้งหมดหกหมื่นแปดพันตำลึง ผลึกิญญาระดับต่ำห้าก้อนและเม็ดยากลมมนสีแดงโลหิต
“เม็ดยาเพลิงผลาญ เขามีเม็ดยาเพลิงผลาญเชียวรึ”
เยี่ยเฉินเฟิงเคยคิดจะซื้อเม็ดยาเพลิงผลาญสำหรับเพิ่มพละกำลังจากร้านไป๋อวิ๋น แต่เพราะเม็ดยาเพลิงผลาญเป็โอสถระดับห้า ที่หาได้ยากยิ่งชนิดที่มีเงินก็ยังซื้อไม่ได้ จึงทำให้เขายอมแพ้ไปในที่สุด
ทว่าในตอนนี้ เม็ดยาเพลิงผลาญได้ตกมาอยู่ในมือของเขาแล้ว เื่นี้ทำให้เขาดีใจจนอธิบายเป็คำพูดไม่ถูกเลยทีเดียว
อาศัยเม็ดยาเพลิงผลาญบวกกับผลึกิญญาระดับต่ำที่มีอยู่ตอนนี้ เขามั่นใจเป็อย่างยิ่งว่าจะฝึกเคล็ดวิชาเทพดาราหกชีพจรได้ถึงระดับแยกย่อยของขั้นที่สอง
หลังจากรูดทรัพย์ชายชุดดำจนหมด เยี่ยเฉินเฟิงก็ย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิมจนมาพบว่าเฉียวจิ้งยวนถูกวางยา ซ้ำยังเป็ยาคืนวสันต์เสียด้วย เนื่องจากยากำลังออกฤทธิ์อย่างรุนแรง เฉียวจิ้งยวนจึงร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัวจนแทบทนไม่ไหว
เยี่ยเฉินเฟิงเพิ่งจะอายุสิบห้าปีเท่านั้นจึงไม่มีประสบการณ์เื่เหล่านี้เลยสักนิด พอเห็นใบหน้างดงามเย้ายวนและผิวที่แดงก่ำของเฉียวจิ้งยวน เขาก็รู้สึกปากคอแห้งผาก ความรู้สึกแปลกประหลาดพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ
ขณะนั้นเอง ฤทธิ์ยาในร่างเฉียวจิ้งยวนทวีความรุนแรงหนักถึงขั้นที่เมื่อเห็นเยี่ยเฉินเฟิงยืนอยู่ตรงหน้า นางก็เป็ฝ่ายกระโจนเข้าหาและโอบกอดร่างของอีกฝ่ายอย่างแแ่
การกระทำของเฉียวจิ้งยวนช่วยให้เยี่ยเฉินเฟิงได้สติคืนมาหลายส่วน เขารีบเบี่ยงสายตาออกจากร่างที่แสนเย้ายวนของเฉียวจิ้งยวน กัดลิ้นตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ อาศัย่ที่ความเจ็บเล่นแปลบไปทั่วระงับความร้อนรุ่มในใจและยกฝ่ามือขึ้นทุบไปที่ท้ายทอยของนางจนสลบไป
“เป็โชคดีของเ้าแล้วที่ได้มาพบข้า หากเป็คนอื่นคงถูกบดขยี้จนแหลกเหลวไปแล้ว” เยี่ยเฉินเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สลัดความคิดสกปรกออกจากสมอง ก่อนจะหยิบเข็มเงินออกมาจากอกเสื้อ ใช้ทักษะเข็มนภาทมิฬฝังเข็มลงบนร่างนวลเนียนของเฉียวจิ้งยวน ช่วยนางขับไล่ฤทธิ์ยาออกจากร่างกาย
ประมาณสิบนาทีกว่า ยาที่แพร่กระจายไปทั่วร่างของนางก็ถูกกำจัดออกด้วยทักษะเข็มนภาทมิฬ คิ้วที่ขมวดเป็ผมของนางคลายออกอย่างช้าๆ ลมหายใจกลับไปราบเรียบสม่ำเสมอ
เยี่ยเฉินเฟิงมองเฉียวจิ้งยวนผู้งดงามอ่อนหวานที่กำลังซบร่างอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยจิตใจว่างเปล่าไร้ความคิดชั่วร้ายใดใด เขาถอดเสื้อคลุมออกคลุมร่างของนางเอาไว้ แล้วอุ้มนางไปวางไว้ในโพรงถ้ำที่ปลอดภัย หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็หมุนร่างเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยทันที
-----------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] จุดตรงกลางระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้
