เหลียงปิ่งอันถูกจับ สถานการณ์ในเขตเหอตงเริ่มระส่ำระส่ายอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนนึกว่าคดีของฝานเจิ้นชวนสิ้นสุดแล้ว จับกุมผู้ที่ควรถูกจับ ผู้ที่สมควรถูกสอบสวนโดนพาตัวไปทั้งหมด ตอนนี้กลับพบว่าไม่เสมอไปน่ะสิ ยังมีข้าราชการร่วงลงจากหลังม้า [1] ได้ทุกเวลา
สถานการณ์ปั่นป่วนในเขตเหอตงไม่ได้มีเพียงเมืองซางตูที่มีอำนาจควบคุม ซางตูเป็เมืองเอกประจำมณฑล ภายในเมืองยังมีเทศบาลมณฑลอีกนอกเหนือจากเทศบาลเมือง เมื่อเกิดความโกลาหลแค่เล็กน้อย ก็ทำเอาเหล่าผู้บริหารในเทศบาลมณฑลตื่นตระหนกได้ ก่อนฝานเจิ้นชวนถูกจับ มีข้าราชการระดับสูงไม่พอใจเส้าลี่หมินอยู่แล้ว เป็ดั่งที่โจวเฉิงกล่าวไว้ มันมีความคิดที่น่าขันบางส่วน เชื่อว่าฝานเจิ้นชวนเป็บุคคลผู้มากความสามารถคนหนึ่ง การมีอยู่ของเขาทำให้บริหารเขตเหอตงได้ง่ายยิ่งขึ้น
เส้าลี่หมินได้รับความกดดันไม่น้อย บางคนคิดว่าพอเขามาอยู่ซางตูก็สร้างเื่ไม่ว่างเว้น อันเป็การแสดงออกจากนิสัยที่เผด็จการและหลงละเลิงในอำนาจ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือฝานเจิ้นชวนที่ไม่ยินยอมให้ความร่วมมือกับการสืบสวน ล่าช้าจนไม่สามารถตัดสินคดีได้
เลขาโหวออกจะตำหนิโจวเฉิง “หัวหน้าครับ เื่นี้...”
ไม่จำเป็ต้องแจ้งตระกูลโจวให้มารับรู้เื่นี้รึ นั่นไม่ใช่ว่าที่สะใภ้ของตระกูลโจวรึ เพราะอะไรถึงปล่อยให้หัวหน้าแบกรับความกดดันทั้งหมดเอง?
เส้าลี่หมินตอบกลับเสียงทุ้มหลังเงียบอยู่นาน
“นายคิดว่าบ้านโจวไม่รู้? เมื่อคืนพ่อของโจวเฉิงคุยโทรศัพท์กับฉันแล้ว”
ไม่ว่าตระกูลโจวคิดอย่างไรกับเื่นี้ โจวเฉิงก็เป็ตัวแทนของตระกูลโจวเมื่ออยู่ข้างนอก หากตระกูลโจวไม่ยอมรับน้ำใจนี้ไว้ ครั้งต่อไปจะไม่มีใครให้เกียรติต่อการตัดสินใจของโจวเฉิงอีก
เลขาโหวถือว่ายังปฏิบัติงานรีบร้อนและขาดวุฒิภาวะ เส้าลี่หมินจึงตัดสินใจเก็บเขาไว้สอนงานข้างกายอีกสองปีค่อยปล่อยออกไปรับตำแหน่ง
จะเรียนรู้ได้มากเท่าไร ขึ้นอยู่กับสติปัญญาของของเลขาโหวทั้งสิ้น
บิดาของโจวเฉิงยอมรับน้ำใจยอมรับน้ำใจนี้แล้ว เส้าลี่หมินต้องร้อนใจอะไรเล่า!
ยิ่งไปกว่านั้นคือมีความคืบหน้าใหม่ล่าสุด ฝานเจิ้นชวนยอมจำนนจนได้ ต่อให้ปากเปลือกหอยปิดสนิทขนาดไหน แค่แงะจนมีรอยแยก ยังยากที่จะเปิดทั้งเปลือกหอยอีกหรือ? เลขาโหววิตกกังวลมากเกินไป! เพียงแต่ไม่รู้ว่าภายในตระกูลโจวมีความคิดเห็นอย่างไรต่อการกระทำของโจวเฉิง บิดาของโจวเฉิงรอบคอบมาก เส้าลี่หมินมิอาจรับรู้อารมณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายจากการฟังเสียง
ตอนแรกโจวเฉิงไม่อยากบอกครอบครัว
ทว่าเขาขอให้ลุงของเส้ากวงหรงช่วยเหลือ ย่อมเป็การกำหนดล่วงหน้าว่าปิดบังครอบครัวไม่ได้ ถ้าในกรณีนี้เขายังไม่บอกครอบครัวอีก พวกเขาได้ยินข่าวคราวจากที่อื่นภายหลัง โจวเฉิงไม่กลัวว่าตนเองจะโดนดุด่า แต่เขากลัวว่าครอบครัวจะเข้าใจภรรยาของเขาผิด
อย่างไรเสียมารดาเขาก็มีความรู้สึกต่อต้านจากอคติกับเสี่ยวหลาน โจวเฉิงคิดว่าจะดึงบิดาเข้าฝ่ายเดียวกัน
พอเขาบอกเล่าเื่ราว บิดาไม่พูดไม่จาอยู่พักใหญ่
ขณะพูดก็ฟังความรู้สึกนึกคิดไม่ออกอยู่ดี และไม่ได้ติเตียนว่าโจวเฉิงทำทุกอย่างให้เป็เื่ใหญ่ด้วย แค่บอกว่าตนเองรับรู้แล้ว
“ต่อไปแกลางานให้น้อยหน่อย มันดูไม่ดี เื่แบบนี้ส่งให้ครอบครัวจัดการ อย่าเสียเวลางานของแกเอง!”
นายโจวเคร่งครัดต่อตนเอง และเคร่งครัดต่อโจวเฉิงไม่แพ้กัน โจวเฉิงกลับบ้านตอนตรุษจีนไม่ได้ นายโจวยังคิดว่าเป็สิ่งที่สมควรด้วยซ้ำ อาชีพของโจวเฉิงนั้นเฉพาะกิจ จะพักผ่อนทุกวันหยุดเทศกาลเหมือนอาชีพธรรมดาได้ที่ไหน? โจวเฉิงผู้ยึดมั่นในหน้าที่แม้แต่ตอนเทศกาลตรุษจีน กลับลางานเพื่อคนรักจากมณฑลอวี้หนานคนนั้นถึงสองหนแล้ว
กวนฮุ่ยเอ๋อปิดบังสองผู้เฒ่าตระกูลโจวได้ แต่ปิดบังสามีของเธอได้หรือ? เื่ที่โจวเฉิงพาคนรักไปรับประทานอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมปักกิ่ง กวนฮุ่ยเอ๋อระบายกับสามีก่อนหน้านี้แล้ว ระหว่างสนทนาเต็มไปด้วยความไม่พอใจต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน
เมื่อพิจารณาโดยรวมจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแง่มุมเดียว กวนฮุ่ยเอ๋อตัดสินแล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือหญิงสาวชนบทที่หน้าตะสวย ทว่าฟุ่งเฟ้อทะเยอทะยาน ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ไม่ว่ามองจากตรงไหน ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีทางได้เป็ภรรยาของโจวเฉิง
กวนฮุ่ยเอ๋อถึงขนาดคิดว่าไม่คู่ควรกระทั่งคบกับโจวเฉิงด้วยซ้ำ
“โจวเฉิงหน้ามืดตามัวไปแล้ว ตอนลูกอายุสิบกว่าอยู่ในลู่ทางดีหรอก ผู้หญิงคนไหนๆ ก็ไม่ชอบ ฉันยังคิดว่าลูกรู้ดีว่าตัวเอง้าอะไรเสียอีก มาคิดตอนนี้แล้ว ฉันกลับยินดีให้ลูกเอาอย่างพ่อเส้ากวงหรงเขาบ้าง คบผู้หญิงหลายคนหน่อย ถึงจะแยกแยะผู้หญิงที่ดีและไม่ดีได้!”
กวนฮุ่ยเอ๋อกล่าวไว้เช่นนี้
คำกล่าวนี้เกิดขึ้นก่อน หลังจากนั้นจึงเกิดพฤติกรรม ‘กราดเกรี้ยวเพื่อสาวงาม’ ที่โจวเฉิงกระวีกระวาดไปซางตู
นายโจวไม่ค่อยเห็นด้วยกับทัศนคติของภรรยา คนรักของโจวเฉิงต้องสวยเป็ธรรดา เ้าลูกชายโจวเฉิงคนนี้มาตรฐานสูงจะตาย แต่ถ้าสวยอย่างเดียว โจวเฉิงคงไม่ชอบขนาดนี้ ตัวหญิงสาวเองย่อมมีบางสิ่งโดดเด่นแน่นอน ถึงทำให้โจวเฉิงหลงใหลได้... เหมือนที่กวนฮุ่ยเอ๋อกล่าว หากหญิงสาวชนบทใจแคบไร้แก่นสารทั่วๆ ไปยังสามารถทำให้โจวเฉิงหลงหัวปักหัวปำ ก็ไม่ต้องโทษพวกเธอหรอก เป็เพราะการอบรมสั่งสอนของตระกูลโจวต่อโจวเฉิงในหลายปีมานี้ถูกนำไปเลี้ยงสุนัข [2] มากกว่า
โจวเฉิงเป็เช่นไร คนเป็พ่อจะไม่รู้เชียวหรือ?
ดังนั้นพอโจวเฉิงแจ้งเื่ไปซางตู ตลอดจนเขาพบใครบ้าง และใช้วิธีอะไรจัดการปัญหา บิดาของโจวเฉิงไม่รีบร้อนโมโหก่อน แต่ถามคำถามโจวเฉิงมากมาย มีหนึ่งคำถามที่คล้ายข้อสงสัยของเส้าลี่หมิน—โจวเฉิงกัดข้าราชการเขตเหอตงไม่ปล่อยเพราะเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลาน หรือว่าเพราะอีกฝ่ายละเมิดวินัยกับกฎหมายจริงๆ
โจวเฉิงยังคงตอบเหมือนเดิม “เื่ของเสี่ยวหลานคือชนวนเหตุ ส่วนการค้นพบพฤติกรรมไม่เหมาะสมของฝานเจิ้นชวนคือแรงจูงใจที่ทำให้ผมมีความมุ่งมั่นจะเปิดโปงปัญหา ถ้าคนประเภทนี้เป็ข้าราชการแผ่นดิน คนที่เดือดร้อนคือประชาชนธรรมดาสามัญอยู่ดี”
คนที่ฝานเจิ้นชวนข่มเหงในคราวนี้เป็เสี่ยวหลาน เสี่ยวหลานมีผู้หนุนหลัง อีกฝ่ายถึงเจอการโต้กลับ
หากโจวเฉิงแค่ตักเตือน ฝานเจิ้นชวนจะไม่กล้าลงมือกับเสี่ยวหลาน และอาจประพฤติดีอยู่สักระยะเวลาหนึ่ง ทว่ายังมีหวังเสี่ยวหลานรึจ้าวเสี่ยวหลานที่โจวเฉิงไม่รู้จักซึ่งมีโอกาสตกอยู่ในเงื้อมมือมารของฝานเจิ้นชวน พวกเธอไม่ได้โชคดีเหมือนภรรยาของเขาเสมอไป อาจไม่มีใครยืนหยัดสู้เพื่อพวกเธอ ทำได้เพียงปล่อยให้ฝานเจิ้นชวนทำตามอำเภอใจ
นอกจากนี้ความเลวที่ฝานเจิ้นชวนก่อมิใช่การข่มเหงสตรีเท่านั้น โจวเฉิงกล้าพูดคำนี้ได้อย่างไม่ละอายใจเลย เขาไม่ใช่คนประเสริฐเลิศเลอ แต่ยึดมั่นในเส้นแบ่งศีลธรรมพื้นฐานบางอย่าง
นายโจวฟังแล้วก็ไม่ตอบรับอะไร บอกเพียงถ้าเจอเื่แบบนี้อีก โจวเฉิงไม่จำเป็ต้องไปจัดการด้วยตนเอง
“ยังไม่แน่นอนว่าสาวเ้าเขาจะกลายเป็ภรรยาแกได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้เธอคือคนรักของแก มีคนรังแกเธอ พวกเราบ้านโจวจะเมินเฉยไม่ได้เหมือนกัน พ่อแกไม่ได้เืเย็นขนาดนั้น”
โจวเฉิงกลั้นความยินดีในใจไว้
เขารู้อยู่แล้ว เทียบกับแม่ของเขา พ่อมีเหตุผลมากกว่า
ในขณะที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกับเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างจริงจัง บิดาของเขาจะไม่มีทางปฏิเสธคนคนหนึ่งโดยสิ้นเชิงจากการใช้เจคติส่วนตน
“พ่อ เดือนกรกฎาปีนี้เสี่ยวหลานจะสอบเกาเข่า เธอจะยื่นสมัครมหาวิทยาลัยในปักกิ่ง เธอมาถึงปักกิ่งเมื่อไร ผมหวังว่าพ่อจะเจอเธอก่อนได้”
นายโจวพยักหน้าค่อยๆ เขาจะพิจารณาแน่นอนว่าหญิงสาวเป็อย่างไร โจวเฉิงอายุ 21 เข้าไปแล้ว กว่าจะมีแฟนสาวคนแรก ทั้งสองเหมาะสมกันหรือไม่ กระทั่งมีบุญสัมพันธ์เป็สามีภรรยาในท้ายที่สุดหรือไม่ ปัจจุบันยังติดสินไม่ได้ แม้เป็เพียงแฟนสาวของโจวเฉิง ด้วยมารยาทอันดีงาม ตระกูลโจวก็ควรพบหญิงสาวเสียหน่อย
โจวเฉิงมั่นใจมาก ขอแค่พบเซี่ยเสี่ยวหลาน ไม่ทราบความคิดของคนอื่น แต่พ่อของเขาจะเห็นชอบให้ทั้งสองคบหาดูใจกันอย่างแน่นอน
เสี่ยวหลานเป็เลิศที่สุดแล้ว!
ความเป็เลิศเช่นนี้ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยกำพืด พื้นเพครอบครัวของคนหนึ่งคนคือสิ่งที่ติดตัวมาั้แ่กำเนิด แต่จะมีศักยภาพฝ่าฟันจนถึงขั้นไหนในชีวิตอันยาวไกลนี้ ชาติตระกูลมีบทบาทจำเป็ส่วนหนึ่ง ทว่ามิอาจเป็ปัจจัยชี้ขาด!
“พ่อจะชอบเธอ ผมรับรอง”
เชิงอรรถ
[1]落马 ร่วงลงจากหลังม้า หมายถึง ตกรอบในการแข่งขันหรือพ่ายแพ้ อีกความหมายหนึ่งคือข้าราชการและชนชั้นสูงสูญเสียตำแหน่งสถานะ
[2]喂狗 เอาไปเลี้ยงสุนัข หมายถึง เสียเปล่า เสียของ