"อะไรฉันพูดไม่ได้หรือไงกัน นายไม่รู้หรือไงว่ามันบ้าแค่ไหน"
"ผมไม่เถียงกับคุณแล้วคุณจะคิดยังไงก็เื่ของคุณ การแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผม้าบางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด"หยางเฉินหัวเราะอย่างสบายๆ
โม่เชี่ยนนีหันหน้าหนีด้วยความโกรธ
"ฉันแค่้าช่วยนายนะนายไม่ใช่คนโง่ แต่ยังฉลาดกว่าหลายๆ คนด้วยซ้ำ นายสามารถพูดได้หลายภาษาแต่ทำไมนายไม่ทำงานเหมือนคนอื่นๆ เขา นายไม่มีความมุ่งมั่นไม่เอาการเอางานเช่นชายอื่น นายอยากเกาะผู้หญิงกินไปตลอดชีวิตหรือยังไงแม้ว่ารั่วซีจะใช้นายเป็ไม้กันหมาจากชายคนอื่นๆแต่มันต้องมีสักวันที่เธอไม่้านายอีก แล้วหลังจากนั้นนายจะทำอะไร"
"เกาะผู้หญิงกินก็ไม่เลวนะ"หยางเฉินพยักหน้า
"ตอนนี้ผมขับรถภรรยาอยู่บ้านภรรยา ผมคิดว่าภรรยาผมก็ไม่เลวนะ หากวันใดเธอไม่้าผมแล้วผมก็แค่กลับไปขายแพะเหมือนเดิม"
"นาย..."โม่เชี่ยนนีอัดอั้นไปด้วยความโกรธ เธอพยายามช่วยเหลือทั้งยังแนะนำต่างๆ นานา แต่ชายคนนี้ก็ยังเฉยเมย
หลังจากสูดหายใจลึกโม่เชี่ยนนีก็บรรเทาความโกรธไปได้บ้างแต่เมื่อมองไปยังคนตรงหน้าความโกรธก็ยิ่งพุ่งทะยานขึ้นสูงสุด ดังนั้นเธอจึงหันไปทางพี่เซียงแทน
"พี่เซียงขอเหล้าขาวสองขวดค่ะเอาแบบแรงที่สุด!"
พี่เซียงที่กำลังทำอาหารเมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็มองมาด้วยรอยยิ้ม
"เหล้าขาว?มันคือเกาเหลียงใช่ไหม? " หยางเฉินยังคงไม่คุ้นเคยกับเครื่องดื่มท้องถิ่น
"ใช่...ถ้าฉันไม่ดื่มสักหน่อย ฉันได้บ้าตายเพราะนายแน่ๆ!"โม่เชี่ยนนีกล่าวพลางจ้องมองหยางเฉิน
พี่เซียงดูเหมือนจะรู้ว่าโม่เชี่ยนนีสามารถกินอาหารรสเผ็ดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ เธอจึงจัดเต็มอาหารรสจัด ทั้งอาหารทะเล ทั้งผัดผักทั้งหมดใส่พริกในปริมาณมาก และยังมีขวดสุราเห่าดงสุดแกร่ง
"นายดื่มเป็หรือเปล่า?"โม่เชี่ยนนีเปิดขวด และหันไปถามหยางเฉิน
หยางเฉินรู้สึกหวิวเล็กน้อยเมื่ออยู่ในต่างประเทศเขาดื่มสุราตะวันตกและมักจะดื่มไวน์แต่สุราที่มีความแรงเช่นนี้เขาไม่สันทัดนัก แต่เมื่อเห็นโม่เชี่ยนนีแล้วก็มีความคิดว่า ''เป็ผู้หญิงดื่มเก่งมาก''ผุดขึ้นมา
เขายิ้มอย่างขมขื่นกล่าวตอบว่า"ผมดื่มไม่เก่งผมไม่เคยดื่มเหล้าอย่างนี้"
"อ่อนหัดจริงๆ"โม่เชี่ยนนีกล่าวพลางเทเหล้าใส่แก้วหยางเฉิน
พี่เซียงดูแลลูกค้ารายอื่นๆอยู่ เธอจึงคุยกับโม่เชี่ยนนีสองสามประโยค และทำงานของเธอต่อไป ปล่อยคู่ชายหญิงไว้กับเหล้าแรงๆพร้อมกับแกล้มเสฉวนรสจัด อยู่ในมุมหนึ่งของร้าน
ค่ำคืนผ่านไปแต่แสงไฟริมแม่น้ำนั้นไม่เคยมอดดับ แสงจันทร์สีขาวส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าบนผืนวารีเต็มไปด้วยหมู่ดาวนับไม่ถ้วน ดังเช่นการเคลื่อนไหวของทางช้างเผือกลมเย็นที่พัดผ่านใบหูไปทั้งๆ ที่ไม่ได้เจาะหู
หยางเฉินลิ้มรสอาหารรสเผ็ดร้อนพลางจิบสุราตามเล็กน้อยและค่อยๆ รับรู้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นความรู้สึกผ่อนคลายทำให้เขาค่อนข้างประหลาดใจ
นี่มันไม่ใช่ชีวิตที่เขาปรารถนาหรืออย่างไร?
มีสุรามีเนื้อ มีผู้คนผ่านไปมาดังที่แห่งนี้ รู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดโชย ร่มเงาของแมกไม้เสียงของแม่น้ำที่ไหล และแว่วเสียงจากแมลง ทั้งหมดนี้ดูงดงามยิ่งและคุ้มค่าที่จะมองไปข้างหน้า
สักพักหยางเฉินก็กลับมาสู่ความเป็จริงเขามองไปยังโม่เชี่ยนนีอย่างตกตะลึง
โม่เชี่ยนนีเมาไปเป็ที่เรียบร้อยด้วยเหล้าขาวใบหน้าของเธอเจือสีแดงด้วยฤทธิ์จากเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์ทำให้ผิวยิ่งดูเหมือนเป็สีดอกกุหลาบอันน่าเสน่หาภายใต้แสงไฟดวงตาของเธอนั้นใสดั่งน้ำในฤดูใบไม้ผลิขณะที่เธอจ้องมองจานบนโต๊ะโดยไม่ขยับเขยื้อนเหมือนกับอยู่ในอาการงุนงง
"พอได้แล้วล่ะคุณดื่มมากไปแล้ว"
โม่เชี่ยนนีเหลือบมองหยางเฉินเล็กน้อยพลางส่ายหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงคลุมเครือว่า
"เมื่อก่อนไม่มีใครยอมมาที่นี่กับฉันฉันจึงไม่สามารถดื่มมันมากเช่นนี้เพียงลำพัง"
"คุณไม่มีเพื่อนหรือยังไง?"หยางเฉินถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
โม่เชี่ยนนีหัวเราะร่วนกล่าวว่า
"มีใครในบริษัทที่นายคิดว่าจะมายังที่สกปรกเช่นนี้หรือยังไง?"
หยางเฉินพูดไม่ออกจริงที่ว่าสถานะของโม่เชี่ยนนีนั้น การหาเพื่อนนั้นไม่ยากเลยแต่จะมีสักกี่คนที่จะยอมมาสถานที่เช่นนี้โดยไม่มีเหตุผลการมาในสถานที่เช่นนี้เปรียบเสมือนการลดฐานะทางสังคม นั่นทำให้พวกเขาล้วนเสียหน้า
"หมายความว่าผมเป็คนแรกที่มาทานอาหารกับคุณที่นี่"หยางเฉินเอ่ยขึ้นด้วยความเหลิง
"และยังเป็ผู้ชายคนแรกที่ฉันชวนมา"โม่เชี่ยนนีตอบ แล้วกล่าวต่อว่า
"เมื่อชายคนอื่นๆชวนฉันมาทานข้าว ฉันไม่เคยสร้างความยินดีให้แก่พวกเขาเลยนายรู้หรือเปล่า?"
"โชคดีที่มันเป็แผงขายอาหารถ้ามันเป็ที่อื่นล่ะก็ ผมได้กลายเป็ศัตรูของชายทุกคนกันพอดี"หยางเฉินพูดติดตลก
"ไม่ดีหรือไง?ฉันคิดว่าอาหารที่นี่อร่อยกว่าภัตตาคารในโรงแรมห้าดาวเสียอีก"โม่เชี่ยนนีกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
หยางเฉินพยักหน้าแม้จะเผ็ดไปบ้าง แต่อาหารที่นี่นั้นเต็มไปด้วยจิติญญา เป็สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกรัก
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันโทรศัพท์ของโม่เชี่ยนนีก็ดังขึ้น โม่เชี่ยนนีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเธอชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงกดรับ
"แม่คะ...เข้าใจแล้วค่ะ... รักษาสุขภาพด้วยนะคะ..."หลังจากวางสาย เธอวางมือถือไว้ข้างๆจากนั้นยกแก้วขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว
หยางเฉินเห็นดังนั้นก็เอ่ยถาม "แม่ของคุณโทรมางั้นเหรอ?"
โม่เชี่ยนนีมองไปที่หยางเฉินและพยักหน้า "นายได้ยินหรือเปล่า"
"มีปัญหาหรือไง?"
"เปล่า"
"ให้ช่วยไหม?"
"ไม่"
"คุณดูเหมือนคุณจะอารมณ์ไม่ดีนะ"
"นายนี่มันน่ารำคาญจริงๆ!"โม่เชี่ยนนีขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
หยางเฉินยิ้มอย่างเชื่องช้า"ผมอิ่มแล้ว คุณล่ะ?"
"งั้นไปกันเถอะ"โม่เชี่ยนนีหยิบข้าวของ และลุกออกไป
แม้ว่าพี่เซียงจะปฏิเสธแล้วหลายครั้งแต่โม่เชี่ยนนียังยืนกรานที่จะจ่าย และยังให้มากกว่าค่าอาหารอีกด้วยเธอบอกว่าเอาไว้ให้เด็กๆ พี่เซียงดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกสุดท้ายเธอได้แต่ยอมรับเงินจำนวนนั้นไว้
ทั้งสองเดินกลับไปยังที่จอดรถของโม่เชี่ยนนีอย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเขามาถึงรถรอบข้างเต็มไปด้วยแสงไฟสลัว ทันใดนั้นโม่เชี่ยนนีก็หันมาจ้องหยางเฉิน ด้วยดวงตาใสแป๋ว ภายใต้แสงไฟนีออนใบหน้าของเธอดูเหน็ดเหนื่อยมากกว่าเดิม
"มีอะไรหรือเปล่า"หยางเฉินรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับโม่เชี่ยนนีแต่เขาไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้คิดได้ เขาจึงไม่มีทางเลือกได้แต่นิ่งเงียบรอฟังอย่างเดียว
"ขอฉันกอดหน่อยได้ไหม..."
"อะไรนะ?"
โม่เชี่ยนนีตอบด้วยการอ้าแขนและสวมกอดหยางเฉิน
หยางเฉินไม่ได้ปฏิเสธหรือหลบหลีกเรียวแขนเย็นและเรียบเนียนที่โอบรอบคอของเขานั้นหอมเป็อย่างยิ่ง พร้อมๆกับกลิ่นแอลกอฮอล์โชยเข้าจมูก หยางเฉินรู้สึกถึงก้อนกลมขนาดใหญ่นุ่มๆ ยืดหยุ่นได้ชัดเจน หยางเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจและยกแขนกอดโม่เชี่ยนนีแน่น
ค่ำคืนนี้ทั้งสองเป็เหมือนคู่รักที่กอดกันในดินแดนรกร้าง เพลิดเพลินกับ่เวลาที่ยากจะมี
"อันที่จริงคุณสามารถบอกผมได้บางทีผมอาจจะช่วยคุณได้อย่างในวันนี้" หยางเฉินพึมพำออกมา
โม่เชี่ยนนีมุดหน้าอยู่ที่อกลูบมันเล็กน้อย ตอบอย่างมีเลศนัยว่า
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้วให้ฉันกอดสักครู่ก็พอ..."
การกอดที่คาดไม่ถึงนี้ดูคล้ายจะยาวนานแต่เมื่อทั้งสองแยกออกจากกันพวกเขารู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปเพียงครู่เดียว
โม่เชี่ยนนีลูบผมด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อยในขณะที่มองหยางเฉินอย่างเอียงอาย
"ขอบคุณนะกลับกันเถอะ"
"สำหรับสาวงามที่กระโจนเข้าหาอ้อมกอดของผมผมคิดว่ามันเป็กำไรละกัน"
"ฉันรู้ว่านายไม่ได้คิดเช่นนั้น"โม่เชี่ยนนีพูดพลางมองไปยัง่ล่างของหยางเฉิน "เว้นแต่นายจะหมดสมรรถภาพ"
หยางเฉินหน้าซีดเผือดวันนี้การพยายามเป็คนดีและซื่อสัตย์เป็เื่ยาก ผู้หญิงคนนี้ซุกซนเกินไปเธอสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของหยางเฉิน!
หลังจากกลับไปที่บริษัทหยางเฉินกล่าวคำอำลากับเธอแล้วรีบขับรถกลับไปที่โรงพยาบาล แม้ว่าหลินรั่วซีจะบอกว่ายอมแพ้เื่ของพ่อแล้วแต่คงเป็เื่ยากที่จะยอมรับว่าหลินคุนกลายเป็คนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหยางเฉินก็เห็นพยาบาลต่างทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้นและเมื่อเขาเดินเข้ามาในบริเวณห้องของหลินรั่วซี เขาเห็นแสงไฟส่องสว่างอยู่แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าเขาคาดเดาผิดไป
โคมไฟบนโต๊ะยังสว่างอยู่แต่หลินรั่วซีนั้นหลับไปแล้ว ข้างๆ หมอนของเธอเป็หนังสือเกี่ยวกับเศรษฐกิจการตลาดเธอสวมชุดนอนสีฟ้าลายขาว ผมยุ่งปกคลุมครึ่งใบหน้าเผยให้เห็นด้านที่ละเอียดอ่อนที่ไม่สามารถเห็นง่ายนักใน่เวลาปกติ
มันเป็เื่ยากที่จะจินตนาการได้ว่าหญิงสาวนางนี้จะเป็ซีอีโอของบริษัทที่มีพนักงานหลายพันคนทั่วโลกคิดได้ดังนี้ หยางเฉินก็รู้สึกชื่นชมในตัวภรรยาของเขา
หยางเฉินรู้สึกว่าเครื่องปรับอากาศภายในห้องเย็นเล็กน้อยเขาสังเกตเห็นหลินรั่วซีผล็อยหลับไปในขณะที่อ่านหนังสืออยู่ครึ่งท่อนบนของเธอจึงไม่มีผ้าห่ม
หยางเฉินกังวลว่าเธออาจเป็หวัดได้จึงเดินอ้อมไปด้านข้าง ปรับเตียงนอนให้พอดี ค่อยๆ ขยับหัวของเธอลงมาที่หมอนจากนั้นจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาจนปกคลุมไหล่หลินรั่วซีอย่างแ่เบาแล้วตบผ้าห่มด้านข้างของเตียงเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอากาศเย็นเข้าไป
ในขณะนั้นเองดวงตาของเธอพลันลืมขึ้นมามองหยางเฉินด้วยสายตาสับสนเล็กน้อยแม้จะเป็เพียงการจ้องมองเงียบๆ แต่หยางเฉินก็รู้สึกได้ถึงความล้ำลึกและชัดเจนในดวงตาคู่นั้น เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกเพียงจ้องกลับไปสบตากับแววตาคู่สวยนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้