ในระยะไกล บรรพชนตระกูลหวังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งบนยอดเขา เขาไม่รู้เลยว่า "บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลหลิน" ที่เขาหมายหัวไว้นั้น แท้จริงแล้วเป็เพียงทารกคนหนึ่งเท่านั้น
บรรยากาศทางฝั่งตระกูลหลินกลับดูแปลกประหลาด
สายฝนกระหน่ำลงมา เมืองต้าเยียนที่ปกคลุมด้วยเมฆดำดูมืดมนเป็พิเศษ แสงไฟนับหมื่นในค่ำคืนที่มืดมิดสั่นไหวราวกับเปลวเทียนที่ใกล้ดับ
แม้ว่าฝนจะตกหนักเพียงใด แต่ยังสามารถมองเห็นว่าในเมืองเต็มไปด้วยขบวนรถม้าผู้คนทั้งหลายต่างกำลังเก็บข้าวของ ทองคำและเงิน เตรียมหลบหนี สามวันแล้วนับั้แ่ที่ "เ้าแห่งหุบเหว" ออกประกาศิต
ทว่า… ตระกูลหลินยังคงไร้ข่าวคราวใด ๆ
เหนือเมืองต้าเยียน มีม้วนกระดาษสีดำสนิทลอยอยู่ในอากาศ
แท้จริงแล้ว นั่นคือ "ประกาศิต" แม้ว่าผู้าุโตระกูลหลินจะตัดขาดมันไปแล้วเมื่อแรกประกาศ แต่มันกลับฟื้นตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน ราวกับเป็สิ่งที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์
ประกาศิตนี้ไม่มีตัวอักษรใด ๆ สลักอยู่เช่นม้วนประกาศทั่วไป ทว่ามันแผ่กลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว แสงดำลอยวนราวกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง เมื่อใครจ้องมองมัน ก็จะรู้สึกหวาดหวั่นโดยไม่อาจควบคุมตนเอง
ประกาศิตนี้ลอยอยู่เหนือเมืองต้าเยียนโดยตรง ถือเป็การยั่วยุที่รุนแรงที่สุด แต่หลายวันผ่านไปแล้ว… ตระกูลหลินกลับไม่มีท่าทีตอบโต้ใด ๆ
"หรือว่าตระกูลหลินจะหวาดกลัวแล้ว?"
"เ้าพูดเื่ไร้สาระหรือ? เ้าไม่รู้หรือว่าผู้ใดเป็คนออกประกาศนี้? นั่นคือ 'เ้าแห่งหุบเหว'ที่อยู่มานานแสนนาน!"
"ถึงแม้ว่าตระกูลหลินจะทรงพลังเพียงใด แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเ้าแห่งหุบเหว เกรงว่าพวกเขาคงมิอาจรอดพ้น…"
"ตระกูลหลินถือว่าเป็ตระกูลที่ซื่อตรงและมีความสามารถ พวกเขาจัดการเมืองต้าเยียนได้เป็อย่างดี น่าเสียดาย…ที่ครั้งนี้ ตระกูลหลินคงมิอาจหลีกหนีจากการล่มสลายได้…"
...
ตุ้บ!
สายฟ้าฟาดสว่างไสวไปทั่วฟ้า และสายฝนตกลงมาอย่างหนักหน่วง
ในขณะนี้ ไม่มีใครในตระกูลหลินเดินไปมาอย่างลำพัง บรรยากาศภายในตระกูลเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและกดดัน นับั้แ่ที่ประกาศิตแห่งหุบเหวลึกถูกส่งลงมา ตระกูลหลินก็เข้าสู่สภาวะตื่นตัวสูงสุด เหล่าทหารยามของตระกูลลาดตระเวนอยู่ทุกวัน
ทันใดนั้น ทหารยามสองนายที่กำลังลาดตระเวนกลับล้มลงกับพื้นโดยไร้สัญญาณเตือนล่วงหน้า เงาสองร่างปรากฏขึ้นข้างพวกเขา
ภายใต้สายฟ้าที่พาดผ่านท้องฟ้า สามารถมองเห็นได้เพียงราง ๆ ว่าทั้งสองคนนั้นคือ เสวียนอวี่ และ หลินฮ่าว
หลินฮ่าวลอบกล่าวขอโทษทหารยามที่หมดสติไปเบา ๆ ก่อนจะเปิดใช้งานค่ายกลลับที่ซ่อนอยู่ตรงมุมแห่งหนึ่ง
"อาอวี่ รีบไปเถอะ ค่ายกลนี้สามารถส่งเ้าและเสวียนเอ๋อร์ออกไปจากอาณาจักรฉีซานได้ เมื่อออกไปแล้ว เ้าต้องปกปิดร่องรอยของตน อย่าให้ใครพบเจอ"
แววตาของหลินฮ่าวเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทว่ากลับแฝงด้วยความลังเลและความมุ่งมั่น
ภายใต้สายฝนที่หนักหน่วง เสวียนอวี่กอด หลินเสวียน เอาไว้ในอ้อมแขน
แม้ว่าหลินเสวียนจะฝึกฝนมาอย่างหนักและมีพลังบำเพ็ญเพียรในระดับหนึงแล้ว แต่เขายังเป็เพียงเด็กน้อย มิอาจฝืนทนไม่ให้หลับได้
ขณะนี้ เขากำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของมารดา
เสวียนอวี่เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่งดงามของนางซีดเซียว รอยยิ้มที่เคยอ่อนโยนบัดนี้กลับขมขื่น นางจับชายแขนเสื้อของหลินฮ่าวแน่นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"พี่ฮ่าว… ทำไมเราไม่ไปด้วยกัน? เรารีบหนีไปก่อนที่พวกเขาจะพบตัวเถอะ!"
หลินฮ่าวพอได้ยินคำพูดของภรรยา สีหน้าก็ยิ่งขมขื่นขึ้น
เขามิได้ตอบอะไร เพียงยื่นมือออกไปลูบศีรษะของเสวียนอวี่อย่างแ่เบา
ภายในแววตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ แต่ถึงแม้เขาจะอาลัยเพียงใด เขาก็จะไม่มีวันจากไป
เพียงแค่ชื่อของ "เ้าแห่งหุบเหวลึก" นั้นมีน้ำหนักมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
ภายในตระกูลหลินเองก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ส่งตัว หลินเสวียน ออกไป เพื่อขออภัยโทษจากเ้าแห่งหุบเหวลึก
แม้ผู้าุโในตระกูลจะพยายามระงับเสียงเ่าั้ แต่ก็ยังมีพวกคนเก่าคนแก่บางคนที่ไม่เอ่ยวาจา
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็เริ่มมีความคิดที่จะ "ยอมเสียสละ" เพื่อยุติปัญหา
แต่ต่อให้พวกเขายอมส่งหลินเสวียนไป เ้าแห่งหุบเหวลึกก็คงไม่หยุดเพียงแค่นั้น
เพราะ แท่นบูชาห้าสี ได้ถูกหลินเสวียนกลืนเข้าไปแล้ว ความขัดแย้งระหว่างพวกเขานั้นไม่อาจไกล่เกลี่ยได้อีกต่อไป
หลินฮ่าวเป็ถึงเ้าเมืองต้าเยียน และเป็ว่าที่ผู้นำตระกูลหลินคนต่อไป
แต่เหนือสิ่งอื่นใด… เขาคือบิดา!
หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาทรยศตระกูลหลิน
นั่นก็คือ… เขาจะให้หลินเสวียนหนีไป!
เขาจะทำให้ลูกชายของตนมีชีวิตรอด!
ถึงแม้กระดูกสันหลังของเขาจะถูกตระกูลหลินหักทำลาย ถึงแม้เขาจะไม่มีวันได้เชิดหน้าชูตาในตระกูลหลินอีกต่อไป และจะถูกดูแคลนแม้ยามสิ้นชีพ เขาก็จะไม่ยอมสังเวยชีวิตลูกชายของตน!
"พี่ฮ่าว… เราหนีไปด้วยกันเถอะ พาเสวียนเอ๋อร์ไปด้วย!"เสวียนอวี่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
"ข้าไปไม่ได้"
"แม้ว่าข้าจะเป็บิดาของหลินเสวียน… แต่ข้าก็เป็เ้าเมืองต้าเยียน และเป็ว่าที่ผู้นำตระกูลหลิน"
ภายใต้สายฝนที่กระหน่ำลงมา หลินฮ่าวส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของภรรยาและบุตรชาย
"อาอวี่… ข้าขอฝากเสวียนเอ๋อร์ด้วย"
"เดิมที ข้าก็อยากดูเขาเติบโตไปพร้อมกับพวกเ้าเหมือนกัน…"
จากนั้น หลินฮ่าวก็ผลักเสวียนอวี่เข้าไปในค่ายกล
ทว่าค่ายกลกลับ ไม่ทำงาน!
หลินฮ่าวสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วหันหลังกลับ ทันใดนั้น ร่างของเขาก็เปล่งแสงสีทองอร่าม พร้อมกับอาวุธคู่กายที่ปรากฏขึ้นในมือ
เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว บังเสวียนอวี่และหลินเสวียนไว้เื้ั
เบื้องหน้าของหลินฮ่าว… ปรากฏเงาร่างบุรุษผู้หนึ่งในชุดขาวบริสุทธิ์
เพียงแค่ออร่าของบุรุษผู้นี้ ก็ทำให้หลินฮ่าวแทบเคลื่อนไหวไม่ได้!
"เ้าจะคิดหนีไปไหน?" ชายชราผู้สวมชุดขาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"…ท่านบรรพชน!"
หลินฮ่าวกัดฟันแน่น เส้นเืปูดขึ้นบนหน้าผาก เขาแกว่งหลาวในมือ ฟันผ่านพลังสะกดกั้นอย่างสุดกำลัง ก่อนที่คมหลาวจะฟาดไปยังชายชราผู้นั้น
บรรพชนหลินเพียงยกมือขึ้น ทว่ายังไม่ทันที่หลาวของหลินฮ่าวจะเข้าถึง หลินเป่าก็ปรากฏตัวขึ้นและขวางไว้
"บรรพชน โปรดฟังข้าก่อน!" หลินเป่าะโขึ้น
บรรพชนหลินเพียงเหลือบมองเบา ๆ
ร่างของหลินเป่าสั่นสะท้าน แต่เขาก็ยังกัดฟันแน่นและพูดต่อไปว่า "บรรพชน ต่อให้เราส่งตัวหลินเสวียนไป เราก็ต้องตายอยู่ดี…"
ก่อนที่หลินเป่าจะพูดจบ เขาก็ถูกฝ่ามือของบรรพชนหลินซัดปลิวกระเด็นออกไป หลินฮ่าวและเสวียนอวี่หน้าถอดสี หลินเป่าพยายามลุกขึ้นมาแต่ก็ถูกฟาดกระเด็นอีกครั้ง
"เ้าเป็ใครถึงกล้าสั่งสอนข้า?"
"ใครบอกว่าข้าจะส่งตัวเสวียนเอ๋อร์ไป?"
"ข้าเป็คนที่แยกแยะผิดถูกไม่ได้งั้นหรือ?"
???
หลินฮ่าว เสวียนอวี่ และหลินเป่าต่างตกตะลึงไปพร้อมกัน จากนั้นบรรพชนหลินก็เดินเข้ามาและถีบหลินฮ่าวปลิวไป
"อย่างน้อยเ้าก็ยังมีสำนึกของลูกผู้ชาย! เ้าพอจะเหมือนข้าในอดีตอยู่บ้าง!"
หลินฮ่าวราวกับตื่นจากฝัน รีบลุกขึ้นมาปกป้องเสวียนอวี่และหลินเสวียนอีกครั้ง
"แค่กำลังของเ้าก็งั้น ๆ แล้ว ยังจะทำเป็องอาจอีก! เด็กน้อยกำลังจะเป็หวัดแล้ว!" บรรพชนหลินฟาดหลินฮ่าวปลิวไปอีกครั้ง
จากนั้นบรรพชนหลินสะบัดแขนเสื้อกันสายฝนเหนือศีรษะของเสวียนอวี่ แล้วโยนกองบัตรเชิญชุดหนึ่งใส่หน้าของหลินฮ่าว
"งานเลี้ยงครบเดือนของเสวียนเอ๋อร์ใกล้จะถึงแล้ว เอาบัตรเชิญไปแจกซะ!"
"จำไว้! เชิญทุกคนในอาณาจักรฉีซาน! และเ้ากล้าดียังไงถึงคิดจะพาทารกแสนล้ำค่าของข้าหนีไป!"
หลินฮ่าวมองบัตรเชิญที่หล่นอยู่ข้างตัวด้วยความตกตะลึง เขาเงียบไปนานก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นเครือว่า "บรรพชน… ที่ท่านพูดเป็ความจริงหรือ…"
บรรพชนหลินเหลือบมองเขาแล้วกล่าวว่า "รีบไปส่งบัตรเชิญซะ! จะมาถามให้เสียเวลาทำไม?"
จากนั้น หลินฮ่าวรีบวิ่งออกไปทันที ขณะที่บรรพชนหลินพยายามจะอุ้มหลินเสวียนจากอ้อมแขนของเสวียนอวี่ ทว่าเสวียนอวี่กลับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แววตาฉายชัดถึงความหวาดหวั่น
บรรพชนหลินได้แต่ถอนหายใจอย่างจนใจ
"เด็กน้อย"
"เ้ารู้จักนามของข้าหรือไม่? แล้วดาบที่ข้าห้อยไว้ที่เอวล่ะ มีชื่อว่าอะไร?"
เสวียนอวี่ไม่เข้าใจความหมายของคำถาม
"ข้าแซ่หลิน นามว่าฉิงเทียน"
"ดาบเล่มนี้มีชื่อว่า ซานฉื่อ (สามฉื่อ)"
"และเ้าดาบสามฉื่อนี้ ก็คือกุญแจในการบรรลุเต๋าของข้า!"
เขาดีดปลายดาบเบา ๆ เสียงใสสะท้อนออกมา ขณะที่ชายชราผู้สวมชุดขาวเงยหน้าขึ้น แววตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงจ้องไปยังประกาศิตสีดำสนิทที่ลอยอยู่กลางอากาศ
"ด้วยดาบสามฉื่อ ข้าจะสังหารอสรพิษร้ายทุกตัวที่ขวางทางข้า!"
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งพลันดังกึกก้องราวกับฟ้าคำราม—
"หลินชิงเทียน!"
"เ้ากำลังประกาศากับข้ารึ?!"
"เ้ารู้หรือไม่ว่า ในอนาคตจะมีศพนับล้านกองพะเนิน เืจะไหลเป็สายธาร!"
ในวันนี้ ชายชราผู้เปียกโชกท่ามกลางสายฝนเงยหน้าขึ้น แผ่นหลังที่เคยโค้งงอเล็กน้อยกลับเหยียดตรงขึ้น ราวกับเขากลับไปเป็วัยหนุ่มผู้ฮึกเหิมอีกครั้ง
ชายชราก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว ฟันประกาศิตให้ขาดสะบั้นด้วยดาบ จากนั้นกวัดแกว่งอีกครั้ง ผ่าทะลุกลุ่มเมฆฝนที่บดบังท้องฟ้าเหนือตระกูลหลิน
เขากอดอก จ้องมองไปยังที่ห่างไกล เส้นผมพลิ้วไหวไปตามสายลม
"เช่นนั้นก็ให้มันเป็ไป!"
