หลี่เก๋อฉุนเป็ชายวัยกลางคนที่มีอายุมากกว่าเฉินซานหยวนหลายปี ทันทีที่เขาถูกนำตัวเข้ามาก็มีลักษณะท่าทางเหมือนกับเฉินซานหยวนทุกประการ ทั้งหวาดกลัวและลุกลี้ลุกลน เมื่อเข้ามาด้านในก็ชำเลืองตามองไปที่ฉีฟู่ฟางด้วยความหวาดหวั่นไม่หยุด
ฉีฟู่ฟางไม่มีความหยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว นางชายตามองหลี่เก๋อฉุนแวบเดียว จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองอีกเป็ครั้งที่สอง
จวินจิ่วเฉินถามด้วยน้ำเสียงเ็า “หลี่เก๋อฉุน เ้าถูกใครติดสินบนและทำอะไรไว้? มีหลักฐานอะไรพูดออกมาให้จบในทีเดียว! หากมีการโกหกแม้แต่คำเดียวจะมีโทษเท่ากับคนบงการ! ”
หลี่เก๋อฉุนมีท่าทางใจนคุกเข่าไม่มั่นคง เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย คุณหนูใหญ่ฉีให้นู๋ไฉใส่ร้ายกูเฟยเยี่ยน นาง นางบอกว่าจะมีคนให้การไปที่กูเฟยเยี่ยนอย่างแน่นอน รอ รอตอนที่ไต่สวน ให้นู๋ไฉพูดโกหกใส่ร้ายกูเฟยเยี่ยนว่าเคยมาหานู๋ไฉแล้วสอบถามถึงลิ่วตันซางลู่
บัดนี้ผู้คนต่างก็ใมองหน้ากันเลิ่กลั่กไม่กล้าส่งเสียงใดๆ
หากว่าฉีฟู่ฟางเป็คนร้ายตัวจริง เช่นนั้นเื่นี้ก็…เป็เื่ใหญ่แน่!
ในขณะเดียวกันหลี่เก๋อฉุนก็ชายตามองไปทางฉีอวี้ด้วยความขี้ขลาดตาขาว สายตาของทุกคนจึงรีบมองตามทันที ฉีอวี้ตกตะลึงมาก
สายตาของจวินจิ่วเฉินทอประกายถึงความซับซ้อน “หลักฐานล่ะ? ”
หลี่เก๋อฉุนรีบตอบโดยเร็ว “คุณหนูใหญ่ฉีให้ลูกพี่ลูกน้องของนู๋ไฉที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยทหารในค่ายทหารฝั่งตะวันตกเลื่อนขั้นมาเป็ผู้บัญชาการ นางยังพูดอีกว่า เพียงแค่นู๋ไฉปฏิบัติงานได้สำเร็จ นางก็จะคิดหาวิธีทำให้นู๋ไฉขึ้นเป็อาจารย์แพทย์ได้ภายในสามปี”
ทันทีที่หลี่เก๋อฉุนเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ฉีฟู่ฟางจึงเงยหน้าขึ้นมาะโด้วยโทสะ “เ้าโกหก! เ้าใส่ร้ายข้า! ”
นางให้หลี่เก๋อฉุนเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเหรียญทองเท่านั้น อีกทั้งไม่เคยตอบรับในเื่นี้เลย ค่ายทหารฝั่งตะวันตกมีหน้าที่รักษาการณ์เมืองจิ้นหยางฝั่งตะวันตก ฝ่าาสามารถระดมกำลังได้ตลอด ถึงแม้ว่าจะก่อตั้งโดยกองทัพตระกูลฉีทว่าระบอบภายในค่ายทหารนั้นเข้มงวดกวดขันมาก นางที่เป็เพียงสตรีจะเข้าไปก้าวก่ายได้อย่างไร?
หลี่เก๋อฉุนถูกคนอื่นติดสินบนเช่นเดียวกันกับเฉินซานหยวน เขาไม่เพียงแต่จะให้การมาที่นาง ทว่ายังใส่ร้ายนางและใส่ร้ายตระกูลฉีอีกด้วย! ฉีอวี้ก็เข้าใจแล้วเช่นกัน เขาพุ่งขึ้นมาด้านหน้าพลางซักถามด้วยความโมโห “หลี่เก๋อฉุน ค่ายทหารฝั่งตะวันตกจะยอมให้เ้ามาใส่ร้ายได้อย่างไร? ข้าว่าเ้าคงเบื่อกับการมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว! เ้า…”
น่าเสียดายที่เขายังพูดไม่จบ จวินจิ่วเฉินก็ใช้ค้อนไม่เล็กเคาะลงมาอย่างแรง
ฉีอวี้ไม่กล้าบุ่มบ่ามจึงโน้มตัวด้วยความเคารพนอบน้อม “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย นี่เป็การใส่ร้าย นี่เป็…”
จวินจิ่วเฉินไม่ได้สนใจไยดีเขา “ทหาร รีบไปตรวจสอบที่กองกำลังทหาร”
ระยะเวลาไม่นานนักหยาเว่ยก็กลับมาแล้ว คนที่มาด้วยยังมีเสนาบดีเฉินประจำกองกำลังทหาร เสนาบดีเฉินนำทะเบียนทหารมาตรวจสอบที่นี่ด้วย และแน่นอนว่าพบชื่อของหลีปิ่งเจี๋ยลูกพี่ลูกน้องของหลี่เก๋อฉุนที่อยู่ในค่ายทหารฝั่งตะวันตก ภายในมีการบันทึกเอาไว้ว่าเมื่อสี่วันก่อนหลีปิ่งเจี่ยที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยทหารได้เลื่อนขั้นมาเป็ผู้บัญชาการ! และผู้ที่ทำการเลื่อนขั้นให้เขาก็คือรองแม่ทัพที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของฉีอวี้
เมื่อเสนาบดีเฉินรายงานเรียบร้อยแล้ว ทั่วทั้งห้องถึงกับเงียบเป็เป่าสาก
แม้แต่กูเฟยเยี่ยนที่รู้ความจริงอยู่แก่ใจก็ยังคงเกิดความหวาดผวาเล็กน้อย แผนซ้อนแผนของจิ้งจอกเฒ่าที่อยู่เื้ัจะไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรือ? เขาฝังเงินลงไปมากมายจนสมบูรณ์แบบปราศจากช่องโหว่เช่นนี้ นี่เป็จังหวะที่จะสังหารตระกูลฉีให้ตายเชียวนะ!
บัดนี้แผ่นหลังของฉีอวี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อไหลพลั่กจนเปียกโชกไปแล้ว
เมื่อได้ยินถึงชื่อของหลีปิ่งเจี๋ยเขาก็เกิดความรู้สึกสิ้นหวังแล้ว ในตอนที่รองแม่ทัพเสนอการเลื่อนขั้นของหลีปิ่งเจี๋ยขึ้นมา เขาพยักหน้าไป! นี่เป็การเลื่อนขั้นตามปกติ ทว่าในเวลานี้จะยังมีใครเชื่อเขาและรองแม่ทัพของเขาอีก?
ฉีอวี้ไม่หลบหลีกอะไรแล้ว ท่ามกลางสายตาผู้คน เขาหันกลับไปมององค์หญิงหวายหนิงพลางเผยให้เห็นถึงสายตาวิงวอนที่ชัดเจนจนไร้ที่เปรียบเปรย
ในยามนี้ต่อให้องค์หญิงหวายหนิงทำหลักฐานเท็จก็ไม่มีประโยชน์แล้ว มีทางเดียวที่ทำได้คือการแบกรับโทษแทนท่านพี่เท่านั้น เพียงแค่องค์หญิงหวายหนิงยืนขึ้นกล่าวว่าตนเองเป็ผู้บงการเื่ราวทั้งหมดและเป็ผู้ที่บีบบังคับท่านพี่ ตระกูลฉีก็จะสามารถรอดพ้นไปได้ ตอนที่อยู่ในจวนตระกูลฉี องค์หญิงหวายหนิงเคยกล่าวเอาไว้ว่าถ้าหากเื่นี้จัดการไม่ได้ นางจะมาแบกรับโทษไว้แทน!
ทว่าองค์หญิงหวายหนิงที่มีความกระตือรือร้นเ้ากี้เ้าการโต้แย้งเมื่อสักครู่นี้ได้ปิดปากเงียบไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมานานแล้ว นางมองฉีอวี้ด้วยเบ้าตาเปียกชื้นเล็กน้อย ทว่าก็ทำเพียงเมียงมองและไม่ได้ตอบรับอะไรเขาทั้งนั้น
ลิ่วตันซางลู่ทำให้ถึงแก่ชีวิตนี่นา!
การวางแผนสังหารจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเป็คดีใหญ่เชียวนะ!
นางแบกรับไว้ไม่ไหว!
“ฉีฟู่ฟาง เปิ่นหวางจะถามเป็ครั้งสุดท้าย ยอมรับผิดหรือไม่? ”
น้ำเสียงเย็นะเืของจวินจิ่วเฉินทำลายความเงียบสงัดของห้องโถงลง ฉีฟู่ฟางที่มีความใก็ได้สติกลับคืนมา ก่อนจะหันหน้าไปมององค์หญิงหวายหนิงอย่างดุเดือด ดวงตาของนางมีแสงแห่งความวิงวอนที่ชัดเจนมากกว่าฉีอวี้ถึงสามส่วน นางไม่ได้ขอร้องให้องค์หญิงหวายหนิงแบกรับโทษแทน แต่ขอร้องให้องค์หญิงหวายหนิง…ยอมรับผิด!
องค์หญิงหวายหนิงเป็คนบงการเื่นี้ นางเพียงแค่เป็ผู้สมรู้ร่วมคิด!
หากไม่ใช่ว่าองค์หญิงหวายหนิงรับรองกับนางว่าเมื่อใช้ลิ่วตันซางลู่ไปแล้วจะไม่มีอะไรรุนแรง นางคงไม่กล้าที่จะออกหน้าไปติดสินบนแน่ อีกทั้งไม่กล้าคิดที่จะไปยุ่งกับห่อย่าวซ่านของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยอย่างแน่นอน!
บัดนี้หลักฐานเป็ที่น่าเชื่อถือแล้ว มีเพียงแค่องค์หญิงหวายหนิงเท่านั้นที่สามารถช่วยนางได้ องค์หญิงหวายหนิงยังคงสามารถฝืนใจเพ่งมองไปที่สายตาของฉีอวี้ได้ แต่ทันทีที่เห็นว่าฉีฟู่ฟางมองมาที่นาง นางก็…ไม่มีความกล้าแล้ว! นางหันหน้าไปมองทางอื่นอย่างลนลาน แสร้งทำเป็มองไม่เห็นฉีฟู่ฟาง
นี่…
ฉีฟู่ฟางตกตะลึงจนตาค้าง
สายตาของกูเฟยเยี่ยนจ้องมองไปที่ปฏิกิริยาตอบสนองของพี่น้องตระกูลฉี มุมปากของนางเกิดความเยาะเย้ยโดยไม่รู้ตัว นางคิดว่าความรู้สึกที่องค์หญิงหวายหนิงมีต่อฉีอวี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก! นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉีอวี้ที่ถูกผู้หญิงแบบนี้หลงชอบนั้นมีดีอะไรให้โอ้อวดกัน?
จวินจิ่วเฉินมองเห็นทุกอย่างชัดเจนเช่นกัน เขาไม่ได้เกิดความลังเลใจ ในไม่ช้าก็รับสั่งออกมา “ทหาร คุมตัวฉีฟู่ฟางไปแล้วเฝ้าไว้ให้ดี! ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ผู้คนในตระกูลฉีไม่ว่าจะเป็ใครก็ตามล้วนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมืองจิ้นหยางได้แม้แต่ครึ่งก้าว! ผู้ที่ฝ่าฝืนปะาชีวิตในที่นั้นทันที! เปิ่นหวางจะรายงานไปที่ฝ่าาแล้วค่อยตัดสินใจ! ”
แย่แล้ว!
ฉีฟู่ฟางกระวนกระวายใจจนไม่คำนึงถึงอะไรมากมายแล้ว นางรีบะโด้วยความร้อนรน “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันถูกปรักปรำ ปรักปรำกัน! เฉินซานหยวนและหลี่เก๋อฉุนถูกหม่อมฉันติดสินบนก็จริง ทว่าลิ่วตันซางลู่หม่อมฉัน เป็…เป็องค์หญิงหวายหนิงที่มอบให้แก่หม่อมฉัน! ”
คำพูดนี้เปรียบเสมือนกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาในห้องพิจารณาคดี จนทำให้ทุกคนเกิดความตื่นตระหนกใ
องค์หญิงหวายหนิงตกตะลึงมากเหลือเกิน แต่คนที่ตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือฉีอวี้!
การลอบสังหารจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะต้องถูกปะาเก้าชั่วโคตร ฉีฟู่ฟางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชี้ไปที่องค์หญิงหวายหนิงพลางเอ่ยต่อไป “ องค์หญิงหวายหนิงเป็ผู้ที่มอบห้าพันเหรียญทองให้แก่เฉินซานหยวน! หลี่เก๋อฉุนพูดโกหก ข้าไม่ได้ช่วยให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาเลื่อนขั้น ข้าไม่ได้ทำ! องค์หญิงหวายหนิงยังบอกเอาไว้ว่า เมื่อใช้ลิ่วตันซางลู่ไปแล้วจะไม่มีอะไรรุนแรง ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นแล้วต่อให้ข้าไปเอาความกล้ามาจากที่ใด ข้าก็ไม่กล้าวางแผนประทุษร้ายจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย! เตี้ยนเซี่ย ข้าถูกปรักปรำ! ปรักปรำกันแล้ว! ”
ฉีอวี้เชื่อพี่สาวของตนเองว่าไม่มีความกล้ามากพอที่จะใส่ร้ายองค์หญิงหวายหนิงแน่นอน เขามองไปที่องค์หญิงหวายหนิงอย่างคิดไม่ถึง มือของเขากำหมัดแน่นอย่างลับๆ
ที่แท้องค์หญิงหวายหนิงก็คือผู้ที่กระทำเื่นี้! องค์หญิงหวายหนิงหลอกลวงพวกเขามาโดยตลอด!
“องค์หญิงหวายหนิง เ้า เ้า…”
ฉีอวี้โกรธจนพูดไม่ออก ใบหน้ารูปงามค่อยๆ เปลี่ยนเป็ดุร้ายขึ้น องค์หญิงหวายหนิงไม่เคยเห็นเขาโกรธเช่นนี้มาก่อน นางใจนขอบตาแดงก่ำและ้าอธิบายโดยไม่รู้ตัว “ข้า ข้า…”
ในขณะเดียวกันก็มีน้ำเสียงดุดันดังมาจากด้านนอกห้องโถง “มีเจตนาลอบสังหารจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยแล้วต่อด้วยใส่ร้ายองค์หญิงหวายหนิง ผู้ใดมอบความกล้าให้แก่พวกเ้าตระกูลฉีกัน? พวกเ้าจะก่อฏหรือ?”
ทุกคนหันกลับไปมองจึงพบว่าผู้ที่มาใหม่มีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสง่าผ่าเผย และมีความสูงส่ง เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็พระโอรสองค์โตของฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเทียนเหยียน และเป็พี่ชายที่มีมารดาคนเดียวกันกับองค์หญิงหวายหนิงองค์ชายใหญ่ จวินเย่าเฉิง…