หลิวจือโม่ลืมตาสะลึมสะลือมองหลี่ชิงหลิงที่อยู่ตรงหน้าแล้วหน้าแดงก่ำ เขาเงยหน้าขึ้นและถอยห่างจากนาง หลี่ชิงหลิงหัวเราะ ช่างหน้าบางจริงๆ เลย
หลังโดนหัวเราะหน้าเขาก็แดงยิ่งกว่าเดิม หลิวจือโม่ขยับสองก้าว ลุกขึ้นเพื่อซ่อนความไม่เป็ตัวของตัวเอง รีบเอื้อมมือไปหยิบตะกร้า "ไปกันเถอะ!"
หลี่ชิงหลิงกลัวว่าหากโดนแกล้งอีกจะเปลี่ยนจากอายเป็โกรธ นางกระแอมพลางหุบยิ้ม "ไปทางนี้" นางะโ หันหลังกลับและเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม
หลิวจือโม่หยุดชะงัก หันกลับมาและตามไป มองดูร่างเล็กๆ ตรงหน้าพลางครุ่นคิด แต่ก่อนนางเป็ฝ่ายหน้าแดงวิ่งหนี แต่ตอนนี้กลับแกล้งเขาจนหน้าแดง จริงๆ เลย…
“พี่จือโม่?” หลี่ชิงหลิงหยุดฝีเท้าหันกลับมามองหลิวจือโม่ รอให้เขาเข้ามาใกล้ เดินเคียงข้างเขา สอนทักษะการเอาชีวิตรอดในป่าบางอย่างให้เขาอย่างละเอียด
หลิวจือโม่ตั้งใจฟัง เมื่อไม่เข้าใจจะถาม เขารู้ว่าในูเาลึก ยิ่งเขารู้มากเท่าไรก็จะยิ่งอันตรายน้อยลงเท่านั้น
"ชู่ว..." หลี่ชิงหลิงตาแหลมเห็นไก่ป่า นางยกนิ้วขึ้นและส่งเสียง หลิวจือโม่หยุดพูดทันที มองตามสายตาไปเป็ไก่ป่ากำลังจิกหนอน ตาเขาเป็ประกาย
หลี่ชิงหลิงหยิบลูกธนูไม้ไผ่ออกมาจากตะกร้าหลัง ย่องเข้าไปใกล้อีกสองสามก้าว หยุดข้างต้นไม้ ยกมือขึ้น เสียงดังฟิ้ว ลูกธนูยิงตรงไปที่ไก่ป่าตัวนั้น
ความเร็วนั้นทำให้หลิวจือโม่ตะลึงไปครู่หนึ่ง ไม่คิดเลยว่าทักษะธนูของหลี่ชิงหลิงจะดีขนาดนี้ เพราะงั้นนางจึงกล้ามาูเาซงลำพัง
นางมาหาเขาเพราะ้าช่วยเขา เมื่อนึกถึงตรงนี้ หัวใจของหลิวจือโม่ก็เหมือนอยู่ในน้ำเดือด ร้อนระอุอย่างมาก
หลี่ชิงหลิงวิ่งไปหยิบไก่ป่า มองหลิวจือโม่ด้วยดวงตาที่สดใส "มีไก่ป่าให้กินแล้ว เดี๋ยวจะให้ชิมฝีมือข้า อร่อยจนต้องอยากเลียจานแน่” นางหัวเราะ วิ่งไปที่ลำธารพร้อมกับไก่ป่าโดยไม่รอคำตอบของหลิวจือโม่
เมื่อได้สติ หลิวจือโม่เดินไปและเห็นหลี่ชิงหลิงกำลังใช้มีดเชือดไก่ป่า เขามองมือที่คล่องแคล่วและรู้สึกประหลาดใจ "เ้าดูชำนาญมาก” หากไม่ทำบ่อยๆ คงไม่คล่องแคล่วขนาดนี้
หลี่ชิงหลิงใ แต่โบ้ยพ่อที่ตายไปแล้วโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า "ข้าเรียนรู้จากท่านพ่อ พี่ก็รู้นี่ ท่านล่าสัตว์เก่ง ข้าได้ติดตามท่านพ่อแล้วได้เรียนรู้ไม่น้อย"
หลิวจือโม่ไม่สงสัยอะไร พยักหน้าและถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม?
ในูเาลึกและป่าทึบนี้ เขายังต้องให้นางดูแลอีก เขารู้สึกไม่ดีเลย
“ท่านไปเก็บฟืนกลับมาเถอะ!” นี่ไม่ใชู่เาลึก ไปคนเดียวก็ไม่มีอันตราย
เมื่อหลิวจือโม่กลับมาพร้อมกับกองฟืน หลี่ชิงหลิงก็กำลังต้มน้ำแล้ว นางเห็นหลิวจือโม่กลับมาจึงะโเรียก ก่อนจะก้มหัวลงเพื่อจุดไฟอีกครั้ง
หลิวจือโม่วางฟืนลงเงียบๆ นั่งข้างนาง แกะฟืนแล้วยื่นให้ เพื่อให้นางเผาได้ง่ายขึ้น
ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุย แต่ส่งรับกันอย่างมีจังหวะ
เมื่อน้ำเดือด หลี่ชิงหลิงก็ใส่ไก่ป่าลงในหม้อดินเผา ลวกเสร็จเอาออกมาถอนขน หลังจากนั้นไม่นาน ไก่ป่าก็ถูกชำแหละจนสะอาด
ไก่ป่าตัวนี้มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกว่า เพียงพอสำหรับสองคน
"พี่จือโม่ ช่วยข้าเหลาไม้ไว้เสียบที" เมื่อเห็นว่าหลิวจือโม่ไม่มีอะไรทำ หลี่ชิงหลิงจึงสั่งเขาอีกครั้ง
หลิวจือโม่ตอบอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นหาไม้ที่มีลักษณะตรงแล้วใช้มีดเหลา หลี่ชิงหลิงทำโครงไม้สำหรับย่างไก่ป่าบนนั้น จะได้ไม่ต้องถือเอง สะดวกกว่ามาก
ทั้งสองทำงานร่วมกัน เมื่อย่างไก่ป่าสำเร็จ หลี่ชิงหลิงจึงถอนหายใจเบาๆ นั่งบนพื้น หันมองหลิวจือโม่ที่กำลังจ้องมองที่กองไฟ
หากพ่อแม่ของหลิวจือโม่ยังอยู่ เขาคงจะนั่งเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน แทนที่จะออกมาหากินบนูเาอันห่างไกลแห่งนี้
“มองข้าทำไม” หลิวจือโม่เห็นนางเหม่อมองเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่หน้าแดง แต่ยื่นมือไปดีดหน้าผากหลี่ชิงหลิง
“ท่านพี่ดูดีจัง” หลี่ชิงหลิงหัวเราะร่วน รู้สึกโชคดีที่ได้คู่หมั้นที่หล่อเหลาเช่นนี้ “ผิวท่านขาวจริงๆ”
เด็กสาวััใบหน้าของตน นางต้องทำงานในไร่นาั้แ่ยังเด็ก ตากแดดทุกวัน ไม่มีวันที่กินอิ่มท้อง หน้าจึงทั้งเหลืองทั้งดำ ไม่สะสวยเอาเสียเลย
เมื่อเห็นผิวที่ขาวเนียนของหลิวจือโม่จึงรู้สึกอิจฉา นางบีบนิ้วอยากจะััผิวเด็กหนุ่มอีกครั้ง
แต่เมื่อเห็นใบหน้าของใครบางคนมืดลง นางจึงเม้มริมฝีปากกลั้นหัวเราะ พยายามพับเก็บความคิดในใจ
หลิวจือโม่หันหลังกลับ หลบสายตาของหลี่ชิงหลิง ไม่ยอมให้นางมอง
ผิวของเขาขาวมากเหมือนแม่ แต่เขาไม่ชอบเลย เขาคิดว่าผู้ชายที่มีผิวขาวแบบนี้ดูไม่สมชายเท่าไร
หลี่ชิงหลิงขยับก้นอย่างระมัดระวัง ขยับไปข้างหลังเขา โผล่หัวเล็กๆ ไปมอง เขาพลันรู้สึกตัวเอื้อมมือออกมาเคาะหัวนางสองสามครั้งด้วยความโกรธ "ดูข้าทำไม ดูไก่ย่างโน่น จะไหม้แล้ว”
นี่คือนิสัยแท้จริงของนางสินะ ท่าทางขี้อายนั่นเป็การเสแสร้งแน่ๆ
หลิวจือโม่ทั้งโกรธทั้งอยากหัวเราะ
ยื่นมือออกไปหมุนไม้ที่มีไก่ย่างอยู่ หลี่ชิงหลิงไม่มองเขาอีก หันไปมองกองไฟราวกับมองทะลุผ่านกองไฟไปยังที่แห่งหนึ่ง
“พี่จือโม่ ตอนที่หมั้นกัน พี่อยากหมั้นกับข้าไหม” นางถามเสียงเรียบ ปราศจากความเขินอายแบบผู้หญิงในยุคนี้
นางไม่อาย แต่หลิวจือโม่รู้สึกอายเล็กน้อย เขากลืนน้ำลาย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงตอบรับ
ในอดีตเขาไม่มีทางเลือกอื่น แต่ตอนนี้กลับมีแต่ความรู้สึกตั้งตารอ
หลี่ชิงหลิงเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจ หยิบเครื่องปรุงรสที่นำมาโรยบนไก่ย่างแล้วถาม "ข้าหน้าตาไม่ดี ทำไมถึงตกลงเล่า"
นาง…
หลิวจือโม่เห็นว่าหลี่ชิงหลิงดูไม่เขินอายเลยจริงๆ หัวใจที่ปั่นป่วนของเขาค่อยๆ สงบลง "คำสั่งของท่านพ่อกับท่านแม่..." เขาไม่สามารถคิดเหตุผลที่ดีได้ ดังนั้นเขาจึงคิดได้เพียงแค่เหตุผลนี้เพื่อมาปิดปากนางก่อน
อันที่จริงก็เป็คำสั่งของพ่อกับแม่จริงๆ
หลี่ชิงหลิงเลิกคิ้วขึ้น "ถ้าแต่งแล้วเข้ากันไม่ได้จะไม่ลำบากเหรอ” พูดไปก็รู้สึกแปลกๆ ที่นี่คือยุคโบราณ หลายๆ คู่รักไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่งงาน นางยังนับว่าโชคดีที่มีคนรักจากวัยเด็ก "โชคดีนะ ที่เรารู้จักกันดี"
"..."
เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำพูดเหล่านี้อย่างไร
หลี่ชิงหลิงไม่กล้าที่จะคุยหัวข้อนี้ต่อไปอีก หลิวจือโม่ฉลาดมาก หากสังเกตเห็นอะไรเข้า นางจะไม่โดนมองเป็สัตว์ประหลาดหรือ!
"ได้แล้ว!" หลี่ชิงหลิงหยิบไก่ย่างลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มันหอมมากจนน้ำลายของนางแทบจะไหลออกมา "พี่จือโม่ ลองกินสิ" นางตัดน่องไก่ออกแล้วยื่นให้หลิวจือโม่
หลิวจือโม่รับมาเป่า กัดคำเล็ก “อร่อย” อร่อยจริงๆ หลี่ชิงหลิงอยากทำให้เขาประหลาดใจอีกกี่เื่กันนะ?
เมื่อเขาคิดว่าตนเองเข้าใจนางแล้ว นางก็คอยสร้างเื่ใหม่ๆ ดึงดูดให้เขาพยายามทำความเข้าใจนางต่อไป
"แน่นอนอยู่แล้ว" หลี่ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นอย่างมีชัย ตัดน่องไก่อีกหนึ่งข้าง แทบรอไม่ไหวที่จะกิน นางไม่ได้กินมันมานานแล้ว
ในชีวิตก่อน ทุกครั้งที่นางกับพ่อไปล่าสัตว์บนูเาจะต้องย่างไก่กินหนึ่งตัว นางคิดถึงมันมากจริงๆ!
ทั้งสองกัดแทะราวกับผีที่อดอยากกลับชาติมาเกิด ไม่นานนัก ไก่ป่าหนึ่งตัวก็ถูกพวกเขาจัดการเรียบ
หลี่ชิงหลิงเลียนิ้ว มันอร่อยมากจนนางอยากกินอีก
"กินอิ่มแล้วก็ได้เวลาทำงาน" นางลุกขึ้น วิ่งไปที่ลำธารเพื่อล้างมือ เห็นปลาเฉาฮื้อแหวกว่าย ั์ตาเป็ประกาย ก่อนที่หลิวจือโม่จะมาถึง นางก็ลงมือ
หยดน้ำจิติญญาสองสามหยดจากนิ้วลงไปในน้ำ ครู่เดียวก็มีปลาเฉาฮื้อหลายสิบตัวว่ายวนรอบนิ้ว นางหยิบตะกร้าที่อยู่ด้านข้างแล้วกดลงในน้ำ
ครั้งนี้นางดักปลาเฉาฮื้อได้ประมาณสิบตัว มากกว่าครั้งที่แล้ว นางอุทาน "พี่จือโม่มาดูสิ ข้าจับปลาได้เยอะมาก"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวจือโม่ก็วิ่งไปทันที ก้มมองเห็นปลาเฉาฮื้อะโไปมาในตะกร้า ดวงตาของเขาเบิกกว้าง "นี่... จับได้ยังไง” แถมยังทีเดียวเยอะขนาดนี้?
"ข้าใช้ตะกร้า"
ง่ายขนาดนี้?
หลิวจือโม่มองลำธารและมองปลาเฉาฮื้ออีกรอบ เขาชื่นชมนางยิ่งกว่าเดิม “สุดยอดเลย”
"แค่โชคดีน่ะ" หลี่ชิงหลิงยิ้ม แต่ในใจนางรู้สึกผิดมาก
ในชีวิตก่อน นางเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับการเกิดใหม่ อย่างพวกเื่พื้นที่มิติ น้ำแห่งจิติญญา สงสัยนางอาจได้รับความโปรดปรานจากเทพเ้า ท่านถึงได้มอบนิ้วทองคำให้
แต่เพราะนางไม่สามารถลองที่บ้านได้ นางจึงมาลองที่นี่ แค่ลองก็สามารถยืนยันสิ่งที่นางคิดในใจ
หลี่ชิงหลิงเก็บความยินดี หยิบมีดขึ้นมา "พี่จือโม่ มาชำแหละปลากันก่อนแล้วค่อยไป”
"ได้…"
ทั้งสองชำแหละปลาก่อนที่จะเดินเข้าไปในูเา
ระหว่างทาง หลี่ชิงหลิงไม่เพียงแค่ยิงเหยื่อ แต่ยังขุดกับดักร่วมกับหลิวจือโม่ หวังจะจับไก่ป่าและกระต่ายอีกด้วย นางจำที่เสี่ยวเอ้อบอกได้ว่าสัตว์ที่ยังมีชีวิตจะมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย
“เสี่ยวหลิง” หลิวจือโม่หมอบลงกับพื้นแล้วเรียกหลี่ชิงหลิง
หลี่ชิงหลิงหยิบกระต่ายที่เพิ่งยิงโดนใส่ตะกร้า "มีอะไรหรือ?" นางเดินไป "ท่านดูอะไรอยู่"
หลิวจือโม่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาหยีแทบปิด "มีกระต่าย" ปรากฏว่ามีกระต่ายป่าตัวเล็ก ๆ สองสามตัวอยู่ในหญ้านั่นเอง
เด็กสาวเข้าไปใกล้ มองตามที่เขาชี้แล้วเห็นว่าเป็กระต่ายจริงๆ
นางยิ้มและตบไหล่เขา "พากลับไปเลี้ยงที่บ้าน" นางมองเหล่ากระต่ายน้อยและมีความคิดบางอย่างในใจ
นี่เป็ความสุขที่คาดไม่ถึง หลิวจือโม่ก็มีความสุขมากเช่นกัน เขาดึงหญ้าแห้งวางในตะกร้า ทำรังกระต่ายง่ายๆ จากนั้นจับกระต่ายตัวเล็กๆ เ่าั้หย่อนลงไป
จือโหรวคงชอบกระต่ายน้อยเหล่านี้แน่
