"เอกอยากได้บ้านใหม่เหมือนครอบครัวน้ากานต์ไหม?" อรศรีถามลูกชายขึ้นมา เมื่อได้ยินว่ากานต์กำลังจะสร้างบ้านใหม่ ตอนนี้เธอยังคงรู้สึกผิดต่อลูก ั้แ่ตัดสินใจที่จะย้ายออกจากกรุงเทพฯ ชากรก็จัดเก็บข้าวของพร้อมจะออกมาเผชิญชีวิตกับเธออย่างเต็มใจ ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าอนาคตเขาจะไปอยู่ที่ไหน เธอติดหนี้ลูกมากในเื่นี้
"ไม่นับบ้านพักครูหลังนี้ ตอนนี้พวกเราก็เหมือนคนไร้บ้าน แม่ขอโทษลูกนะจ๊ะที่ทำให้ลูกต้องมาใช้ชีวิตระหกระเหินกับแม่แบบนี้"
"แม่คิดมากไปแล้ว เป็ผมเองต่างหากที่บอกให้ย้ายมา แล้วผมก็ชอบชีวิตตอนนี้มาก ผมมีความสุขมากกว่าตอนอยู่ในกรุงเทพฯ อีกนะ แย่กว่าหน่อยตรงที่คิดถึงเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเดิมอยู่บ้าง แต่อย่างอื่นนี่ดีกว่าเดิมจริง ๆ พวกเราเจอคนใจดีเยอะมาก อย่างครอบครัวน้ากานต์ ครอบครัวครูใหญ่ สังคมที่นี่ก็ดีมาก เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน แล้วผมก็เจอเพื่อนที่ดี ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งที่โรงเรียนและในหมู่บ้าน ผมควรขอบคุณแม่มากกว่าที่พาผมมาเจอที่ดี ๆ แบบนี้"
"ถ้าแม่คิดจะปักหลักอยู่นี่ล่ะ ลูกคิดว่ายังไง" อรศรีหยั่งเชิงถาม ความรู้สึกของเธอต่อที่นี่ก็ไม่ต่างจากลูกชายมากนัก เธอชอบชีวิตที่เรียบง่ายและสงบของที่นี่มาก ผู้คนก็ดูเข้าใจง่ายไม่สลับซับซ้อนเหมือนที่ที่เธอจากมา
"แม่คิดที่จะซื้อที่ปลูกบ้านที่นี่เหรอ"
อรศรีพยักหน้ารับ "ลูกคิดว่าไง"
"ดีครับ ผมชอบ เงินขายที่ ขายบ้านที่ได้มาสามารถซื้อที่ปลูกบ้านแถวนี้ได้สบายเลย แล้วยังเหลือเงินเก็บไปทำอย่างอื่นได้ด้วย"
"แล้วเอกไม่คิดถึงกรุงเทพฯ เหรอ โดยเฉพาะเขา" อรศรียิ้มเศร้าเมื่อคิดถึงคนคนนั้น
ชากรส่ายหน้ายิ้ม ๆ "ชีวิตเอกมีแต่แม่เท่านั้นครับ คนนั้นก็แค่ผ่านมาสร้างเืเนื้อให้ผมแค่ชั่วครู่ แต่แม่ต่างหากที่เป็คนที่ให้ชีวิต ตลอด 14 ปีมานี่ถ้าไม่ได้แม่ ผมคงไม่มีชีวิตรอดมาเป็คนจนป่านนี้หรอก"
อรศรีเข้าสวมกอดลูกชายอย่างตื้นตัน ขอเพียงมีลูกชายคนนี้อยู่ข้าง ๆ ชีวิตของเธอก็ไม่้าใครเพิ่มอีกแล้ว "ลูกไม่โกรธแม่จริง ๆ นะ ที่พาลูกหนีเขามาอยู่ไกลขนาดนี้"
ชากรส่ายหน้า "ไม่โกรธครับ ผมไม่รู้สึกผูกพันใด ๆ กับเขา เขาก็เหมือนคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น แต่ถ้าจะให้มีความรู้สึกดีกับเขาบ้างก็มีอยู่เื่เดียว คือ เขาได้ยกที่ดินและบ้านให้แม่ทั้งหมดก่อนที่จากไปเมื่อ 14 ปีก่อน ทำให้เราขายได้เงินมาทีเดียวหลายล้านเลยคราวนี้" ชากรเอ่ยน้ำเสียงติดตลก ไม่มีความหมองมัวในใจแม้แต่น้อย ทำให้อรศรีรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
"ในเมื่อทั้งเอกและแม่เองก็ชอบที่นี่ เราก็มาเป็สมาชิกในหมู่บ้านนี้อย่างเต็มตัวกันเลยดีกว่า แม่จะไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านดูว่ามีใครอยากขายที่บ้าง"
"เอาใกล้ ๆ บ้านน้ากานต์นะแม่ เวลาไปขอกินข้าวจะได้ไม่ต้องเหนื่อยปั่นจักรยานไป" อรศรีหลุดขำออกมาเมื่อได้ฟัง
-----
ขณะเดียวกัน สมาชิกสามคนของบ้านรักนิเวศน์ตอนนี้กำลังนั่งถกเถียงเื่แบบบ้านกันอย่างดุเดือด ต่างคนต่างก็อยากได้แบบที่ตัวเอง้า แต่เถียงกันมากความไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็เห็น ๆ อยู่ว่าใครเป็ฝ่ายชนะ
อนงค์กานต์ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันหมดทุกซี่ ขณะที่กานต์และอนงค์ปรายตามองอย่างหมั่นไส้ เพราะประโยค แต่นิดอยากอยู่ในบ้านแบบที่นิดชอบ แท้ ๆ พวกเขาทั้งสองถึงได้ยอมหลีกทางให้ง่าย ๆ
สามีภรรยาอยากได้บ้านปูนสองชั้นแบบที่คนในตัวเมืองกำลังนิยมสร้างกันอยู่ในตอนนี้ ตอนไปเห็นบ้านของผู้ใหญ่บ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จ ทั้งสองชอบมาก ข้างในดูโอ่โถง ทันสมัย และแปลกตามากสำหรับยุคนี้
"พอบ้านสร้างเสร็จ นิดบอกเลย พ่อกับแม่ต้องชอบแน่ ๆ" อนงค์กานต์โฆษณาชวนเชื่อต่อ
อนงค์กานต์ผู้เคยเห็นบ้านปูนอยู่เกลื่อนกลาดมาแล้วในโลกอนาคต จึงไม่อยากได้บ้านสไตล์นี้นัก เพราะยิ่งนานวัน บ้านก็จะยิ่งทรุดโทรม ไม่เหมือนบ้านไม้ ยิ่งนานวันยิ่งคลาสสิคและดูดี เธอจึงอยากสร้างบ้านไม้ครึ่งปูนแบบที่อาศัยกันอยู่ในตอนนี้ แต่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย และอยากให้ทำใต้ถุนบ้านให้สูงขึ้นเพื่อใช้ทำกิจกรรมระหว่างวันจะได้ไม่อุดอู้อยู่แต่บนบ้าน
