Danger area : เขตก่อการรัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

      

        อาป๊าเหอกินได้ไม่เยอะ ไม่นานก็วางตะเกียบแล้วรินเหล้าขาวลงในชามเปล่า “เหออาซาน เหออาซาน! ป๊าไม่ได้จะว่าอะไรนะ! แต่พอมีเงินก็เริ่มเหลิง! วันหยุดก็ไม่ยอมอ่านหนังสือ ไม่ทำงาน พอมีเวลาว่างก็ออกไปจีบสาว! จีบสาวก็แล้วไป แต่ทำไมถึงยังไม่รู้จักพามาหาที่บ้านอีก!—— คุณชย่า นี่คือเหล้าขาวที่หมักเองที่บ้าน ลองหน่อยไหม?”

        “ไม่เป็๲ไรครับ ผมขับรถมา” ชย่าลิ่วอีพูดพลางใช้ตะเกียบเขี่ยท้องปลา

        “เอาน่า เหล้าขาวไม่เมาหรอก คุณชย่าอย่าเกรงใจเลย มา เดี๋ยวผมรินให้จอกหนึ่ง... เหออาซาน แกดึงป๊าทำไม! มีอะไรก็พูดกันดีๆ สิ! ป๊ายังพูดไม่จบเลย แกคิดว่าป๊าเป็๞คนใจแคบขนาดนั้นเลยหรือ?! ให้คุณชย่าตัดสินดูสิว่าการมีแฟนแล้วพามาให้ป๊าดูหน่อยมันควรจะทำไหม?”

        “ป๊า!” ใบหน้าของเหอชูซานดูเหมือนจะแดงเล็กน้อย “ผมกับเขายังไม่ได้เริ่มต้นอะไรกันเลยนะ”

        “เหอะ! ยังไม่เริ่มอะไรเลยอย่างนั้นหรือ! ฉันได้ยินจากป้าอาหัวแล้วนะ ว่าพาเธอไปที่ร้านแล้ว! แล้วยังทำกับข้าวให้เธอกินอีก! ไอ้ลูกชายคนนี้ ดูเหมือนจะเงียบๆ นะ แต่พอจีบสาวขึ้นมากลับมีวิธีเยอะแยะเลยไม่ใช่หรือ?”

        ชย่าลิ่วอีไม่รู้ว่าทำไมฟันของเขาถึงได้ปวดอย่างรุนแรง แต่เขายังคงเก็บอาการไว้และกลืนเนื้อปลาชิ้นสุดท้ายลงไป จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

        พ่อลูกตระกูลเหอยังคงหยอกล้อกันอยู่ข้างหลัง เหอชูซานเอื้อมมือไปรินเหล้าขาวที่พ่อของเขารินใส่จอกของชย่าลิ่วอีกลับคืนมาที่จอกของตัวเอง แล้วพูดเบาๆ “เขาเป็๞หวัด ดื่มอันนี้จะทำให้ร้อนใน”

        อาป๊าเหอเบิกตากว้าง “ป๊าแค่แสดงความเป็๲มิตรกับแขก!” แล้วก็ลดเสียงลง “ไอ้ลูกชาย ได้เงินเขามาใช่ไหม? แค่เป็๲หวัดก็ดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้เลย? ถึงยังไงก็เป็๲พวกมาเฟีย เราไม่ควรเอาเงินสกปรกของเขามานะ!”

        “ไม่มีจริงๆ ครับป๊า” เหอชูซานพูดพลางเติมน้ำซุปลงในชามของชย่าลิ่วอีอีกครึ่งชาม

        ชย่าลิ่วอีบ้วนปากในห้องน้ำ ก่อนจะออกมาพร้อมกับนวดแก้มของตัวเองไปด้วย เขาเห็นอาป๊าเหอกำลังใช้ไปป์สูบบุหรี่เคาะหัวลูกชาย “ป๊าจะใช้เงินสักนิดไม่ได้เชียวหรือ ยังไงก็เพื่อเก็บเงินให้แกแต่งเมียอยู่ดี!”

        “ป๊าอายุมากแล้ว ไม่ต้องลำบากหรอกครับ” เหอชูซานพูด “ผมมีเงินเดือนแล้วด้วย”

        “อะไรนะ อายุเยอะแล้วหรือ?! ฉันแก่แล้วอย่างนั้นหรือ?! ฉันอยู่ในวัยกำลังแข็งแรงต่างหากเล่า! ไอ้หนู!”

        ชย่าลิ่วอีมองไปยังไปป์ที่กำลังเคาะหน้าผากของเหอชูซานอย่างต่อเนื่อง แล้วอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

        “ป๊าเขาอยากเปิดร้านขายของชำหลังปีใหม่” เหอชูซานลูบหน้าผากแดงก่ำของเขา “พี่ลิ่วอีช่วยเกลี้ยกล่อมเขาหน่อยสิ”

        ทันทีที่ชย่าลิ่วอีพบกับอาป๊าเหอ เขาก็ปวดหัวและปวดฟัน เขาจะไปเกลี้ยกล่อมอะไรได้ เขาทำแค่จิบซุปแล้วไอเล็กน้อย “ถ้าคุณเหออยากเปิดร้านก็ปล่อยเขาไป นายจะไปขวางเขาทำไม”

        อาป๊าเหอรู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ดูดีขึ้นมากในสายตาของเขาทันที ดูเป็๲คนที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น “เห็นไหม? หัวหน้าใหญ่ยังบอกว่าโอเค! โอเค! ไอ้หนู ไปให้พ้นเลย!”

        มื้ออาหารที่บ้านตระกูลเหอผ่านไปพร้อมกับเสียงบ่นพึมพำของพ่อลูกคู่นั้น ชย่าลิ่วอีฟังเ๹ื่๪๫ราวในครอบครัวเพลินจนลืมตัวซดน้ำซุปไปสามชาม กินปลาไปอีกครึ่งตัว เกี๊ยวสิบกว่าลูก ไก่ครึ่งตัว ผัดผักรวมครึ่งชาม และข้าวอีกสองชาม อิ่มจนแทบตาย เขาต้องใช้สมาธิอย่างหนักเพื่อกลั้นอาการเรอ ไม่อย่างนั้นจะเสียภาพลักษณ์ท่านเทพหมด

        หลังทานอาหารเสร็จ ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวแถวบ้านก็ขึ้นมาชวนพ่อลูกตระกูลเหอไปเดินตลาดดอกไม้ อาป๊าเหอตอบตกลงด้วยความยินดี บอกให้เพื่อนบ้านรอข้างล่าง แล้วตัวเองก็ขึ้นไปบนบ้านเพื่อใส่เสื้อโค้ต ส่วนเหอชูซานอ้างว่าจะอ่านหนังสือ ขออยู่บ้านเป็๲เพื่อนลูกพี่ใหญ่

        “ปีที่แล้วผมไปเดินมาแล้ว ไม่ค่อยมีอะไร” เหอชูซานพูดไปพลาง เก็บจานชามไปพลาง “เดี๋ยวเราขึ้นไปดูพลุบนดาดฟ้ากันนะครับ พี่ลิ่วอี”

        “นายไปตลาดดอกไม้กับพ่อเถอะ ฉันจะกลับแล้ว” ชย่าลิ่วอีพูด

        เหอชูซานชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ยังหัวค่ำอยู่เลยครับ พี่ลิ่วอี บนดาดฟ้าคนไม่เยอะ สงบดีนะ”

        ชย่าลิ่วอีกุมท้องที่ป่องขึ้นมาเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตัวเองทนอยู่ในห้องที่อบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ นี้ไม่ได้อีกต่อไป ถ้าอยู่ต่ออีกหน่อยก็เหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง—— ใช่แล้ว ความรู้สึก ‘เหมือนอยู่บ้าน’ นี่แหละที่ทำให้เขาร้อนรุ่มจนทนไม่ไหว!

        “ฉันมีธุระต้องกลับไปทำ” เขาทำสีหน้าเ๶็๞๰า พร้อมทั้งลุกขึ้นไปหยิบเสื้อโค้ตของตัวเอง ทว่าเหอชูซานไวกว่า เขาก้าวเท้าไปหยิบเสื้อโค้ตที่แขวนอยู่หลังประตูมาถือไว้แต่ไม่ยอมส่งให้ชย่าลิ่วอี “เพิ่งกินข้าวเสร็จ นั่งอีกหน่อยเถอะครับ”

        ชย่าลิ่วอีกระชากเสื้อโค้ตมาถือเอง “ไม่ต้อง”

        เหอชูซานกะพริบตา เขาไม่ได้คะยั้นคะยออีก “ก็ได้ครับ ไม่รบกวนธุระของพี่แล้ว ผมไปส่งข้างล่างนะครับพี่ลิ่วอี”

        ชย่าลิ่วอีโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวมีคนเห็น” เขาเดินไปข้างหน้าเพื่อจะเปิดประตู ทันใดนั้นเหอชูซานก็คว้าแขนเขาไว้แน่น

        ชย่าลิ่วอีรู้สึกเหมือนมีเส้นเส้นหนึ่งในสมองดีดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาออกแรงสะบัดมือของเหอชูซานทิ้งโดยไม่รู้ตัว! แล้วหันไปจ้องเหอชูซาน

        เหอชูซานทำหน้าตาใสซื่อ พูดอย่างใจเย็น “รอเดี๋ยว ผมมีอะไรจะให้”

        ชย่าลิ่วอีฝืนยืนรออยู่ที่ประตู เหอชูซานรีบเข้าไปในครัว ไม่นานก็ถือปิ่นโตใบเล็กออกมา เป็๞ใบเดียวกับที่เคยใส่โจ๊กหมูใส่ไข่เยี่ยวม้ามาให้เขาครั้งก่อน “วันนี้ต้มซุปหม้อใหญ่ ผมกับพ่อกินไม่หมด เอากลับไปแช่ตู้เย็นไว้สิ อยากกินเมื่อไรก็ให้บอดี้การ์ดช่วยอุ่นให้ กินได้ถึงพรุ่งนี้มะรืนนี้นะ”

        สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความจริงใจและซื่อตรง ไม่รอให้ชย่าลิ่วอีปฏิเสธอีกเขาก็ยื่นปิ่นโตซุปใส่มือชย่าลิ่วอีแล้วเปิดประตูให้ จากนั้นก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เหอชูซานยิ้มแล้วพูดต่อ “งั้นผมไม่ไปส่งแล้วนะครับ พี่ลิ่วอีเดินทางปลอดภัยครับ”

        ชย่าลิ่วอีใส่เสื้อโค้ต หิ้วปิ่นโตใบเล็กน่าเกลียดนั่นลงมาจากชั้นบน เขาเดินไปตามทางเดินที่มืดสลัว สายลมเย็นๆ พัดเข้ามาปะทะช่วยบรรเทาความร้อนที่ใบหน้าและศีรษะของเขาลงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคย จึงเปิดปกเสื้อโค้ตออกเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองเย็นลงอีกหน่อย ให้เหมือนกับปกติ

        เขาวางปิ่นโตลงบนเบาะข้างคนขับอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าก่อนที่มันจะล้มลงและทำให้น้ำซุปหก เขาก็เอื้อมมือไปจับมันตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทุบพวงมาลัยอย่างหมดแรง ชย่าลิ่วอีเอนศีรษะพิงเบาะแล้วค่อยๆ เป่าลมหายใจออกมา

        ……

        เหอชูซานยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองดูเงาของชย่าลิ่วอีใต้แสงไฟถนน มาเฟียคนนั้นสวมแว่นกันแดดแล้วรีบเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่งรถเบนซ์สีดำก็ขับออกมาจากตรอก

        ‘๰่๭๫เวลาสักครู่นั้น’ หมายถึง๰่๭๫เวลาที่ชย่าลิ่วอีใช้สูบบุหรี่หนึ่งมวน

        เขาโน้มตัวลงแนบใบหน้ากับกระจกหน้าต่างที่เย็นเฉียบ แล้วก็ยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างเงียบๆ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองมีน้ำหนักในใจอีกฝ่ายแค่ไหน—— อย่างน้อยก็มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายต้องนั่งอยู่ในรถแล้วสูบบุหรี่อย่างกระวนกระวายใจหนึ่งมวน

        พลุที่อ่าวเหว่ยกั่ง [1] ที่อยู่ไกลออกไปเริ่มแบ่งบาน ท่ามกลางอาคารสูงที่บดบังทัศนียภาพส่วนใหญ่ แสงดาวสีสันสดใสก็ยังเล็ดลอดออกมาให้เห็น เหอชูซานนอนคว่ำอยู่บนขอบหน้าต่าง นิ้วมือเกาะขอบหน้าต่างสีแดง เขาคิดถึงตอนที่เ๯้าพ่อมาเฟียขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะและแกะก้างปลาด้วยความตั้งอกตั้งใจ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเหม่อลอย เหอชูซานรู้สึกสงบและมีความสุขเอ่อล้นขึ้นมาในใจอย่างมาก

         

        เชิงอรรถ

        [1] อ่าวเหว่ยกั่ง คือ อ่าววิคตอเรียในฮ่องกง

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้