บทที่ 14
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องพาดผ่านหน้าต่างจนเห็นเป็เส้นตกกระทบไปทั่วทุกมุมห้อง เผยให้เห็นกองกระดาษที่ตั้งอยู่มากมายที่วางกองอยู่ พร้อมกับกลิ่นของบุหรี่และกาแฟที่อบอวลไปทั่ว ตรงโต๊ะที่ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่างก็มีผู้ชายร่างท้วมในชุดไปรเวทนั่งอ่านต้นฉบับด้วยสีหน้าที่ไม่ยินดียินร้าย ในมือคีบบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดไว้
ก๊อก ๆ ๆ
“เข้ามา ”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากคนในห้อง ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงโปร่งของหลินห่าวซวนที่ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับในมือที่ถือซองเอกสาร
“บ.ก.ถาน ผมเอาต้นฉบับมาส่งครับ ”
เสียงแหบห้าวของหลินห่าวซวนดังขึ้นมา ทำให้ถานติงที่จดจ่ออยู่กับงานที่อยู่ในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับมุมปากยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“มาแล้วเหรอ !? นั่งก่อนสิ ”
ถานติงเอ่ยเชื้อเชิญให้หลินห่าวซวนที่ยืนอยู่นั่งลงพร้อมยื่นมือมารับต้นฉบับที่อีกฝ่ายยื่นมา แล้วถามคนที่นั่งตรงหน้าต่อว่า
“ทำไมเสียงนายแหบขนาดนั้น เป็หวัดงั้นเหรอ ? ดื่มชาร้อนซักแก้วไหม? ”
“ไม่ใช่เป็หวัดหรอกครับ ผมหักดิบเลิกบุหรี่น่ะ ร่างกายเลยอยู่ใน่ปรับสภาพเอาของไม่ดีออกจากร่างกาย ่นี้เสียงผมก็เลยเปลี่ยนจนบ.ก.ไม่คุ้นก็ได้ ”
หลินห่าวซวนที่ได้ยินคำถามก็ตอบรับในทันที พร้อมกับรับชาร้อนที่ถานติงรินมาให้ก่อนที่จะอธิบายถึงสาเหตุที่เสียงเปลี่ยนไป แต่เมื่อเห็นท่าทีของถานติงที่มีความไม่เชื่อในคำพูดของเขา หลินห่าวซวนจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเื่คุยแล้วกล่าวถามต่อไปว่า
“แล้วที่บ.ก.เรียกผมมา มีเื่อะไรงั้นเหรอครับ? ”
ถานติงที่ได้ยินคำถามของหลินห่าวซวนก็เปลี่ยนท่าทีของตัวเอง ก่อนที่จะดับบุหรี่ที่อยู่ในมือแล้วถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวกับหลินห่าวซวน
“ห่าวซวนเอ๊ย ! ก่อนที่เราจะคุยเื่ที่ฉันจะบอกนาย ฉันขอถามนายก่อนว่านิยายที่นายเขียนมีความยาวประมาณกี่คำ คิดว่าตีพิมพ์กี่วันถึงจะจบเื่ได้ ”
เมื่อได้ยินคำถามของถานติง คิ้วของหลินห่าวซวนก็เลิกขึ้นมาด้วยความสงสัย แม้ว่าจะไม่รู้ถึงความนัยของถานติงที่ถามคำถามนี้ออกมา แต่ตัวของเขาก็เลือกที่จะตอบตามความจริง
“เื่จำนวนคำที่จะเขียนผมก็ไม่แน่ใจหรอกครับว่าจะเขียนได้กี่คำ แต่ถ้าให้กำหนดว่าเื่นี้จะจบตอนไหน ตอนที่บ.กมอบงานนี้ก็บอกผมว่าให้เขียนให้จบก่อนที่เสี่ยวตงจะกลับมาจากการรักษาตัว… ”
“สรุปก็คือนายยังไม่สามารถให้มันจบมันได้ในอาทิตย์หน้าสินะ ! ”
ไม่ทันที่หลินห่าวซวนจะพูดจบประโยค ถานติงก็พูดแทรกขึ้นมาทันทีพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ ! ดีแล้ว แบบนี้ฉันไม่ต้องเสียหน้าให้สงหว่ยแล้ว คิดจะบีบฉันให้ยอมแพ้งั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก ! ”
“เอ่อ...บ.ก.ครับ หมายถึงอะไรหรอกครับ ที่ผมไม่สามารถจบเื่ได้ในอาทิตย์หน้า เื่นี้เกี่ยวกับรองบ.ก.สงด้วยเหรอครับ? ”
หลินห่าวซวนกล่าวแทรกขึ้นมาด้วยความสงสัย ทำให้ถานติงที่รู้ตัวว่าทำตัวน่าอายก็กลับมามสติอีกครั้ง ก่อนที่จะกระแอมกลบเกลื่อนแล้วบอกกับหลินห่าวซวนว่า
“เื่นี้เกี่ยวกับสงเหว่ยเต็ม ๆ เลยล่ะ และก็มีนายเป็ต้นเหตุด้วย ไม่สิ ! ต้องพูดว่ากระแสตอบรับนิยายของนายครั้งนี้ เป็ต้นเหตุให้สงเหว่ยกับเสี่ยวตงต้องออกมาน่ะ ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหลินห่าวซวนที่ยังไม่เข้าใจถึงเื่ราวทั้งหมด ถานติงก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วบอกต่อว่า
“เสี่ยวตงจะกลับมาเขียนนิยายลงคอลัมน์อีกครั้ง และสงเหว่ยบอกว่าจะลงตีพิมพ์ในสุดสัปดาห์นี้เหมือนกัน พูดง่าย ๆ เพราะกระแสตอบรับของนาย เ้าพวกนั้นกลัวว่านิยายที่พวกเขาตีพิมพ์จะถูกกลบไปกับกระแสครั้งนี้ จึงคิดหาทางให้นายหยุดเขียนนิยายเื่นี้… ”
คำพูดของถานติงทำให้หลินห่าวซวนรู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ เพราะใน่ที่ผ่านมานี้นอกจากเขาจะหาข้อมูลเื่โลกในนิยายที่เหมือนจะเป็โลกคู่ขนานของโลกที่เขาจากมา และในฝ่ายวรรณกรรมของสำนักพิมพ์แห่งนี้ แม้ว่าถานติงจะเป็บ.ก.ใหญ่คอยดูแลคอลัมน์ต่าง ๆ แต่อำนาจในการควบคุมคนนั้นส่วนใหญ่มันอยู่ในมือของรองบ.กสงหรือสงเหว่ยนั้นเอง
และเสี่ยวตงคนนั้นเอง นอกจากเป็คู่อริของหลินห่าวซวนแล้ว เ้าคนผู้นี้ยังเป็นักเขียนใต้สังกัดของสงเหว่ยอีกด้วย
แน่นอนว่าหลินห่าวซวนเองก็คิดไว้แล้วว่า หากคิดจะเปลี่ยนแปลงและใช้ชีวิตในโลกนี้ วันหนึ่งเขาต้องขัดแย้งกับสงเหว่ยกับเสี่ยวตงเข้าสักวัน แต่เขาไม่คิดว่าเื่นี้จะมาแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
คล้ายกับว่าถานติงจะอ่านใจของหลินห่าวซวนออก จึงยิ้มออกมาแล้วกล่าวปลอบใจหลินห่าวซวนว่า
“แต่นายไม่ต้องห่วงเื่นั้น ลุงคนนี้เป็ใครกัน สงเหว่ยคิดจะบีบให้นายหยุด แต่ฉันก็ไม่ได้เป็พระอิฐพระปูนที่จะให้นายถูกบีบให้หยุดเขียนงานไปหรอก ”
เมื่อพูดจบถานติงที่ดูอารมณ์ดีอยู่เมื่อครู่ก็เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้งแล้วหันไปพูดกับหลินห่าวซวนด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า
“ แม้ฉันจะทำให้นายได้เขียนนิยายแวตีตีพิมพ์ต่อในคอลัมน์ แต่ฉันก็ไม่สามารถทำให้สงเหว่ยกับเสี่ยวตงหยุดเขียนนิยายจนกว่านายจะเขียนจบได้ เพราะแบบนั้นแล้วบ.ก.ใหญ่เลยตัดสินใจให้พวกนายสองคนแข่งกัน ”
หลินห่าวซวนที่ได้ยินคำพูดนี้ก็คิ้วขมวดเข้าหากันในทันทีพร้อมพูดทวนคำของถานติงออกมา
“แข่งกัน !? ระหว่างผมกับเซียวตง? ”
“ใช่ ! ตามคำพูดของบ.ก.ใหญ่ พวกนายสองคนแข่งกัน นิยายของพวกนายทั้งคู่จะถูกตีพิมพ์ในสุดสัปดาห์นี้พร้อมกัน ส่วนผลแพ้ชนะก็วัดที่จดหมายตอบรับของเหล่าคนอ่านคอลัมน์ของเรา ถ้าใครแพ้ต้องออกนอกพื้นที่ไปทำงานที่กว่างโจว ”
ถานติงอธิบายและยกคำพูดของบ.ก.ใหญ่มาพูดให้หลินห่าวซวนฟัง ซึ่งทันทีเมื่อพูดจบถานติงก็ถามกับหลินห่าวซวนต่อทันทีด้วยความกังวลว่า
“เอาเถอะ ! คำพูดของบ.ก.ใหญ่ฉันก็บอกต่อนายหมดแล้ว เื่ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับฝีมือนายแล้ว ห่าวซวน ฉันอยากถามนายข้อหนึ่งนายมั่นใจไหมว่านายจะชนะในการแข่งขันครั้งนี้ ? ”
เมื่อได้ยินคำถามของถานติง หลินห่าวซวนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจว่า
“เอาไว้สุดสัปดาห์นี้เรามาดูผลลัพธ์กันเถอะครับ ว่าใครจะหัวเราะเป็คนสุดท้าย แต่ที่ผมมั่นใจว่าคนที่ต้องออกไปทำงานที่กว่างโจวไม่ใช่ผมแน่นอน ”
.................................................................................................................................................................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้