หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวถึงนั้นคือเตาที่พวกคนรวยพวกนั้นใช้ เตาชนิดนั้นจะสามารถซื้อได้ด้วยเงินไม่กี่อีแปะได้อย่างไรกัน? ตัวถูกที่สุดก็ต้องใช้สิบตำลึงเงิน
ทว่า สิ่งนั้นสะดวกมากจริงๆ ด้วยอายุของถังซื่อ ถ้าหากมีสิ่งของชิ้นนี้ ตลอดเหมันต์ฤดูก็จะสบายขึ้นเป็อย่างยิ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์คิดถึงถังซื่อที่อายุมากขนาดนี้กลับยังคงได้รับความยากลำบากอยู่ กับสตรีผู้สูงศักดิ์ในวัยเดียวกับนางที่นั่งอยู่ในจวนวิจิตรตระการตา เสพสุขกับการปรนนิบัติของข้ารับใช้และการคุกเข่าคารวะของลูกหลาน ในใจรู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ นางต้องขยันหาเงิน ทำให้คนในครอบครัวมีชีวิตที่ดี ไม่เพียงแต่ให้หยางซื่อมีความสุขกับชีวิตเท่านั้น แต่ยังให้สตรีชราผู้นี้ที่ไม่เคยมีชีวิตเสวยสุขได้มีวันคืนที่ดีโดยไร้กังวลเื่เสื้อผ้าและอาหารด้วย
“ท่านยาย อาหารเตรียมพร้อมแล้วเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ตุ๋นน้ำแกงปลาหนึ่งหม้อ ต้มปลาผัดกาดดองหนึ่งหม้อใหญ่ ถึงแม้ว่าผักดองจะน้อยไปบ้าง แต่สำหรับถังซื่อที่ไม่ได้กินอาหารดีๆ มาหลายปีแล้ว นี่เป็อาหารอันโอชะที่สุดในโลกนี้แล้ว น้ำลายในปากของนางไหลย้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนา
นอกจากน้ำแกงและต้มปลาผักกาดดองแล้ว ยังมีแผ่นแป้งข้าวฟ่างอีกเล็กน้อย ข้าวฟ่างเป็ของบ้านสกุลหยาง ที่ยังเหลืออยู่ไม่มากแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ทำได้สำหรับสองคน
หลิงมู่เอ๋อร์ประคองถังซื่อให้นั่งลง วางชามและตะเกียบไว้ตรงหน้าของนาง หญิงสาวเลือกชิ้นปลาออกมาก่อนจำนวนหนึ่ง นำก้างปลาที่อยู่ด้านในออกให้หมดเกลี้ยง
เพื่อที่จะดึงก้างปลาเ่าั้ออก หลิงมู่เอ๋อร์แล่ปลาด้วยความระมัดระวังเป็อย่างยิ่ง ตอนนี้เหลือก้างปลาไม่มากแล้ว ทว่าการระวังเป็สิ่งที่สมควรทำ นางช่วยถังซื่อดูให้แน่ชัดอีกทีถึงจะดีที่สุด
หยางต้าหนิวก็กตัญญูมากเช่นกัน แต่ไม่ว่าบุตรชายจะกตัญญูเพียงใด ก็ไม่อาจละเอียดรอบคอบเหมือนสตรีได้ ถังซื่อััได้ถึงการดูแลอย่างพิถีพิถันของหลิงมู่เอ๋อร์ ในใจก็อบอุ่นขึ้น
“เด็กน้อย เื่ที่เ้าบอกว่าจะทำในวันนี้ก็คือไปจับปลาหรือ? ” ถังซื่อกินไปพลางกล่าวไปพลาง “ริมแม่น้ำอันตราย เ้าเป็สตรีไปที่ริมแม่น้ำคนเดียวได้อย่างไร แล้วยังมีปลานี่... เมื่อก่อนกินแล้วมีกลิ่นเหม็นคาว เหตุใดทำออกมาจากมือเ้าถึงอร่อยได้ขนาดนี้? ”
“แน่นอนว่าต้องอร่อยเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มพลางกล่าว “เพราะว่าในนี้มีความกตัญญูของมู่เอ๋อร์ที่มีต่อท่านยายอย่างไรล่ะเ้าคะ”
“ฮ่าฮ่า... เป็เด็กดีจริงๆ จริงสิ เ้าคิดจะจับปลาไปขายหรือ? ” ถังซื่อกล่าวถาม
“ไม่ใช่เ้าค่ะ ข้า้าทำเครื่องปรุงรสชนิดหนึ่ง เครื่องปรุงรสต้องใช้ปลาเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจ “ใช่แล้ว ท่านยาย ไหดองผักใบนั้นท่านไม่ใช้แล้วใช่หรือไม่เ้าคะ? ถ้าตอนนี้ยังไม่ใช้ ข้าอยากจะขอยืมใช้ก่อน หลังจากถึง่เวลาดองผักแล้ว ข้าค่อยทำผักดองให้ท่านหนึ่งไหเ้าค่ะ ”
“พูดว่ายืมไม่ยืมอันใดกัน? เ้าอยากใช้ก็ใช้เถิด” ถังซื่อตอบรับโดยไม่ลังเล “ทว่า เ้าสามารถขนย้ายมันได้หรือ? ข้าจะให้ลุงเ้าส่งกลับไปให้เ้า? ”
“ท่านยาย ท่านลุงต้องอยู่ดูแลท่าน ข้าสามารถนำกลับไปได้ด้วยตนเองเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวปฏิเสธ “รอให้ระยะนี้เสร็จธุระแล้ว พวกข้าจะมารับท่านไปอยู่ที่บ้านสองสามวัน ท่านก็รู้ว่าจืออวี้เป็คนขี้อาย แม้ว่าข้าอยากพาเขาออกมาเดินเล่น แต่เขาก็ไม่ยอมออกมา มีแต่ต้องเชิญท่านยายไปสักเที่ยว ให้เขาคอยเป็เพื่อนคุยกับท่าน”
“จืออวี้เด็กคนนั้น...เป็เด็กดี พวกเ้าอดทนสักหน่อย” ถังซื่อทอดถอนหายใจเบาๆ พลางกล่าว “ต่อไปก็ดีขึ้นเอง”
"เ้าค่ะ" หลิงมู่เอ๋อร์ให้ถังซื่อกินแผ่นแป้งข้าวฟ่างสองชิ้น ดื่มน้ำแกงปลาหนึ่งถ้วย และกินเนื้อปลาอีกจำนวนมาก
ถังซื่อยังคิดอยากกินอีก หลิงมู่เอ๋อร์รีบร้อนห้ามนางเอาไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าที่ขาวซีดนั้นของถังซื่อ นางรู้สึกราวกับว่าตนเองทำเื่ผิดพลาดไป แต่แม้ว่าจะถูกเข้าใจผิด นางก็ต้องหยุดหญิงชราเอาไว้
“ท่านยาย ท่านไม่ได้กินเยอะเช่นนี้มาเป็เวลานาน อยู่ๆ กินเข้าไปมากเช่นนี้จะไม่สบายตัวได้ ท่านควรย่อยอาหารเสียก่อน ตอนเย็นค่อยกินอีกทีเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ช่วยลูบท้องของถังซื่อ
ถังซื่อจับฝ่ามือของหลิงมู่เอ๋อร์ ตบเบาๆ อย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวว่า "ยายรู้ เป็เพราะฝีมือเ้าดีเกินไป จนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ชั่วขณะ เ้ารีบกินเถิด! "
หลิงมู่เอ๋อร์นั่งข้างกายของถังซื่อ กินไปพลางพูดคุยกับถังซื่อไปพลาง พวกเขาล้วนพูดคุยแต่เื่เล็กๆ น้อยๆ ข้างตัว ตั้งใจฟังอย่างละเอียดก็ไม่มีความสลักสำคัญอันใดเลย เพียงแต่ว่าคุยกันมาเป็เวลานานแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของถังซื่อไม่เคยลดน้อยลง กำลังวังชาของนางมากขึ้นเรื่อยๆ หน้าตาสดใสเปล่งปลั่ง ดูดีกว่าตอนที่นางพบเมื่อเช้าเป็อย่างยิ่ง
“ท่านแม่...” หยางต้าหนิวกลับมาจากข้างนอก "หิวจะแย่แล้วใช่หรือไม่? ข้านำเนื้อกลับมาให้ท่านแล้ว"
“ท่านย่าขอรับ” หยางเสี่ยวหู่ใช้มือทั้งสองข้างประคองชาม วิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว เขาวิ่งไปพลางกล่าวไปพลาง "รีบทานเนื้อเร็วเข้า หากไม่ทานก็จะเย็นแล้วขอรับ"
หยางเสี่ยวหู่เห็นหลิงมู่เอ๋อร์นั่งอยู่ที่นั่น ดวงตาเป็ประกายระยิบระยับ เขาโถมตัวเข้ามาอย่างมีความสุข กอดหลิงมู่เอ๋อร์แล้วกล่าว "ลูกพี่ลูกน้องหญิง ท่านมาแล้ว! "
หลิงมู่เอ๋อร์ทอดมองเขาด้วยรอยยิ้ม ลูบหัวเขาแล้วกล่าว "มีเื่อันใดถึงดีใจได้ถึงเพียงนี้เล่า? "
“ลูกพี่ลูกน้องหญิงมาบ้านข้าแล้ว ข้าย่อมดีใจขอรับ ใช่แล้ว ท่านยังไม่ได้ทานข้าวใช่หรือไม่? นี่คือเนื้อที่ข้านำกลับมาด้วย” หยางเสี่ยวหู่กล่าวจบ แล้วกล่าวอย่างแค้นเคืองต่อ “ถ้ารู้แต่แรกจะแย่งหมั่นโถวกลับมา พวกเขาเก่งกาจเกินไปแล้ว ข้าไม่สามารถแย่งกับพวกเขาได้เลย และเนื้อนี่ก็ยากที่จะแย่งนำกลับมาได้เช่นกัน”
หลิงมู่เอ๋อร์มองเนื้อสองชิ้นในชามแตกของหยางเสี่ยวหู่ เนื้อสองชิ้นนี้น่าจะเป็เนื้อที่หยางเสี่ยวหู่และหยางต้าหนิวเหลือเอาไว้ พวกเขาสองคนไม่กินมัน และนำกลับมาให้ถังซื่อ
ถังซื่อมองไม่เห็นหยางเสี่ยวหู่ แต่ได้ยินเสียงของเขา สิ่งที่หลิงมู่เออร์สามารถเข้าใจได้ ถังซื่อก็สามารถเข้าใจได้เช่นกัน นางเช็ดน้ำตาด้วยความซาบซึ้งอย่างเงียบๆ
สตรีในหมู่บ้านที่อายุพอๆ กับนางถึงแม้ว่าจะมีสุขภาพที่ดี แต่ไม่เพียงต้องช่วยบุตรชายและลูกสะใภ้ทำงานในไร่นา ทั้งยังถูกลูกสะใภ้ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว [1] ว่าแก่ชราตายยาก ดวงตาของนางมองไม่เห็นแล้ว หูก็ไม่ได้ยิน แต่ว่านางมีบุตรหลานที่ดี
“มู่เอ๋อร์ เ้ายังไม่กินข้าวใช่หรือไม่? ลุงจะทำอาหารให้เ้ากินเอง” หยางต้าหนิวได้ยินว่าหลิงมู่เอ๋อร์มาแล้ว จึงปิดประตูรั้วอย่างรีบร้อนและเดินเข้ามา
หลิงมู่เอ๋อร์ชี้ไปที่เศษอาหารบนโต๊ะ ยิ้มอย่างละอายใจ "ท่านลุง ข้าใช้แป้งข้าวฟ่างของบ้านพวกท่านทำแผ่นแป้งไปแล้ว ท่านจะดุด่าข้าก็ได้เ้าค่ะ"
“จะดุเ้าเพื่ออันใด? เป็ลุงเองที่ละอายใจ” หยางต้าหนิวกล่าว “ท่านแม่ เช่นนั้นท่านก็กินข้าวแล้วหรือ? ”
“กินแล้ว ฝีมือของมู่เอ๋อร์ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เกรงว่าจะดีกว่าอาหารที่พวกเ้ากินเสียอีก” ถังซื่อกล่าวอย่างดีอกดีใจ
“หอมยิ่งนัก ท่านพ่อ ท่านย่าพูดถูกขอรับ นางได้กินดีกว่าพวกเราจริงๆ ท่านดูเนื้อปลาพวกนี้สิขอรับ ช่างหอมเหลือเกิน! ” หยางเสี่ยวหู่อยู่ในวัยกำลังซน เขาปีนขึ้นไปบนโต๊ะ และเริ่มกินโดยไม่พูดอันใดสักคำ ถึงแม้ว่าเนื้อปลาพวกนั้นจะเย็นไปสักหน่อยแล้ว แต่รสชาติดีอย่างถึงที่สุด เด็กๆ เหล่านี้ที่เติบโตมาในชนบทไม่ได้เื่มาก ขอเพียงแต่มีของกิน ร้อนหรือเย็นก็ล้วนไม่มีปัญหา
หลิงต้าหนิวไม่ได้ดุหยางเสี่ยวหู่ เห็นว่าเขากินอย่างมีความสุข จึงปล่อยเขาไป เขามองไปที่ถังซื่อพลางกล่าว "ท่านแม่ เช่นนั้นท่านยังทานข้าวอีกหรือไม่? "
“แม่กินอิ่มแล้ว เนื้อที่เ้านำกลับมาก็เก็บไว้กินมื้อเย็นเถิด” ถังซื่อลูบมือของหลิงมู่เอ๋อร์ หันหาทิศทางของนาง “เด็กน้อย วันนี้ไม่ต้องกลับไปดีหรือไม่? อยู่เป็เพื่อนยายหนึ่งคืนเถิด”
“ท่านยาย ข้าก็อยากอยู่เป็เพื่อนท่าน แต่ว่าข้ากำลังคิดจะทำการค้าบางอย่าง เช่นนี้จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงความยากลำบากในครอบครัวได้ รอให้ข้าจัดการเื่นี้เสร็จแล้ว ข้าค่อยมาคุยเป็เพื่อนท่านอีกนะเ้าคะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับถังซื่อ
“เ้าจะทำการค้า? เ้าคิดจะทำการค้าสิ่งใด? ” หยางต้าหนิวเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หลิงมู่เอ๋อร์ครุ่นคิด แล้วหัวเราะเบาๆ “ยังคิดไม่ออกเ้าค่ะ รอให้ข้าคิดออกแล้วจะบอกพวกท่าน อีกสักพักข้าก็จะกลับบ้านแล้ว ท่านยาย จะมาหาท่านวันหลังนะเ้าคะ”
“หู่จื่อ ลูกพี่ลูกน้องหญิงของเ้านำกระต่ายมาให้เ้าตัวหนึ่ง ตอนนี้อยู่ในห้องครัว เ้าอยากไปดูสักหน่อยหรือไม่? ” ถังซื่อเอ่ยเตือนหลานชายตัวน้อยที่กินอย่างมีความสุข
เมื่อหยางเสี่ยวหู่ได้ยินว่ามีกระต่าย จึงวางตะเกียบลงแล้วะโลงจากโต๊ะ สิ่งนี้ทำให้ถังซื่อหัวเราะและดุไปอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของหยางเสี่ยวหู่ก็ดังมาจากห้องครัว เขากล่าวอย่างดีอกดีใจ "มีกระต่ายด้วย! ขอบคุณลูกพี่ลูกน้องหญิงขอรับ"
“มู่เอ๋อร์ เหตุใดเ้าถึงนำกระต่ายมาให้เขาเล่า? กระต่ายหนึ่งตัวเป็เงินยี่สิบอีแปะ เ้านำไปขายให้ได้เงินไม่ดีกว่าหรือ? อีกสักครู่ก็นำกระต่ายกลับไปเถิด” หยางต้าหนิวกล่าวอย่างจริงจัง
“ท่านพ่อ ข้าชอบกระต่าย ข้าอยากเลี้ยงกระต่ายขอรับ” หยางเสี่ยวหู่อุ้มกระต่ายเดินเข้ามา “ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องให้ลูกพี่ลูกน้องหญิงนำกระต่ายของข้ากลับไป ข้าจะไปหาหญ้าสดให้มันเองขอรับ จะไม่รบกวนให้ท่านพ่อต้องดูแลมัน”
“หู่จื่อ เชื่อฟังคำกล่าวของพ่อ ครอบครัวของลูกพี่ลูกน้องหญิงเ้าก็ไม่ได้ดีนัก ท่านป้าเ้าหลายปีมานี้ก็ลำบากมาก กระต่ายหนึ่งตัวสามารถขายได้ยี่สิบอีแปะ สามารถแลกเป็แป้งข้าวฟ่างได้หกถึงเจ็ดชั่ง เพียงพอสำหรับครอบครัวพวกเขากินได้ครึ่งเดือน เชื่อฟังพ่อ... " หยางต้าหนิวไม่ได้แย่งสิ่งของไปจากในมือของหยางเสี่ยวหู่โดยไม่มีเหตุผล แต่กลับอธิบายเหตุผลด้วยความอดทนเป็อย่างยิ่ง
เมื่อหยางเสี่ยวหู่ได้ยินคำกล่าวของหยางต้าหนิว สีหน้าของเขาก็เศร้าสลดลง เขาก้มหน้าลงด้วยความเศร้าโศก พลางกล่าวอย่างเสียใจ “ขอรับ ข้าจะเชื่อฟังท่านพ่อ ลูกพี่ลูกน้องหญิง ท่านนำกระต่ายไปเถิด! ”
“ในเมื่อเป็ของขวัญที่มอบออกไปแล้ว จะเอาคืนกลับไปได้อย่างไรล่ะ? ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว “ที่บ้านของพวกเรายังมีอยู่อีกหลายตัว วันนี้ได้นำออกไปขายแล้ว ท่านลุงท่านอย่าได้ทำให้เสี่ยวหู่น้อยใจเลยเ้าค่ะ”
"นี่... นั่นก็ล้ำค่าเกินไปแล้ว" หยางต้าหนิวส่ายหัว กล่าวอย่างยืนหยัดในความคิดตน "ยังคงต้องนำกลับไป ครอบครัวเ้ามีสมาชิกเยอะ ไม่ว่าจะขายแล้วหรือนำไปกินแล้ว ล้วนสามารถอยู่ได้ชั่วเวลาหนึ่ง"
“นี่เป็สิ่งที่มอบให้เสี่ยวหู่ ไม่ได้มอบให้ท่านลุงเสียหน่อย เหตุใดท่านลุงถึงตัดสินใจแทนเสี่ยวหู่โดยตลอดเล่าเ้าคะ? ” หลิงมู่เอ๋อร์จับตัวหยางเสี่ยวหู่ไว้ “เชื่อฟังคำกล่าวของลูกพี่ลูกน้องหญิง ต่อไปลูกพี่ลูกน้องหญิงจะซื้อลูกกวาดให้เ้า หากเ้าล้วนเชื่อฟังท่านพ่อของเ้าเสียทุกอย่าง ภายหลังข้าจะไม่พาเ้าไปเล่นอีกแล้ว กระต่ายเป็ของขวัญที่ข้ามอบให้เ้า ถึงเ้าไม่ชอบข้าก็ไม่รับของขวัญของข้าคืน”
หยางเสี่ยวหู่มองหยางต้าหนิวหนึ่งที หยางต้าหนิวจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ ในใจเขาหวาดกลัว จึงกล่าวว่า “ลูกพี่ลูกน้องหญิง ท่านพ่อพูดถูก สิ่งนี้ล้ำค่าเกินไป รอข้าโตขึ้นแล้ว ท่านค่อยนำมาให้ข้าเถิด! ตอนนี้ข้าทั้งไม่สามารถดูแลมันได้ ถ้าหากเลี้ยงมันตายขึ้นมา เช่นนั้นมันต้องน่าสงสารมากขอรับ”
“ถ้ามันกลับไปกับข้า ชะตากรรมก็จะถูกส่งไปในหม้อ ในมือของจืออวี้ก็มีกระต่าย ครอบครัวพวกเราล้วนยินยอมเก็บไว้เป็เพื่อนเล่นให้เด็กๆ เหตุใดพอเป็เสี่ยวหู่ถึงไม่ได้เล่าเ้าคะ? ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว "ท่านลุง ท่านควบคุมเสี่ยวหู่เช่นนี้ แบ่งแยกกับครอบครัวพวกเราอย่างชัดเจนเช่นนี้ ภายหลังข้ามีเื่อันใดก็ไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากท่านแล้ว"
“นี่...เ้าเด็กคนนี้” หยางต้าหนิวทอดถอนใจด้วยอาการปวดหัว “ข้ากับพวกเ้าจะแบ่งแยกชัดเจนได้อย่างไร? ข้าก็มีเพียงแค่น้องสาวหนึ่งคน ครอบครัวของพวกเ้าก็คือครอบครัวพวกข้า”
“กระต่ายตัวนั้นมอบให้บ้านพวกท่าน ก็ไม่ต่างกับบ้านพวกข้า ข้าจะเอามันไว้กับพวกท่านที่นี่ก่อน วันใดพวกข้าไม่มีเงินซื้ออาหารแล้ว ค่อยมาที่นี่เพื่อเอากระต่าย” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มแล้วกล่าวว่า "เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้นะเ้าคะ"
“เอาล่ะ” ถังซื่อฟังอยู่ข้างๆ หัวเราะออกมาตลอดการสนทนา “ไม่เคยเห็นลุงหลานอย่างเช่นพวกเ้ามาก่อน คนบ้านอื่นแทบอยากจะขโมยเอาสิ่งของกลับไป พวกเ้ากลับปรารถนาที่จะเสียเปรียบมากกว่ากัน ต้าหนิว ให้เสี่ยวหู่เลี้ยงไว้เถิด! นิสัยของเ้าเด็กมู่เอ๋อร์ผู้นี้ตรงไปตรงมา เื่ที่นางตัดสินใจแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ต่อไปเ้าแค่จำว่าหลานสาวของเ้าผู้นี้เป็คนดีก็พอแล้ว”
“เอาเช่นนั้นก็ได้! ” หยางต้าหนิวปากหนัก เมื่อครู่คุยกับหลิงมู่เอ๋อร์มาเป็เวลานานก็ไม่ได้ทำให้นางเปลี่ยนแปลงความตั้งใจ เขาถอนหายใจ แล้วกล่าว “ภายหลังขาดเหลือสิ่งใด ขอเพียงแค่ครอบครัวของพวกเรามี ก็มาหาลุงได้ สิ่งอื่นลุงไม่มี ก็ยังมีเรี่ยวแรงที่มีอยู่ เ้าอย่าได้เห็นลุงเป็คนอื่นคนไกล”
“ข้าไม่เห็นท่านลุงเป็คนนอกเ้าค่ะ! ท่านลุงก็เหมือนพ่ออีกคนของข้า” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างจริงจัง
เชิงอรรถ
[1] ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว หมายถึง เป็ 1 ใน 36 กลยุทธ์ การที่ประเทศหรือกองกำลังที่แข็งแรงกว่า รังแกประเทศหรือกองกำลังที่อ่อนแอกว่า เราควรเข้าไปตักเตือนผู้ที่แข็งแรงกว่า การทำแบบนี้จะได้ใจจากผู้ที่อ่อนแอ หากจำเป็ต้องสู้รบ ก็จะได้พลังสนับสนุน ตรงกับสุภาษิตไทยคำว่า “ตีวัวกระทบคราด”