รอยยิ้มน่ารังเกียจบนใบหน้าของเด็กสาวผู้นี้คล้ายกับเ้านายของเขาในยามวางแผนร้ายได้อย่างไรกัน?
เ้านายเขาก็เป็เช่นนี้ ยิ่งเกลียดคนแทบตายก็ยิ่งยิ้มกว้าง…
ผู้ดูแลฮวาต่อสู้กับความหนาวเหน็บที่เกาะกุมหัวใจ ทว่าบนใบหน้าของเขากลับไม่ยอมแพ้ รีบเค้นเอารอยยิ้มจอมปลอมแล้วลุกออกมาจากหลังโต๊ะกั้น
เขาเหลือบมองพ่อลูกสกุลหลิวที่ติดตามมากับหลินฟู่อินอีกครา หัวใจของผู้ดูแลฮวาดิ่งลงลึก เหตุใดไอ้เฒ่าหลิวคู่ปรับเก่าแก่จึงตามมาด้วย?
เพื่อเห็นแก่หลินฟู่อินอย่างนั้นหรือ?
มือของผู้ดูแลฮวาบีบแน่นโดยไม่รู้ตัว
แต่กลับทำได้เพียงยิ้มเยาะและทักทาย “น้องหลิว ลมอันใดหอบเ้าเข้ามาในร้านอาหารของข้าได้ หายากจริงๆ!”
หากดูกันจริงๆ แล้ว ผู้ดูแลฮวาอายุน้อยกว่าเถ้าแก่หลิว แต่กลับเรียกอีกฝ่ายว่าน้องโดยไม่อายปาก ทำให้ผู้ถูกเรียกสีหน้าเ็าลง
แต่ต่อหน้าคนนอกเถ้าแก่หลิวเองก็เป็จิ้งจอกเฒ่าคนหนึ่ง ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาหัวเราะและกล่าว “ไอหยา ดูท่าผู้ดูแลฮวาจะแก่จนความจำไม่ดีเสียแล้ว เห็นชัดๆ ว่าเด็กกว่าข้า แต่กลับเลอะเลือนไปก่อนเสียแล้ว เช่นนี้จะดีได้อย่างไร?”
น้ำเสียงชัดเจนว่ากำลังล้อเล่น แต่แท้จริงแล้วเป็การถากถาง ทำให้ผู้ดูแลฮวาโมโหเสียจนหน้าม่วงคล้ำ ทว่าสุดท้ายก็ยังต้องประดับรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้า
ใครขอให้เขาเป็ฝ่ายเริ่มก่อนแล้วถูกย้อนศรกลับมากันเล่า?
“ล้วนเป็ลูกค้าหาตัวจับยากทั้งนั้น ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลามื้อเที่ยงเต็มที วันนี้อย่าเพิ่งไปไหน อยู่กินอาหารที่ภัตตาคารเยว่เค่อของเราก่อนเถอะ ข้าเลี้ยงพวกท่านเอง!” ผู้ดูแลฮวาฝืนฉีกยิ้มแสนอัปลักษณ์มองทุกคนที่มาเยือน
ริมฝีปากของหลินฟู่อินกระตุก ดวงตาของนางจ้องไปที่ผู้ดูแลฮวาอย่างเ็า “ผู้ดูแลฮวา ข้าไม่กล้ากินอาหารที่ร้านท่านหรอกเ้าค่ะ หากกินเข้าไปแล้วปวดท้องขึ้นมาอีกคนแล้วท่านมาโทษข้าอีกจะทำอย่างไรล่ะเ้าคะ?”
ขณะนี้มีลูกค้าบางคนที่ยังไม่ได้เริ่มกินอาหาร ต่างก็ฟังคำพูดหลินฟู่อินแล้วถาม “แม่นางผู้นี้ ทราบได้อย่างไรว่าวันนี้มีคนกินอาหารที่ภัตตาคารเยว่เค่อแล้วปวดท้อง?”
“ใช่ ข้าได้ยินว่าคนผู้นั้นปวดท้องเพราะไข่ดอกสน หรือว่าของจะมีพิษ?”
“อย่าขู่กันหน่อยเลย ข้าเองก็สั่งไข่ดอกสนมา กินได้ไม่มีปัญหา...”
ได้ยินคำพูดของเหล่าลูกค้าในร้าน หลินฟู่อินก็มองผู้ดูแลฮวาด้วยสายตาเชือดเฉือน ก่อนจะหันไปมองบรรดาลูกค้าทั้งหลายพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “อยากทราบหรือไม่เ้าคะว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ทันทีที่หลินฟู่อินกล่าวออกมา เหล่าลูกค้าชั้นดีทั้งหลายก็พากันวางตะเกียบมองหลินฟู่อินด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น “หากแม่นางทราบก็รีบบอกพวกข้ามาเถอะ!”
“ใช่ เล่ามา!”
หลินฟู่อินเหลือบมองผู้ดูแลฮวาที่ตอนนี้เริ่มมีสีหน้าอัปลักษณ์ขึ้นมา ดวงตาเย็นเยียบ จากนั้นก็มองลูกค้าทั้งหลาย “เื่เป็เช่นนี้เ้าค่ะ ผู้ดูแลฮวาบอกว่ามีลูกค้าที่เกิดอาการปวดท้องจากการกินไข่ดอกสน จึงได้เกลี้ยกล่อมส่งตัวลูกค้าผู้นั้นไปยังบ้านที่ทำไข่ดอกสนเพื่อสร้างปัญหา”
ฟังคำพูดของหลินฟู่อินแล้ว ผู้ดูแลฮวาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบก้าวขาเข้ามาขวางนางแล้วกล่าวด้วยสีหน้าหม่นครึ้ม น้ำเสียงต่ำ “แม่นางหลิน บางเื่ควรพูด บางเื่ไม่ควรพูด ข้าเชื่อว่าแม่นางหลินเป็คนฉลาด!”
“แน่นอนว่าข้าเป็คนฉลาด ท่านไม่ควรยั่วยุคนฉลาดเช่นข้านะเ้าคะ” ดวงตาของหลินฟู่อินยิ้มแต่น้ำเสียงบาดคมราวกับน้ำแข็ง จากนั้นจึงถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยงผู้ดูแลฮวา และก้าวไปทางซ้าย เผชิญหน้ากับเหล่าลูกค้าของภัตตาคารอีกครั้ง
“ดูท่าแม่นางน้อยท่านนี้จะเป็คนใน เร็วเข้า รีบเล่ามาเถอะ พวกเราเหมือนมีแมวมาข่วนหัวใจแล้ว” ใครคนหนึ่งเร่งเร้าออกมา
หลินฟู่อินได้ยินเสียงซุบซิบหนาหูจากบรรดาผู้มากินอาหารก็แย้มยิ้ม “โชคไม่ดี ไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนเป็ครอบครัวของพวกเราทำเ้าค่ะ ผลของไข่ดอกสนและไข่เยี่ยวม้านั้นเป็ที่ประจักษ์ว่าช่วยลดความร้อนในร่างกาย เป็ไปไม่ได้ที่จะทำให้คนผู้นั้นปวดท้อง ผลนี้ได้รับการยืนยันจากผู้คนมากมาย กระทั่งตัวผู้ดูแลฮวาเองเวลาที่มีไข้หรือปวดฟันขึ้นมา มิใช่ว่าท่านเองก็กินไข่เยี่ยวม้าหรือไข่ดอกสนหรอกหรือเ้าคะ?”
“ไอหยา เป็เื่บังเอิญจริงๆ หรือ? เช่นนั้น… หรือแม่นางน้อยจะมาที่ภัตตาคารเยว่เค่อเพื่อขอคำอธิบายจากผู้ดูแลฮวา” เหล่าลูกค้าได้พูดคุยกันอีกครั้ง พร้อมมองหลินฟู่อินสลับกับผู้ดูแลฮวา
“เื่นี้นี่ แม่นางหลินจะมาคาดคั้นกับภัตตาคารเยว่เค่อได้อย่างไร? เป็ลูกค้าที่รู้สึกว่ากินไข่ดอกสนไปสองสามชิ้นแล้วเกิดปวดท้องขึ้นมากะทันหัน ภายหลังมีคนไปรายงานเื่นี้กับทางบ้านเ้าตัว ภรรยากับญาติพี่น้องจึงยกโขยงกันมา พอภรรยาลูกค้าถามว่าจะทำอย่างไร… ผู้สกุลฮวาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรดี คิดว่าแม่นางหลินเป็คนผลิตไข่ดอกสน ท่านอาจจะมีหนทาง คนทั้งกลุ่มจึงได้ขนตัวลูกค้าออกไปหาท่าน คาดหวังให้ท่านช่วยชีวิต”
ช่างเล่นแง่เสียจริง!
เขาฉลาดพอที่จะไม่ปฏิเสธว่าเป็ผู้แนะนำให้ครอบครัวนั้นขนผู้ป่วยไปที่ร้านนาง
หลินฟู่อินส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้ม “แต่ผู้ดูแลฮวาก็รู้ว่าไม่ว่าจะไข่ดอกสนหรือไข่เยี่ยวม้าก็ไม่ทำร้ายใครนี่เ้าคะ เพื่อปัดความรับผิดชอบ ท่านกลับให้ญาติของคนผู้นั้นหามเขามาหาข้า เื่นี้ย่อมมองได้ว่าท่าน ผู้ดูแลฮวา เป็คนปัดความรับผิดชอบ ไม่น่าเชื่อถือ!”
ต่อหน้าผู้คนมากมาย นางตำหนิเขาออกไปตามตรงว่าอีกฝ่ายไม่น่าเชื่อถือ ขาดความรับผิดชอบ ทำให้ผู้คนตกตะลึงกันทีเดียว
ผู้ดูแลฮวาโกรธจนเส้นเืสีเขียวปูดขึ้นบนหน้าผากชัดเจน เขามองหลินฟู่อินด้วยสายตาโเี้ “ทว่าแม่นางหลิน ท่านพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าแขกผู้นั้นไม่ได้เกิดปัญหาเพราะไข่ดอกสนที่ท่านทำ?”
หลินฟู่อินเกือบหัวเราะเมื่อได้ยินคำถามงี่เง่าพรรค์นี้จากคนตรงหน้า
นางมองเขาอย่างรังเกียจและพูดว่า “น่าขันเสียจริง อย่างแรก หากไข่ดอกสนทำให้คนปวดท้องจริงๆ เหตุใดท่านยังขายมันอยู่ทั้งที่เกิดเื่กับลูกค้า? ไม่กลัวลูกค้าหายหรืออย่างไร? อย่างที่สอง แม้ว่าลูกค้าจะกินไข่ดอกสนแล้วปวดท้องขึ้นมา ท่านสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่เล่าว่าปัญหามาจากไข่จริงๆ? อย่างที่สาม เป็ไปได้ว่าไข่ดอกสนไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอาจมาจากเครื่องปรุงที่ภัตตาคารเยว่เค่อของท่านปรุงเข้าไปในการทำอาหารก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
“นี่…” หยาดเหงื่อเย็นๆ ของผู้ดูแลฮวาไหลออกมาเมื่อหลินฟู่อินซักไซ้
หลินฟู่อินระบุคำถามสามข้อนี้ออกมา และเขาไม่สามารถตอบคำถามได้
ไม่ใช่เพราะเขาไม่้าสู้กับข่าวลือของหลินฟู่อิน แต่เป็เพราะไม่ว่าเขาจะตอบอย่างไรก็เข้าข่ายว่าผิดหมดอยู่ดี
คำถามแรก หลินฟู่อินชี้ว่าต่อให้ไข่ดอกสนมีปัญหาจริง วิธีรับมือที่ถูกต้องคือการหยุดขายอาหารจานที่ทำจากไข่ดอกสนทั้งหมด แต่เขาก็ยังขายอยู่
อาหารเ่าั้ก็เห็นได้บนโต๊ะของลูกค้า
คำถามที่สอง เขาขอให้หลินฟู่อินแสดงหลักฐานว่าไข่ดอกสนไม่มีปัญหา แต่หลินฟู่อินขอให้เขาแสดงหลักฐานว่าไข่ดอกสนมีปัญหาอย่างไร แต่เขาไม่สามารถนำเอาหลักฐานที่ว่านี้ออกมาได้ เพราะลูกค้าที่กินอาหารเข้าไปแล้วเกิดปวดท้องกะทันหันก็กินอาหารจานอื่นๆ จากภัตตาคารของเขาเข้าไปด้วย
คำถามที่สาม ไข่ดอกสนที่พวกเขาทำในภัตตาคารได้เพิ่มเครื่องปรุงรสอื่นๆ เข้าไปด้วยจริง รวมไปถึงเครื่องปรุงลับของทางร้าน บางทีลูกค้าอาจของขึ้น [1] เพราะเครื่องปรุงลับที่ว่านี้ก็ได้
หลินฟู่อินมองผู้ดูแลฮวาที่เหงื่อท่วมตัว ก่อนจะเม้มปากพูดเสียงเบา “เอาละเ้าค่ะ ในเมื่อผู้ดูแลฮวาไม่อาจให้คำอธิบายต่อคำถามสามข้อของข้าได้ เช่นนั้นข้าก็อธิบายได้ว่าไข่ดอกสนของข้าไม่มีปัญหา และจะบอกให้ว่าเหตุใดลูกค้าที่กินอาหารจากร้านท่านจึงได้ปวดท้องขึ้นมา”
ผู้ดูแลฮวาจ้องหลินฟู่อินด้วยสายตาดุดันน่าหวาดกลัว
แต่หลินฟู่อินจ้องกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นจึงเหลือบมองอาหารบนโต๊ะของลูกค้า ดวงตาทอประกาย
จากนั้นนางก็มองคนสกุลฮวาด้วยความมั่นใจ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ผู้ดูแลฮวา อาหารส่วนใหญ่ของร้านท่านมันเยิ้มมาก แม้กระทั่งอาหารมังสวิรัติ เพื่อให้ลูกค้าของท่านชอบและเสพติดอาหารของภัตตาคารของท่าน ภัตตาคารเยว่เค่อจึงจงใจทำอาหารด้วยน้ำมันปริมาณมาก ลูกค้าท่านนั้นที่ปวดท้องชอบอาหารรสจัด ทั้งยังชอบมาสังสรรค์ที่ภัตตาคารของท่าน แต่เขากินน้ำมันมากไปไม่ได้ ดังนั้นเมื่อกินอาหารร้านท่านที่มันจัดมากเกินไป สุดท้ายจึงได้ปวดท้องเช่นนี้”
ความหมายของหลินฟู่อินง่ายมาก ลูกค้าคนนั้นไม่ได้ปวดท้องหลังจากกินไข่ดอกสนที่ทำโดยหลินฟู่อิน แต่ปวดท้องหลังจากกินของมันจำนวนมากจากภัตตาคารเยว่เค่อ
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้...” ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านต่างก็เข้าใจแล้ว พากันมองดูอาหารบนโต๊ะอีกครั้งแล้วพยักหน้า
มีลูกค้าคนหนึ่งพูดว่า “อย่าพูดอย่างนั้นเลย อาหารของภัตตาคารเยว่เค่อล้วนใส่น้ำมันมากดีจริงๆ ข้าจึงได้ชอบยิ่งนัก!”
“เ้าชอบก็เป็เื่ของเ้า แต่แม่นางหลินนั้นผิดอย่างไรเล่า? ชัดเจนว่าเื่นี้ไม่ใช่ความผิดนาง แต่ผู้ดูแลฮวากลับโยนเื่ใส่หัว เช่นนี้ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?” แน่นอนว่าลูกค้าบางคนก็ลุกขึ้นพูดแทนหลินฟู่อิน
“อืม เื่ที่เหล่าฮวาทำก็ไม่เหมาะสมและไร้ความรับผิดชอบจริงๆ!”
“...”
ในบทสนทนาเหล่านี้ลูกค้าส่วนใหญ่ตำหนิเขาว่าไม่น่าเชื่อถือ มองเขาด้วยสายตาประหลาด ทำให้ผู้ดูแลฮวาโมโหจนหน้าแดงไปหมด
แต่คราวนี้หลินฟู่อินพร้อมแล้ว ย่อมไม่ยอมปล่อยเ้าคนสกุลฮวาไปโดยง่ายแน่
นางขยิบตาให้หลิวฉิน ซึ่งเขาก็พยักหน้าอย่างรู้ทันก่อนจะหมุนกายไปปรบมือ
กลุ่มหวงเหล่าซานถูกคนของหลิวฉินนำตัวเข้ามา
“ผู้ดูแลฮวา แม้ว่าท่านจะโยนเผือกร้อนนั้นใส่หัวข้าก็ไม่เป็ไร ข้ายังสามารถจับชีพจรรักษาอาการให้แก่ลูกค้าของท่านที่ปวดท้องได้ แต่ท่านให้ของขวัญที่ดีแก่ข้าจริงๆ” หลินฟู่อินแสยะยิ้มเหยียด ชี้นิ้วไปที่กลุ่มหวงเหล่าซานซึ่งถูกคุมตัวเข้ามา และถาม “นักเลงหัวไม้ไร้การศึกษาเหล่านี้ คงมิใช่คนแปลกหน้าสำหรับท่านกระมัง?”
ทันทีที่ผู้ดูแลฮวาเห็นพวกหวงเหล่าซานที่ถูกเอาตัวเข้ามา เขาก็เข้าใจทุกอย่างทันที ใบหน้าอ้วนขาวยิ่งซีดเซียวลง
แต่คนที่ใกล้ถูกเชือดยังพูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้าเป็พ่อค้ามีจริยธรรม จะรู้จักคนเหล่านี้ได้อย่างไร แม่นางหลินท่านช่างล้อเล่น...”
“ท่านไม่รู้จักก็ช่าง แต่คนเหล่านี้รู้จักท่าน รู้จักเสี่ยวเอ้อร์ของภัตตาคารเยว่เค่อ” หลินฟู่อินยิ้มเล็กน้อยและหันไปมองหวงเหล่าซาน “บอกมา ตอนนั้นใครเป็คนไปพบพวกเ้าและว่าจ้างยี่สิบตำลึงเงิน และยังให้สัญญาว่าภายหลังหากพวกเ้าทำให้ข้าไปพบผู้อื่นไม่ได้อีกจะจ่ายให้อีกสามสิบตำลึงเงิน?”
ยามที่หลินฟู่อินถามคำถามนี้กับหวงเหล่าซาน สีหน้านางสงบนิ่ง
หวงเหล่าซานส่งเสียงอึกอักอยู่เป็นานโดยไม่พูดอะไร หลิวฉินเดินไปเตะอัดกระดูกข้อเท้าของเขาอย่างแรง ตามด้วยการข่มขู่ “ยังไม่พูดความจริงอีก!”
“โอ๊ย ข้าพูดแล้ว ข้ายอมพูดแล้ว…” หวงเหล่าซานร้องออกมาทันที “มันเป็เสี่ยวเอ้อร์ของภัตตาคารเยว่เค่อ!”
“ไร้สาระ! ในภัตตาคารของเรามีคนชื่อซานโก่วจื่อ แต่เขาทำงานอยู่ในร้านทั้งวัน จะมีเวลาที่ไหนไปหาเ้า? นอกจากนี้คนยังไม่มีปัญญาหาเงินยี่สิบตำลึงเงินได้สักนิด! ที่ว่าจะให้อีกสามสิบตำลึงเงินน่ะไม่ต้องพูดถึง!” ผู้ดูแลฮวาโต้กลับด้วยใบหน้าดำคล้ำ
“ดังนั้น เสี่ยวเอ้อร์ของเ้าไม่มีเงิน แต่เ้าน่ะมี ผู้ดูแลฮวา” เถ้าแก่หลิวที่นิ่งเงียบมาตลอดเอ่ยขัดขึ้นทันที
ผู้ดูแลฮวาโกรธเสียจนดวงตาแทบจะถลนออกมา
หลินฟู่อินกล่าวต่อว่า “เช่นนี้ท่านก็มีโอกาสที่จะตั้งใจใส่ร้ายข้าจริงๆ ผู้ดูแลฮวา”
“แม่นางหลิน ท่านตีวัวกระทบคราดถึงผู้สกุลฮวาไม่ได้!” ผู้ดูแลฮวาะโด้วยความเกรี้ยวกราด
หลินฟู่อินยิ้มและพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจ “ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ามาที่ภัตตาคารของท่านครั้งแรกเพื่อขายไข่ดอกสนและไข่เยี่ยวม้า ท่านอยากซื้อสูตรของข้าแต่ถูกปฏิเสธไป ท่านจึงทำเพียงซื้อไข่ของข้าสองสามร้อยฟองเท่านั้น ต่อมาข้าทำการค้าใหญ่กับภัตตาคารหลิวจี้ และได้จัดส่งให้ภัตตาคารหลิวจี้ในปริมาณมาก คราวนี้ผู้ดูแลฮวามาหาเพื่อซื้อสินค้าของข้าอีกครั้งและข้าก็ปฏิเสธอีก พอถึงเวลาที่ข้าเปิดกิจการขายถั่วปากอ้าสดและถั่วงอก ข้าก็ปฏิเสธที่จะร่วมงานกับท่านอีกครั้ง...”
หลินฟู่อินไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ แต่ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่นาง้าจะสื่อแล้ว
ในเวลานี้ สายตาของลูกค้าที่มองดูผู้ดูแลฮวามีแต่ความตกตะลึงและรังเกียจ
คนต้าเว่ยภาคภูมิใจในความจริงใจและน่าเชื่อถือ รังเกียจคนใจทรามและโเี้
เพื่อสูตรอาหารสูตรหนึ่ง ผู้ดูแลฮวาถึงกับข่มขู่หลินฟู่อินที่เป็เพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง ช่างน่าละอายยิ่งนัก
นอกจากนี้ลูกค้าที่กำลังนั่งอยู่ตอนนี้ส่วนมากล้วนแต่เป็พ่อค้ากันทั้งนั้น เมื่อหลินฟู่อินเปิดโปงแผนการของผู้ดูแลฮวาออกมา ทุกคนต่างก็ไม่ยินดีติดต่อค้าขายกับคนเช่นผู้ดูแลฮวาอีก
ล้วนไม่หลงเหลือความรู้สึกดีอะไรกับภัตตาคารเยว่เค่อแห่งนี้
ลูกค้าส่วนใหญ่พากันลุกขึ้นจากไป ลูกค้าที่มีจิตใจเที่ยงธรรมคนหนึ่งมองผู้ดูแลฮวาที่พ่ายแพ้หมดรูปและกล่าวว่า “ผู้ดูแลฮวา เื่คราวนี้เกินไปจริงๆ แม้จะมีคำกล่าวว่าการค้าขายหาใช่การกุศล แต่แม่นางหลินปฏิเสธท่านถึงสามครั้งแล้ว ท่านซื้อของไม่ได้และยังวางแผนร้ายใส่นางเช่นนี้ นี่มัน… ไร้ยางอายเกินไปจริงๆ!”
กล่าวจบ ลูกค้าหลายคนก็พากันโยนเหรียญตำลึงเงินทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
“นี่ เป็พ่อค้าที่มีคุณธรรมอย่างไรก็ดีกว่า หากทำเื่ชั่วช้ามากเกินไป ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องได้รับผลตอบแทน!”
“ไป ไปกัน ภัตตาคารเยว่เค่อแห่งนี้อีกหน่อยจะไม่มาเหยียบอีกแล้ว”
“...”
บรรดาลูกค้าพากันโยนเงินทิ้งไว้แล้วจากไป ทำให้ผู้ดูแลฮวาวิตก เขารีบก้าวออกไปหลายก้าว ยกแขนขึ้นพยายามจะหยุดลูกค้าเอาไว้แล้วกล่าวละล่ำละลัก “ไม่ใช่ขอรับท่านลูกค้าทั้งหลาย นี่เป็ความเข้าใจผิด มันเป็ความเข้าใจผิด! ผู้สกุลฮวาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการให้คนไปรังแกแม่นางน้อย…”
“นี่ เ้าคนสกุลฮวา หากเ้าไม่ใช่คนหานักเลงไป เ้าจะบอกว่าข้าเหล่าเจียงผู้นี้เป็คนหาหรืออย่างไร?”
ระหว่างที่ผู้ดูแลฮวาหยุดแขกหลายคนให้ฟังคำอธิบาย ชายที่เป็โรคนิ่วในถุงน้ำดีคนนั้นก็เดินทางมาถึงพร้อมกับคนในครอบครัวหลายชีวิต
ตามด้วยหมอหลี่และหลี่อี้
ทันทีที่หลี่อี้มาถึงก็มองหาหลินฟู่อินท่ามกลางฝูงชน พอได้ยินที่หลินฟางเล่าสถานการณ์ตอนนั้นให้ฟัง หลี่อี้ซึ่งเป็สุภาพบุรุษก็ไม่อาจทนเห็นผู้บริสุทธิ์ถูกใส่ความแล้วปล่อยคนบงการไปได้
“เจียง… น้องเจียง?” ผู้ดูแลฮวาใ “เ้า… สบายดีหรือ?”
เหตุใดจึงหายไวนัก? เขาเห็นอีกฝ่ายทั้งร้องไห้ทั้งกรีดร้องอย่างเ็ปมาก่อน ทำให้ในหัวสับสนไปหมด เหตุใดผ่านไปไม่นานคนถึงกลับมามีชีวิตชีวาแล้ว
“เหอะ ผู้ดูแลฮวาไม่คิดว่าข้าจะได้ยินสิ่งที่เ้าพูดหรืออย่างไร?” คนไข้โรคนิ่วในถุงน้ำดีจากตระกูลเจียงจ้องใบหน้าอ้วนของผู้ดูแลฮวาด้วยสีหน้าประสงค์ร้าย แล้วแค่นเสียงหยัน “ผู้ดูแลฮวา ข้าถามเ้า หากเ้ามิได้อัญเชิญเทพพวกนั้นมา หรือจะเป็ข้าที่เชิญมา?”
ผู้ดูแลฮวาขมวดคิ้ว แต่ยังคงปฏิเสธ “น้องเจียง ข้าจะไปรู้เื่นี้ได้อย่างไร? ถึงแม้เ้ามิได้เรียกคนพวกนี้มา แต่ก็ไม่ใช่ข้าเช่นกัน!”
“เื่นี้คือเื่สำคัญ เ้าหรือข้ากันแน่เล่าที่จ้างนักเลงหัวไม้พวกนั้นมา ผู้อื่นเห็นคงคิดว่าไม่มีที่จะใช้เงินกระมัง!” แม้ว่าผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีที่มีสกุลเจียงจะอารมณ์ร้อน แต่สมองเขากลับชัดเจน พูดดักทางผู้ดูแลฮวาทันที
ขณะนั้นหมอหลี่ได้ก้าวไปข้างหน้าและมองดูผู้ดูแลฮวาอย่างเคร่งขรึม “ผู้ดูแลฮวา ข้าตรวจวินิจฉัยร่างกายนายท่านเจียงเป็อย่างดีแล้ว อาการปวดท้องนี้เกิดจากการกินของมันมากเกินไป ไม่เกี่ยวกับไข่ดอกสนเลย ในทางกลับกัน ไข่ดอกสนคลายความร้อนหักล้างพิษและมีฤทธิ์ขจัดของเสีย โชคดีที่นายท่านเจียงมักจะกินไข่ดอกสนหรือไข่เยี่ยวม้าอยู่บ่อยครั้ง หาไม่แล้วด้วยปริมาณน้ำมันจำนวนมากจากอาหารของร้านท่าน เกรงว่าจะทำให้ปวดแทบตายตั้งนานแล้ว”
ทันทีที่คำพูดของหมอหลี่ถูกเปิดเผย บรรดาผู้มุงดูก็ดูถูกผู้ดูแลฮวามากขึ้น
“นี่ หมอหลี่ผู้นี้เป็หมอที่มีอิทธิพลมากที่สุดในชิงหยางและแม้แต่ในเมืองชิงเหลียน หากหมอหลี่พูดอย่างนั้น ปัญหาก็ต้องอยู่ที่ผู้ดูแลฮวาแน่นอน”
“ใช่ รู้หน้าไม่รู้ใจโดยแท้ ั้แ่ตอนที่ค้าขายกับเขาข้าก็คิดมาตลอดว่าผู้ดูแลร้านเป็คนดี…”
“เอาเถิด ดูเหมือนเถ้าแก่หลิวจะเป็คนซื่อสัตย์อยู่ ถึงว่าล่ะต่อสู้กันมาหลายทศวรรษ เถ้าแก่หลิวก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหล่าฮวา ที่แท้คนก็ไม่โหดร้ายทารุณเท่า”
“...”
ฟังถ้อยคำของบรรดาลูกค้าแล้ว ผู้ดูแลฮวาก็ได้แต่ก้มหน้าหลับตาลงให้สถานการณ์ผ่านไป
เช่นนี้เขาต้องตายจริงๆ แน่!
เดิมทีการค้าใน่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็ไม่ดีเท่าภัตตาคารหลิวจี้ ซึ่งทำให้เถ้าแก่ของเขาไม่พอใจอย่างยิ่ง ตอนนี้กลับเกิดเื่จนทำให้ภัตตาคารเยว่เค่อในชิงหยางถูกบีบโดยภัตตาคารหลิวจี้อย่างสมบูรณ์
เขาควรเตรียมทางหนีทีไล่แล้ว…
“ผู้ดูแลฮวา มีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?” หลินฟู่อินยิ้มเล็กน้อยให้ผู้ดูแลฮวาที่ดูสิ้นหวัง
ผู้ดูแลฮวากำหมัด เงยศีรษะ มองหลินฟู่อินด้วยสายตาถากถาง “ผู้สกุลฮวาไม่มีอะไรจะพูด ในเมื่อแม่นางหลินเตรียมการมาเพียงนี้ เชิญคนมาช่วยท่านเสียมากมาย ผู้สกุลฮวามีเพียงปากเดียวจะสู้ปากมากมายได้อย่างไร? เช่นนั้นผู้สกุลฮวาขอถาม แม่นางหลิน้าทำอะไรกันแน่?”
คนสกุลฮวาเ้าเล่ห์จริงๆ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมรับออกมาว่าลงมือทำเื่สกปรกลงไป ยังถามอีกว่านาง้าทำอะไรเช่นนี้?
ความโเี้ของหลินฟู่อินปรากฏขึ้นยามมองเขา พูดออกมาหนึ่งประโยค “ประเดี๋ยวท่านจะได้ทราบว่าข้า้าอะไรกันแน่ หวังก็แต่ท่านจะไม่เสียใจภายหลังนะเ้าคะ”
สิ้นคำ นางก็หันไปหาหลิวฉิน “พี่หลิว ดูเหมือนผู้ดูแลฮวาจะไม่สำนึกและยอมรับในสิ่งที่ทำเอาไว้เลย”
หลิวฉินหัวเราะ “หากเป็เช่นนี้ก็กระจายข่าวออกไปเถอะ ให้ผู้คนได้ตัดสินกัน ให้ได้รู้ว่าผู้ดูแลฮวาแท้จริงเป็เช่นไร ภัตตาคารเยว่เค่อแท้จริงเป็เช่นไรกันแน่”
เดิมทีผู้ดูแลฮวาคตั้งมั่นว่าต่อให้ตายก็ไม่ยอมรับ เมื่อไม่ยอมรับ หลินฟู่อินก็ทำอะไรไม่ได้ หากผ่านไปได้ถึงสิ้นปีเขาจะส่งของขวัญไปให้อี๋เหนียงสามมากหน่อย ให้คนช่วยพูดดีๆ ต่อหน้าเถ้าแก่ ก็อาจจะผ่านไปได้…
แต่ตอนนี้หลิวฉินกลับจะลงมือ?
เขาตายแน่…
เห็นท่าทีขลาดเขลาของอีกฝ่าย หลินฟู่อินก็นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ ถึงตอนนี้เริ่มกลัวแล้วหรือ? นางยังไม่ทันได้ลงมือเลย!
--------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ของขึ้น ในเื่นี้หมายถึงคำพูดของชาวแคว้นต้าเว่ยที่หมายความว่าการแพ้อาหาร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้