“เธอมาเผิงเฉิงแล้วหรือ?”
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถติดต่อกับทังหงเอินได้โดยตรง อย่างน้อยเลขาเผิงก็รับสายโทรศัพท์จากเธอ โดยเขาจะแจ้งกับทังหงเอินทันทีว่าเธอติดต่อมา ก่อนหน้านี้ทังหงเอินใช้เวลาอยู่ที่ปักกิ่งค่อนข้างนาน หลังกลับมาเผิงเฉิงจึงเต็มไปด้วยงานที่ต้องสะสาง ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานโทรมาหาเช่นนี้ ทังหงเอินก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคงปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว
“คุณอาทัง ฉันมีเื่อยากขอให้คุณอาช่วยค่ะ ฉันสามารถไปหาได้ไหมคะ”
เื่บางอย่างไม่เหมาะที่จะคุยทางโทรศัพท์ โดยเฉพาะคำขอของเซี่ยเสี่ยวหลานที่เป็เื่ฝ่าฝืนกฎระเบียบย่อมไม่ควรทิ้ง ‘หลักฐาน’ เอาไว้ทางโทรศัพท์เช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเอง แต่เพื่อทังหงเอินทั้งสิ้น
ทังหงเอินหาเวลามาทานข้าวกับเซี่ยเสี่ยวหลานทันที
“พอปิดเทอมก็มาเผิงเฉิงแบบนี้ แม่ของเธอไม่ว่าเอาหรือ”
เซี่ยเสี่ยวหลานเกือบสำลักอาหารที่อยู่ในปาก เธอกับย่าอวี๋ไม่ได้คิดไปเองสินะ ทังหงเอินใส่ใจแม่ของเธอเกินกว่าคนรู้จักมากจริงๆ แม้แต่คนหน้าด้านใจดำอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานยังรู้สึกกระอักกระอ่วน เธอไม่ถนัดเื่ความสัมพันธ์เลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็ความสัมพันธ์ของตัวเองหรือของคนอื่นก็ตาม
“ไม่หรอกค่ะ ฉันจะกลับไปฉลองตรุษจีนที่ซางตู นอกจากนี้หลังตรุษจีนแม่ก็จะย้ายไปอยู่ปักกิ่งกับฉัน อีกหน่อยพวกเราจะได้ใช้เวลาร่วมกันไปอีกนาน อาทังคะ ก่อนหน้านี้คุณชายใหญ่ของเครือเชิงหรงเดินทางขึ้นเหนือ เขาบริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัยหลายแห่ง และเขาก็มาหาฉันด้วยค่ะ...”
เซี่ยเสี่ยวหลานฉวยโอกาสเปลี่ยนเื่ ด้วยการพูดเื่ที่ตู้เ้าฮุยมาหาเธอที่หัวชิง
ตู้เ้าฮุยทำธุรกิจอยู่ที่เผิงเฉิงย่อม้าแรงสนับสนุนจากนายกเทศมนตรีอย่างทังหงเอิน ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงบอกทังหงเอินให้รับรู้เอาไว้ แม้เผิงเฉิงจะไม่ใช่เมืองเล็ก แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลัวตัวเองจะโชคร้ายเจอกับคุณชายใหญ่ตู้คนนั้นอีกครั้ง
พอได้ยินว่าตู้เ้าฮุยอยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานไปถ่ายละครที่ฮ่องกง คิ้วของทังหงเอินก็ขมวดมุ่น โลกใบนี้ช่างกลมเสียจริงๆ
“เธอบอกว่าพ่อของเธอทำงานอยู่กับตู้เ้าฮุยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นฉันก็คงเคยเจอเขาแล้วครั้งหนึ่ง”
คราวก่อนทังหงเอินเจอตู้เ้าฮุยที่สนามบินไป๋อวิ๋น ข้างกายคุณชายใหญ่ตู้มีชายร่างใหญ่ติดตามมาด้วย ทว่าตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจผู้ติดตามของตู้เ้าฮุย พอได้ยินเซี่ยเสี่ยวหลานพูดถึงจึงจำได้ว่าเคยเจอกัน
อยากจำไม่ได้ก็ยังยาก ครั้งก่อนที่เขาเจอกับตู้เ้าฮุยในสนามบินไป๋อวิ๋น ตู้เ้าฮุยตามเขากลับเผิงเฉิงเพื่อเจรจา ทั้งสองฝ่ายคุยกันค่อนข้างราบรื่น ทว่าไม่กี่วันต่อมาตู้เ้าฮุยกลับถูกคนลอบสังหารระหว่างเดินทางไปยังสนามบินไป๋อวิ๋น คนขับรถเสียชีวิต คนคุ้มกันที่ติดตามเขาไปด้วยได้รับาเ็สาหัส
เื่เหล่านี้เลขาเผิงเป็คนแจ้งรายละเอียดกับเขาทั้งสิ้น
ตู้เ้าฮุยะเิโทสะอย่างรุนแรงที่หยางเฉิง เพราะคนติดตามที่าเ็สาหัสคนนั้นเป็ดั่งมือขวาของเขา
“ฉันจะเรียกเสี่ยวเผิงมาถามรายละเอียดให้”
เลขาเผิงรู้รายละเอียดของเื่นี้ดีกว่าทังหงเอิน ไม่นานนักเขาก็มาถึง
“หัวหน้า เอกสารที่ทางกรมตำรวจของหยางเฉิงส่งมาอยู่นี่แล้วครับ”
กรมตำรวจทำการสอบปากคำผู้าเ็แล้ว เซี่ยต้าจวิน คนตำบลอันชิ่ง เมืองอวี้หนาน ทังหงเอินพูดถูก เซี่ยเสี่ยวหลานอ่านเอกสารแล้วเอือมระอา “มิน่าคุณชายใหญ่ตู้คนนั้นถึงได้กระตือรือร้นนัก!”
นี่คงเป็ความโชคดีที่หล่นทับเซี่ยต้าจวินเข้าอย่างจัง เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่ามนุษย์เรานั้นเท่าเทียมกัน ไม่ว่าใครก็มีโอกาสเปลี่ยนชะตากรรมชีวิตของตนเองได้ บางครั้งอาศัยความเฉลียวฉลาด บางครั้งอาศัยความโชคดีอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเซี่ยต้าจวินเป็แบบหลัง เพียงแต่ต้องใช้สิ่งมีค่าแลกมาเท่านั้น เลขาเผิงบอกว่าเซี่ยต้าจวินเหมือนจะได้รับาเ็ที่กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลของหยางเฉิงรักษาอาการได้ไม่ดีพอ คุณชายใหญ่ตู้จึงพาเขากลับไปรักษาตัวที่ฮ่องกง
เลขาเผิงรับรู้ได้ว่าบรรยากาศที่ไม่ค่อยปกตินัก ตอนมาเขามาถึงอย่างรวดเร็ว แต่ตอนกลับเขากลับไปไวยิ่งกว่า
ถ้วยชามบนโต๊ะถูกเก็บไปหมดแล้ว ทังหงเอินถามเซี่ยเสี่ยวหลานว่า “คิดจะทำอย่างไรต่อไป”
“ฉันบอกความคิดของฉันกับคุณชายใหญ่ตู้แล้วค่ะ ฉันไม่ยอมรับสหายเซี่ยต้าจวินเป็พ่อ ไม่ว่าเขาจะเจริญก้าวหน้าหรือยัง และฉันก็ไม่คิดจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาอีกต่อไป”
ทังหงเอินพอจะรู้ความแค้นระหว่างเซี่ยเสี่ยวหลานกับคนตระกูลเซี่ยมาบ้าง แต่เวลาแบบนี้เขาคงไม่อาจก้าวก่าย แล้วบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานให้อภัยเซี่ยต้าจวินได้
เซี่ยต้าจวินไม่ใช่พ่อที่ผ่านมาตรฐาน เขาไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มทีทั้งต่อหลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลาน
แน่นอนว่าทังหงเอินก็คิดว่าตัวเองก็ไม่ผ่านเกณฑ์เช่นกัน แม้เขากับจี้หย่าจะหย่าร้างกันเพราะเหตุการณ์ใน่เวลาพิเศษ ทำให้จี้เจียงหยวนถูกจี้หย่าพาตัวไปจนเขาไม่สามารถเจอหน้าลูกชายได้เป็เวลาสิบกว่าปี แต่เขายังไม่ถึงขั้นปัดความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้จี้หย่า อย่างไรความจริงที่ว่าเขาทอดทิ้งครอบครัวเพื่อความถูกต้อง เซี่ยต้าจวินโง่เง่าเข้าข้างคนผิด ก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาสองคนล้วนเป็พ่อที่ไม่เอาไหน!
สิ่งที่แตกต่างกันคือทังหงเอินรู้ความผิดของตัวเองดี ก่อนหน้านี้เขาจึงไม่เคยคิดขอให้จี้เจียงหยวนให้อภัย และยิ่งไม่มีทางใช้ความเจ็บป่วยมาขอความเห็นใจจากจี้เจียงหยวน โดยบอกให้จี้เจียงหยวนมาช่วยดูแลคนป่วยอย่างเขา
จี้เจียงหยวนกับเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานหลายปี และเขาก็ไม่ได้เป็คนดูแลจี้เจียงหยวนจนเติบใหญ่ แล้วทำไมจี้เจียงหยวนต้องมาดูแลเขาด้วย?
คำว่า ‘สายเืเดียวกัน’ ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกเื่!
ยิ่งเป็เื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งแล้วใหญ่ เซี่ยเสี่ยวหลานกับเซี่ยต้าจวินไม่ใช่แค่เหินห่างกันเท่านั้น แต่เซี่ยเสี่ยวหลานเกลียดทุกสิ่งทุกอย่างที่เซี่ยต้าจวินเคยทำไว้ ทังหงเอินจึงไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเซี่ยเสี่ยวหลานตามใจชอบ
“เธอมาหาฉันเพื่อบอกเื่นี้หรือ เช่นนั้นฉันก็เข้าใจแล้ว ถ้ามีโอกาสจะลองคุยกับตู้เ้าฮุยสักครั้ง”
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกเกรงใจทังหงเอินมาก “ขอบคุณคุณอาทังมากค่ะ แต่ที่ฉันมาหาไม่ใช่เพราะเื่นี้”
ทังหงเอินเองก็นึกไม่ถึงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะขอให้เขาใช้อำนาจกับเื่ส่วนตัว แถมยังเป็เื่แบบนี้เสียได้
แน่นอนว่าทังหงเอินรู้ว่าโจวเฉิงอยู่ที่ไหน ดังนั้นเขาจึงเงียบไปสักพัก
“เธออยู่เผิงเฉิงให้สบายใจสักสองวันเถิด ฉันจะทำให้พวกเธอได้เจอกันอย่างแน่นอน”
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวขอบคุณซ้ำๆ ในขณะที่ทังหงเอินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีแต่เวลาแบบนี้ที่ทำให้เขารู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยังเป็เพียงเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น หาใช่ผู้ใหญ่กร้านโลกเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ดั่งที่ผ่านมา
—------------------------------------------------------
“โจวเฉิง คุณออกมาหน่อย”
หลังการสอบสวนจบลง ความกังวลของโจวเฉิงนั้นเป็เื่ไม่จำเป็อีกต่อไป หน่วยงานไม่ได้กีดกันเขา แถมยังบอกให้เขาเป็รองหัวหน้าทีมดั่งเดิม โจวเฉิงเองก็รักษาโอกาสนี้เป็อย่างดี เพราะภารกิจหลายครั้งที่ผ่านมาเขาทำหน้าที่ได้ไม่เลวเลยทีเดียว
ในเมื่อเขาไม่ได้เป็พวกเดียวกับแก๊งค้าของเถื่อน สิ่งที่แสดงออกให้เห็นก็คือความสามารถของโจวเฉิงเองทั้งสิ้น
ความสามารถลักษณะนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอายุงาน ความฉลาดของคนเราเป็พร์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ครูฝึกของวิทยาลัยทหารบกที่ติดตามมาด้วยเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าโจวเฉิงเกิดมาเพื่อทำอาชีพนี้
เพราะความสามารถของโจวเฉิงทำให้ผลกระทบแง่ลบที่เคยเกิดขึ้นตอนถูกสอบสวนค่อยๆ หายไป แม้ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาชื่นชมผลงานของเขา แต่ก็ทำให้รู้สึกโจวเฉิงผ่อนคลายขึ้นมา
ครูฝึกเรียกโจวเฉิงออกจากค่าย โจวเฉิงยังคิดอยู่เลยว่ามีเื่อะไรเกิดขึ้นหรือไม่ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็ได้พบกับคนที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวัน
“เสี่ยวหลาน?”
เขาเห็นแฟนสาวของตัวเอง เป็ไปได้อย่างไร หรือเขากำลังเห็นภาพหลอน?
ครูฝึกเร่งเร้า “เร็วเข้า ผมเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อให้พวกคุณได้เจอกันนะ”
ที่จริงครูฝึกรู้สึกอิจฉาโจวเฉิงเป็อย่างมาก แฟนสาวเดินทางไปจี้เป่ยแต่ไม่พบทว่ายังมิวายเดินทางมาหาโจวเฉิงถึงเผิงเฉิง คู่ครองของโจวเฉิงคนนี้คงทุ่มเทไม่น้อยเพื่อให้ทางหน่วยงานยอมผ่อนคลายกฎระเบียบ
เสี่ยวหลานจริงๆ เขาไม่ได้ตาฝาดไป
โจวเฉิงหยิกแก้มตัวเอง ลมทะเลทำให้ผิวของเขาหยาบกร้าน มาทำภารกิจอยู่ทางใต้จนผิวดำคล้ำ แสงแดดในฤดูหนาวแรงไม่แพ้ฤดูกาลอื่น ช่างแตกต่างจากปักกิ่งอย่างสิ้นเชิง
ครูฝึกก็เหลือเกิน ถ้าบอกเขาว่าเสี่ยวหลานมาหา อย่างน้อยเขาจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แฟนของเขาคงไม่รังเกียจสภาพที่ดูไม่ได้ของเขาหรอกใช่หรือไม่
แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อยากเห็นตัวเองสภาพนี้เลย ใช้ชีวิตอยู่ริมทะเลมานานจนมีกลิ่นคาวปลาติดตัวไปจนหมด
โจวเฉิงคิดฟุ้งซ่าน เซี่ยเสี่ยวหลานก้าวตรงมาหาเขาหลายก้าว
“ไม่อยากเจอฉันหรือ?”