“เปิ่นกงมาแล้ว”
มู่หรงฉือฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วกางแขนทั้งสองข้างออก อยากจะไปจับตัวคนที่ส่งเสียงเสียเดี๋ยวนี้
บรรดาสตรีเ่าั้พากันกรีดร้องออกมา แต่ละนางหน้าเสียวิ่งหนีหลบหลีกกันชุลมุน
งานเลี้ยงร้อยบุปผาได้แปรเปลี่ยนกลายเป็ภาพความวุ่นวาย พวกนางกรีดร้องไปก็วิ่งหลบไป กลัวว่าจะถูกองค์รัชทายาทจับตัวได้
หรูอี้ที่ยืนอยู่ในมุมหนึ่งอดหัวเราะออกมาไม่ได้ นางพยายามอย่างหนักที่จะข่มกลั้นความขบขันนี้ ความคิดของเตี้ยนเซี่ยช่างยอดเยี่ยม! สามารถทำให้บรรดาคุณหนูเหล่านี้ใจนหนีเตลิดได้
ยามนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนคงจะต้องโกรธจัดเป็แน่
มู่หรงฉือทุ่มเทแสดงท่าทางเสเพลออกมาอย่างเต็มที่ ออกแรงกวาดมือคลำไปเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายที่จับไม่ได้สักคน
เซียวกุ้ยเฟยปิดปากลอบยิ้ม องค์รัชทายาทผู้นี้นิสัยเหมือนกับพระบิดาของเขา ช้าเร็วตำแหน่งนั้นจะต้องถูกส่งต่อไปให้ท่านอ๋อง
แค่ดูจากลักษณะท่าทางของบรรดาคุณหนูก็รู้แล้ว พวกนางต่างไม่้าจะแต่งให้กับองค์รัชทายาท
ช่างดูไม่ได้เลย!
ทันใดนั้น หรูอี้ก็ใจนต้องยกมือปิดปาก.....
มู่หรงฉืออ้าแขนสองข้างออก ในที่สุดนางก็โอบกอดคนผู้หนึ่งได้ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ “เปิ่นกงจับได้แล้ว! เปิ่นกงจับได้แล้ว!”
แต่คนผู้นี้ดูท่าแล้วจะไม่เหมือนกับสตรีทั่วไปเท่าไหร่นัก ร่างกายบึกบึน
นางรีบแกะผ้าปิดตาออกทันที แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางกลับเป็ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน!
“ท่านอ๋อง”
นางรีบปล่อยมือราวกับโดนประกายไฟ ถอยหลังไปสามก้าว ในใจคิดว่าจะทำอย่างไรดี เพราะนางเองก็รู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย
มู่หรงอวี้พูดเสียงดุออกมา “องค์รัชทายาทมักมาก สติปัญญาเลอะเลือน วาจาและการกระทำไร้ซึ่งมารยาท เปิ่นหวางจะสั่งสอนองค์รัชทายาทแทนฮ่องเต้ เชิญทุกท่านทานอาหารให้อร่อย และชมการร่ายรำต่อเถิด”
พูดจบเขาก็จูงมือพานางเดินออกไป
บรรดาสตรีเ่าั้พากันอ้าปากค้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนลากตัวองค์รัชทายาทออกไปแล้ว?
....
ครั้นเดินกลับเข้าไปในส่วนวัง มู่หรงฉือก็สะบัดมือออก ไม่สนใจเขาแล้วเดินกลับไปยังตำหนักบูรพา
ใบหน้าหล่อเหลาของมู่หรงอวี้ปกคลุมไปด้วยเมฆดำ มองไปยังแผ่นหลังขององค์รัชทายาทที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
องค์รัชทายาทต่อต้านการคัดเลือกพระชายา ต่อต้านการแต่งงานขนาดนี้เพราะอะไร? เพราะว่าองค์รัชทายาทไม่ใช่บุรุษหรือ?
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าหัวใจพองโตขึ้นมาเพราะการคาดเดาอย่างกล้าหาญของตนเอง แต่จะอย่างไรก็ไม่กล้าเชื่อมากนัก
ช่างเถิด องค์รัชทายาทจะเป็บุรุษหรือสตรีแล้วเกี่ยวอะไรกับเขากัน?
ครั้นกลับถึงตำหนักบูรพา มู่หรงฉือลูบใต้คางแล้วยิ้ม มองนางกำนัลหกคนที่นางบรรจงคัดสรรมาอย่างดีด้วยความภาคภูมิใจ
มีทั้งงดงามไร้ที่ติ มีทั้งน่าเกลียดจนสุดทน มีทั้งหน้าตามีกระฝ้า มีทั้งดวงตาเล็กราวเม็ดถั่ว มีทั้งปากกว้าง มีทั้งชอบล้วงจมูก มีทั้งชอบแคะหู...
มู่หรงอวี้ ขอให้ราตรีนี้เ้ามีความฝันอันงดงามหวานหยดย้อย
ตกดึกสงัด
มู่หรงอวี้เปิดประตูห้องเข้าไป เห็นสตรีหกคนยืนอยู่ในห้องก็อดตกตะลึงไปไม่ได้
สตรีหกทั้งคนนี้ล้วนสวมผ้าบางๆ ปิดเอาไว้ ทำให้คนใคร่รู้ถึงรูปร่างหน้าตาที่อยู่ใต้ผ้านั้น
“ท่านอ๋อง” พวกนางเรียกออกมาพร้อมกันด้วยเสียงหวานใส
“ใครอนุญาตให้พวกเ้าเข้ามา?” ใบหน้าของเขาเ็าราวกับเหล็ก พ่อบ้านหลินดูแลจวนอย่างไรกัน? องครักษ์ก็ไม่รู้ดีชั่วไปด้วยหรืออย่างไร?
“ท่านอ๋อง องค์รัชทายาทสั่งให้หนูปี้ [1] มาเพคะ ให้หนูปี้ปรนนิบัติท่านชำระล้างแล้วก็บรรทมเพคะ” พวกนางตอบอย่างพร้อมเพรียง
มุมปากของมู่หรงอวี้แสยะยิ้มเย็น เป็ฝีมือองค์รัชทายาทอย่างที่คาดการณ์ไว้
โจมตีกลับได้ไวขนาดนี้ ถือว่าความเร็วว่องไวใช้ได้
สตรีหกคนที่มีหน้าตาแตกต่างกันไปคนละแบบถอดผ้าคลุมหน้าออกพร้อมกัน แล้วมองไปทางเขาอย่างไม่ได้นัดหมาย
มู่หรงอวี้ผงะไปทันใด ทั้งยังเผลอถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่อาจควบคุม มือจับขอบประตูเอาไว้แน่น แทบจะสำรอกออกมา
เขาเอามือกุมอกราวกับได้รับาเ็ภายในอย่างหนัก หัวใจพลิกตกจากภูผาลงไปจนถึงก้นทะเล
สตรีทั้งหกคนนี้อัปลักษณ์เหลือคณา แต่ละคนล้วนแปลกไปคนละด้าน
การลงมือขององค์รัชทายาทในครั้งนี้ช่างโเี้นัก!
เห็นเขาแทบจะสำรอกออกมา พวกนางจึงเอ่ยถามด้วยความกังวล “ท่านอ๋องเป็อะไรไปหรือเพคะ? มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่เพคะ? หนูปี้...”
“หากพวกเ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงดุดันของมู่หรงอวี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ใครบ้างไม่รู้ว่าฝีมือของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนนั้นดุร้ายเพียงใด? สตรีทั้งหกใแตกตื่นวิ่งหนีออกไป
ท่ามกลางความมืด ั์ตาของเขาฉายแววดุร้ายดั่งหมาป่าออกมา
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเขาก็ล้มตัวลงนอน แต่กลับพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับ หน้าตาแปลกประหลาดของสตรีเ่าั้ปรากฏขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ยิ่งนึกถึงเขาก็ยิ่งรำคาญใจ
ครั้งนี้ถูกของไม่น่าดูพวกนี้ทำให้ ‘าเ็’ หนักเสียแล้ว
ทันใดนั้น เขาก็ผุดตัวลุกขึ้นมา สวมชุดคลุมที่วางอยู่ตรงหน้าและสาวเท้าเดินไปยังตำหนักบูรพา
มู่หรงฉือกำลังนอนหลับฝันหวาน วันนี้ได้ทำเื่ที่สบายใจอย่างยิ่งไปเื่หนึ่ง ดังนั้นขนาดหลับฝันนางก็ยังยิ้มออกมาได้
มู่หรงอวี้ยืนอยู่ที่หน้าเตียงนอนของนาง ใบหน้าหล่อเหลาดำคล้ำลงเรื่อยๆ แต่องค์รัชทายาทกลับกำลังยิ้มร่า!
หากเขานอนไม่หลับ องค์รัชทายาทเองก็อย่าได้ฝันหวานไปเลย!
คิดได้เช่นนี้ เขาก็กระชากองค์รัชทายาทขึ้นมา บีบปากของนาง บังคับให้นางตื่น
เจ็บ!
ใครมีความกล้าล้นฟ้า ถึงได้กล้ามาปลุกนางขึ้นจากฝันกัน!
นางลืมตาขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ตอนที่กำลังจะด่าทอถึงความกล้าหาญของอีกฝ่ายกลับได้เห็นใบหน้าที่ทำให้ใจนขนหัวลุก
เป็ความใที่ไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบ!
ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาอยู่ตรงหน้าเตียงของนางตอนยามสามซึ่งเป็่กลางดึกเช่นนี้!
มู่หรงฉือพลันตาสว่าง ตำหนิออกไปด้วยโทสะ “ท่านทำอะไร? ท่านอยากจะฆ่าเปิ่นกงหรือ?”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา นางก็รู้สึกได้ถึงอันตรายร้ายแรง รีบถอยหลังหลบไปขดตัวอยู่ด้านข้าง
“หากเปิ่นหวางอยากจะฆ่าเ้า จำเป็ต้องเรียกให้เ้าตื่นหรือ?” มู่หรงอวี้ร้องเหอะเสียงเย็น
“เช่นนั้นท่าน...” ความจริงแล้วนางก็รู้สึกถึงเื่นี้ได้ก่อนแล้ว เพียงแต่แสร้งทำตัวเป็ปกติเท่านั้น
“สวมเสื้อคลุมเสีย” เขาถอดเสื้อคลุมโยนไปที่เตียง แล้วหมุนตัวเดินไปตรงหน้าต่าง
มู่หรงฉือรีบสวมเสื้อคลุมทันที โชคดีที่แม้แต่ตอนนอนนางก็แต่งตัวปลอมเป็บุรุษ ไม่เช่นนั้นหากถูกคนบุกเข้ามาความก็คงแตกไม่ใช่หรือ? ไม่สิ เขาเข้าออกตำหนักบูรพาได้อย่างง่ายดาย ลงมือทำอะไรได้โดยที่คนไม่ทันรู้ตัว การจะฆ่านางก็ถือเป็เื่ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือไม่ใช่หรือ?
เมื่อลองคิดถึงตรงนี้ เหงื่อเย็นๆ พลันผุดออกมา
นางสวมเสื้อเสร็จแล้วก็เอ่ยถามเสียงอู้อี้ “ตอนนี้ยามจื่อแล้ว ท่านอ๋องอยากจะทำอะไรกันแน่?”
เขาจับข้อมือของนางแล้วพาออกไปด้านนอก อย่างไรตอนนี้เหล่าข้าราชบริพารต่างพักผ่อนกันหมดแล้ว ไม่มีใครเห็นพวกเขาแน่
นางอยากจะสะบัดมือออก แต่เขากลับยิ่งจับแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ
จู่ๆ นางก็รู้สึกแน่นตรง่เอว ต่อมาเขาก็พานางลอยขึ้นไปกลางอากาศ ก่อนจะมายืนอยู่บนหลังคาหลิวหลีอย่างมั่นคง
มู่หรงฉือจงใจทำตัวโอนอ่อนสองที แสดงออกว่าตัวเองอ่อนแอต้านทานกระแสลมไม่ได้ เป็คนที่ไม่เคยฝึกฝนการต่อสู้มาก่อน
ขึ้นมาบนหลังคาทำไม? ชมจันทร์? ดูดาว? ตากลม? กินลมชมทิวทัศน์?
อ้อ ใช่แล้ว เขาจะต้องเห็นสตรีที่ ‘งดงามที่สุดในใต้หล้า’ หกคนนั้นแล้วเป็แน่ ความปรารถนาจึงลุกโชนจนทำให้เขานอนไม่หลับถึงได้มาหาตน
“ท่านอ๋องกังวลใจเื่การแต่งงานของเปิ่นกงมาหลายวัน เปิ่นกงเลยแสดงความขอบคุณโดยการส่งสตรีหกคนไปดูแลท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าท่านอ๋องพอใจหรือไม่” แค่คิดถึงปฏิกิริยาตอนที่เขาเห็นหน้าตาของพวกนาง นางก็รู้สึกสุขใจเป็พิเศษ
"พอใจ พอใจมาก” มู่หรงอวี้กัดฟันพูดออกมาทีละคำ
“ท่านอ๋องจึงมาขอบคุณเปิ่นกงโดยเฉพาะหรือ?”
“เปิ่นหวางมาขอบคุณความลำบากของเตี้ยนเซี่ยโดยเฉพาะ”
“ท่านอ๋องพอใจก็ดีแล้ว” ในใจของมู่หรงฉือมีความสุขยิ่ง อารมณ์ดีเป็พิเศษ
มู่หรงอวี้หยิบไหสุราขนาดเล็กออกมาจากช่องกระเบื้องหลิวหลี ดึงฝาออกแล้วยกดื่ม
นางแอบคิด เขามาหานางกลางดึกแบบนี้ ก็เพื่อมาดื่มสุราชมจันทร์กับนางบนหลังคาหรือ?
น่าเสียดาย คืนนี้เป็คืนเดือนดับลมแรง ดาวก็มีอยู่ไม่กี่ดวง แสงดาวอ่อนมาก ไม่ได้เป็ทิวทัศน์ที่งดงามน่าชมสักเท่าไหร่
เขาส่งไหสุราให้นาง ซึ่งนางเพียงโบกมือ “คืนนี้เปิ่นกงไม่อยากดื่มสุรา”
“เปิ่นหวางเอาสุราฤทธิ์แรงกลับมาจากชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ไม่ดื่มเ้าจะเสียใจภายหลัง”
“ก็ได้ เปิ่นกงจะชิมแค่อึกเดียว”
ปกติแล้วมู่หรงฉือดื่มสุราของทางเหนือเพราะรสชาติร้อนแรงกว่าสุราของที่อื่น
ดื่มไปหนึ่งอึกก็ร้อนมากอย่างที่คิดจริงๆ ร้อนจนแทบจะบาดคอขาด แต่ว่ากลับสดชื่นมากเป็พิเศษ
นางอดดื่มเข้าไปอีกสองอึกไม่ได้ มู่หรงอวี้ยกมือขึ้นแย่ง นางต่อต้านอย่างไม่พอใจ ‘ยังดื่มไม่พอเลย’
“ฤทธิ์ของสุรานี้แรงมาก ร่างกายของเ้าเล็กนิดเดียว รับไม่ไหวหรอก”
“ใครบอกว่าเปิ่นกงรับไม่ไหว?”
“หรือว่าเ้าอยากเมาแล้วล้มเข้ามาในอ้อมกอดของเปิ่นหวาง?” เขายกยิ้มร้าย พร้อมยกไหสุราขึ้นมา
มู่หรงฉือถลึงตาใส่เขาอย่างหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขามักจะต้องแกล้งตนอยู่เรื่อย ทั้งที่เขาเป็บุรุษดุร้ายขนาดนั้น ใบหน้าหล่อเหลามักแฝงไปด้วยความร้ายกาจ
นางมองไปยังพระราชวังที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิด ถึงได้พบว่าวังหลวงขนาดใหญ่กลับเงียบสนิทอย่างน่าประหลาด
นี่เป็ความรู้สึกที่ไม่เคยได้ััมาก่อน
มู่หรงอวี้วางไหสุราลง เลิกคิ้วขึ้นอย่างยากคาดเดา “บางทีคืนนี้อาจมีเื่เกิดขึ้น”
“เื่อะไร?” นางถาม
“เปิ่นหวางเอาศพของนักฆ่าหญิงพวกนั้นไปวางไว้ในที่ลับแห่งหนึ่ง”
เขาหันไปมององค์รัชทายาท ภายใต้ความมืดที่ปกคลุมอยู่ขับให้ใบหน้าขององค์รัชทายาทขาวผ่องเป็พิเศษ ราวกับกองหิมะ เป็เส้นสายอันอ่อนโยน โค้งมนงดงาม ดวงตาฉ่ำวาวสองข้าง ตาขาวดำตัดกันอย่างชัดเจน ทั้งยังกระจ่างงดงามราวกับดวงตาของสตรี
เขาถึงกับสติหลุดลอยไปเล็กน้อย ดวงตาคู่นี้งดงามจนทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
มู่หรงฉือถามต่อ “ที่ไหน? เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้?”
ลางสังหรณ์บอกนางว่า เขาจะต้องมีแผนการอย่างแน่นอน
‘วิ้ว...’
เสียงลมประหลาดสายหนึ่งดังขึ้นในค่ำคืนที่เงียบสงัด
นางรู้ นั่นคือะเิสัญญาณ
มู่หรงอวี้เริ่มรู้สึกสนุกขึ้นมา “เตี้ยนเซี่ยอยากรู้คำตอบงั้นหรือ? หากไปดูกับเปิ่นหวางก็จะได้รู้คำตอบนั้น”
“ก็ได้ เปิ่นกงอยากจะรู้นักว่าท่านอ๋องกำลังคิดจะทำอะไร” มู่หรงฉือยิ้ม ในใจเปี่ยมไปด้วยความสดใส ฉินรั่วเคยพูดเอาไว้ว่าคืนนี้มีการเคลื่อนไหว
“กอดเปิ่นหวางให้แน่นๆ” แขนยาวของเขาโอบเข้าที่เอวของนาง ก่อนจะรวบรวมพลังแล้วทะยานลงมาด้านล่าง
นางสะบัดความรู้สึกยุ่งเหยิงพวกนั้นออกไป อย่าไปคิด อย่าไปใส่ใจกับการกระทำของเขา
หลังจากลงมาถึงพื้นแล้ว มู่หรงอวี้จับนางขึ้นม้าตัวเดียวกันกับเขาแล้วควบม้าทะยานออกจากวังไป
ตลอดทางนี้มู่หรงฉือทำตัวไม่ถูก
ครั้นคิดได้ว่าเขาบังคับม้าให้เร่งเดินทางอยู่ เช่นนั้นก็คงไม่มีความคิดที่จะมาหยอกเย้านาง
เมื่อมาถึงทางตะวันออก พวกเขาลงจากม้าแล้วหาสถานที่ซ่อนตัว ด้านหน้าไม่ไกลมีบ้านของชาวบ้านอยู่หลังหนึ่ง เกิดการปะทะของทั้งสองฝ่ายขึ้นหลายครั้ง
หัวใจของมู่หรงฉือบีบเข้าหากันแน่น จ้องไปยังสถานที่ตรงหน้าอย่างแน่วแน่
การชิงศพในครั้งนี้ ฉินรั่วไม่ได้เป็คนนำทัพหรือรับผิดชอบวางแผน คิดไม่ถึงว่าการเตรียมตัวของมู่หรงอวี้จะครบครันได้ขนาดนี้
ถึงแม้ว่านางจะคาดเดาได้ว่าเขามีแผนที่แยบยล แต่ว่านางก็จะชิงศพของลูกน้องพวกนั้นกลับมาให้ได้ นี่คือความยึดมั่นของนาง แม้ว่าการทำแบบนี้จะต้องเสียสละลูกน้องไปมาก แต่ลูกน้องเ่าั้ก็เหมือนกับนาง ถึงจะตายไปแล้วก็จะต้องชิงศพของสหายร่วมรบกลับมาให้จงได้
ฉินรั่วบอกกับนางไว้ว่า พวกนางเตรียมตัวเอาไว้อย่างดี ถึงจะมีคนาเ็ก็จะาเ็กันให้น้อยที่สุด
มู่หรงอวี้จับบ่าของนาง ั์ตาสีดำหรี่ลง “เตี้ยนเซี่ย เ้ากำลังตัวสั่น”
“อ้อ เปิ่นกง... กลัวนิดหน่อย... เปิ่นกงอยากกลับวัง...”
มู่หรงฉือพูดเสียงเบา ความร้อนรนในใจพลันถูกน้ำสาดจนมอดดับไป หวังว่าพวกนางจะไม่เป็อะไรแล้วกลับมาได้อย่างปลอดภัย
มู่หรงอวี้ตบบ่าขององค์รัชทายาท พูดเสียงเบา “มีเปิ่นหวางอยู่ เ้าจะกลัวอะไร?”
องค์รัชทายาทกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ? อย่างไรแล้วเตี้ยนเซี่ยก็เป็คนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน
“พวกคนชุดดำที่มาแย่งศพไปเป็พวกเดียวกับคนที่คิดจะฆ่าท่านหรือ”
“เป็พวกเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย”
“หากจับคนชุดดำพวกนั้นได้ ท่านจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดหรือไม่?”
“คนชุดดำพวกนั้นเ้าเล่ห์นัก การจะรับมือพวกเขาไม่ง่ายดาย” ั์ตาดำของมู่หรงอวี้ทอประกายดุร้ายดั่งหมาป่าใต้แสงจันทร์
“อ้อ” มู่หรงฉือมองไปยังทางที่มีการเคลื่อนไหวด้วยฝ่ามือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ
เชิงอรรถ
[1] 奴婢 “หนูปี้” คำเรียกแทนตัวของนางข้าหลวง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้