บทที่ 143 อาวุธลับ
ทั่วทั้งลานเงียบงัน
ทุกคนตกตะลึง ใมากจนอ้าปากค้าง
มีคนทำได้แล้ว
ภาย... ภายใต้เื่ยากๆ เช่นนี้ กลับมีคนยิงถูกหินเกล็ดม่วงได้แล้ว
ทั้งยัง... ไร้ที่ติ! ราวกับว่าลูกศรถูกพาไปปักที่กลางเป้า!
ผลลัพธ์นี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ต่อให้เป็ผู้ฝึกธนูตัวจริงมาที่นี่ ก็อาจจะทำเช่นนี้ไม่ได้!
“ไม่...เป็ไปไม่ได้! ยิง...ยิงโดนแล้วหรือ?”
“ไม่คิดว่าคุณชายชุยเสวี่ยจะยิงโดนเป้าโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลย เขา... ดูเหมือนจะไม่ได้เล็งเป้าด้วยซ้ำ!”
ทุกคนต่างตกตะลึงและอุทานออกมา ทันใดนั้น ที่แห่งนั้นก็วุ่นวาย ทุกคนประหลาดใจในพลังและความแม่นยำของลูกศรนี้
“คุณชายชุยเสวี่ย... ท่าน...ทักษะธนูของท่านยอดเยี่ยมเช่นนี้เชียวหรือ?” มีคนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“หืม?”
เสวี่ยหานเฟยยกยิ้มราวกับว่าเขาเพิ่งทำสิ่งที่ปกติธรรมดาลงไป “ฮ่าๆ ข้าชอบฝึกยุทธ์มาั้แ่เด็ก ไม่ว่าจะขี่ม้าหรือยิงธนูล้วนมีฝีมืออยู่บ้าง นี่นับเป็เื่เล็กน้อย”
หลังจากพูดจบ เสวี่ยหานเฟยก็วางธนูลงเบาๆ หันหลังออกจากจุดยิง และนั่งลงข้างตงฟางสยงท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของทุกคน
“ออมมือแล้ว”
เสวี่ยหานเฟยยิ้มและยกมือขึ้นประสานกัน ทำให้ใบหน้าของตงฟางสยงมืดครึ้มลงทันที เขาเปลี่ยนท่าทีเป็สงบนิ่งและพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณชายชุยเสวี่ย ไม่คิดว่าจากกันไปหลายปี... พลังของท่านก็ยังคงยากแท้หยั่งถึง”
“มิได้ มิได้” เสวี่ยหานเฟยยิ้ม ส่ายพัดขนนกเบาๆ และพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “สิบปีที่แล้วท่านพ่ายแพ้ให้กับข้าเพียงกระบวนท่าเดียว สิบปีมานี้ท่านแข็งแกร่งได้เช่นนี้ ดียิ่งนัก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของตงฟางสยงก็เ็าขึ้นมาเป็ครั้งแรก เขาตบโต๊ะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เสวี่ยหานเฟย! อย่าคิดว่าข้าจะแพ้ท่านเชียว วันนี้เป็เพียงแค่เรียกน้ำย่อย ภายหน้าเราสองยังมีโอกาสต่อสู้กันอีกนาน”
“ฮ่าๆ ย่อมมีโอกาส ย่อมมีโอกาส” เสวี่ยหานเฟยหัวเราะเบาๆ อย่างไม่โกรธเคือง
“นี่--!”
คนป่าบางคนที่กำลังคาบหญ้าไว้ในปากะโมาจากไกลๆ “พวกเ้าสองคนกำลังพูดถึงเื่อะไรกันน่ะ?! ข้าไปฟังด้วยได้หรือไม่? กำลังพูดถึงเื่ครั้งนี้ หรือกำลังพูดถึงเื่ความรักกัน?”
“หุบปาก!” ดวงตาของตงฟางสยงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาชี้ไปที่ฉู่อวิ๋นแล้วพูดว่า “เ้าเด็กสารเลว! เกือบทุกคนต่างก็ยิงธนูกันไปแล้ว เมื่อไหร่จะเป็เ้าสักที?! หรือเ้ากลัวว่าจะทำให้ตัวเองขายหน้า?”
“เหอะๆ” เสวี่ยหานเฟยสะบัดพัดขนนกและะโเสียงดัง “จอมยุทธ์อวิ๋น~ หากท่านไม่กล้าก็ถอนตัวได้ตลอดเวลา ข้าในนามคุณชายชุยเสวี่ยรับประกันว่าจะคืนวัตถุดิบยาให้ท่านครบทุกต้นอย่างแน่นอน”
ส่วนฉู่ซินเหยา เขาจะรับไว้เอง เสวี่ยหานเฟยไม่ได้พูดออกไป ทำเพียงคิดในใจ
เขาเชื่อว่าตอนนี้ไม่มีใครที่จะเอาชนะเขาได้อีก
แม้ว่าจะโดนเป้า แต่ก็ไม่อาจชนะ
เพราะศรเมื่อครู่นี้ เสวี่ยหานเฟยเล่นลูกไม้เอาไว้แล้ว
“เวรเอ๊ย! เกิดอะไรขึ้น?!”
ในเวลานี้ นักรบหนุ่มคนหนึ่งสบถขึ้นมาอย่างโกรธขึ้ง
เขาเพิ่งได้รับกำลังใจมาจากเสวี่ยหานเฟย จึงออกตัวมายิงเป้าธนูต่อ
ก็ไม่รู้ว่ามีโชคร้ายอันใด เขาโชคดีที่ยิงโดนเป้าในคราเดียว พุ่งตรงเข้าสู่ลูกศรของเสวี่ยหานเฟย ทำให้เขามีความสุขแทบตาย
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง คิดว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่ก่อนจะได้หัวเราะ เขาก็พบว่าลูกธนูของตนหล่นลงมา กลายเป็เศษผลึกน้ำแข็งบนพื้น แล้วลอยไปตามสายลม
“เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?!”
ชายคนนั้นเสียใจมากจนเกือบะโลงทะเลสาบฆ่าตัวตาย นี่เป็โชคหนึ่งในล้าน แต่กลับถูกบางสิ่งที่ไม่รู้จักทำลายลงแล้ว
“มีบางอย่างผิดปกติ” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาเริ่มจริงจัง
เมื่อครู่นี้ตอนที่สนใจอยู่กับการยิง เขาก็พบว่าทันทีที่ลูกศรของชายคนนั้นแตะโดนพื้นผิวของหินเกล็ดม่วง มันก็ถูกหมอกเยือกแข็งโอบล้อม และกลายเป็ผุยผงในทันที
พื้นผิวของหินก้อนนั้นเหมือนจะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล คล้ายว่าจะไม่เหมือนเดิม
“เ้าเด็กร้ายกาจคนนั้น ตอนที่เขายิงธนูได้ถ่ายเทพลังปราณลงไปในลูกศรด้วย เพื่อให้ก้อนหินถูกปกคลุมไปด้วยพลังน้ำแข็งของเขา” โยวกู่จือกล่าว
“พลังปราณของเ้านั่นหลังออกจากร่างกายก็สามารถคงไว้ได้นานขนาดนั้นเลยหรือ?” ฉู่อวิ๋นส่งสารกลับ เขางงมาก
“ความจริงแล้ว ด้วยพลังยุทธ์ขั้นมหาสมุทรของเขาก็เป็เื่ยากอยู่บ้าง เพราะสิ่งนั้นจะทำได้ก็ต้องอยู่ในระดับสูง แต่เมื่อคิดถึงตรงนี้ คงเป็เพราะพร์ิญญายุทธ์ของเขาที่เล่นอะไรแผลงๆ ขึ้นมา” โยวกู่จืออธิบาย
“พร์ิญญายุทธ์?”
“ใช่ และจากที่ข้าคิด ดูเหมือนว่าเขาจะใช้มันเพียงนิดเดียวเท่านั้น”
“เพียงนิดเดียวก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นี่มันิญญายุทธ์ขั้นยอดแบบไหนกัน?” ฉู่อวิ๋นโกรธ ิญญายุทธ์ของเขาเองก็ลึกลับไม่น้อย แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ปลุกพร์ิญญายุทธ์ นี่จึงทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมา
ในเมื่อิญญายุทธ์กระบี่บาป์มีโถงกระบี่แปดบัญชรอยู่ด้านใน มันจึงไม่ง่ายดายนัก
ต้องมีเงื่อนไขบางอย่างที่ขาดหายไป จึงยังเปิดใช้งานพร์ิญญายุทธ์ไม่ได้
“นี่มันมีอะไรผิดพลาดไป!”
คราวนี้มีคนโวยวายด้วยความโกรธขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป็คุณชายตัวอ้วนคนหนึ่ง
ชายร่างอ้วนเองก็ยิงเข้าเป้าได้สำเร็จ แม้จะไม่โดนเป้าโดยตรง แต่เขาก็ยังมีความสุขมาก เพราะมีคนจำนวนมากที่ล้มเหลว ทำให้เขารู้สึกยินดีไม่น้อย
แต่ก็เป็ตามที่โยวกู่จือพูด ทันทีที่ลูกศรของชายร่างอ้วนแตะผิวหิน มันก็กลายเป็เศษน้ำแข็งและแตกกระจาย
“เสวี่ยหานเฟย! เป็ฝีมือเ้าใช่หรือไม่?!” ชายร่างอ้วนคนนี้เป็คนอารมณ์ร้อนอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติ เขาก็กล่าวหาคุณชายชุยเสวี่ยทันที
“ต้องขอโทษด้วย” เสวี่ยหานเฟยสงบมาก เขาโบกพัดขนนกเบาๆ เหล่ตามองแล้วพูดยิ้มๆ “เพราะเมื่อครู่ตอนใช้พลังปราณไม่ทันได้ระวังใส่เพิ่มไปนิดหน่อย ทุกท่านอย่าได้ถือโทษกันเลย”
“เ้า... เ้าทำเช่นนี้แล้วคนอื่นจะเล่นต่อได้อย่างไร?” ชายร่างผอมอีกคนหนึ่งหน้าแดงก่ำ พูดเสียงดุออกมา
“เ้าทำเกินไปแล้ว!”
“ใช่แล้ว เ้าทำเช่นนี้ พวกเราจะเล่นต่ออย่างไร?”
บางคนก็โกรธและสบถด่าไปพร้อมกัน
“เฮ้อ... ทุกท่านใจเย็นลงหน่อย คุณชายเช่นข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ต้องขอโทษด้วย~”
เมื่อเผชิญกับเสียงด่าว่าแสลงหู เสวี่ยหานเฟยกลับยังดูสงบมาก เผยสีหน้าขอโทษแสนจริงใจออกมา ทุกคนมองหน้ากันต่างทำได้เพียงกัดฟันไม่คิดหาเื่ต่อ
เพราะต่อให้จะอยากลากเขามาชดใช้แล้วอย่างไร? พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย
คนดีถูกรังแก ม้าดีถูกคนขี่ อันธพาลมากอำนาจก็คืออันธพาล
จากนั้นก็ตามคาด เกือบทุกคนต่างพ่ายแพ้ แม้ว่าจะยิงโดนเป้าหมาย แต่ลูกธนูก็จะกลายเป็เศษผงทันที ทำให้ผู้คนไม่พอใจอย่างยิ่ง
การกระทำของเสวี่ยหานเฟยนั้นน่าทึ่งมาก เขายิงโดนเป้า มั่นใจในชัยชนะ และจะไม่ยอมให้ใครยิงโดนเป้าหมายอีก
เมื่อเห็นว่ามีผู้เข้าร่วมน้อยลงๆ ลูกศรที่หักสลายก็มากขึ้นๆ ฉู่ซินเหยาในศาลาก็กังวลขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
นางสัญญาเอาไว้ก่อนหน้าว่าจะสนทนาผู้ชนะเพียงลำพัง ถ้าเสวี่ยหานเฟยชนะขึ้นมา ไม่ใช่ว่านางต้องไปดีดฉินให้เขาฟังหรอกหรือ?
“อวิ๋นเอ๋อร์…” ฉู่ซินเหยาบีบมือหยกแน่น จับจ้องฉู่อวิ๋นด้วยความรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ในที่สุด ฉู่อวิ๋นก็เป็ผู้เข้าร่วมการแข่งขันเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนอื่นๆ ทั้งหมดต่างถูกเตะลงกระดานไปหมดแล้ว
“เอาล่ะ ถึงตาของข้าแล้ว!”
ฉู่อวิ๋นลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม มองดูฉู่ซินเหยาอย่างมั่นใจ แล้วจึงเดินไปที่จุดยิง
“จอมยุทธ์อวิ๋น อย่าฝืนตัวเองเลย ไม่มีใครอยากให้ท่านเป็ตัวตลกหรอก” เสวี่ยหานเฟยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางโบกพัดขนนกในมือ
แต่ในเวลานี้กลับไม่มีใครเห็นด้วยกับเขา เพราะทุกคนทนถูกพฤติกรรมผลักคนสู่ทางตันของเขาไม่ไหว มันมากเกินไปจริงๆ
“จอมยุทธ์อวิ๋น สู้ๆ” แม้จะมีคนเพียงไม่กี่คนที่พูดออกมาเบาๆ แต่พวกเขาต่างก็สนับสนุนฉู่อวิ๋น
พวกเขาต่างรู้สึกว่าแม้จะไม่ชนะ แต่แทนที่จะปล่อยให้เสวี่ยหานเฟยชนะ พวกเขากลับหวังว่าเ้าคนป่าตัวน้อยนี้จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้
แต่จะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริงหรือ?
ทุกคนลอบถอนหายใจ
“ทุกท่าน ข้าคุ้นเคยกับการหลับตาตั้งสมาธิก่อนยิงธนู ขอเวลาให้ข้าหน่อยนะ”
ฉู่อวิ๋นพูดขึ้นมา คนที่เหลือมองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยามนี้เป็่เวลาสุดท้ายแล้ว ไม่สำคัญอะไรแล้ว
่เวลาต่อมา ฉู่อวิ๋นหลับตาและแสร้งทำเป็กำลังใช้พลังปราณทำสมาธิ จากนั้นจิตสำนึกของเขาก็สื่อสารกับร่างิญญาในวงแหวนอวกาศ
“ผู้าุโ ผู้าุโ! อยู่หรือไม่?”
“ถุย! ข้าไม่อยู่จะให้ตายไปแล้วหรือไร?”
“ท่านก็ตายไปแล้วจริงๆ”
“ิญญานั้นเป็ะ! ความยิ่งใหญ่จะคงอยู่ตลอดไป! ข้า…”
“เอาล่ะๆ…” ก่อนที่โยวกู่จือจะได้โต้ตอบไปมากกว่านี้ ฉู่อวิ๋นก็ส่งสารต่อ “ผู้าุโ ช่วยข้าหน่อยสิ ข้าจะแอบแขวนแหวนไว้บนลูกศร ท่านช่วยควบคุมทิศทางให้โจมตีเป้าได้หรือไม่?”
“นี่! เ้าอยากให้ผู้เฒ่าเช่นข้าเอาชีวิตไปเสี่ยงหรือ? กระดูกผุๆ ของข้าขืนถูกััเข้าก็คงหักในทันที แต่เ้ากลับจะยิงข้าออกไป?! ไม่ได้!” โยวกู่จือพูดด้วยความโกรธ
“ท่านพูดอะไรน่ะ? ตอนนี้ท่านเองก็เหลือแค่ิญญาแล้ว ไม่มีกระดูกผุๆให้ท่านหวงแล้ว จะยิ่งใหญ่อะไรได้อีก?”
“ไม่เอา! ข้าที่เป็นักพรตผู้ยิ่งใหญ่ สร้างปาฏิหาริย์ะเืใต้หล้า จะถูกเด็กอย่างเ้าใช้เป็ลูกธนูได้อย่างไร?!”
“ข้าอุตส่าห์ช่วยท่านออกมาจากเสาเพลิงศักดิ์สิทธิ์เลยนะ ท่านมันลืมบุญคุณคน!” ฉู่อวิ๋นพูดอย่างใส่อารมณ์
“เื่อื่นข้าช่วยเ้าได้ แต่เื่นี้ไม่ได้! น่าขายหน้าจะตายไป! ยิงเสร็จข้าจะเอาหน้าไหนไปท่องยุทธภพได้อีก? ไม่ได้!” โยวกู่จื่อเองก็พูดอย่างโกรธๆ เช่นกัน
ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป และตัดสินใจใช้กลยุทธ์อื่น
“เฮ้อ~ เช่นนั้นข้าก็เข้าใจแล้ว”
ฉู่อวิ๋นถอนหายใจ ดูผิดหวังมากและพูดอย่างเสียใจ “ที่แท้ท่านก็ทำไม่ได้นี่เอง ผู้าุโ หากรู้เื่นี้ก่อน ข้าจะได้ไม่ต้องหลอกให้คนอื่นมาเดิมพัน คิดว่าท่านจะเก่งกาจเสียอีก”
“นี่!!! เ้าหนู พูดอะไรน่ะ? ไม่เก่งอะไร?! เ้าว่าข้าไม่เก่งตรงไหน?!” โยวกู่จือโกรธมาก วงแหวนอวกาศเริ่มสั่น
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฉู่อวิ๋นก็พยายามกลั้นขำสุดชีวิต ก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยว่า “เฮ้อ~ ผู้าุโ ท่านเคยมากอำนาจทรงพลัง ใต้หล้าไร้ผู้ใดเทียบเทียม เพียงท่านะโแผ่นฟ้าก็สั่นไหว”
“แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถแม้แต่จะควบคุมลูกธนูได้ ผู้น้อยคนนี้ผิดหวังมาก ผิดหวังยิ่งนัก!”
“เ้า... เ้า!”
“ผู้าุโท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่บังคับท่านหรอก ในเมื่อท่านในตอนนี้ทั้งชราทั้งอ่อนแอ ข้าเคารพการตัดสินใจของท่าน ข้าจะยิงมันเอง!” น้ำเสียงของฉู่อวิ๋นผสมด้วยความโศกเศร้าและความโกรธ ราวกับว่าเขากำลังเตรียมพ่ายแพ้
“พอแล้ว!!!”
ในที่สุด โยวกู่จือก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “เ้าเด็กชั่วนี่ เ้ากล้าพูดว่าข้าทำไม่ได้หรือ?! เช่นนั้นข้าจะแสดงให้เ้าดู ว่าอะไรคือพลังจิตแห่งการควบคุม? อะไรคือนักพรตผู้ยิ่งใหญ่?!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็แอบขำในใจ สำเร็จแล้ว
ในที่สุด ตาเฒ่าร่างิญญาแสนยโสก็ตกหลุมพรางแล้ว!