“คุณหนู จดหมายนี้...ผู้ใดเป็คนส่งมาหรือเ้าคะ?” ผิงเอ๋อร์มองจ้าวอิ้งเสวี่ย พลางเอ่ยถาม
ผู้ใดส่งมา?
สายตาจับจ้องคำนั้น "โฉ่ว" คำที่ลงนามบนจดหมาย
ไม่แน่ชัดนักว่าผู้ใดเป็ผู้ส่งจดหมายฉบับนี้
เหนียนยวี่…ไม่ได้เป็อะไรแล้วจริงหรือ?
ครั้นนึกถึงเนื้อหาในจดหมาย รอยยิ้มที่ฉายแววในดวงตาของจ้าวอิ้งเสวี่ยพลันลึกซึ้งยิ่งขึ้น "เช่นนั้นเ้าไม่ต้องไปหาท่านอ๋องมู่แล้ว ข้ามีเื่หนึ่งมอบให้เ้าไปจัดการ"
“เ้าค่ะ” ผิงเอ๋อร์เพียงเหลือบมองจดหมายฉบับนั้น พลันรู้ได้ทันทีว่าเื่ที่ท่านหญิงมอบหมายให้ตนไปทำ ต้องเกี่ยวข้องกับจดหมายฉบับนั้นอย่างแน่นอน
“ไม่ใช่เพียงเื่นี้เท่านั้น วันที่หนานกงเยวี่ยตบข้าวันนั้น ได้เวลาเอาคืนนางแล้ว”
จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยชัด ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายความตื่นเต้น หึ จวนเหนียน...ในเมื่อคุณหนูรองจะลงมือเคลื่อนไหวเองทั้งที เช่นนั้นนางต้องให้ความร่วมมืออย่างดีแน่นอน!
ราตรีนี้ ปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่งแอบลอบเข้าไปในวัดร้างใกล้กับชานเมืองทางทิศใต้ของเมืองชุ่นเทียน เห็นเพียงร่างไร้ลมหายใจนอนอยู่บนพื้น ชายคนนั้นพลันขมวดคิ้ว
ศพถูกเก็บลงในกระสอบอย่างรวดเร็วและถูกลากขึ้นรถม้า
ณ จวนเหนียน ลานเซียนหลาน
วันทั้งวันนี้ ในใจเหนียนอีหลานรู้สึกกระวนกระวายใจเป็อย่างมาก
ท่ามกลางแสงสว่างยามราตรี หญิงสาวชุดดำบนหลังคา แทบจะกลืนไปกับความมืดมิดในค่ำคืนนี้
เหนียนยวี่นั่งบนหลังคา นึกภาพผังห้องของเหนียนอีหลานในหัว พลางค่อยๆ ยกแผ่นกระเบื้องออกโดยอาศัยแสงสว่างจากพระจันทร์ กระถางธูปหอมใบหนึ่งในห้อง ยังคงขจายควันลอยวนเป็เกลียว...
เมื่อนึกถึงวันที่เหนียนอีหลานวางแผนทำลายใบหน้าของนาง เมล็ดซิ่งและดอกกล้วยไม้น่าจะผสมอยู่ในกระถางธูปหอมใบนั้นด้วยใช่หรือไม่?
มุมปากเหนียนยวี่ยกยิ้มบาง นางหยิบขวดดินเผาใบหนึ่งจากในอกเสื้อ โรยบางสิ่งในขวดลงมาจากหลังคา ผงที่เล็กละเอียดราวฝุ่นละอองโปรยลงไปยังกระถางธูป
“เ้า...กำลังทำอะไรอยู่หรือ?”
ฉับพลันนั้นเสียงของบุรุษคนหนึ่งดังขึ้น มือของเหนียนยวี่สั่นสะท้าน ทว่าเสียงที่คุ้นเคยทำให้นางรู้ในทันทีว่าคนผู้นั้นเป็ใคร นางเก็บขวดดินเผาอย่างไม่รีบร้อน หันมองบุรุษที่นั่งอยู่ด้านข้าง หน้ากากสีเงินเรืองรองภายใต้แสงจันทร์ ช่างมีเสน่ห์ดึงดูดเหลือคณา
“ท่านแม่ทัพหลวง เหตุใดจึงมาไม่ให้สุ้มให้เสียงเช่นนี้?” เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ฉู่ชิงผู้นี้ เหตุไฉนจึงชอบมาลานเซียนหลานกลางดึกกลางดื่นเยี่ยงนี้
จิตใจของฉู่ชิงยังคงจดจ่ออยู่กับขวดดินเผาเมื่อครู่ที่เหนียนยวี่เก็บไปในเสื้อตรงหน้าอก
เหนียนยวี่สังเกตเห็นแววตาของเขา นางไม่แม้แต่ปิดบัง ล้วงหยิบขวดดินเผาใบนั้นออกมาโยนให้ฉู่ชิง “แค่ของที่ทำให้นอนหลับไม่สนิทเท่านั้น อ้อ...มีบางสิ่งเพิ่มเข้าไปเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ยาพิษหรอก ไม่ทำให้ถึงตายแน่ หากท่านแม่ทัพหลวงไม่เชื่อก็เอากลับไปลองได้”
นางจะปล่อยให้เหนียนอีหลานตายง่ายๆ ได้อย่างไร?
ภายใต้หน้ากาก คิ้วของฉู่ชิงขมวดเล็กน้อย พินิจมองสายตาของเหนียนยวี่อย่างลึกซึ้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง "เป็นางหรือ?"
คำพูดไร้ที่มาที่ไปเช่นนี้ ทำให้เหนียนยวี่รู้สึกงงงวยเล็กน้อย
“สวนร้อยสัตว์ ตำหนักชีอู๋ รอสาวงาม” เสียงทุ้มต่ำกระซิบกระซาบของฉู่ชิงดังขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่าเขาและเหนียนยวี่จะรู้จักกันได้ไม่นาน ทว่าจากที่เขาได้รู้จักนาง นางจะไม่มีทางทำให้คนอื่น "นอนไม่หลับ" โดยไร้ซึ่งเหตุผล ย้อนนึกเื่ราวที่เกิดขึ้นที่สวนร้อยสัตว์ในวันนั้น มิใช่การคาดเดา
เหนียนอีหลานหรือ?
ดูท่าอักษรไม่กี่คำพวกนี้จะมิข้องเกี่ยวกับสำนวนโวหารแต่อย่างใด ทว่ากลับกลายเป็การลอบสังหารที่วางแผนมาแล้ว
เหนียนยวี่เข้าใจความหมายของเขา ในใจพลันรู้สึกใ ทว่าเพียงครู่หนึ่งกลับปล่อยวาง ดวงตาฉายแววชื่นชมอย่างอดไม่ไหว
แม่ทัพหลวงผู้นี้เคยเป็เด็กอัจฉริยะคนแรก มีสติปัญญาฉลาดหลักแหลมั้แ่ไหนแต่ไร เขาสามารถเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วอย่างสมเหตุสมผล
“อืม เป็นาง” เื่ที่ปิดบังหลบเลี่ยงทั้งหมด สำหรับชายหนุ่มผู้ฉลาดเฉลียวเพียงนี้ ดูจะจำเจ "หากมิใช่เพราะข้าตามฮองเฮาอวี่เหวินเข้าไปในสวนร้อยสัตว์ เช่นนั้นพี่สาวของข้าผู้นี้ คงทำทุกวิถีทางจนสุดความสามารถเพื่อจะล่อให้ข้าเข้าไป
เหนียนอีหลาน...ความตื่นเต้นที่งานเลี้ยงฉีเฉี่ยววันนั้น นางมาถึงจุดที่คิดฆ่าตัวตายแล้วหรือ
ทว่าสำหรับนาง นางกลับอยากเล่นต่อไปอย่างช้าๆ นางรู้ว่าเหนียนอีหลานกลัวอะไร!
ท่ามกลางแสงสว่างรำไรยามราตรี ฉู่ชิงที่ฟังอยู่ ดวงตาเฉียบคมคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย พลันนึกถึงคำพูดที่เหนียนยวี่เคยเอ่ยออกมานับครั้งไม่ถ้วน...
บนโลกใบนี้ การรักษาชีวิตตัวเองเป็เื่ที่ยากเย็นแสนเข็ญ...
หญิงสาวผู้นี้ตกอยู่ในสภาวะไม่ดีในจวนเหนียน ทว่ากลับดูจะอันตรายยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก นาง...ขวดดินเผาในมือนาง ฉู่ชิงรู้จัก เหนียนยวี่กำลังโต้กลับ และการสู้กลับครานี้...
ครั้นนึกคิดอะไรบางอย่างได้ มุมปากของฉู่ชิงภายใต้หน้ากากพลันยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
เขากลับกำลังรอคอยว่า ครั้งนี้เหนียนยวี่จะเอาคืนอย่างไร
คนสองคนนั่งอยู่บนหลังคาด้วยกัน สบสายตามองหน้ากันอย่างรู้ความหมาย่ระยะหนึ่ง นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ
ภายในห้อง เหนียนอีหลานยังคงหลับลึก ทว่านางกลับรู้สึกกระวนกระวายในความฝัน เกือบทั้งคืน ในฝันนางต่อสู้ดิ้นรน ในความฝันนั้นมีฟางเหอ มีเหนียนยวี่ รวมถึงฮองเฮาอวี่เหวิน พวกนางไล่ตามแก้แค้นนาง ประหนึ่งอยากจะฉุดลากนางลงนรกก็มิปาน
เช้าวันรุ่งขึ้น เหนียนอีหลานสะดุ้งตื่นด้วยความใ
นางตื่นขึ้น เหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าและท่วมตัว ความฝันที่แตกกระเจิงเ่าั้ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวนาง ความปั่นป่วนในวันนั้น กลับมาฉายชัดหนักขึ้นกว่าเดิม
เหตุใดฟางเหอถึงได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย? หากฟางเหอเผยเื่ราวที่สวนร้อยสัตว์ในวันนั้น เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมา...
วังหลวงยามนี้...จะเป็เช่นไรแล้วบ้าง?
ในใจเหนียนอีหลานเกิดข้อสงสัยมากมาย ในที่สุดนางมิอาจอดกลั้นได้อีกต่อไป รีบยันตัวลุกขึ้นจากเตียง เก็บกวาดเล็กน้อย ก้าวออกจากลานเซียนหลาน และมุ่งหน้าไปยังหอหล่านเยวี่ยของหนานกงเยวี่ยอย่างรีบเร่ง
"แค่สาวใช้คนเดียว หายไปก็หายไปสิ เ้าจะกลัวอะไร"
หลังจากหนานกงเยวี่ยตื่นได้ไม่นาน ครั้นได้ยินเหนียนอีหลานอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอดมิได้ที่จะเอ่ยตำหนิออกมาเบาๆ “ข้าเคยสอนเ้าแล้วว่าไม่ว่าเ้าจะเจอเหตุการณ์อะไร จะต้องตั้งสติ ดูสารรูปตัวเองยามนี้เสียสิว่าเป็เช่นไร!”
“ข้า...” เหนียนอีหลานยังคงขมวดคิ้ว “ข้ารู้สึกกังวล หากเหนียนยวี่ยังไม่ตาย และถ้านางรู้ว่าข้าสั่งให้ฟางเหอเข้าไปปิดประตู...”
แม้แต่ยามที่อยู่ต่อหน้าหนานกงเยวี่ย เหนียนอีหลานก็ยังคงปกปิดความจริงที่ว่า ฮองเฮาอวี่เหวินได้เข้าไปในสวนร้อยสัตว์ด้วยเช่นกัน
"เ้ารู้สึกผิดงั้นหรือ?" หนานกงเยวี่ยขมวดคิ้ว นางไม่รู้เื่ที่เหนียนอีหลานปกปิดไว้แม้แต่น้อย ครั้นนึกเื่ที่เหนียนอีหลานเอ่ยกับตนวันนั้น วงคิ้วพลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับกำลังครุ่นคิดคาดเดาเื่ราว
ในระยะเวลาที่ผ่านมา นางเองยังคงติดตามการเคลื่อนไหวในวังหลวง ทว่ากลับมิเคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับสวนร้อยสัตว์หรือตำหนักชีอู๋แต่อย่างใดเลย
“รู้สึกผิดหรือ” เหนียนอีหลานพึมพำ ความตื่นตระหนกหวาดกลัวที่ฉายแววในดวงตานางๆ ค่อยถูกแทนที่ด้วยความโกรธ นางกัดฟันพลางเอ่ยว่า “ไม่ ข้าไม่เสียใจสักนิด แม้เกิดขึ้นอีกครา ข้าก็ยังจะขังนางไว้ที่นั่น ทว่า...”
ขณะที่เหนียนอีหลานเอ่ย สีหน้านางพลันกลับมาวุ่นวายเช่นเดิม “ทว่าการหายตัวไปของฟางเหอทั้งหมดนั้นแปลกเกินไป เหมือนเกิดเื่อะไรผิดปกติขึ้น...”
“ฮูหยิน...ฮูหยินเล่า? อ้าว เช้าขนาดนี้ คุณหนูใหญ่เองก็อยู่ด้วยหรือ?”