เมื่ออยู่ห่างจากหุบเขาจอมพลประมาณสองลี้ด้านหน้าของฉินโจ้ว เริ่มเห็นผู้เล่นหลายสิบคนหยุดเดินสีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความลังเล ดูเหมือนว่าใจเขา้าจะไปต่อแต่ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทั้งอุณหภูมิและพิษเริ่มหนาแน่นจนอยู่ในระดับสูงสุดซึ่งความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้มีไม่เพียงพอ
อุปกรณ์ที่ส่องแสงสีทองเรืองรองนั้นสูงกว่าระดับ50 ได้ถูกยืนยันแล้ว แสดงว่าการคาดเดาของฉินโจ้วนั้นถูกต้องเมื่อผู้คนมองเห็นฉินโจ้วเดินผ่านพวกเขาไปอย่างรีบเร่ง ก่อนจะเดินลึกเข้าไปทำให้พวกเขาต่างมองตามด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่างก็สอบถามกันว่าเป็คนที่พวกเขาคุ้นเคยหรือไม่ ซึ่งต่างก็ไม่มีใครรู้จักฉินโจ้วดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่คาดเดาว่าน่าจะเป็ผู้เชี่ยวชาญคนใหม่ที่เพิ่งจะปรากฏตัว หรือไม่ก็อาจจะเป็ผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียง
คนเหล่านี้ประหลาดใจว่า ทำไมในเกมถึงมีผู้เชี่ยวชาญพากันตบเท้าออกมามากมายขนาดนี้ทำให้หลายๆ คนนั้นเกิดแรงฮึดขึ้น และตัดสินใจที่จะก้าวต่อไป นักรบ ผู้ใช้เวทนักฆ่า และแม้แต่นักฆ่าหญิงและผู้เล่นที่ยังไม่ได้ตัดสินใจหลายคนก็ตัดสินใจหันหลังกลับในเมื่อไม่สามารถเข้าไปต่อได้ ก็ควรจะถอยกลับ อยู่ที่นี่นอกจากจะเปลืองยาแล้ว ยังต้องทนกับความยากลำบากอีกตราคำสั่งสร้างเมืองก็ไม่ใช่สิ่งที่จะหามาได้โดยง่าย ถ้าไม่ใช่ของเรามันก็ไม่ใช่ของเรา คิดแล้วไม่น่าลำบากมาเลย
เมื่อระยะทางเข้าใกล้มากยิ่งขึ้นฉินโจ้วก็รู้สึกได้ว่าอากาศค่อนข้างขมุกขมัว คล้ายกับหมอกในยามเช้า ซึ่งทำให้คนทั้งหลายเริ่มหายใจไม่ค่อยได้ดูราวกับทั้ง์และพื้นดินไม่ต่างจากเตาอบขนาดใหญ่ที่กำลังย่างสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดไปอย่างช้าๆให้กลายเป็ซากศพที่เหี่ยวแห้ง ถึงแม้ว่าเขาเองยังไม่เคยเห็น ''ฮั่นป๋า'' แต่ฉินโจ้วก็คิดเอาไว้ก่อนว่าต้องเป็มอนสเตอร์ที่ค่อนข้างเก่งกว่าที่เคยพบมาถึงขนาดทำให้สภาวะแวดล้อมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
ขณะที่เดินยังไม่ถึงครึ่งลี้แต่สำหรับฉินโจ้วแล้วเหมือนเดินอยู่หลายชั่วโมงพวกเขาทั้งสามคนเริ่มต้นพร้อมกับฉินโจ้วแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะล้าหลังไปไม่ต่ำกว่าสิบเมตรแล้วสังเกตจากลมหายใจของพวกเขาดูเหมือนจะเดินกันอย่างเหน็ดเหนื่อย
เมื่อฉินโจ้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็เห็นว่าท้องฟ้านั้นค่อนข้างแจ่มใส ถือว่าเป็วันที่อากาศดีวันหนึ่งเลยที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันไม่มีดวงอาทิตย์ ทันใดนั้นท่าทีที่แสดงออกมาก็เปลี่ยนไปเมื่อเหลือบไปเห็นแสงสีแดงกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่เขาราวกับถูกยิงออกมาแม้ว่าจะยังมาไม่ถึงตัว แต่ความกดดันที่หนักหน่วงเทียบได้กับเทือกเขาไท่ซานที่ส่งออกมานั้นทำให้รู้สึกถึงความรุนแรงและน่าหวาดกลัว
ดวงตาของฉินโจ้วพร่าเลือนในขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ร่างกายโค้งลง ปลายนิ้วเท้าจิกอยู่ที่พื้นทั่วทั้งร่างประดุจเสือ ชีตาห์ที่พุ่งเข้าหาเหยื่อก่อนจะพุ่งเข้าใส่ทรงกลมสีแดงนั่น
ลำแสงสีทองส่องประกายเจิดจ้าก่อนจะกลายเป็ฝ่ามือสีทอง พุ่งเข้าปะทะกับจันทร์เสี้ยวที่โผล่พ้นก้อนเมฆมันเป็ดาบโค้งขนาดใหญ่มีความยาวประมาณสองเมตร คมมีดส่องประกายปลายดาบทอแสงแวบวับให้ความรู้สึกแหลมคม
ตูมม...!
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นราวกับมีฟ้าผ่าในวันที่อากาศแจ่มใส
ทันใดนั้นร่างเงาทั้งสองก็พุ่งแยกออกจากกันหลังจากที่ลงมาถึงพื้นแล้ว ฉินโจ้วก็ะโเข้าใส่อีกครั้ง ระหว่างกลางอากาศนั้นไม้เท้าเวทก็ปรากฏขึ้นในมือ ก่อนที่กลุ่มของเวทสีเงินจะพุ่งออกมา
"หน่วง"
"อ่อนแรง"
"หน่วง"
"อ่อนแรง"
……
หลังจากที่ลูกบอลสีแดงตกลงมามันก็มีสีที่ค่อนข้างซีดจางออกมาให้เห็น ราวกับไม่โดนแสงแดดมาเป็เวลานานหลายปีหรือไม่ก็คงไม่ถูกแสงเลยั้แ่เกิด มีดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่งกำลังจ้องเขม็งมองดูแล้วไม่ต่างจากสัตว์ป่าดุร้าย ที่กำลังโกรธ มีความโเี้และเืเย็น รูปลักษณ์ที่เห็นค่อนข้างน่ากลัวเป็อย่างยิ่งเขาสวมเสื้อคลุมสีแดงเพลิงร้อนแรง สีสดใสจนคล้ายกับเืก็ไม่ปานทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นคิดว่าเป็ิญญาร้าย ทำให้เกิดความกลัวขึ้นในใจความคิดต่างๆ ที่มีก็พลันลืมเลือนไปจนหมด ดูๆ ไปก็เป็คนที่ค่อนข้างแปลกประหลาดการโจมตีเข้าใส่ฉินโจ้วก็ค่อนข้างโหดร้าย
ทันทีที่ชายคนนี้ลงสู่พื้นเขาก็มีการโต้ตอบเหมือนกับฉินโจ้วโดยการพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง ด้วยความเร็วที่น่าประหลาดใจ แต่ก็ยังช้าอยู่ดีถึงแม้ว่าเขาจะทำได้ดีแล้ว เนื่องจากฉินโจ้วนั้นมีทักษะวิชาตัวเบา ''ย่ำหิมะไร้รอย’ เป็ทักษะวิชาตัวเบาขั้นสูงสุด ที่ไม่สามารถเอามาเทียบกันได้ด้วยซ้ำ
เวลาที่ผู้เชี่ยวชาญต่อสู้กันนั้น พวกเขามักจะต่อสู้กันซึ่งๆ หน้า
เนื่องจากความเร็วในการเคลื่อนที่เข้าหานั้นช้าเกินไปทำให้ชายเสื้อคลุมแดงต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีเวทอย่างหนัก ซึ่งชายเสื้อคลุมแดงก็ยังไม่เคยเห็นผู้เล่นคนไหนที่สามารถปลดปล่อยเวทออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วเช่นนี้มาก่อนเพียงแค่อึดใจเดียว ฉินโจ้วก็ปล่อยเวทออกมามากกว่า 50 เวทเข้าไปแล้วเขาเองก็ไม่เคยเห็นเวทที่ปล่อยได้อย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ควรจะมีลิมิตบ้างสิ...ไม่ต่ำกว่าสิบสายที่เห็นได้อย่างชัดเจนดูเหมือนว่าฉินโจ้วจะสามารถฝ่าทะลุขีดจำกัดไปได้แล้วซึ่งการทำลายขีดจำกัดนั้นไม่ง่ายและก็ไม่ยากจนเกินไปนักเดิมทีนั้นคิดว่าจะสามารถจัดการฉินโจ้วด้วยการโจมตีเวทเพียงครั้งเดียวแต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดไปหน่อยตอนนี้ดูไม่จืดเลยเมื่อต้องเจอกับเวทห้าสิบลูกที่ยิงมา
ปลดปล่อยเวทได้ 50 เวทเป็ตัวเลขที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย
ชายเสื้อคลุมแดงนั้นตอบสนองค่อนข้างรวดเร็วเขารวบรวมความสนใจทั้งหมดไปที่การป้องกันทันที ดาบโค้งมีอาการสั่นไหวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปลดปล่อยระลอกคลื่นของน้ำไหลท่วมมีดเล่มใหญ่ขนาดเกือบสองเมตรจนมิดซึ่งดูราวกับไม่มีน้ำหนักใดเมื่ออยู่บนมือของเขาดูไปแล้วความแข็งแกร่งของมันคงสูงกว่าผู้เล่นทั่วไปอย่างแน่นอน
ฟึ่บ...
นั่นเป็เสียงของดาบแสงที่ตัดทำลายเวทมนตร์เวทและเงาดาบนั้นเป็พลังงานคนละประเภทกันตราบใดก็ตามที่ระดับพลังไม่แตกต่างกันมาก พวกมันก็จะหักล้างกันไปซึ่งฉินโจ้วเข้าใจจุดนี้เป็อย่างนี้ จึงยังคงสงบใจอยู่ได้
ชายเสื้อคลุมแดงกำลังก้าวย่างไปมาด้วยท่าทางแปลกๆะโเคลื่อนไหวไปมาไม่ต่างจากภูตผีปีศาจอยู่ในรัศมีวงกลมหลายครั้งที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเวทมนตร์โจมตีถูกร่างกายของเขาแต่สุดท้ายก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและทักษะดาบมือเดียวที่แสดงออกมานั้นก็น่าตื่นตาตื่นใจเป็อย่างมาก เรียกได้ว่าเข้าใกล้จุดสุดยอดที่สมบูรณ์แบบแล้วม่านน้ำเองป้องกันได้อย่างดี สามารถป้องกันการโจมตีได้มากกว่า 80%
"ผมว่า... นี่น่าจะเป็เื่ที่เข้าใจผิดกันไม่ทราบว่าจะหยุดมือก่อนได้หรือไม่?" ชายเสื้อคุลมแดงนั้นมองการณ์ไกลเขารู้ได้ทันทีว่า ถ้าหากยังคงสู้รบกันต่อไป เขาอาจจะได้รับาเ็หรือเป็ฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำเพราะเขาก็ไม่ค่อยจะมีโชคเสียด้วย จึงรีบเอ่ยปากขอร้องทันที เขาตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยและหน้าของเขาเองก็หนาอยู่พอประมาณ
จากการลอบโจมตีของชายเสื้อคลุมแดงและการที่ฉินโจ้วสามารถโจมตีสวนกลับได้ จากที่ได้ปะทะกันอยู่หลายต่อหลายครั้งไม่ต่างจากกระต่ายพุ่ง เหยี่ยวโฉบ ต่างเคลื่อนไหวได้รวดเร็วจนน่าตื่นตะลึงถึงแม้ว่าจะเพิ่งผ่านไปเพียงชั่วครู่ และดูเหมือนว่าชายเสื้อคลุมแดงจะตกเป็รองอยู่แต่ก็ยังไม่ถึงกับพ่ายแพ้อย่างชัดเจน ยิ่งชายเสื้อคลุมแดงเอ่ยปากขึ้นในเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขากำลังจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ถ้าว่ากันตามเหตุผลแล้วฉินโจ้วควรจะหยุดมือในตอนนี้เพื่ออธิบายเื่ที่เข้าใจผิดกันแต่จากที่เขาลอบโจมตี และแสดงเจตนาในการสังหารออกมาให้เห็น การบอกว่าเข้าใจผิดนั้นเป็เพียงแค่คำแก้ตัวเท่านั้นเพราะถ้าฉินโจ้วไม่สามารถตอบโต้การโจมตีกลับไปได้เขาคงตายไปแล้วภายใต้การเข้าใจผิดเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเพียงแค่พูดว่าเป็เื่เข้าใจผิดดังนั้นโลกนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะได้มาฟรีๆหรอกนะ ทุกอย่างล้วนต้องมีราคาที่ต้องจ่ายออกไป
ใบหน้าของฉินโจ้วเรียบเฉยเป็ปกติราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขายังคงโจมตีต่อไป และปล่อย ''เขย่าิญญา'' ออกไปอีก
ผลของการใช้ทักษะ : ล้มเหลว
ฉินโจ้วรู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามยังคงมีไพ่ตายที่ยังไม่ได้แสดงออกมาดูท่าจะเป็การยากพอดูที่จะสังหารอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันเขาเองก็รู้สึกว่าความโกรธนั้นยังไม่จางหายไปก่อนจะปล่อย ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ออกไปสองครั้งอย่างเงียบเชียบแต่ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะหลบได้ทัน
ตูมม!
ตูมม!
ดูเหมือนว่าการโจมตีครั้งนี้จะป้องกันไว้ได้ไม่หมดชายเสื้อคลุมแดงใช้ดาบโค้งขนาดใหญ่ป้องกันไท่อี่เทพสายฟ้าที่ปล่อยออกมาลูกแรกแต่ลูกที่สองนั้นทะลุผ่านดาบไปได้ ซึ่งเขาไม่สามารถหลบหลีกได้ทันแต่เขาเองก็ผ่านการต่อสู้มาไม่น้อย ผ้าคลุมสีแดงส่องประกายแสงออกมาก่อนจะขยายขนาดขึ้นราวกับลูกบอลและห่อหุ้มร่างของชายเสื้อคลุมแดงเอาไว้ในลูกบอลขนาดใหญ่ ผ้าคลุมสีแดงผืนนี้ดูจะเป็อุปกรณ์ที่น่าทึ่งชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
เกิดการะเิดังขึ้น ชายเสื้อคลุมแดงถูกแรงสั่นะเืจากคลื่นอัดกระแทกกระเด็นไปไกลถึงสามเมตรหลังจากที่ผ้าคลุมสีแดงกลับคืนสู่สภาพเดิม ฉินโจ้วก็มองเห็นรูขนาดเล็กอยู่ที่ชายเสื้อคลุมด้านหนึ่งดูเหมือนว่าอุปกรณ์จะได้รับความเสียหายอยู่บ้าง ฮึ... คิดจะป้องกันไท่อี่เทพสายฟ้าอย่างนั้นหรือคิดง่ายไปหน่อยแล้ว
"กะ... แกนะแก" ชายเสื้อคลุมแดงรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีดวงตาจ้องเขม็งและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความแค้น ในขณะที่จ้องมองนั้นเดิมทีดวงตาของเขานั้นค่อนข้างเล็ก แต่ทันใดนั้นก็เบิกกว้างขึ้น ดวงตานั้นเป็สีดำแต่มีเส้นสีขาวล้อมรอบอยู่ ซึ่งทำให้ดูแปลกตาและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ฉินโจ้วคิดว่าถ้าเขาได้เห็นดวงตาแบบนี้ในยามค่ำคืนอาจจะทำให้เขาใกลัวจนจับไข้เลยก็เป็ได้
ฉินโจ้วนั้นเตรียมพร้อมที่จะโต้กลับ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นในมือก็มีกลุ่มบอลสายฟ้าที่กำลังเต้นเร่าๆ อยู่ ซึ่งส่งเสียงเปรี๊ยะปร๊ะอยู่ตลอดเวลาหลังจากจ้องมองอยู่ชั่วครู่ ชายเสื้อคลุมแดงก็คิดว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะชนะในการต่อสู้ครั้งนี้เป็แน่และเริ่มรู้สึกกังวลที่ไปแหย่ฉินโจ้วเข้า ดวงตาคู่นั้นค่อยๆคลายตัวกลับคืนสภาพปกติดังเดิมเพียงแต่สีหน้าของเขายังคงซีดเผือดและเมื่อรวมเข้ากับท่าทางที่แปลกประหลาดด้วยแล้วทำให้หน้าตาของเขายิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีกหลังจากที่คนทั่วไปได้เห็นคงจะจำเป็ภาพติดตาไปตลอด
เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของชายเสื้อคลุมแดงฉินโจ้วก็รู้ว่าชายคนดังกล่าวนั้นไม่มีความคิดที่จะต่อสู้ต่อไปแล้วเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนที่บอลสายฟ้าจะสลายตัวไปอย่างเงียบเชียบ
ชายคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาเลย ดูแล้วความแข็งแกร่งของเขานั้นน่าจะเหนือกว่าน้องชายมีดเสียอีกคงต้องมีโชคช่วยด้วยถึงจะจัดการกับเขาได้ ถ้าไม่ได้ต่อสู้กับหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายและคุณชายดาวตกที่อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญมาก่อนคงพูดยากว่าใครจะเป็ฝ่ายชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยเฉพาะมีดโค้งที่อยู่ในมือของเขานั้นถึงขนาดที่โดนไท่อี่เทพสายฟ้าโจมตีเข้าใส่แล้วก็ยังไม่เป็อะไรคงต้องเป็ระดับอุปกรณ์ิญญาแน่ อีกทั้งใบดาบที่ยาวและกว้างยังเป็เกราะป้องกันได้โดยธรรมชาติ ซึ่งสามารถปกป้องร่างกายได้ถึงครึ่งหนึ่งและเมื่อไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ก็เท่ากับเป็ฝันร้ายของผู้เล่นสายต่อสู้ระยะประชิดเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้เขาก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า จะมีคนที่สามารถทำความเสียหายให้กับอาวุธิญญาได้
อุปกรณ์ิญญา ไอ้อุปกรณ์ิญญาเฮงซวยเอ๊ย... ทำไมจู่ๆก็กลายเป็ที่นิยมขึ้นมาได้นะ จู่ๆ ฉินโจ้วก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดี ในใจก็กำลังนึกถึงชายแปลกหน้าคนดังกล่าว
เขาเองก็ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่เคยพบกับชายคนนี้มาก่อนส่วนเื่การเข้าใจผิดนั้น จะมีเื่เข้าใจผิดระหว่างเราสองคนจริงหรือ? ไม่น่าจะเป็ไปได้นะคงเป็แค่ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็เหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่า
"ดาบเล่มนี้มีชื่อว่า ''วงพระจันทร์'' " ชายเสื้อคลุมแดงสังเกตเห็นสายตาของฉินโจ้วจึงเอ่ยปากออกมา โชว์ฟันเรียงขาวสวยสองแถวให้เห็น ก่อนจะยิ้มและอธิบายถึงเื่ที่ดูเหมือนจะเข้าใจผิดกัน
‘ดาบวงพระจันทร์’ ช่างกล้าที่จะใช้ชื่อนี้นะไม่คิดบ้างหรือว่ามันดูใหญ่โตเกินไป คิดว่าตัวเองเป็ผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ในตำนานหรืออย่างไรกัน
ชายเสื้อคลุมแดงกำลังยิ้มอยู่ จู่ๆดาบวงพระจันทร์ก็ทำการโจมตีใส่ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านมา ทั้งร่างก็ถูกโจมตีจนกลายเป็จันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ทะลุผ่านร่างนักรบคนดังกล่าวออกไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากถูกยิงด้วยลูกธนู
ฟึ่บ!
เสียงเจาะทะลวงผ่านดังขึ้นอย่างชัดเจนเืพุ่งออกมาทันใด ลงมือหนึ่งครั้งได้หนึ่งศพ ดาบขาวผ้าคลุมแดง
เืพุ่งออกจากตำแหน่ง้าของนักรบโดยไหลทะลักออกทางจมูกในส่วนร่างกายต่ำกว่าสะโพกลงไปนั้นมีเสียงการฉีกขาดเกิดขึ้นก่อนที่ร่างกายจะถูกแบ่งออกเป็สองส่วนเท่าๆ กัน แม่นยำราวกับทาบวัดด้วยไม้บรรทัด ทั้งลำไส้และอวัยวะภายในหล่นกองลงบนพื้นมีกลิ่นคล้ายกับการอบด้วยความร้อน ทำให้สีหน้าของผู้ใช้เวทและนักฆ่าถึงกับซีดเผือด
ในการต่อสู้ระหว่างฉินโจ้วและชายเสื้อคลุมแดงนั้น นักรบผู้ใช้เวท และนักฆ่า อยู่ด้านหลังห่างไปราวสิบเมตร โดยปกติแล้วพวกเขาจะคอยมองดูและช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ แต่เนื่องจากเื่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาพวกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจ และเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดกัน พวกเขาจึงหยุดอยู่ห่างจากคนทั้งสองประมาณหนึ่งเพื่อแสดงให้รู้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งชายคนที่ถูกฆ่านั้นก็คงไม่ได้คาดว่าจะถูกโจมตีไม่คิดว่าจะโชคร้ายแบบนี้
นี่มันพวกคนบ้าชัดๆเป็สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเขา
"สองคนนั้นน่ะ โอเคไหม?" ชายเสื้อคลุมแดงเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้มให้ โดยเขาคิดว่านี่น่าจะเป็รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นที่สุดแล้วราวกับเพิ่งตื่นนอนตอนเช้าและออกไปทักทายเพื่อนบ้าน เขาพูดทักทายคนทั้งสองโดยการกระทำของเขานั้นไม่มีความรู้สึกผิดให้เห็นแม้แต่น้อยคล้ายกับว่าคนที่ลงมือสังหารเมื่อครู่นั้นไม่ใช่เขา แต่เป็คนอื่น
"นายคิดจะทำอะไรกันแน่" ทั้งคู่ในเวลาที่เผชิญหน้าอยู่กับคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจเอาชนะได้เดิมทีทั้งสองคนเองก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแต่ในเวลานี้เหมือนกับใจตรงกันขึ้นมาทันที
"ส่งยาแก้พิษของพวกนายมาของฉันหมดไปแล้ว"ชายเสื้อคลุมแดงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงปกติคล้ายกับการพูดคุยกันระหว่างเพื่อนฝูงถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้ามาก่อน ก็อาจจะคิดว่านี่คือการขู่กรรโชก
ผู้ใช้เวทและนักฆ่าต่างก็มองหน้ากันอยู่ราวสามวินาทีก่อนจะหยิบยาแก้พิษออกมาและวางไว้บนพื้น แล้วถอยออกมาอย่างช้าๆ
เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของชายเสื้อคลุมแดงแล้วทั้งสองรู้ว่าแม้จะร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายเสื้อคลุมแดง จึงเลือกที่จะประนีประนอมแทน
ชายเสื้อคลุมแดงก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด เขาหยิบยาแก้พิษขึ้นมาเปิดจุกขวดออกยิ้มและพูดว่า "นี่แหละ... ใช่เลย ยาแก้พิษระดับกลางผมจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาตามหาอีกหลายชั่วโมง นายเป็คนดีมาก เพื่อเป็การขอบคุณผมจะช่วย..."
ดาบวงพระจันทร์ก็พุ่งเข้าใส่ทันทีปลายดาบสะท้อนแสงออกมาจนทำให้ตาพร่ามัว ห่างออกไปราวสิบจ้างร่างของนักฆ่าหญิงก็แข็งทื่อ ก่อนจะถูกแบ่งออกเป็สองส่วน เธอถูกฆ่าตายเสียแล้ว
"... ส่งคุณไปในทางที่ถูกที่ควร"คำพูดของชายเสื้อคลุมแดงชะงักไปชั่วครู่ ซึ่งนักฆ่าหญิงก็ถูกปิดบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว
ประกายดาบปรากฏขึ้นอีกครั้ง
"นาย... ไอ้เลวเอ๊ย..."ผู้ใช้เวทรู้สึกโกรธมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะะโด่าว่าอย่างไร คำว่า"ไอ้เลวเอ๊ย..." ดูเหมือนจะไม่พอที่จะแสดงความโกรธที่อยู่ในใจออกมาได้หมดถึงรู้ว่าไม่มีหวังที่จะปกป้องชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ ประกายแสงสว่างวาบขึ้นก่อนที่เกราะธาตุดินสีเหลืองออกมาห่อหุ้มร่างของเขาไว้ทันทีไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะเป็ผู้ใช้เวทธาตุดิน
แคร๊กก...!
โล่ป้องกันแตกออกเป็เสี่ยงๆดาบวงพระจันทร์นั้นได้ตัดผ่านร่างของผู้ใช้เวทออกไป ร่างนั้นแยกออกเป็สองส่วนเท่าๆกัน รอยแผลเรียบกริบ ดูเหมือนว่าจะกลายเป็ศพไปอีกหนึ่ง ในขณะที่เขาพาดดาบเอาไว้ที่ไหล่ชายเสื้อคลุมแดงก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มออกมา และเผชิญหน้ากับฉินโจ้วเพียงชั่วเวลาไม่นาน ฉินโจ้วก็ได้ยินคำพูดที่ลอยตามลมมาอย่างเลือนราง
"ไม่รู้จักยอมรับความจริงไม่รู้จะดื้อด้านไปทำไม?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้